หากต้องเข้าคูหาเลือกตั้งจริงๆเพื่อกันการเสียสิทธิ ฯลฯ มั่นใจว่าโลกจะต้องจารึกจะมีมวลชนจำนวนมากกว่า 4-5 ล้านคน "ฉีกบัตรเลือกตั้ง" โดยพร้อมเพียงกันทั่วประเทศ..และชาติจะต้องสูญเสียเงินงบประมาณแผ่นดินไปอีกกว่า 4 พันล้านโดยไม่ได้ประโยชน์อะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลยจากการดันทุรัง "จัดการเลือกตั้งปาหี่" ในครั้งนี้..ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของผู้ใช้สิทธิอย่างไรในการอารยะขัดขืน "ฉีกบัตรเลือกตั้ง" โดยศาลไม่อาจเอาผิดได้เพราะมีไอดอลเป็นต้นแบบอยู่แล้ว..อ่านต่อ...
ศาลยกฟ้อง ‘ไชยยันต์’ อ.จุฬา ฉีกบัตรเลือกตั้ง49
ศาลจังหวัดพระโขนง ยกฟ้อง คดี อ.รัฐศาสตร์จุฬาฉีกบัตรเลือกตั้งกลางคูหาเมื่อปี 2549 เนื่องจากการเลือกตั้งมิชอบ ผู้ฉีกบัตรไม่ผิด
ศาลจังหวัดพระโขนง อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการแขวงพระโขนงเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายไชยยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นจำเลย ในความผิดฐาน กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 มาตรา 108 ที่ห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดทำบัตรเลือกตั้งดีให้เป็นบัตรเสีย และฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.358
โดยฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย.49 ที่จัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป จำเลยซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง ได้ฉีกบัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 1 ใบ และแบบบัญชีรายชื่อ จำนวน 1 ใบของ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขาดออกเป็นหลายชิ้นจนเสียหายใช้ลงคะแนนไม่ได้ อันเป็นการจงใจกระทำด้วยประการใดๆให้บัตรเลือกตั้งดังกล่าวชำรุดเสียหาย เหตุเกิดที่หน่วยเลือกตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพ ฯ ขอให้ลงโทษจำเลยตามความผิด และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปีด้วย
ขณะที่จำเลยให้การปฏิเสธ และนำสืบว่าการยุบสภาผู้แทนฯ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ไม่ได้มีสาเหตุมาจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ แต่เพื่อหลีกเลี่ยง การตรวจสอบในสภาเรื่องการถือครองหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของครอบครัวชินวัตร การยุบสภาจึงไม่ได้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และจะใช้ผลการเลือกตั้งซักฟอกความผิดของตน และกำหนดวันเลือกตั้งไปไม่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยฉีกบัตรเลือกตั้งดังกล่าวโดยเจตนาที่จะต่อต้านการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีเจตนาทำลายบัตรเลือกตั้ง
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน และคำให้การของโจทก์-จำเลยแล้ว เห็นว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.49 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 9/2549 ว่า เป็นการเลือกตั้งที่ไม่เที่ยงธรรม ไม่เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 บัตรเลือกตั้งที่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งมอบให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจึงไม่ใช่บัตรเลือกตั้งเป็นเพียงแบบพิมพ์บัตรเลือกตั้ง การกระทำของจำเลยจึงไม่อาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ สว. ฯ ม.108 และการที่จำเลยมาใช้สิทธิเลือกตั้งแล้วฉีกบัตรเฉพาะในส่วนที่ได้รับมาทั้งสองใบอย่างเปิดเผยเพื่อสื่อให้ประชาชนตระหนักถึงการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรม โดยไม่ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายหรือความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จึงเป็นการใช้สิทธิต่อต้านการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยสันติวิธี อีกทั้งบัตรเลือกตั้งดังกล่าวก็เป็นทรัพย์ที่ กกต.ใช้ในการทำความผิดในการเลือกตั้งและมีราคาเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองของประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง.
