Jump to content


Photo
- - - - -

24 ธ.ค.56 ทีดีอาร์ไอ แนะทางออกประเทศต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง


  • Please log in to reply
11 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 b...

b...

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,567 posts

ตอบ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 13:54

24 ธ.ค.56 ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เผยข้อเสนอต่อกระบวนการปฏิรูปประเทศไทย ภายหลังเกิดปัญหาการเมืองภายในประเทศ 
 
ข้อเสนอต่อกระบวนการปฏิรูปประเทศไทย
 
                                                                                                                
การเมืองไทยมาถึงทางตันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจไม่เข้าร่วมในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557  ส่วน กปปส.ก็ประกาศขัดขวางการเลือกตั้ง และแม้ว่ารัฐบาลได้ประกาศที่จะดำเนินการปฏิรูปประเทศหลังเลือกตั้งแล้วก็ตาม ดูเหมือนว่า คู่ขัดแย้งและประชาชนจำนวนมากก็ไม่ได้ให้ความเชื่อถือต่อกระบวนการปฏิรูปดังกล่าว ดังนั้น แม้ว่าการเลือกตั้งอาจเกิดขึ้นได้ในที่สุด ฝ่ายผู้ต่อต้านก็คงจะชุมนุมคัดค้านรัฐบาลต่อไป ทำให้รัฐบาลใหม่ยากที่จะบริหารประเทศได้ ในขณะที่หากไม่มีการเลือกตั้งตามข้อเสนอของ กปปส.กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลก็คงไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน 
         
 
ทางออกจากความขัดแย้งทางการเมืองไทยในปัจจุบันก็คือ การปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ภายใต้วิถีทางประชาธิปไตย แม้ว่ารัฐบาลและ กปปส.ต่างแสดงความเห็นที่ดูเหมือนจะตรงกันว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องได้รับการปฏิรูปก็ตาม ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันว่า จะเลือกตั้งก่อนปฏิรูป หรือจะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ในความเห็นของผม ท่าทีของทั้งสองฝ่ายล้วนมีปัญหา เพราะต่างมุ่งช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากกว่าที่จะร่วมมือกันให้เกิดการปฏิรูปขึ้นอย่างแท้จริง  
 
 
ท่าทีของรัฐบาลที่จะให้มีการปฏิรูปหลังเลือกตั้งถูกมองว่า เป็นเพียงการสร้างภาพเพื่อลดแรงกดดันทางการเมืองเฉพาะหน้า โดยไม่มีความมุ่งมั่นในการปฏิรูปอย่างแท้จริง เนื่องจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์เอง ก็เคยตั้งคณะกรรมการปฏิรูปมาก่อนแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น ไม่แตกต่างจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่เคยตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมา 2 คณะ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้นำข้อเสนอแนะใดๆ ของคณะกรรมการดังกล่าวไปปฏิบัติ ทั้งหมดนี้ชี้ให้ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลใดที่อยู่ในอำนาจอย่างมั่นคง ก็ไม่สมัครใจให้เกิดการปฏิรูปทั้งสิ้น ส่วนท่าทีของ กปปส.นั้นถูกมองได้ว่า เสนอให้มีการปฏิรูปเพียงเพื่อเป็นข้ออ้างในการสร้างสูญญากาศทางการเมือง เพราะการปฏิรูปต่างๆ ที่เสนอขึ้นหลายเรื่องไม่สามารถทำได้สำเร็จในเร็ววัน และยังมีลักษณะปิดกั้นฝ่ายอื่นไม่ให้เข้าสู่กระบวนการด้วย ซึ่งทำให้แนวทางการปฏิรูปเพื่อสร้าง “ประชาธิปไตยอันสมบูรณ์” ของ กปปส. นั้นขัดกับหลักประชาธิปไตยไปเสียเอง 
         
 
ผมมีความเห็นว่า ประเทศไทยควรได้รับการปฏิรูปอย่างแท้จริง โดยเร่งด่วน ภายใต้กติกาที่เป็นประชาธิปไตย ผมเห็นว่า การปฏิรูปจะเกิดขึ้นและสำเร็จได้จะต้องมีองค์ประกอบต่างๆ ดังต่อไปนี้
 
หนึ่ง ต้องเป็นกระบวนการที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะคู่ขัดแย้งเข้าร่วม แต่ไม่ถูกครอบงำโดยคู่ขัดแย้ง
 
สอง ต้องมีกลไกรับประกันว่าคู่ขัดแย้งจะยอมรับการปฏิรูป  และ
 
สาม ต้องมีกลไกรับประกันว่า รัฐบาลจะนำข้อเสนอไปสู่การปฏิบัติ 
         
 
ผมขอเสนอแนวทางในการปฏิรูปที่เป็นรูปธรรมแนวทางหนึ่งซึ่งมีองค์ประกอบข้างต้น และน่าจะทำให้การปฏิรูปเกิดขึ้นได้ดังนี้
 
 
ประการที่หนึ่ง  กระบวนการปฏิรูปต้องเริ่มต้นก่อนการเลือกตั้ง เพราะเมื่อได้อำนาจแล้ว รัฐบาลย่อมไม่ต้องการให้เกิดการปฏิรูป  ในประเด็นนี้ ผมจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอของ 7 องค์กรภาคเอกชน ที่ให้รัฐบาลจัดตั้งองค์กรปฏิรูปขึ้นโดยทันทีก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งอาจออกเป็นพระราชกำหนดมารองรับฐานะทางกฎหมายขององค์กรดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะสามารถเริ่มกระบวนการปฏิรูปได้จริงหลังเลือกตั้ง
 
 
ประการที่สอง  องค์กรปฏิรูปควรเป็น “คณะกรรมการปฏิรูป” ที่มีองค์คณะไม่ใหญ่เกินไปจนกลายเป็น “สภาปฏิรูป” เช่น ควรมีกรรมการไม่เกิน 30 คน โดยประกอบด้วย ผู้ที่ฝ่ายรัฐบาลเสนอชื่อหนึ่งในสาม  และผู้ที่คู่ขัดแย้งคือพรรคประชาธิปัตย์และ กปปส. เสนอชื่ออีกหนึ่งในสาม ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งในสามคือ ผู้ทรงคุณวุฒิและตัวแทนของคนอาชีพต่างๆ เช่น นักวิชาการ นักธุรกิจ ภาคประชาสังคม เกษตรกร หรือแรงงาน ซึ่งเป็น “คนกลาง” ที่ทั้งฝ่ายรัฐบาลและคู่ขัดแย้งต่างยอมรับได้ ทั้งนี้ เพื่อให้คู่ขัดแย้งมีส่วนร่วม แต่ไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งครอบงำการปฏิรูป นอกจากนี้ คณะกรรมการปฏิรูปควรสร้างกลไกเปิดรับความเห็นจากสาธารณะอย่างกว้างขวางด้วย  
 
 
ประการที่สาม   มติของคณะกรรมการปฏิรูปในการเสนอมาตรการให้รัฐบาลดำเนินการ ต้องได้รับเสียงสนับสนุนมากกว่าเสียงข้างมากเล็กน้อยเช่น สามในห้า (18 จาก 30 เสียง) เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ข้อเสนอนั้นได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝ่ายหรือคนกลางด้วย ไม่ได้เกิดจากการใช้พวกมากลากไป  ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่สัดส่วนเสียงข้างมากที่สูงเกินไป จนทำให้การปฏิรูปไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากถูกคัดค้านได้ง่ายเกินไปเช่นกัน
 
 
ประการที่สี่    คณะกรรมการปฏิรูปควรมีภารกิจในการจัดทำข้อเสนอการปฏิรูปในขอบเขตที่ไม่กว้างขวางเกินไปเช่น ไม่ควรมีมากกว่า 4-5 เรื่องใหญ่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนและเป็นสาเหตุของความขัดแย้งในปัจจุบันเช่น กติกาการเข้าสู่อำนาจรัฐ การตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจรัฐ การต่อต้านคอรัปชั่น ประชานิยมและวินัยทางการคลัง ตลอดจนระบบยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง เป็นต้น ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องอื่นๆ เช่น การปฏิรูปการศึกษา การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม หรือระบบยุติธรรมในความหมายกว้าง จะไม่มีความสำคัญ แต่เป็นเพราะเรื่องเหล่านั้นต้องดำเนินการต่อเนื่องในระยะยาว และควรดำเนินการโดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในสภาวะปรกติ
 
 
ประการที่ห้า   คณะกรรมการปฏิรูปควรเสนอมาตรการปฏิรูปแก่รัฐบาลเป็นระยะ โดยเริ่มจากมาตรการที่มีความเห็นพ้องต้องกันสูง มีรูปธรรมที่สามารถปฏิบัติได้ง่ายก่อน โดยเสนอแนะกรอบเวลาในการดำเนินการที่แน่นอนแก่รัฐบาลไปพร้อมด้วย เพื่อให้ประชาชนเห็นผลสำเร็จจากการปฏิรูปในเร็ววัน จากนั้นจึงเสนอมาตรการปฏิรูปที่มีความซับซ้อนมากขึ้นไปตามลำดับ  
 
 
ประการที่หก   นอกจากนำเสนอมาตรการปฏิรูปต่อรัฐบาลแล้ว คณะกรรมการปฏิรูปควรมีหน้าที่ติดตามการปฏิรูปของรัฐบาลว่า เป็นไปตามข้อเสนอในกรอบเวลาที่กำหนดไว้หรือไม่  ในกรณีที่รัฐบาลไม่ดำเนินการปฏิรูปตามข้อเสนอ โดยแสดงถึงเจตนาหน่วงเหนี่ยวหรือบิดพริ้ว คณะกรรมการปฏิรูปสามารถเสนอให้รัฐบาล “ทำโทษตนเอง” โดยการยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่  ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีแรงจูงใจที่จะปฏิรูป มิฉะนั้น อาจต้องเผชิญแรงกดดันจากประชาชนอีกครั้ง
 
 
ข้อเสนอต่อกระบวนการปฏิรูปข้างต้นเป็นเพียงแนวทางหนึ่งที่ผมขอฝากให้สังคมช่วยกันพิจารณา เพราะผมไม่เห็นว่า เราจะมีทางออกจากความขัดแย้งในปัจจุบันได้อย่างไร หากทุกฝ่ายทั้งรัฐบาลและคู่ขัดแย้งไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปร่วมกันอย่างแท้จริง
 
 
 
 
วันอังคาร ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556, 13.44 น.
 
 

 


Edited by b..., 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 14:16.

Making you happy is not my priority!      Michael Yon


#2 Gohell

Gohell

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,027 posts

ตอบ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 14:02

แนวคิดดี....แต่เสียงที่มาจากอิสระ ใครแต่งตั้ง...ถ้ารัฐมารแต่งตั้งเอง คงไม่มีใครเอา

 

 

 



#3 b...

b...

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,567 posts

ตอบ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 14:05

แก้ไขแล้วค่ะ

 

ขออภัยที่ทำให้เกิดความขลุกขลัก

 

 

ป.ล.   มี บทความ "บทเรียนการถอนรากระบอบนาซี"  โดย เสรี พงศ์พิศ www.phongphit.com  มาให้อ่านเพื่อความสมบูรณ์ด้วยค่ะ


Edited by b..., 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 14:52.

Making you happy is not my priority!      Michael Yon


#4 annykun

annykun

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,567 posts

ตอบ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 14:05

แนวทางนี้ก็ดีครับ  แต่ในความคิดผม  ไม่ต้องปฎิรูปมากมายหรอกครับ  เอาแค่เรื่องสำคัญ 2-3  เรื่อง  

ทีทำให้ความขัดแย้งจบลงไปได้โดยเร็ว  และสามารถทำเสร็จก่อนการเลือกตั้งได้โดยเร็ว  พอแล้ว  

 

เช่น  กระจายอำนาจออกจากส่วนกลาง  จังหวัดจัดการตนเอง  ผู้ว่าเลือกตั้ง  ปฎิรูปองค์กาณ์ตำรวจ  

แก้กฎหมายคอรัปชั่นและกติกาเลือกตั้งอีกนิดหน่อย  ตามที่ กปปส. เคย  แพลมๆ  ออกมา  แค่นี้ผมก็ ฟินแล้วครับ

 

ส่วนการปฎิรูปเรื่องอื่นๆ  ที่เหลือ  ค่อยไปว่ากันหลังเลือกตั้ง  โดยรัฐบาลจากการเลือกตั้งตามปกติ


คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ชนะสงคราม  คือ   ความแข็งแกร่ง และ อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง

คุณธรรมที่พร้ำสอน  ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นรองลงมา   ส่วน  ประชาธิปไตยน่ะรึ  เอาเข้าจริงๆ  สำคัญอันใด?? 

 


#5 b...

b...

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,567 posts

ตอบ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 14:21

คณะรัฐบาลโมฆะ ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ก่อนค่ะ

 

 

สันดานโจร  เชื่อไม่ได้


Making you happy is not my priority!      Michael Yon


#6 Abraxas

Abraxas

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,064 posts

ตอบ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 14:38

แนวทางนี้ก็ดีครับ  แต่ในความคิดผม  ไม่ต้องปฎิรูปมากมายหรอกครับ  เอาแค่เรื่องสำคัญ 2-3  เรื่อง  

ทีทำให้ความขัดแย้งจบลงไปได้โดยเร็ว  และสามารถทำเสร็จก่อนการเลือกตั้งได้โดยเร็ว  พอแล้ว  

 

เช่น  กระจายอำนาจออกจากส่วนกลาง  จังหวัดจัดการตนเอง  ผู้ว่าเลือกตั้ง  ปฎิรูปองค์กาณ์ตำรวจ  

แก้กฎหมายคอรัปชั่นและกติกาเลือกตั้งอีกนิดหน่อย  ตามที่ กปปส. เคย  แพลมๆ  ออกมา  แค่นี้ผมก็ ฟินแล้วครับ

 

ส่วนการปฎิรูปเรื่องอื่นๆ  ที่เหลือ  ค่อยไปว่ากันหลังเลือกตั้ง  โดยรัฐบาลจากการเลือกตั้งตามปกติ

 

ขอเสนอความเห็นด้วยครับ

สส.บัญชีรายชื่อควรผ่านการเป็น สส.เขตมาซัก 2-3 สมัยก่อน

เพื่อป้องกันการตอบแทนผลประโยชน์หรือ เอาใคร หรือลูกหลาน เมีย ญาติ นักการเมือง มาเป็นผู้แทนราษฎร

อย่างน้อยต้องเคยคลุกคลีกับชาวบ้านบ้าง ไม่ใช่เป็นแกนนำเสื้อแดงก็มาเป็น สส.บัญชีรายชื่อได้



#7 จาฤก

จาฤก

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 916 posts

ตอบ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 14:39

" การปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ภายใต้วิถีทางประชาธิปไตย"

 

ผมเห็นด้วยกับข้อความนี้นะ   แต่ปัญหาตอนนี้คือ  ทาง  กปปส  เอง  กลับไม่

ยอมรับวิถีทางประชาธิปไตย   กลับจะตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาเสียเอง  กลายเป็นอนาธิปไตยไป

ก็เลยยังยันกันอยู่อย่างนี้


เลือกตั้ง =ทางออก .......นายกฯเถื่อน  คือทางตัน

 


#8 Charlie

Charlie

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,449 posts

ตอบ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 14:46

ยากครับ ถ้ารัฐยอมก็เหมือนลดทอนอำนาจตัวเองลงไปเยอะเลย มีสิทธิโดนเช็คบิลสูง

ปัญหาคือรัฐบาลไม่ยอมรับอำนาจใดๆทั้งนั้น อ้างเลือกตั้งอย่างเดียว แม้ว่าจะบริหารล้มเหลวยังไงก็ตาม

 

ถ้าจะใช้สามัญสำนึกกับรัฐบาลนี้คงไม่มีวันได้เห็น เพราะคนโกงก็กลัวคุกจึงต้องพยายามรวบอำนาจให้ตัวเอง

ต้องให้ศาลกับ ปปช รีบทำงานด่วนเลยครับ เพราะคดีโกงต่างๆ มันลดข้ออ้างเลือกตั้งได้ดีที่สุด และไปเข้าคุกเลย


คนดีจริงไม่โกงที่วัด ไม่ยุแยงให้คนแตกแยก ไม่หลอกคนอื่นให้มารับเคราะห์ตายแทน


#9 b...

b...

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,567 posts

ตอบ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 14:51

 

 
187942_142436575783508_1563665114_q.jpg
ถูกใจหน้านี้ · ประมาณ 1 ชั่วโมงที่แล้ว 
 
 

ปรับฐานราก เปลี่ยนฐานคิด บทความ "บทเรียนการถอนรากระบอบนาซี"
โดย เสรี พงศ์พิศ www.phongphit.com
 
1453257_784055654954927_947381109_n.jpg
 

เยอรมนียอมแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 1945 อยู่ภายใต้การควบคุมครอบครองของสหรัฐอเมริกา รัสเซีย อังกฤษ และฝรั่งเศส ซึ่งใช้เวลาถึง 4 ปี กว่าจะให้มีรัฐธรรมนูญและเลือกตั้งในปี 1949 ได้คอนราด อาเดเนาว์เป็นนายกรัฐมนตรี

พันธมิตรและรัสเซียกลัวว่า ถ้าไม่ใช้เวลาถอดเขี้ยวเล็บของอินทรีย์เหล็กเยอรมันอย่างจริงจัง อาจจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ดังบทเรียนหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เยอรมัน “ไม่ตาย” กลับฟื้นขึ้นมาทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีคนตายไปมากกว่า 60 ล้านคน ชาวยิวถูกฆ่า 6 ล้าน คนผิวดำ รักร่วมเพศ คนพิการ ฝ่ายค้านทางการเมืองถูกฆ่าไปอีก 5 ล้าน คนเยอรมนันเองตายไปกว่า 7.5 ล้านคน

ในเยอรมนีเอง ความเสียหายที่เกิดจากภัยสงครามนั้นสุดจะประมาณ ไม่ว่าทางเศรษฐกิจสังคม บ้านเรือนพังทลายไปย่อยยับ ผู้คนอดอยากหิวโหย สิ้นหวัง ผลผลิตทางการเกษตรเหลือไม่ถึงร้อยละ 35 

กระบวนการ “ล้างระบอบนาซี” (denazification) จากฝ่ายผู้ชนะสงครามทำอย่างเป็นระบบ เริ่มจากการตัดตอนการผลิตภาคอุตสาหกรรมหนัก ฐานการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ ยึดสิทธิบัตรทางปัญญา ซึ่งถ้าคำนวณมูลค่าปัจจุบันคงเป็นเงินหลายล้านล้านบาท 

(ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 คนที่ได้รับรางวัลโนเบลทางวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เป็นชาวเยอรมัน หลังสงครามโลกเป็นชาวอเมริกัน ส่วนใหญ่คือยิว-เยอรมันที่อพยพไปอยู่อเมริกา รวมทั้งการต่อยอดทางปัญญาที่อเมริกายึดไปจากเยอรมัน)

ที่สำคัญกว่านั้น มีการล้างระบอบนาซีอย่างรอบด้าน เพื่อล้างอิทธิพลของนาซีในวัฒนธรรม สื่อ เศรษฐกิจ กฏหมาย ที่ฝังตัวอยู่ในระบบ องค์กรต่างๆ ในผู้คนที่เป็นฐาน เป็นกลไก เครื่องมือให้ระบอบนี้ ถอดคนที่มีอิทธิพลในตำแหน่งสำคัญต่างๆ ออกหมด ยกเลิกหรือควบคุมองค์กร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ฮิตเลอร์มากับการเลือกตั้ง เป็นสมาชิกพรรคนาซี (สังคมนิยมแห่งชาติ) ตั้งแต่ปี 1920 ต่อสู้มาทุกรูปแบบ สร้างฐานอุดมการณ์นาซีจนฝังรากลึกในสังคมเยอรมัน จนได้เป็นนายกรัฐมนตรีในปี 1933 ลุแก่อำนาจ ออกฏหมายให้ประโยชน์แก่ตนเอง พรรคนาซี กลายเป็นเผด็จการ (totaritarian) เป็นพรรคเดียวที่ปกครองประเทศ ไม่มีฝ่ายค้าน คนถามว่าทำไมในประเทศพัฒนาอย่างเยอรมนีถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้

พรรคนาซีมีสมาชิก 8.5 ล้านคน เท่ากับ 10% ของประชากร องค์กรที่เกี่ยวข้องกับนาซีมีสมาชิกมาก อย่างขบวนการแรงงานเยอรมันมีสมาชิก 25 ล้านคน องค์กรสวัสดิการประชาชนสังคมแห่งชาติมีสมาชิก 17 ล้านคน นอกนั้นมีองค์กรสตรี องค์กรเยาวชนนาซี และอื่นๆ รวมแล้วพรรคนาซีของฮิตเลอร์มีผู้สนับสนุนร่วมอุดมการณ์อย่างชัดเจนแบบจัดตั้งไม่น้อยกว่า 45 ล้านคน มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรเยอรมัน

ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมกลไกของรัฐไม่ว่าทหาร ตำรวจ ข้าราชการ อัยการ ผู้พิพากษา นักกฎหมาย นักธุรกิจ อุตสาหกรรม นักวิชาการ ผู้บริหารในองค์กร หน่วยงานต่างๆ ทุกสาขาอาชีพ ล้วนแต่ต้องเป็นสมาชิกพรรคนาซีแบบมีอุดมการณ์เข้มแข็งอีกด้วย ฟัสชิสต์ไม่ได้ต่างไปจากคอมมิวนิสต์เลย อยู่คนละขั้วเท่านั้น

พันธมิตรเห็นว่า ถ้าหากปล่อยให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเยอรมนีทันทีหลังสงครามโดยไม่มีการปฏิรูปสังคมเยอรมัน ไม่มีการล้างระบอบนาซี แม้ไม่มีฮิตเลอร์ ระบอบนาซีต้องคืนชีพอย่างแน่นอน เพราะนาซีอยู่ในสายเลือด ในโครงสร้างระบบแล้ว การล้างระบอบนี้จึงต้องล้างให้สิ้นซาก ถึงรากถึงโคน ใช้เวลาถึง 4 ปี

การล้างระบอบนาซีเริ่มจากการจัดการกับกลุ่มแกนนำที่รับผิดชอบการทำสงคราม พวกนี้เป็นอาชญากรสงครามโดยตรง นาซี 90,000 คนถูกคุมขังดำเนินคดี 1.9 ล้านคนถูกห้ามทำงานเดิม ให้ทำได้แต่เฉพาะงานที่ใช้แรงงานเท่านั้น

มีการเข้าคุมสื่อซึ่งเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อกระบอกเสียงของนาซี หนังสือพิมพ์ 37 ฉบับ สถานีวิทยุ 6 แห่ง โรงละคร 314 แห่ง โรงหนัง 642 โรง นิตยสาร 101 ฉบับ สำนักพิมพ์ 317 แห่ง ร้านขายหนังสือและผู้พิมพ์จัดจำหน่ายหนังสือ 7,384 แห่ง หนังสือ 30,000 เล่มถูกยึดและถูกทำลาย พิพิธภัณฑ์ อนุสรณ์สถาน ภาพเขียน งานศิลปะนาซี และสัญลักษณ์ต่างๆ ถูกทำลายไม่เหลือซาก

ในเขตยึกครองของฝรั่งเศส มีการเลิกจ้างครูถึง 3 ใน 4 เพราะครูส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายนาซี แต่เพราะขาดครูจึงต้องจ้างคนเก่าเข้ามาใหม่ แบบเซ็นใบลาออกล่วงหน้าถ้าไปรื้อระบอบนาซี 

ในเวลาเดียวกันก็มีการสร้างสำนึกใหม่ให้สังคมเยอรมัน ให้ยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในสงครามโลกและในประเทศเยอรมนีไม่ได้เป็นฝีมือของนาซีเท่านั้น แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของชาวเยอรมันโดยรวม (collective guilt) จึงต้องรับผิดชอบร่วมกัน (collective responsibility)ในการฟื้นฟูบูรณะประเทศ จะเอาตัวรอดตัวใครตัวมันไม่ได้

เหมือนนรกส่งฮิตเลอร์มาเกิดเพื่อทำลายล้าง สวรรค์ก็ส่งอเดเนาว์มาเกิดเพื่อสร้างสรรค์ เขาคือคนที่สังคมเยอรมันยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษและบิดาแห่งชาติอย่างแท้จริง เขาอายุ 73 ปีเมื่อได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีในปี 1949 และอยู่ในตำแหน่งถึง 14 ปี พ้นจากตำแหน่งเมื่ออายุ 87 ปีในปี 1963

อาเดเนาว์เสนอให้พันธมิตรยุติการควบคุมและการล้างระบอบนาซี ปล่อยให้รัฐบาลและคนเยอรมันดูแลตนเอง เขาจัดการให้มีการซ่อมแซมและชดเชย (reparation & compensation) ให้แก่เหยื่อของระบอบนาซี เสนอให้มีการคืนดี มีการนิรโทษกรรม ออกกฎหมายให้คน 800,000 คนกลับเข้าทำงานได้

ในเวลาไม่ถึง 10 ปี เยอรมนีผงาดขึ้นเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจของยุโรปและของโลกอีกครั้งหนึ่ง เพราะสังคมเยอรมนันมีคนที่มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ แต่ถูกระบอบนาซีใช้กลไกรัฐและมวลชนควบคุมครอบงำ เมื่อได้รับการปลดปล่อย ศักยภาพที่แท้จริงของชาติก็ปรากฏออกมา

Making you happy is not my priority!      Michael Yon


#10 b...

b...

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,567 posts

ตอบ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 14:54

" การปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ภายใต้วิถีทางประชาธิปไตย"

 

ผมเห็นด้วยกับข้อความนี้นะ   แต่ปัญหาตอนนี้คือ  ทาง  กปปส  เอง  กลับไม่

ยอมรับวิถีทางประชาธิปไตย   กลับจะตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาเสียเอง  กลายเป็นอนาธิปไตยไป

ก็เลยยังยันกันอยู่อย่างนี้

 

 

รบกวน อ่าน  rep # 5 ด้วยนะคะ     :)


Making you happy is not my priority!      Michael Yon


#11 จาฤก

จาฤก

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 916 posts

ตอบ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 15:04

 

" การปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ภายใต้วิถีทางประชาธิปไตย"

 

ผมเห็นด้วยกับข้อความนี้นะ   แต่ปัญหาตอนนี้คือ  ทาง  กปปส  เอง  กลับไม่

ยอมรับวิถีทางประชาธิปไตย   กลับจะตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาเสียเอง  กลายเป็นอนาธิปไตยไป

ก็เลยยังยันกันอยู่อย่างนี้

 

 

รบกวน อ่าน  rep # 5 ด้วยนะคะ     :)

 

เรป#5  รบ. โมฆะ  อย่างไงครับ  ไม่เข้าใจ    และอีกอย่างหนึ่งตอนนี้  รบ.  เป็นรัฐบาล

รักษาการเพื่อรอ  รบ.  ชุดใหม่หลีังเลือกตั้งตามที่  รธน  กำหนดให้รักษาการนะครับ  ไม่ใช่  รบ.  ปกติ

แล้วจะต้องมาลาออกทำไมอีก   ในเมื่อหมดตำแหน่งอย่างเป็นทางการไปแล้วครับ


เลือกตั้ง =ทางออก .......นายกฯเถื่อน  คือทางตัน

 


#12 Gohell

Gohell

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,027 posts

ตอบ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 15:14

ผมมั่นใจว่า ถ้ารูปแบบออกมาแล้วทำให้ทักษิณเสียประโยชน์

 

พท ไม่มีทางยอม....และคงเป็นรัฐมารต่อไปเรื่อย...






ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน