14 ความเห็นในกระทู้นี้

[Huligan]

http://www.isranews....X5sLi0.facebook

 

รศ.สิริพรรณ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีบุคคลที่จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีเลือก พท. มากกว่าอันนี้ยืนยัน จริง ๆ ไม่ใช่ทำเฉพาะแบบสอบถาม แต่จะมีการส่งคนลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์หัวคะแนน สัมภาษณ์นักการเมือง สัมภาษณ์ประชาชนด้วย คือใช้ข้อมูลหลายด้านเพื่อที่จะมาใช้ประกอบคำอธิบายของข้อสรุป เนื่องจากในปี 2550 พบว่า คือบุคคลที่จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีเลือก ปชป. มากกว่า แต่มาคราวนี้กลับเปลี่ยน โดยเมื่อเลือกตั้งปี 2554 พบว่าบุคคลที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเลือก ปชป. แต่พอจบสูงกว่าปริญญาตรีเลือก พท มากกว่า

“อธิบายตรงนี้คือ เพราะว่าการเลือกตั้งครั้งนั้นเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์เมษายน-พฤษภาคม 2553 และเหตุการณ์ดังกล่าวมันเปลี่ยนมุมมองของคนพอสมควร และคนที่อาจจะเปลี่ยนมากที่สุดคือคนที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี เพราะเข้าถึงข้อมูล และได้เห็นข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์ดังกล่าว ก็เลยทำให้เขาเปลี่ยนมาเลือก พท. แทน” รศ.สิริพรรณ กล่าว

 

 

อืมม์? ผมว่าผมพอเข้าใจบางคนที่หงุดหงิดที่ ปชป.ทำอะไรช้าไปบ้างในช่วงนั้น?(เช่นพวกเสื้อเหลือง)

แต่ไปเลือกพวกประกาศจะเผาเมืองเนี่ย?...จะอธิบายว่างัยดีหว่า?

หรือพวก  ป.โท/ด๊อกเตอร์...ที่เป็นเป้าหมายสัมภาษณ์ คือพวกนิติราด+แก๊งค์ล้มเจ้าหว่า?

Edited by Huligan, 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 21:37.

[Bookmarks]

ไม่เชื่อครับ เหตุผลผมง่ายๆ คือไม่เชื่อนังสิริพรรณ 

[idecon]

เชื่อครับ
เพราะควายมันพาเหรดกันไปเรียนด๊อกกันเป็นแถว
สถาบันเก่าที่ผมเรียนเป็นตัวอย่าง
ควายมาทำด็อกกันจนต้องปลดอธิการตัวแดง
ไอ้พร้อมซอง ไอ้เป็ด ด็อกท้างน้าน

[temp]

เชื่อครับ
เพราะควายมันพาเหรดกันไปเรียนด๊อกกันเป็นแถว
สถาบันเก่าที่ผมเรียนเป็นตัวอย่าง
ควายมาทำด็อกกันจนต้องปลดอธิการตัวแดง
ไอ้พร้อมซอง ไอ้เป็ด ด็อกท้างน้าน

 

ท่าน'ห้าสั้น'ด้วยครับ
เวียนว่ายอยู่ ไม่ยอมกลับบ้านไปเลี้ยงลูกหลานซะที

[dragon baby]

http://www.isranews....X5sLi0.facebook

 

รศ.สิริพรรณ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีบุคคลที่จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีเลือก พท. มากกว่าอันนี้ยืนยัน จริง ๆ ไม่ใช่ทำเฉพาะแบบสอบถาม แต่จะมีการส่งคนลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์หัวคะแนน สัมภาษณ์นักการเมือง สัมภาษณ์ประชาชนด้วย คือใช้ข้อมูลหลายด้านเพื่อที่จะมาใช้ประกอบคำอธิบายของข้อสรุป เนื่องจากในปี 2550 พบว่า คือบุคคลที่จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีเลือก ปชป. มากกว่า แต่มาคราวนี้กลับเปลี่ยน โดยเมื่อเลือกตั้งปี 2554 พบว่าบุคคลที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเลือก ปชป. แต่พอจบสูงกว่าปริญญาตรีเลือก พท มากกว่า

“อธิบายตรงนี้คือ เพราะว่าการเลือกตั้งครั้งนั้นเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์เมษายน-พฤษภาคม 2553 และเหตุการณ์ดังกล่าวมันเปลี่ยนมุมมองของคนพอสมควร และคนที่อาจจะเปลี่ยนมากที่สุดคือคนที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี เพราะเข้าถึงข้อมูล และได้เห็นข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์ดังกล่าว ก็เลยทำให้เขาเปลี่ยนมาเลือก พท. แทน” รศ.สิริพรรณ กล่าว

 

 

  ข้อความตรงสีแดง เป็นส่วนที่ใช่จินตนาการส่วนตัว ไม่มีหลักการเหตุผลในการสรุปแบบนั้น เป็นการคาดเดาเฉยๆ ซึ่งอาจจะใช่หรือไม่ใช่ ก็ได้.... 

[ปุถุชน]

 

เชื่อครับ
เพราะควายมันพาเหรดกันไปเรียนด๊อกกันเป็นแถว
สถาบันเก่าที่ผมเรียนเป็นตัวอย่าง
ควายมาทำด็อกกันจนต้องปลดอธิการตัวแดง
ไอ้พร้อมซอง ไอ้เป็ด ด็อกท้างน้าน

 

ท่าน'ห้าสั้น'ด้วยครับ
เวียนว่ายอยู่ ไม่ยอมกลับบ้านไปเลี้ยงลูกหลานซะที

 

 

ห้าสั้น เป็ดเหลิม.....ฯลฯ

[ไทยไม่ทน]

อันนี้ ส่วนหนึ่งของ งานวิจัยชิ้นดังกล่าวครับ

 

ในหัวข้อ ขอบเขตการของการศึกษา

 

1.3.3 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในวันอาทิตย์ ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2554 โดยใช้การเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม จำนวนทั้งสิ้น 6,500 คน และ เก็บข้อมูลภาคสนาม โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกโดยใช้แบบสัมภาษณ์เก็บข้อมูลในกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย หัวคะแนน/ผู้สนับสนุนพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และสื่อมวลชน จำนวน 94 คน ซึ่งจะได้ทำการศึกษาในพื้นที่ดังต่อไปนี้

(1) กรุงเทพมหานคร

(2) ภาคกลาง ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ และชลบุรี

(3) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดอุดรธานี นครราชสีมา ขอนแก่น ยโสธร อุบลราชธานี และบุรีรัมย์

(4) ภาคเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก ตาก และสุโขทัย

(5) ภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช สงขลา สุราษฎร์ธานีและปัตตานี

 

 

 

เห็น อ.แก อ้างถึง แบบสอบถาม และการ สัมภาษณ์ ผมก็ยกมาเท่านี้ล่ะนะ

ข้อสังเกตสองข้อ

1.ประชากรที่มีสิทธิ์เลือกตั้งแล้วไปลงคะแนน 32,525,504 คนในปี 2554

2. อ.แก ไปรู้ได้ไงว่าตอนคนเค้าไปใช้สิทธิ์ เค้ากาเบอร์อะไร

 

อันนี้ผมก็ว่าตามเนื้อผ้านะ

เห็นสัมภาษณ์แบบนี้เหมือนปัดขี้ให้พ้นตัวเพราะกลัวเสียชื่อมากกว่า

 

ปล.ผมเคยโพสไว้ละ แต่หากระทู้ไม่เจอ

[ลาดพร้าว 101]

สงสัยโดนพวกเสื้อแดงหลอกเอาแล้วล่ะว่าจบ ป โท หรือ ป เอก

[kornthana]

อันนี้เขาเรียกว่า เป็นการวิจัยประเภทเจาะจงตัวบุคคล  หรือเรียกอีกนัยหนึ่งคือ การวิจัยแบบเอาผลมาใส่เหตุ

 

นั่นคือ ผู้วิจัยต้องการให้ผลลัพท์ออกมาเป็นอย่างไรก่อน เหมือนกรณีตัวอย่างที่บริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาต้องการผลวิจัยที่อ้างว่า นมถั่วเหลืองกินดีกว่านมวัว  อันนี้ก็เกิดจาก บริษัทนี้เป็นผู้ผลิตถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดในโลก จึงให้เงินสนับสนุนจำนวนมากกับนักวิจัยที่พอมีชื่อเสียงทั่วโลกที่พร้อมจะขายตัวให้กับบริษัทนี้ แล้วเขาก็ทำสำเร็จ ตอนนี้ลองอ่านดูเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วคุณจะปวดหัวว่า ตกลงแล้วอะไรมันดีกว่ากันแน่ เพราะคนทำนมวัวก็มีงานวิจัยแบบหนึ่ง ส่วนคนทำถั่วเหลืองก็มีงานวิจัยอีกแบบหนึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไร งานวิจัยเกี่ยวกับนมถั่วเหลืองที่ดูเหมือนว่าใครกินแล้วจะเป็น superman ขึ้นมาทันทีก็แพร่หลายมากกว่า เพราะบริษัทนี้ให้จ่ายเงินมหาศาลมากกว่า มีทีมงานที่น่าเชื่อถือมากกว่าจึงพอสรุปได้ว่า งานวิจัยแบบนี้ขึ้นอยู่กับเงินเป็นตัวตั้ง  ใครยอมจ่ายเงินมากเท่านั้น

 

เรื่องนี้ก็เหมือนกัน คือเขาต้องการให้ผลงานวิจัยออกมาว่า คนที่เลือกเพื่อไทยส่วนใหญ่จบปริญญาตรีก็เป็นเรื่องธรรมดา จริงๆ เขาเอาแบบคนที่เลือกเป็นระดับศาสตราจารย์ ยังทำได้ เพราะเขาต้องการผลของงานวิจัยออกมาแบบนี้ เขาจึงเลือกใช้กลุ่มตัวอย่างที่จะทำให้ผลออกมาเป็นแบบนี้ได้ ด้วยการใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นหัวคะแนน นักการเมือง และประชาชนบางส่วน ที่เขาเจาะจงเท่านั้น คือนอกจากนั้นเขาไม่เลือก ก็ง่ายๆ คือ ก็ถามคนของพรรคเพื่อไทย ก็จะได้ผลเป็นอย่างที่เขาต้องการแล้ว  นี่แหละคือสิ่งที่ซ้อนอยู่ที่นักวิจัยทั้งหลายใช้เป็นช่องทางในการหาเงินเข้ากระเป๋า โดยการขอเงินสนับสนุนการวิจัยตามหน่วยงานของรัฐ มาสนับสนุน งานวิจัยพวกนี้จึงทำกันง่ายๆ เพียงแต่ทำตามคนจ้างเขากำหนดให้ผลของงานวิจัยต้องออกมาเป็นแบบนี้เท่านั้น

 

พอเห็นภาพนะครับ  ก็คงไม่ต้องตอบว่างานวิจัยพวกนี้เป็นอย่างไร แต่เคยสงสัยกันบ้างไหมว่า งานวิจัยพวกนี้เอาเงินสนับสนุนมาจากไหน ถ้าไม่ใช่เงินภาษีของคนไทยทุกคนนั่นแหละ ถ้าให้ผมเดา งานวิจัยชิ้นนี้น่าจะได้เงินสนับสนุนมาจาก กระทรวงมหาดไทย ราคาก็คงไม่เท่าไร สัก สองล้านห้า อย่างต่ำ และก็ไม่อยากให้สงสัยต่อไปนะครับว่า ทำไมพวกอาจารย์ตามมหาลัยถึงได้มีความคิดแบบผิดมนุษย์กันมากขึ้น คงรู้คำตอบนะครับว่า จะมีอาจารย์ดีๆ สักกี่คนที่เข้าไปก้มกราบของานวิจัยแบบนี้มาทำให้เขาเสียชื่อเสียงกันบ้าง ก็มีแต่พวกอาจารย์ที่ชอบใส่เสื้อสีแดงนี่แหละที่ผมเห็นแล้วก็อนิจจังว่า สิ่งที่พวกเขาสู้อุตสาห์เรียนมาจากเมืองนอกเมืองนา แถมประเทศส่งเสียให้เขาเรียนจบมาเป็นอาจารย์นี่นะ มันไม่ได้ทำให้คนพวกนี้มีความคิดที่จะทำดีเพื่อประเทศชาติบ้างเลยหรือไง

[zeedzaad]

ดูชื่อจังหวัดก็รู้แล้ว มันจังหวัดเสื้อแดงนี่หว่า

ทำไม คนไดื่อว่าอาจารย์ กล้าย้อมงานวิจัย

[Bookmarks]

 

อันนี้ ส่วนหนึ่งของ งานวิจัยชิ้นดังกล่าวครับ

 

ในหัวข้อ ขอบเขตการของการศึกษา

 

1.3.3 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในวันอาทิตย์ ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2554 โดยใช้การเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม จำนวนทั้งสิ้น 6,500 คน และ เก็บข้อมูลภาคสนาม โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกโดยใช้แบบสัมภาษณ์เก็บข้อมูลในกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย หัวคะแนน/ผู้สนับสนุนพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และสื่อมวลชน จำนวน 94 คน ซึ่งจะได้ทำการศึกษาในพื้นที่ดังต่อไปนี้

(1) กรุงเทพมหานคร

(2) ภาคกลาง ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ และชลบุรี

(3) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดอุดรธานี นครราชสีมา ขอนแก่น ยโสธร อุบลราชธานี และบุรีรัมย์

(4) ภาคเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก ตาก และสุโขทัย

(5) ภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช สงขลา สุราษฎร์ธานีและปัตตานี

 

 

 

เห็น อ.แก อ้างถึง แบบสอบถาม และการ สัมภาษณ์ ผมก็ยกมาเท่านี้ล่ะนะ

ข้อสังเกตสองข้อ

1.ประชากรที่มีสิทธิ์เลือกตั้งแล้วไปลงคะแนน 32,525,504 คนในปี 2554

2. อ.แก ไปรู้ได้ไงว่าตอนคนเค้าไปใช้สิทธิ์ เค้ากาเบอร์อะไร

 

อันนี้ผมก็ว่าตามเนื้อผ้านะ

เห็นสัมภาษณ์แบบนี้เหมือนปัดขี้ให้พ้นตัวเพราะกลัวเสียชื่อมากกว่า

 

ปล.ผมเคยโพสไว้ละ แต่หากระทู้ไม่เจอ

 

นี่แหละครับ ที่ผมไม่เืชื่อ

[Bookmarks]

ดูชื่อจังหวัดก็รู้แล้ว มันจังหวัดเสื้อแดงนี่หว่า

ทำไม คนไดื่อว่าอาจารย์ กล้าย้อมงานวิจัย

ไม่งั้นมันจะเป็นอาจารย์ควายแดงหรือครับ พวกนี้รับจ้างมาแหลทั้งนั้น ผมสมเพชนะ คนแบบนี้น่ะ

[G.Maniac]

เอากลุ่มตัวอย่างแค่ "หกพันห้า" (ซึ่งส่วนตัวผมไม่เชื่อว่าเก็บตัวอย่างเท่านั้นจริงๆ)

 

มาบอกว่า มันเป็นความจริง เป็นอัตราส่วนจริงสำหรับ "หกสิบล้าน" 

 

ผมไม่เชื่อครับ

 

ทุกท่านที่จำโพลช่วงเลือกตั้งผู้ว่าฯได้ คงเข้าใจดี 

 

ถ้าบ้านผมอยู่ปากน้ำ อยู่ปทุมฯ มีมาสำรวจความเห็นขณะผมออกไปเดินตลาดสด ผมก็คงต้องกล้ำกลืนตอบไปว่า "เลือกเพื่อไทย"

[annykun]

ไม่น่าจริงนะครับ  ที่ว่าคนระดับดอกเตอร์เลือกเพื่อไทยมากกว่า  เพราะที่มหาลัยผมมีด๊อกเสื้อแดงอยู่แทบนับตัวได้  ขนาดที่แรงๆ อบ่างธรรมศาสาตร์  ยังเป็นชนกลุ่มน้อยเลย  แต่ถ้าถามว่า  มีคนระคับด๊อกเตอร์มาเลือกเพื่อไทยเพิ่มขึ้นรึเปล่าว  ก็ตอบว่าเพิ่มขึ้นจริงครับ  ดูง่ายๆ ก็ตอนปี 49  นักวิชาการแทบทุกคนด่าทักษิณโกง  แต่พอเสื้อแดงบูมๆ  พวกนักวิชาเกินล้มเจ้าก็เรียงหน้าออกมากันให้สลอน

 

ที่น่าสังเกตุ  ด๊อกสายเหตุผล  ได้แก่  แพทย์  วิศวะ  วิทยาศาสตร์  ฯลฯ ส่วนใหญ่  ต้านทักษิณทั้งนั้นครับ  ค่อนข้างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปรง่ายๆ  ด้วย

ในขณะที่  ด๊อกสายอารมณ์  ได้แก่  ศิลปศาสตร์   มนุษยศาสตร์  นิติศาสตร์  รัฐศาสตร์  ฯลฯ  พวกนี้แตกออกเป็น  2  ฝ่ายชัดเจน  สัดส่วนมากน้อยต่างกันไปตามแต่มหาลัย  ที่แรงๆอย่างธรรมศาสตร์นี่บางคณะ  เหลือง-แดง  ครึ่งๆ เลยทีเดียว

 

ส่วนสาย.....  อย่าง  เศรษฐศาสตร์  ภาษา  บริหาร  แดงเป็นชนกลุ่มน้อย  แต่เหลืองกลับน้อยกว่า  อาจารย์คณะพวกๆนั้นส่วนใหญ่จะออกแนวๆ  ไทยเฉยกัน  คณะพวกนั้นมีนิสิตเยอะที่สุดด้วยนะ  

 

แปลกดี    แต่มันก็สะท้อนโครงสร้างสังคมไทยได้ชัดเจนดีนะ

Edited by annykun, 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 11:45.

[เสือน้อย]

เปรียบเทียบแบบชาวบ้าน บ้านๆ ประมาณว่า

คนในพรรคเพื่อไทย มีกี่คนที่มีความรู้ระดับสูงกว่าปริญญาตรี

และมีความสามารถระดับเป็นที่ยอมรับของสากลบ้าง

ช่วยยกต้วอย่างให้หน่อย

..

คนที่มีความรู้สูงกว่าปริญญาตรี เขาคงเลือกพรรคเพื่อไทยมั้ง???