หรือกระแสลมจะเปลี่ยนทิศ
#1
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:21
POPULAR
ผมเคยเขียนถึงเรื่องนี้มาแล้ว ว่าเหตุที่กองทัพนิ่ง เพราะมีการจัดตั้งกองกำลังเตรียมต่อต้านไว้
ปรกติ กองทัพจะไม่ออกมาให้ข่าวลักษณะนี้ง่ายๆ มีแต่ Leak กันออกมาเอง
รอบนี้น่าจับตา Wind of Change มาแรง
คงมีเหตุการณ์ก่อนที่ประเทศจะล้มเหลวกว่านี้
ถ้าถึง วัน ว เวลา น รอบนี้แรงเร็ว และเรียบ ชัวร์
คำเตือนมีแค่ มาเมื่อไร พ่อแม่พี่น้อง เก็บตัวอยู่บ้าน ปล่อยให้ เขาแยกแยะ ดี เลว ง่ายๆ
ใครฝ่าฝืน กฎอัยการศึก คาดว่า เรียบไม่เหลือหลอ
รอต่อไปนะ
- G.Maniac, ต้นหอม, ตะนิ่นตาญี and 11 others like this
#2
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:25
POPULAR
แล้วไอ่เห รี้ยนี่ กองทัพจะว่าไง
- Abraxas, so what?, กรรมกรไอที and 7 others like this
#3
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:27
เป็นเพราะกระแสนี้ด้วยหรือเปล่าฮะ
- Familie, ไฮยีน่า and ซีมั่น โลช่า like this
#4
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:30
POPULAR
อดทน....ถึงที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ โวย ถูก เวทีเหลือง-แดง พาดพิง เสียหาย แต่จะอดทน ยันประเทศชาติตัองเยียวยา อย่าใช้ยาผิด ยาแรงเกินไปไม่ได้ แฉ มีการเตรียมกองกำลังติดอาวุธ ลั่นจะไม่ยอมให้ใคร มาทำร้ายประชาชน หนุนการปฏิรูป เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษก ทบ. กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ยังคงห่วงใยต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะพบว่ามีกล่าวถึงกองทัพและผู้บังคับบัญชา บนเวทีของทุกพวกทุกฝ่ายจะเชิงไหนก็ตาม ซึ่งไม่น่าจะเหมาะและไม่ก่อให้เกิดผลดีกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเท่าไร ยิ่งในบรรยากาศที่สังคมควรจะเร่งเสริมสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้น
"กองทัพคงจะพยายามใช้ความอดทนให้ได้อย่างถึงที่สุด"
สถานการณ์ในปัจจุบันน่าจะพยายามหาทางออกจากความขัดแย้งให้ได้ด้วยการตกลงและทำความเข้าใจกันเพื่อประเทศชาติได้เดินหน้าไปได้
" การปฏิรูปหรือการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ แต่สิ่งสำคัญคือ จะทำอย่างไร จะไม่ให้เกิดความรุนแรงหรือไม่ขยายผลความขัดแย้งไปสู่ประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ยังอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันอยู่บ้าง"
หากทุกฝ่ายอยากเห็นบ้านเมืองพ้นจากอันตราย และในฐานะคนไทยด้วยกัน น่าจะพูดคุยกันได้เสียสละกันบ้าง ถอยให้กันบ้าง
"ขณะที่ประเทศชาติมีปัญหาและต้อง การๆเยียวยา หากใช้ยาผิดหรือยาแรงเกินไปอาจไม่เกิดผลดีในระยะยาวหรืออาจเกิดผลแค่เพียง ระยะสั้นชั่วคราวเท่านั้น"
ขณะนี้อาจมีผู้ไม่หวังดี มุ่งหวังให้เกิดความรุนแรงขึ้น เริ่มมีข่าวถึงขั้นว่ามีการเตรียมกองกำลังติดอาวุธให้กับประชาชน ซึ่งนับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นจริง ๆ
ทหารคงจะไม่ยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใดมาใช้ความรุนแรงกับประชาชนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดเพราะทุกฝ่ายคือคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น
อยากให้ทุกพวกทุกฝ่ายได้ลดความเกลียดชังที่มีต่อกัน ใช้เหตุผล หลักการในการแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้สิ่งต่างๆลุกลามบานปลายและเกิดเป็นปัญหา ขึ้นมาอีกในอนาคต
กองทัพพยายามรักษาสถานะของตนเองให้มั่นคง เพื่อสามารถดูแลประเทศชาติและประชาชนได้ต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน" รองโฆษก ทบ.กล่าว
นอกจากนี้. ผบทบ. ยังได้อวยพรปีใหม่ขอให้ทุกคนช่วยกันตั้งจิตอธิษฐานให้บ้านเมือง ประชาชนปลอดภัย มีความสุขสวัสดิ์ ตลอดปี 2557 นี้
- ตะนิ่นตาญี, sorrow, 134340 and 7 others like this
#5
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:31
แต่ถ้าพูดเรื่องวินัย ความเหมาะสม และเจตนาแฝง นั่นอีกเรื่อง
กองกำลังที่พูดถึง ไม่ได้ใช้อาวุธบ้านๆหรอกครับ
- charlie24 likes this
#6
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:31
#7
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:32
POPULAR
แล้วไอ่เห รี้ยนี่ กองทัพจะว่าไง
ตำรวจเก่งๆแบบนี้น่าจะส่งไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้นะ
โจรใต้แมงคงกลัวหัวหดจนไม่กล้าออกมาปฏิบัติการ
- Abraxas, so what?, กรรมกรไอที and 9 others like this
#8
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:32
ศอ.รส. อยากให้ชาตินองเลือด หรือ ??? ประกาศรับสมัครอาสาสมัครกระทืบผู้ชุมนุม หลักแสนคน พร้อมเบี้ยเลี้ยงวันละ 300 บ. และพกกระบอง โล่ห์ได้ ใช่หรือไม่ ???
วันนี้ ( 6 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเพจผู้ใช้นามว่า "Sunny Chaster" ได้แชร์ทางศอ.รส. รับสมัครหน่วยอาสาพิทักษ์รัฐบาล ซึ่งเป็นหน่วยอาสาสมัครกองหนุนเพื่อเป็นกองเสริมควบคุมฝูงชน โดยแสดงความเห็นทั้งหมดว่า "รัฐบาลกำลังจะทำให้กองกำลังเสื้อแดงถูกกฎหมาย ว่าจะไม่แชร์แต่อดไม่ได้ มีการกำลังรับสมัคร คนช่วยรัฐบาล ขณะนี้ ศอ.รส. ต้องการอาสาสมัครตำรวจกองหนุนเพื่อ เป็นกำลังเสริมหน่วยควบคุมฝูงชน คนดีผู้รักชาติ ท่านใดต้องการอาสาสมัครช่วยชาติ สามารถยื่นเป็นอาสาสมัครได้ที่สถานนีตร.ทุกแห่ง คุณสมบัติผู้สมัคร
1.ชายไทย สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์
2. อายุ 20-30 ปี
3. เคยผ่านหลักสูตรรด.
4. ไม่เคยต้องโทษคดีอาญา
โดยรับจำนวนทั้ง 1 แสนคน หรือ 100 กองทัพ
สิ่งที่อาสาสมัครจะได้รับ
1. หลักสูตรระยะสั้น
2. เครื่องแบบเจ้าหน้าที่อาสา
3. กระบองโล่ห์
4. รายได้หัวละ 300 บาท พร้อมเบี้ยเลี้ยงภัย อาหาร 3 มื้อ
5. ใบประกาศเกียรติคุณจากทางรัฐบาล
6. ประกันชีวิตคุ้มครองจากการบาดเจ็บและเสียชีวิต
http://www.tnews.co....ิงหรือไม่-.html
- ตะนิ่นตาญี, kokkai and ไฮยีน่า like this
#9
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:33
ภายในเองก็มีปัญหาในหมู่ทหารด้วยกัน
การขยับอะไรก็ไม่ได้ง่ายนักหรอก
#11
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:35
ศอ.รส. อยากให้ชาตินองเลือด หรือ ??? ประกาศรับสมัครอาสาสมัครกระทืบผู้ชุมนุม หลักแสนคน พร้อมเบี้ยเลี้ยงวันละ 300 บ. และพกกระบอง โล่ห์ได้ ใช่หรือไม่ ???
วันนี้ ( 6 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเพจผู้ใช้นามว่า "Sunny Chaster" ได้แชร์ทางศอ.รส. รับสมัครหน่วยอาสาพิทักษ์รัฐบาล ซึ่งเป็นหน่วยอาสาสมัครกองหนุนเพื่อเป็นกองเสริมควบคุมฝูงชน โดยแสดงความเห็นทั้งหมดว่า "รัฐบาลกำลังจะทำให้กองกำลังเสื้อแดงถูกกฎหมาย ว่าจะไม่แชร์แต่อดไม่ได้ มีการกำลังรับสมัคร คนช่วยรัฐบาล ขณะนี้ ศอ.รส. ต้องการอาสาสมัครตำรวจกองหนุนเพื่อ เป็นกำลังเสริมหน่วยควบคุมฝูงชน คนดีผู้รักชาติ ท่านใดต้องการอาสาสมัครช่วยชาติ สามารถยื่นเป็นอาสาสมัครได้ที่สถานนีตร.ทุกแห่ง คุณสมบัติผู้สมัคร
1.ชายไทย สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์
2. อายุ 20-30 ปี
3. เคยผ่านหลักสูตรรด.
4. ไม่เคยต้องโทษคดีอาญา
โดยรับจำนวนทั้ง 1 แสนคน หรือ 100 กองทัพ
สิ่งที่อาสาสมัครจะได้รับ
1. หลักสูตรระยะสั้น
2. เครื่องแบบเจ้าหน้าที่อาสา
3. กระบองโล่ห์
4. รายได้หัวละ 300 บาท พร้อมเบี้ยเลี้ยงภัย อาหาร 3 มื้อ
5. ใบประกาศเกียรติคุณจากทางรัฐบาล
6. ประกันชีวิตคุ้มครองจากการบาดเจ็บและเสียชีวิต
ถ้าข่าวนี้เป็นจริงก็อย่าเสียเวลาแหกปากประท้วงอยู่อีกเลย
คงถึงเวลาแล้วล่ะที่จะหยิบอาวุธมาฆ่ากันจริงๆ
#12
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:38
เฟสบุค วาสนา นาน่วมวันนี้ ระบุ กองทัพเป็นห่วงกรณีมีการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธของฝั่ง... แต่กองทัพพร้อมปกป้อง ปชช
ผมเคยเขียนถึงเรื่องนี้มาแล้ว ว่าเหตุที่กองทัพนิ่ง เพราะมีการจัดตั้งกองกำลังเตรียมต่อต้านไว้
ปรกติ กองทัพจะไม่ออกมาให้ข่าวลักษณะนี้ง่ายๆ มีแต่ Leak กันออกมาเอง
รอบนี้น่าจับตา Wind of Change มาแรง
คงมีเหตุการณ์ก่อนที่ประเทศจะล้มเหลวกว่านี้
ถ้าถึง วัน ว เวลา น รอบนี้แรงเร็ว และเรียบ ชัวร์
คำเตือนมีแค่ มาเมื่อไร พ่อแม่พี่น้อง เก็บตัวอยู่บ้าน ปล่อยให้ เขาแยกแยะ ดี เลว ง่ายๆ
ใครฝ่าฝืน กฎอัยการศึก คาดว่า เรียบไม่เหลือหลอ
รอต่อไปนะ
ในเฟสไม่ได้เขียนแบบนี้นี่ครับ อย่าเรียบเรียงใหม่ และไปไกลจนเป็นอีกเรื่องเลย
"เริ่มมีข่าวถึงขั้นว่ามีการเตรียมกองกำลังติดอาวุธให้กับประชาชน
ซึ่งนับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นจริง ๆ"
*** ช่วยกันไม่ตอบกระทู้ป่วน เพราะมันไม่ได้ต้องการคำตอบ หรือเหตุผล แค่มายั่ว
ปล่อยให้ตกๆไป...การที่ไม่มีใครสนใจ เป็นการทำลายจิตใจพวกมันมากที่สุด เดี๋ยวกระทู้ก็หล่นแล้ว
#13
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:38
แล้วไอ่เห รี้ยนี่ กองทัพจะว่าไง
ตำรวจเก่งๆแบบนี้น่าจะส่งไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้นะ
โจรใต้แมงคงกลัวหัวหดจนไม่กล้าออกมาปฏิบัติการ
มันคงไม่กล้าไปหรอกครับ
มันเก่งกับคนไม่มีอาวุธเท่านั้น
+10000000000
เห็นด้วยพวกนี้เก่งแต่กับประชาชนมือเปล่าเท่านั้นละ
เจอคนธรรมดาแค่เขาติดอาวุธหน่อยเท่านั้นแมงไปไม่เป็นแล้ว ตายหยังเขียด
อย่าว่าแต่ตะกวดเลยที่ไม่กล้าไปเบ่งกล้ามที่นั่น
ขนาดทหารยศนายสิบพอรู้ว่าจะถูกส่งไปชายแดน 3 จังหวัดใต้แมงลาออกเลย 55+
- Abraxas likes this
#14
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:41
ศอ.รส. อยากให้ชาตินองเลือด หรือ ??? ประกาศรับสมัครอาสาสมัครกระทืบผู้ชุมนุม หลักแสนคน พร้อมเบี้ยเลี้ยงวันละ 300 บ. และพกกระบอง โล่ห์ได้ ใช่หรือไม่ ???
วันนี้ ( 6 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเพจผู้ใช้นามว่า "Sunny Chaster" ได้แชร์ทางศอ.รส. รับสมัครหน่วยอาสาพิทักษ์รัฐบาล ซึ่งเป็นหน่วยอาสาสมัครกองหนุนเพื่อเป็นกองเสริมควบคุมฝูงชน โดยแสดงความเห็นทั้งหมดว่า "รัฐบาลกำลังจะทำให้กองกำลังเสื้อแดงถูกกฎหมาย ว่าจะไม่แชร์แต่อดไม่ได้ มีการกำลังรับสมัคร คนช่วยรัฐบาล ขณะนี้ ศอ.รส. ต้องการอาสาสมัครตำรวจกองหนุนเพื่อ เป็นกำลังเสริมหน่วยควบคุมฝูงชน คนดีผู้รักชาติ ท่านใดต้องการอาสาสมัครช่วยชาติ สามารถยื่นเป็นอาสาสมัครได้ที่สถานนีตร.ทุกแห่ง คุณสมบัติผู้สมัคร
1.ชายไทย สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์
2. อายุ 20-30 ปี
3. เคยผ่านหลักสูตรรด.
4. ไม่เคยต้องโทษคดีอาญา
โดยรับจำนวนทั้ง 1 แสนคน หรือ 100 กองทัพ
สิ่งที่อาสาสมัครจะได้รับ
1. หลักสูตรระยะสั้น
2. เครื่องแบบเจ้าหน้าที่อาสา
3. กระบองโล่ห์
4. รายได้หัวละ 300 บาท พร้อมเบี้ยเลี้ยงภัย อาหาร 3 มื้อ
5. ใบประกาศเกียรติคุณจากทางรัฐบาล
6. ประกันชีวิตคุ้มครองจากการบาดเจ็บและเสียชีวิต
ถ้าข่าวนี้เป็นจริงก็อย่าเสียเวลาแหกปากประท้วงอยู่อีกเลย
คงถึงเวลาแล้วล่ะที่จะหยิบอาวุธมาฆ่ากันจริงๆ
ก่อนจบหลักสูตรรัฐจะเอาเงินที่ไหนจ่าย วันละ 30 ล้านบาท สู้เอาเงินก้อนนี้จ่ายค่าจำนำข้าวยังได้ใจกว่า
- KundeT likes this
#15
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:42
แล้วไอ่เห รี้ยนี่ กองทัพจะว่าไง
ตำรวจเก่งๆแบบนี้น่าจะส่งไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้นะ
โจรใต้แมงคงกลัวหัวหดจนไม่กล้าออกมาปฏิบัติการ
มันคงไม่กล้าไปหรอกครับ
มันเก่งกับคนไม่มีอาวุธเท่านั้น
+10000000000
เห็นด้วยพวกนี้เก่งแต่กับประชาชนมือเปล่าเท่านั้นละ
เจอคนธรรมดาแค่เขาติดอาวุธหน่อยเท่านั้นแมงไปไม่เป็นแล้ว ตายหยังเขียด
อย่าว่าแต่ตะกวดเลยที่ไม่กล้าไปเบ่งกล้ามที่นั่น
ขนาดทหารยศนายสิบพอรู้ว่าจะถูกส่งไปชายแดน 3 จังหวัดใต้แมงลาออกเลย 55+
ตะกวด ก็ถึงกับมีการจับสลากวัดดวงนะครับ อิ อิ
- virote likes this
#16
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:55
แล้วไอ่เห รี้ยนี่ กองทัพจะว่าไง
ตำรวจเก่งๆแบบนี้น่าจะส่งไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้นะ
โจรใต้แมงคงกลัวหัวหดจนไม่กล้าออกมาปฏิบัติการ
มันคงไม่กล้าไปหรอกครับ
มันเก่งกับคนไม่มีอาวุธเท่านั้น
+10000000000
เห็นด้วยพวกนี้เก่งแต่กับประชาชนมือเปล่าเท่านั้นละ
เจอคนธรรมดาแค่เขาติดอาวุธหน่อยเท่านั้นแมงไปไม่เป็นแล้ว ตายหยังเขียด
อย่าว่าแต่ตะกวดเลยที่ไม่กล้าไปเบ่งกล้ามที่นั่น
ขนาดทหารยศนายสิบพอรู้ว่าจะถูกส่งไปชายแดน 3 จังหวัดใต้แมงลาออกเลย 55+
ตะกวด ก็ถึงกับมีการจับสลากวัดดวงนะครับ อิ อิ
เอามาให้อ่าน 1 หญิงแกร่ง
http://www.thairath....tent/pol/334870
Edited by กีรเต้, 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:56.
- อาวุโสโอเค and ซีมั่น โลช่า like this
ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ " https://www.facebook...akwarakfromyala https://www.facebook.com/NARAPEACE
#17
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:58
ไม่ได้สอนคนเสื้อแดงใช้อาวุธปืนอย่างเดียวหรอกครับ มีคนตามมันมานานแล้ว
Edited by Limmy, 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 20:04.
#18
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:59
แล้วไอ่เห รี้ยนี่ กองทัพจะว่าไง
ตำรวจเก่งๆแบบนี้น่าจะส่งไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้นะ
โจรใต้แมงคงกลัวหัวหดจนไม่กล้าออกมาปฏิบัติการ
มันคงไม่กล้าไปหรอกครับ
มันเก่งกับคนไม่มีอาวุธเท่านั้น
+10000000000
เห็นด้วยพวกนี้เก่งแต่กับประชาชนมือเปล่าเท่านั้นละ
เจอคนธรรมดาแค่เขาติดอาวุธหน่อยเท่านั้นแมงไปไม่เป็นแล้ว ตายหยังเขียด
อย่าว่าแต่ตะกวดเลยที่ไม่กล้าไปเบ่งกล้ามที่นั่น
ขนาดทหารยศนายสิบพอรู้ว่าจะถูกส่งไปชายแดน 3 จังหวัดใต้แมงลาออกเลย 55+
ตะกวด ก็ถึงกับมีการจับสลากวัดดวงนะครับ อิ อิ
เอามาให้อ่าน 1 หญิงแกร่ง
http://www.thairath....tent/pol/334870
สาธุ
#19
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 20:03
POPULAR
อันนี้เอามาจากเฟซบุ๊ค
https://www.facebook...531045386934945
หน้าที่และศรัทธา เกินค่ากว่าชีวี
หญิง สาวร่างเล็กบอบบาง หากพบเห็นเธอในเมืองกรุงคงไม่มีใครเชื่อว่าเธอคือผู้บังคับกองร้อยตำรวจ ตระเวนชายแดน สะพายปืนคุมชายฉกรรจ์ใต้บังคับบัญชานับร้อย รักษาความสงบอยู่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
ที่สำคัญ เธอเป็นตำรวจหญิงคนแรกที่ได้ทำหน้าที่ผู้บังคับกองร้อย คุมกำลัง
“เขา มีความตั้งใจ มุ่งมั่น ใจสู้ และปกครองตำรวจชายได้ ที่สำคัญผ่านการฝึกการรบและมีประสบการณ์ในภารกิจรักษาสันติภาพที่ประเทศ ติมอร์มาแล้ว จึงอยากให้เขานำประสบการณ์และทักษะที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เมื่อผมถามว่าจะลงมาปฏิบัติงานที่ จ.ยะลา ได้หรือไม่ เขาก็ตอบตกลงในทันที ไม่อิดออดแม้แต่นิดเดียว” พล.ต.ต.ลิขิต สุทธะพินทุ ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 กล่าวถึงการตัดสินใจให้ พ.ต.ท.หญิง กฤตยา ประดิษฐพงษ์ ผบ.ร้อย ตชด.412 จ.ชุมพร ลงมาเป็นหัวหน้าฝ่ายอำนวยการชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดน ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้
“หน้าที่ นี้ก็คือเสนาธิการ ดูแลทั้งกำลังพล การข่าว งานกิจการพิเศษ ปฏิบัติการจิตวิทยา และงานยุทธการ ดังนั้นจะนั่งอยู่แต่ใน บก.ไม่ได้ จะต้องลงพื้นที่ดูปฏิบัติการจริง ในเรื่องการจัดวางกำลัง การรักษาความปลอดภัยครู การปิดล้อมตรวจค้น ต้องรู้จริง ไม่ใช่รู้แค่ตัวหนังสือ ซึ่งทำให้เขาต้องลงพื้นที่ไม่ว่าทั้งกลางวันหรือกลางคืน เกิดเหตุโจมตีทุกครั้ง เขาก็ตามไปด้วยทุกครั้ง ทำให้มีประสบการณ์จริง เป็นทั้ง เสธ.และผู้ปฏิบัติ ซึ่งช่วยให้วางแผนได้ดี” ผู้การ ตชด.ภาค 4 บอกถึงหน้าที่ของ พ.ต.ท.หญิง กฤตยา
อะไรทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องลงมาปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงอันตรายในจังหวัดชายแดนภาคใต้
เธอ เป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด บ้านอยู่ใกล้ท่าพระจันทร์ เป็นลูกสาวคนโตของครอบครัว มีพี่น้องอีก 2 คน แต่คุณตาซึ่งเป็นอดีตทหารรับเธอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม
“ไม่ เคยมีความฝันจะเป็นตำรวจเลยค่ะ อยากเรียนวิทยาศาสตร์ทางทะเล เอนทรานซ์ติดที่มหาวิทยาลัยบูรพา เรียนได้ 1 ปี ด้วยความที่บอบบางเป็นโรคหอบหืดอย่างรุนแรงมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยถูกทางบ้านบังคับให้ลาออก”
พ.ต.ท.หญิง กฤตยา หรือผู้กองอุ้ย เล่าถึงความเป็นมาและจุดเปลี่ยนที่สำคัญของชีวิตด้วยน้ำเสียงใส
จาก มหาวิทยาลัยบูรพา เธอเข้าเรียนวิทยาลัยพยาบาลตำรวจ สถาบันสมทบในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบออกมาเป็นพยาบาลตำรวจ พร้อมกับการศึกษาต่อคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และปริญญาโทบริหารงานยุติธรรม คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“แต่จุดหักเหคือที่บ้าน ด้วยความที่เป็นเด็กดื้อ เกเร และบอบบาง ทำให้พ่อแม่ส่งมาให้อยู่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ก็ได้มารับใช้เบื้องยุคลบาทสมเด็จย่าและสมเด็จพระเทพฯ ถวายงานด้านตามเสด็จฯ เป็นหน่วยล่วงหน้าตรวจพื้นที่ ตรวจข้อมูลทำเป็นข้อมูลถวาย แล้วก็ต้องถวายการรักษาความปลอดภัย ตั้งใจกับงานตรงนี้มาก เพราะพระองค์ท่านเหนื่อยมากๆ อิดโรย ในถิ่นที่ทุรกันดาร ทรงงานเหนื่อยกว่าเราเยอะ ท่านทุ่มเท แต่สิ่งที่เราทำให้พระองค์ท่านเป็นเพียงส่วนเดียว”
ใช่ เพียงแค่ได้สวมเครื่องแบบ ตชด. แต่เมื่อสังกัดหน่วยนี้ แม้ในตำแหน่งผู้ช่วยนายเวรผู้บัญชาการ ตชด. และนายเวรผู้บังคับการ กองบังคับการสนับสนุน และผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค เธอต้องการที่จะเป็น ตชด.จริงๆ ที่ปฏิบัติการรบได้เช่นเดียวกับทหาร
“อยาก เป็น ตชด.จริงๆ ก็เลยไปฝึกร่มดิ่งพสุธา ตชด.สุดยอดที่สุดคือร่ม ต้องฝึกหนัก เป็นการสอนให้รู้จักภาวะฉุกเฉินในชีวิตจริง ทำอะไรสักอย่างต้องให้ถึงแก่น เมื่อได้เป็น ตชด. โรคหอบหืดรุนแรงวัยเด็กที่ทรมานปัจจุบันได้หายแล้ว อีกทั้งยังได้ไปเป็นนักวิ่งระยะสั้น 1,500-2,000 เมตร”
นอก จากนี้ เธอยังผ่านหลักสูตรยิงปืนรบพิเศษจากหน่วยแม่นปืนกองทัพบกสหรัฐอเมริกา และได้รับการคัดเลือกให้ร่วมกองกำลังตำรวจรักษาสันติภาพ สหประชาชาติ ในภารกิจที่ประเทศติมอร์เลสเตและเฮติ ระหว่างปี 2553-2554 หน้าที่สำคัญของเธอคืออารักขาประธานาธิปดีติมอร์เลสเตและน้องสาว ซึ่งเป็น รมว.ยุติธรรม
สำหรับ ชายแดนภาคใต้ แม้จะเพิ่งมีคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ได้เพียงไม่ถึง 1 ปี แต่อดีตนายเวรผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 ตั้งแต่ปี 2546 ทำให้เธอไม่ใช่คนหน้าใหม่ หลังดำรงตำแหน่ง ผบ.ร้อย ตชด.412 และย้ายไปอยู่ จ.ชุมพร เธอเอ่ยปากกับผู้บังคับบัญชาขอลงมาปฏิบัติหน้าที่ชายแดนภาคใต้ แต่ความเป็นผู้หญิงทำให้ถูกปฏิเสธทุกครั้ง
“เคยขอ นายตั้งแต่ปี 2547-2548 ว่าอยากลงมา นายไม่ให้ สุดท้ายปี 2555 ถึงได้ลงมาเต็มตัว แม่ยังไม่รู้นะว่ามาอยู่ จ.ยะลา คงจะรู้จากคราวนี้ละ” เธอหัวเราะเสียงใส
ไม่ น่าเชื่อว่าเสียงนี้จะเป็นน้ำเสียงเดียวกับเมื่อครั้งที่พูดกับลูกน้อง ตชด.ชายคนหนึ่งที่ร้องไห้ เพราะการจับสลากปรากฏผลว่าต้องลงมาพื้นที่ชายแดนภาคใต้
“บอก เขาว่า ถ้ามึงต้องไป ผู้กองจะไปด้วย เขายังถามเลยว่าผู้กองจะไปจริงๆ หรือ ก็บอกว่า จริงๆ สิ ผู้กองจะไปด้วย ตอนที่เราได้มาอยู่ที่นี่ลูกน้องผู้หญิงบางคนวิ่งเข้ามาจับมือเลย เขารู้ว่านายเคยสัญญาไว้” แม้เธอจะบอกว่าเป็นผู้หญิง 2 บุคลิก ในมุมหนึ่งอาจจะขี้เล่น สนุกสนาน แต่กับลูกน้องแล้วดุร้ายที่สุด ถึงขนาดเคยถูกลูกน้องขู่ฆ่า
“กว่าที่เราจะผ่านมาได้ เราผ่านจุดที่ต้องตัดสินใจจนลูกน้องเห็นชัดแล้วเขาจำ” แล้วเสียงหัวเราะของเธอก็ทำให้ภาพความดุร้ายเลือนหายไปสิ้น
นอก จากการชอบงานท้าทายแบบที่มองอะไรไม่เห็นและคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับลูกน้อง ที่ถูกส่งลงชายแดนใต้แล้ว การได้สัมผัสวิถีชีวิตและผู้คนชายแดนภาคใต้ เป็นแรงบันดาลใจให้เธออยากทำงานเข้าถึงเข้าใจประชาชน
“เรา เคารพเขา เขาก็จะรู้ว่าเราให้เกียรติเขา เป็นใจถึงใจ เวลาไปคุยกับผู้หญิงในพื้นที่เขาจะชอบ เพราะเราให้เกียรติเขา เราประทับใจในความสวยงาม”
แม้ วิถีชีวิตชายแดนใต้จะเปี่ยมเสน่ห์ แต่อันตรายก็ครอบคลุมอยู่แทบทุกพื้นที่ เธอบอกว่าเกิดมาก็ต้องตาย จะตายเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ทุกวันนี้เวลาลงพื้นที่เธอจะพยายามไม่รับโทรศัพท์ เพราะต้องระแวดระวังกับสิ่งผิดปกติรอบข้างให้มากที่สุด
“ถ้า เกิดอะไรขึ้นก็ขอให้ตายเลย ไม่อยากเจ็บ คิดเสมอนะคะ เพราะต้องลงพื้นที่อยู่เป็นประจำ ถ้ามีบุญก็ขอให้ตายไปเลย ไม่ใช่อยู่โดยเจ็บหรือพิการ ต้องตายในวันใดวันหนึ่งอยู่แล้ว ก็ขอทำหน้าที่ของเรา”
แม้จะเตรียมใจกับชะตาชีวิตที่ยากจะคาดเดา แต่บางคราวเมื่อเห็นความสูญเสียของเพื่อนร่วมอาชีพ เธอยอมรับว่าต้องแอบร้องไห้เหมือนกัน
“ใครตาย เราเองก็เสียใจแทนกับครอบครัว แทบจะร้องไห้ไปด้วย บางทีก็ต้องแอบร้องไห้นะ ไม่อยากให้ลูกน้องเห็น”
9 ปีของสถานการณ์ความรุนแรงชายแดนภาคใต้ หยาดน้ำตาของผู้สูญเสียและหวาดกลัวนับล้าน หากรองรับกักเก็บไว้ได้ คงเนืองนองเต็มแผ่นดิน
แม้ จะยังมองไม่เห็นถึงสันติสุข แม้ไม่อาจล่วงรู้ว่าความรุนแรงจะสิ้นสุดยุติเมื่อใด แต่อย่างน้อยในภาวะวิกฤตก็ยังเผยให้เห็นพลังแห่งศรัทธาของผู้คนอีกไม่น้อย ซึ่งทุ่มเทกอบกู้ให้ความหวังนั้นกลับคืนมา
**********************
ประวัติการฝึกอบรม
๐ กระโดดร่มแบบกระตุกเอง
๐ หลักสูตรระเบียบการนำหน่วยและนักแม่นปืนพกสั้น หน่วยรบพิเศษ กองทัพบกสหรัฐอเมริกา ร่วมกับ D.E.A
๐ การเจรจาต่อรอง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
๐ หลักสูตรเตรียมความพร้อมเพื่อเข้ารับการสอบคัดเลือกเข้าปฏิบัติหน้าที่รักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติ
๐ หลักสูตรปฏิบัติการจิตวิทยาฝ่ายอำนวยการ รุ่นที่ 111 สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ
หน้าที่ได้รับมอบหมายพิเศษ
๐ ผู้ประสานงานโครงการตามพระราชดำริ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภาคภาษาอังกฤษ เพื่อรับพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศ
๐ ผู้ประสานงานชายแดนไทย-พม่า
๐ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 41 (ช่วยเหลือผู้ประสบภัย)
๐ รองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการคุมกำลังพลช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ ปี 2547 ที่ จ.ระนอง และพังงา
การปฏิบัติราชการพิเศษ
๐ ตำรวจองค์การสหประชาชาติ รักษาสันติภาพในประเทศติมอร์ เลสเต ได้รับมอบหมายให้รักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ดังนี้
1.Mr.Xavier Amaral ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศติมอร์ เลสเต
2.Dr.Lucia Lobato รมว.ยุติธรรม ประเทศติมอร์ เลสเต
๐ หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัย อัยการนานาชาติ ขององค์การสหประชาชาติ
www.facebook.com/narapeace เพจที่ไม่ใช่แค่ให้กำลังใจ เพื่อนๆ และ เจ้าหน้าที่ ใน จชต แต่เราร่วมลงพื้นที่ไปพร้อมๆกัน ให้กำลังใจกัน ช่วยเหลือกัน อยู่เคียงข้างกัน และมีสาระเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดี ในพื้นที่ จชต ครับ
Edited by กีรเต้, 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 20:19.
ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ " https://www.facebook...akwarakfromyala https://www.facebook.com/NARAPEACE
#20
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 20:35
แล้วไอ่เห รี้ยนี่ กองทัพจะว่าไง
ตำรวจเก่งๆแบบนี้น่าจะส่งไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้นะ
โจรใต้แมงคงกลัวหัวหดจนไม่กล้าออกมาปฏิบัติการ
ลงไปพร้อมกับลูกไอ้เหลิมท่าจะดีนะ เห็นว่าแม่นปืน
- osamu and ซีมั่น โลช่า like this
#21
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 20:37
POPULAR
ถ้าวันไหนกำนันสุเทพเลิกโหมดอหิงสา ผมขอเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังติดอาวุธครับ แก่แล้วแต่มีประสพการณ์ในการใช้อาวุธ ทั้งอาวุธสงครามไม่สงคราม รวมๆแล้วก็ยี่สิบปี ไม่ต้องฝึกให้เสียเวลา แบบว่าอยากสอยแกนนำควายแดงซักพวง
ส่วนไอ้ขี้ยาเสพ โลโซ สงสัยเงินหมด คงกำลังหาตลาดใหม่ๆ อย่าไปให้ราคามัน
#22
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 20:38
แล้วไอ่เห รี้ยนี่ กองทัพจะว่าไง
ตำรวจเก่งๆแบบนี้น่าจะส่งไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้นะ
โจรใต้แมงคงกลัวหัวหดจนไม่กล้าออกมาปฏิบัติการ
ลงไปพร้อมกับลูกไอ้เหลิมท่าจะดีนะ เห็นว่าแม่นปืน
น่าจะแม่นปืนอย่างว่านะครับ
แม่นปืนระยะประชิด ฮ่า ฮ่า ฮ่า
- Abraxas and ที่บ้านเคร่งเรื่องมารยาท like this
#23
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 20:57
ถ้าวันไหนกำนันสุเทพเลิกโหมดอหิงสา ผมขอเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังติดอาวุธครับ แก่แล้วแต่มีประสพการณ์ในการใช้อาวุธ ทั้งอาวุธสงครามไม่สงคราม รวมๆแล้วก็ยี่สิบปี ไม่ต้องฝึกให้เสียเวลา แบบว่าอยากสอยแกนนำควายแดงซักพวง
ส่วนไอ้ขี้ยาเสพ โลโซ สงสัยเงินหมด คงกำลังหาตลาดใหม่ๆ อย่าไปให้ราคามัน
ฝีมือก็คงหมดไปด้วยรึเปล่า
- so what? likes this
#25
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 21:32
ถ้าวันไหนกำนันสุเทพเลิกโหมดอหิงสา ผมขอเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังติดอาวุธครับ แก่แล้วแต่มีประสพการณ์ในการใช้อาวุธ ทั้งอาวุธสงครามไม่สงคราม รวมๆแล้วก็ยี่สิบปี ไม่ต้องฝึกให้เสียเวลา แบบว่าอยากสอยแกนนำควายแดงซักพวง
ส่วนไอ้ขี้ยาเสพ โลโซ สงสัยเงินหมด คงกำลังหาตลาดใหม่ๆ อย่าไปให้ราคามัน
ฝีมือก็คงหมดไปด้วยรึเปล่า
สงครามกลางเมืองไม่ต้องใช้ฝีมือขั้นเทพครับ
แค่ใช้อาวุธเป็น มีแรงวิ่ง ฉลาดกว่าควายแดง
แค่นี้ก็หรูแล้ว
- osamu likes this
#26
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 21:38
อยากให้เพื่อนๆ ศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทยในปี ๒๕๐๐ เพื่อเป็นแนวทางว่าเราจะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ได้หรือไม่ ทุกท่านจะให้คำตอบแก่ตัวเองได้ มาดูกัน
สาเหตุของการรัฐประหารสืบเนื่องจากความแตกแยกกันระหว่างกลุ่มทหาร ที่นำโดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบก กับ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ ที่ค้ำอำนาจของรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม
การเลือกตั้งทั่วไปที่เกิดขึ้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 ไม่อาจทำให้ประชาชนยอมรับในผลได้ เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งที่นับได้ว่ามีการโกงกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ ใช้เครื่องบินโปรยใบปลิวโจมตีฝ่ายตรงข้าม ข่มขู่ชาวบ้าน ประชาชน ให้เลือกแต่ผู้สมัครของพรรคเสรีมนังคศิลา ของรัฐบาล หรือ การเวียนเทียนมาลงคะแนน การสลับหีบบัตร การแอบหย่อนบัตรคะแนนเถื่อนเข้าไปในหีบ และต้องใช้เวลานับคะแนนกันนานถึง 7 วัน ด้วยกัน ผลการเลือกตั้ง พรรคเสรีมนังคศิลา ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้เสียงข้างมาก ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคฝ่ายค้านคู่แข่งได้เพียง 2 ที่นั่ง เท่านั้นในจังหวัดพระนคร และธนบุรี และทั่วประเทศได้เพียง 30 ที่นั่ง
2 มีนาคม นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและประชาชนร่วมกันเดินขบวนประท้วงการเลือกตั้ง มีการลดธงเหลือแค่ครึ่งเสาเป็นการไว้อาลัย และเรียกร้องให้ พล.อ.ท.มุนี มหาสันทนะ เวชยันต์รังสฤษฎ์ ซึ่งเป็น ส.ส.สังกัดพรรคเสรีมนังคศิลา ลาออกจากตำแหน่งอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จอมพล ป. นายกรัฐมนตรี สั่งประกาศภาวะฉุกเฉิน และแต่งตั้งให้ จอมพลสฤษดิ์ เป็นผู้ปราบปรามการชุมนุม แต่เมื่อฝูงชนเดินทางมาถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์แล้ว จอมพลสฤษดิ์กลับเป็นผู้นำเดินขบวน พาฝูงชนข้ามสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยกล่าวว่า ทหารจะไม่มีวันทำร้ายประชาชน และเมื่อถึงหน้าทำเนียบรัฐบาลได้เป็นผู้เปิดประตูทำเนียบ นำพาประชาชนเข้าพบ จอมพล ป. พิบูลสงคราม จนกระทั่งจอมพล ป. ต้องลงมาเจรจาด้วยตนเองที่บันไดหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อได้เจรจากันแล้ว จึงได้ข้อสรุปว่า จอมพล ป. ยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ชอบมาพากลและจะจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ จึงได้พูดผ่านโทรโข่งขอให้ผู้ชุมนุมสลายตัวไปอย่างสงบ และขอให้อัญเชิญธงขึ้นสู่ยอดเสาตามปกติ ซึ่งก็ได้เป็นไปตามอย่างที่ จอมพลสฤษดิ์ ร้องขอทุกประการ ซึ่งการเดินขบวนประท้วงครั้งนี้นับเป็นการชุมนุมทางการเมืองเป็นครั้งแรกของประชาชนชาวไทยนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา
ในส่วนของ จอมพลสฤษดิ์ ที่ได้มีท่าทีเช่นนี้ นับว่าได้สร้างความนิยมขึ้นอย่างมากในหมู่ประชาชน แต่ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ท้าทายอำนาจจอมพล ป. เพราะหลังจากนี้ จอมพลสฤษดิ์ยังได้ประกาศด้วยตนเองผ่านทางวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเป็นนัยทิ้งท้ายโดยกล่าวถึงผู้ชุมนุมที่ผ่านมาว่า "แล้วพบกันใหม่ เมื่อชาติต้องการ" จึงทำให้มีความแตกแยกและหวาดระแวงกันเองระหว่าง ฝ่ายทหารที่สนับสนุน จอมพลสฤษดิ์ และฝ่ายทหารและตำรวจที่สนับสนุน จอมพล ป.
สภาพโดยทั่วไปแล้วในเวลานั้น บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะของความวุ่นวาย นักเลง อันธพาล อาละวาดป่วนเมืองราวกับไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งนี้ เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า ที่เหล่าอันธพาลสามารถกระทำการได้โดยได้ใจนั้น เป็นเพราะมีตำรวจ โดย พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจให้การสนับสนุนอยู่ และจากนั้นมา ทหารและตำรวจก็เกิดความแตกแยกกัน โดยไฮปาร์คโจมตีกันบนลังสบู่ที่ท้องสนามหลวงสลับกันวันต่อวัน ในบางครั้ง ทหารชั้นประทวนก็ยกพวกล้อมสถานีตำรวจจนเกิดเหตุทำร้ายร่างกายตำรวจบ้าง แต่ก็ไม่เกิดเหตุรุนแรงมากไปกว่านั้น
14 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิด 60 ปี ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เข้าอวยพรวันเกิดและนำลูกสุนัขตัวหนึ่งมอบให้เป็นของขวัญ พร้อมกล่าวว่าจะจงรักภักดีต่อจอมพล ป. เช่นเดียวกับสุนัขตัวนี้ เพื่อเป็นการสยบความขัดแย้ง
15 กันยายน จอมพล ป. หลังกลับจากเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เมื่อมีสื่อมวลชน โดยนายทองใบ ทองเปาด์ ได้ถามว่า มีความขัดแย้งกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจริงหรือไม่ เพราะก่อนหน้านั้นในงานฉลองกึ่งพุทธกาล และงานวิสาขบูชา ที่ทางรัฐบาลได้จัดเป็นงานครั้งใหญ่ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มิได้เสด็จมา จึงทำให้มีการวิจารณ์ไปทั่วว่า รัฐบาลมีความขัดแย้งกับทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ทางจอมพล ป. ได้ปฏิเสธและไม่ขอตอบคำถามต่อ และได้รีบขึ้นรถยนต์จากไป ต่อมาทางด้าน จอมพลสฤษดิ์ และคณะนายทหารในบังคับบัญชา ได้มีแถลงการณ์ขอให้ จอมพล ป. ลาออก และ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ลาออกจากตำแหน่งทั้งหมด ซึ่งหลังจากแถลงการณ์อันนี้ออกมาแล้ว มีรายงานที่เชื่อถือได้ว่า สมาชิกพรรคเสรีมนังคศิลาเสนอให้ จอมพล ป. จัดการอย่างเด็ดขาดกับ จอมพลสฤษดิ์ และกลุ่มทหารในวันพรุ่งนี้ เท่ากับเป็นการบีบบังคับให้ จอมพลสฤษดิ์ ตัดสินใจอย่างแน่นอนในการทำรัฐประหารเพื่อเป็นการตัดหน้า
การรัฐประหารเกิดขึ้นในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 พล.ท.ประภาส จารุเสถียร แม่ทัพภาคที่ 1 ใช้รถถัง รถหุ้มเกราะและกำลังพล กระจายกำลังออกยึดจุดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ เช่น หอประชุมกองทัพบก ที่ถนนราชดำเนินนอก เป็นต้น ในส่วนของ กองบัญชาการตำรวจกองปราบ ที่สามยอด ซึ่งเป็นที่บัญชาการของ พล.ต.อ.เผ่า ได้รับคำสั่งให้ยึดให้ได้ภายใน 120 นาที ก็สามารถยึดได้โดยเรียบร้อย โดย ร.ท.เชาว์ ดีสุวรรณ ในขณะที่ พล.จ.กฤษณ์ สีวะรา รองแม่ทัพภาคที่ 1 พ.ท.เอิบ แสงฤทธิ์ พ.ต.เรืองศักดิ์ ชุมะสุวรรณ พ.อ.เอื้อม จิรพงษ์ และ ร.อ.ทวิช เปล่งวิทยา ได้นำกำลังกระทำยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า "เข้าตีรังแตน" โดยนำกองกำลังทหารราบที่ 1 พัน 3 บุกเข้าไปยึดวังปารุสกวัน ซึ่งเป็นกองบัญชาการตำรวจนครบาล จากนั้นจึงติดตามด้วยกองกำลังรถถัง ในขณะที่กองทัพเรือ พล.ร.อ.หลวงชำนาญอรรถยุทธ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งวิทยุเรียกเรือรบ 2 ลำ ยึดท่าวาสุกรี และส่งกำลังส่วนหนึ่งยึดบริเวณหน้าวัดราชาธิวาส เพื่อประสานงานยึดอำนาจ จนกระทั่งการยึดอำนาจผ่านไปอย่างเรียบร้อย
ขณะที่ฝ่าย จอมพล ป. พิบูลสงคราม รู้ล่วงหน้าก่อนเพียงไม่กี่นาที จึงตัดสินใจหลบหนีโดยไม่ต่อสู้ โดยเดินทางไปโดยรถยนต์ประจำตัวนายกรัฐมนตรียี่ห้อฟอร์ด รุ่นธันเดอร์เบิร์ด พร้อมกับคนติดตามเพียง 3 คน เท่านั้นคือ นายฉาย วิโรจน์ศิริ เลขานุการส่วนตัว พ.ต.อ.ชุมพล โลหะชาละ นายตำรวจติดตามตัว และ พ.ท.บุลศักดิ์ วรรณมาศ ทั้งหมดได้หลบหนีไปทางจังหวัดตราด และว่าจ้างเรือประมงลำหนึ่งเดินทางไปที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา ก่อนลงเรือ จอมพล ป. ได้ให้ พ.ท.บุลศักดิ์ นำรถไปคืนสำนักนายกรัฐมนตรี และเข้าพบหัวหน้าคณะปฏิวัติ คือ พล.อ.สฤษดิ์ ว่า ทั้ง 3 ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ขออย่าได้ติดตามไปเลย
ขณะที่ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ยังมิได้หลบหนีไปเหมือนจอมพล ป. แต่ถูกควบคุมตัวเข้ากองบัญชาการคณะปฏิวัติ พร้อมกับกล่าวว่า "อั๊วมาแล้ว จะเอายังไงก็ว่ามา" แต่ในวันรุ่งขึ้น พล.ต.อ.เผ่า ก็ถูกบีบให้เดินทางออกนอกประเทศไป จนในที่สุด ก็เสียชีวิตที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. 2503
การรัฐประหารในครั้งนี้ นับเป็นการรัฐประหารอีกครั้งที่ผลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยไปโดยสิ้นเชิง เพราะนับเป็นการขจัดฐานอำนาจเก่าของจอมพล ป. พิบูลสงคราม อย่างเด็ดขาด และหลังจากนั้น อำนาจทั้งหมดก็ตกอยู่ที่ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ต่อมาก็ได้กระทำการรัฐประหารอีกครั้งในวันที่ 20 ตุลาคม ในปีต่อมา เมื่อไม่สามารถควบคุมความวุ่นวายในสภา ฯ ได้ และเป็นที่มาของการใช้อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด ตามรัฐธรรมนูญมาตราที่ 17 ที่มอบอำนาจให้นายกรัฐมนตรีสามารถส่งการให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อผู้ที่กระทำการเป็นปรปักษ์ต่อความมั่นคงของรัฐได้ทันที
ในส่วนของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หลังจากหลบหนีไปทางกัมพูชาแล้ว ก็ลี้ภัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 3 เดือน จากนั้นจึงเดินทางไปบวชที่วัดไทยพุทธคยาประเทศอินเดีย อุปสมบท ณ วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2503 และขอลี้ภัยการเมืองเข้าประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง ณ ที่นั่น จอมพล ป. และครอบครัวได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากรัฐบาลญี่ปุ่น เนื่องจากญี่ปุ่นถือว่าจอมพล ป. มีบุญคุณต่อประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นผู้อนุมัติให้ทหารญี่ปุ่นสามารถยกพลเข้าสู่ประเทศไทยได้โดยง่ายดาย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ทหารญี่ปุ่นจำนวนมากมิต้องล้มตาย และจอมพล ป. ก็ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบ ๆ ที่บ้านพักย่านชานกรุงโตเกียว จนกระทั่งถึงแก่กรรม ในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2507 ด้วยอายุ 67 ปี ต่อมา ครอบครัวได้ทำการฌาปนกิจที่นั่น และนำอัฐิกลับสู่ประเทศไทยในวันที่ 27 มิถุนายน ปีเดียวกัน ท่ามกลางพิธีรับจากกองทหารเกียรติยศจากทั้งกองทัพบกและกองทัพอากาศ ตามนี้
http://th.wikipedia....ทศไทย_พ.ศ._2500
อย่าให้ความชั่วร้ายครอบงำเรา จนไม่รู้จักผิดชอบดีชั่ว
#27
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 21:39
คนเอาภาพเฟสปลอมมาลง
ก็บ้าจี้เล่นกับเขาไปหมด
""คนโง่ไม่ควรมีสิทธิเท่าคนฉลาด""
เราเองก็อย่าโง่ตามเขาไปด้วย
- PeaceMan likes this
*** ช่วยกันไม่ตอบกระทู้ป่วน เพราะมันไม่ได้ต้องการคำตอบ หรือเหตุผล แค่มายั่ว
ปล่อยให้ตกๆไป...การที่ไม่มีใครสนใจ เป็นการทำลายจิตใจพวกมันมากที่สุด เดี๋ยวกระทู้ก็หล่นแล้ว
#28
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 21:51
เดี๋ยวนี้พวกแดงฮาร์ดคอร์ แต่งชุดดำ ผูกผ้าแดง ใส่หมวกเบรเร่ห์ แว่นตา/ไอ้โม่งสีดำ พกปืน
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ชนะสงคราม คือ ความแข็งแกร่ง และ อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
คุณธรรมที่พร้ำสอน ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นรองลงมา ส่วน ประชาธิปไตยน่ะรึ เอาเข้าจริงๆ สำคัญอันใด??
#29
ตอบ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:12
อยากให้เพื่อนๆ ศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทยในปี ๒๕๐๐ เพื่อเป็นแนวทางว่าเราจะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ได้หรือไม่ ทุกท่านจะให้คำตอบแก่ตัวเองได้ มาดูกัน
สาเหตุของการรัฐประหารสืบเนื่องจากความแตกแยกกันระหว่างกลุ่มทหาร ที่นำโดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบก กับ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ ที่ค้ำอำนาจของรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม
การเลือกตั้งทั่วไปที่เกิดขึ้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 ไม่อาจทำให้ประชาชนยอมรับในผลได้ เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งที่นับได้ว่ามีการโกงกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ ใช้เครื่องบินโปรยใบปลิวโจมตีฝ่ายตรงข้าม ข่มขู่ชาวบ้าน ประชาชน ให้เลือกแต่ผู้สมัครของพรรคเสรีมนังคศิลา ของรัฐบาล หรือ การเวียนเทียนมาลงคะแนน การสลับหีบบัตร การแอบหย่อนบัตรคะแนนเถื่อนเข้าไปในหีบ และต้องใช้เวลานับคะแนนกันนานถึง 7 วัน ด้วยกัน ผลการเลือกตั้ง พรรคเสรีมนังคศิลา ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้เสียงข้างมาก ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคฝ่ายค้านคู่แข่งได้เพียง 2 ที่นั่ง เท่านั้นในจังหวัดพระนคร และธนบุรี และทั่วประเทศได้เพียง 30 ที่นั่ง
2 มีนาคม นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและประชาชนร่วมกันเดินขบวนประท้วงการเลือกตั้ง มีการลดธงเหลือแค่ครึ่งเสาเป็นการไว้อาลัย และเรียกร้องให้ พล.อ.ท.มุนี มหาสันทนะ เวชยันต์รังสฤษฎ์ ซึ่งเป็น ส.ส.สังกัดพรรคเสรีมนังคศิลา ลาออกจากตำแหน่งอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จอมพล ป. นายกรัฐมนตรี สั่งประกาศภาวะฉุกเฉิน และแต่งตั้งให้ จอมพลสฤษดิ์ เป็นผู้ปราบปรามการชุมนุม แต่เมื่อฝูงชนเดินทางมาถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์แล้ว จอมพลสฤษดิ์กลับเป็นผู้นำเดินขบวน พาฝูงชนข้ามสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยกล่าวว่า ทหารจะไม่มีวันทำร้ายประชาชน และเมื่อถึงหน้าทำเนียบรัฐบาลได้เป็นผู้เปิดประตูทำเนียบ นำพาประชาชนเข้าพบ จอมพล ป. พิบูลสงคราม จนกระทั่งจอมพล ป. ต้องลงมาเจรจาด้วยตนเองที่บันไดหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อได้เจรจากันแล้ว จึงได้ข้อสรุปว่า จอมพล ป. ยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ชอบมาพากลและจะจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ จึงได้พูดผ่านโทรโข่งขอให้ผู้ชุมนุมสลายตัวไปอย่างสงบ และขอให้อัญเชิญธงขึ้นสู่ยอดเสาตามปกติ ซึ่งก็ได้เป็นไปตามอย่างที่ จอมพลสฤษดิ์ ร้องขอทุกประการ ซึ่งการเดินขบวนประท้วงครั้งนี้นับเป็นการชุมนุมทางการเมืองเป็นครั้งแรกของประชาชนชาวไทยนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา
ในส่วนของ จอมพลสฤษดิ์ ที่ได้มีท่าทีเช่นนี้ นับว่าได้สร้างความนิยมขึ้นอย่างมากในหมู่ประชาชน แต่ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ท้าทายอำนาจจอมพล ป. เพราะหลังจากนี้ จอมพลสฤษดิ์ยังได้ประกาศด้วยตนเองผ่านทางวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเป็นนัยทิ้งท้ายโดยกล่าวถึงผู้ชุมนุมที่ผ่านมาว่า "แล้วพบกันใหม่ เมื่อชาติต้องการ" จึงทำให้มีความแตกแยกและหวาดระแวงกันเองระหว่าง ฝ่ายทหารที่สนับสนุน จอมพลสฤษดิ์ และฝ่ายทหารและตำรวจที่สนับสนุน จอมพล ป.
สภาพโดยทั่วไปแล้วในเวลานั้น บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะของความวุ่นวาย นักเลง อันธพาล อาละวาดป่วนเมืองราวกับไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งนี้ เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า ที่เหล่าอันธพาลสามารถกระทำการได้โดยได้ใจนั้น เป็นเพราะมีตำรวจ โดย พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจให้การสนับสนุนอยู่ และจากนั้นมา ทหารและตำรวจก็เกิดความแตกแยกกัน โดยไฮปาร์คโจมตีกันบนลังสบู่ที่ท้องสนามหลวงสลับกันวันต่อวัน ในบางครั้ง ทหารชั้นประทวนก็ยกพวกล้อมสถานีตำรวจจนเกิดเหตุทำร้ายร่างกายตำรวจบ้าง แต่ก็ไม่เกิดเหตุรุนแรงมากไปกว่านั้น
14 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิด 60 ปี ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เข้าอวยพรวันเกิดและนำลูกสุนัขตัวหนึ่งมอบให้เป็นของขวัญ พร้อมกล่าวว่าจะจงรักภักดีต่อจอมพล ป. เช่นเดียวกับสุนัขตัวนี้ เพื่อเป็นการสยบความขัดแย้ง
15 กันยายน จอมพล ป. หลังกลับจากเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เมื่อมีสื่อมวลชน โดยนายทองใบ ทองเปาด์ ได้ถามว่า มีความขัดแย้งกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจริงหรือไม่ เพราะก่อนหน้านั้นในงานฉลองกึ่งพุทธกาล และงานวิสาขบูชา ที่ทางรัฐบาลได้จัดเป็นงานครั้งใหญ่ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มิได้เสด็จมา จึงทำให้มีการวิจารณ์ไปทั่วว่า รัฐบาลมีความขัดแย้งกับทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ทางจอมพล ป. ได้ปฏิเสธและไม่ขอตอบคำถามต่อ และได้รีบขึ้นรถยนต์จากไป ต่อมาทางด้าน จอมพลสฤษดิ์ และคณะนายทหารในบังคับบัญชา ได้มีแถลงการณ์ขอให้ จอมพล ป. ลาออก และ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ลาออกจากตำแหน่งทั้งหมด ซึ่งหลังจากแถลงการณ์อันนี้ออกมาแล้ว มีรายงานที่เชื่อถือได้ว่า สมาชิกพรรคเสรีมนังคศิลาเสนอให้ จอมพล ป. จัดการอย่างเด็ดขาดกับ จอมพลสฤษดิ์ และกลุ่มทหารในวันพรุ่งนี้ เท่ากับเป็นการบีบบังคับให้ จอมพลสฤษดิ์ ตัดสินใจอย่างแน่นอนในการทำรัฐประหารเพื่อเป็นการตัดหน้า
การรัฐประหารเกิดขึ้นในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 พล.ท.ประภาส จารุเสถียร แม่ทัพภาคที่ 1 ใช้รถถัง รถหุ้มเกราะและกำลังพล กระจายกำลังออกยึดจุดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ เช่น หอประชุมกองทัพบก ที่ถนนราชดำเนินนอก เป็นต้น ในส่วนของ กองบัญชาการตำรวจกองปราบ ที่สามยอด ซึ่งเป็นที่บัญชาการของ พล.ต.อ.เผ่า ได้รับคำสั่งให้ยึดให้ได้ภายใน 120 นาที ก็สามารถยึดได้โดยเรียบร้อย โดย ร.ท.เชาว์ ดีสุวรรณ ในขณะที่ พล.จ.กฤษณ์ สีวะรา รองแม่ทัพภาคที่ 1 พ.ท.เอิบ แสงฤทธิ์ พ.ต.เรืองศักดิ์ ชุมะสุวรรณ พ.อ.เอื้อม จิรพงษ์ และ ร.อ.ทวิช เปล่งวิทยา ได้นำกำลังกระทำยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า "เข้าตีรังแตน" โดยนำกองกำลังทหารราบที่ 1 พัน 3 บุกเข้าไปยึดวังปารุสกวัน ซึ่งเป็นกองบัญชาการตำรวจนครบาล จากนั้นจึงติดตามด้วยกองกำลังรถถัง ในขณะที่กองทัพเรือ พล.ร.อ.หลวงชำนาญอรรถยุทธ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งวิทยุเรียกเรือรบ 2 ลำ ยึดท่าวาสุกรี และส่งกำลังส่วนหนึ่งยึดบริเวณหน้าวัดราชาธิวาส เพื่อประสานงานยึดอำนาจ จนกระทั่งการยึดอำนาจผ่านไปอย่างเรียบร้อย
ขณะที่ฝ่าย จอมพล ป. พิบูลสงคราม รู้ล่วงหน้าก่อนเพียงไม่กี่นาที จึงตัดสินใจหลบหนีโดยไม่ต่อสู้ โดยเดินทางไปโดยรถยนต์ประจำตัวนายกรัฐมนตรียี่ห้อฟอร์ด รุ่นธันเดอร์เบิร์ด พร้อมกับคนติดตามเพียง 3 คน เท่านั้นคือ นายฉาย วิโรจน์ศิริ เลขานุการส่วนตัว พ.ต.อ.ชุมพล โลหะชาละ นายตำรวจติดตามตัว และ พ.ท.บุลศักดิ์ วรรณมาศ ทั้งหมดได้หลบหนีไปทางจังหวัดตราด และว่าจ้างเรือประมงลำหนึ่งเดินทางไปที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา ก่อนลงเรือ จอมพล ป. ได้ให้ พ.ท.บุลศักดิ์ นำรถไปคืนสำนักนายกรัฐมนตรี และเข้าพบหัวหน้าคณะปฏิวัติ คือ พล.อ.สฤษดิ์ ว่า ทั้ง 3 ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ขออย่าได้ติดตามไปเลย
ขณะที่ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ยังมิได้หลบหนีไปเหมือนจอมพล ป. แต่ถูกควบคุมตัวเข้ากองบัญชาการคณะปฏิวัติ พร้อมกับกล่าวว่า "อั๊วมาแล้ว จะเอายังไงก็ว่ามา" แต่ในวันรุ่งขึ้น พล.ต.อ.เผ่า ก็ถูกบีบให้เดินทางออกนอกประเทศไป จนในที่สุด ก็เสียชีวิตที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. 2503
การรัฐประหารในครั้งนี้ นับเป็นการรัฐประหารอีกครั้งที่ผลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยไปโดยสิ้นเชิง เพราะนับเป็นการขจัดฐานอำนาจเก่าของจอมพล ป. พิบูลสงคราม อย่างเด็ดขาด และหลังจากนั้น อำนาจทั้งหมดก็ตกอยู่ที่ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ต่อมาก็ได้กระทำการรัฐประหารอีกครั้งในวันที่ 20 ตุลาคม ในปีต่อมา เมื่อไม่สามารถควบคุมความวุ่นวายในสภา ฯ ได้ และเป็นที่มาของการใช้อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด ตามรัฐธรรมนูญมาตราที่ 17 ที่มอบอำนาจให้นายกรัฐมนตรีสามารถส่งการให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อผู้ที่กระทำการเป็นปรปักษ์ต่อความมั่นคงของรัฐได้ทันที
ในส่วนของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หลังจากหลบหนีไปทางกัมพูชาแล้ว ก็ลี้ภัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 3 เดือน จากนั้นจึงเดินทางไปบวชที่วัดไทยพุทธคยาประเทศอินเดีย อุปสมบท ณ วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2503 และขอลี้ภัยการเมืองเข้าประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง ณ ที่นั่น จอมพล ป. และครอบครัวได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากรัฐบาลญี่ปุ่น เนื่องจากญี่ปุ่นถือว่าจอมพล ป. มีบุญคุณต่อประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นผู้อนุมัติให้ทหารญี่ปุ่นสามารถยกพลเข้าสู่ประเทศไทยได้โดยง่ายดาย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ทหารญี่ปุ่นจำนวนมากมิต้องล้มตาย และจอมพล ป. ก็ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบ ๆ ที่บ้านพักย่านชานกรุงโตเกียว จนกระทั่งถึงแก่กรรม ในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2507 ด้วยอายุ 67 ปี ต่อมา ครอบครัวได้ทำการฌาปนกิจที่นั่น และนำอัฐิกลับสู่ประเทศไทยในวันที่ 27 มิถุนายน ปีเดียวกัน ท่ามกลางพิธีรับจากกองทหารเกียรติยศจากทั้งกองทัพบกและกองทัพอากาศ ตามนี้
หักเหลี่ยมกันดี น่าเอามาสร้างเป็นหนังนะครับ
- Delta_PCP likes this
#30
ตอบ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 00:42
ไม่ต้องเชื่อผม ลองหาพรรคพวก ใน ทบ. สอบถามกันเองครับ
เฟสบุค วาสนา นาน่วมวันนี้ ระบุ กองทัพเป็นห่วงกรณีมีการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธของฝั่ง... แต่กองทัพพร้อมปกป้อง ปชช
ผมเคยเขียนถึงเรื่องนี้มาแล้ว ว่าเหตุที่กองทัพนิ่ง เพราะมีการจัดตั้งกองกำลังเตรียมต่อต้านไว้
ปรกติ กองทัพจะไม่ออกมาให้ข่าวลักษณะนี้ง่ายๆ มีแต่ Leak กันออกมาเอง
รอบนี้น่าจับตา Wind of Change มาแรง
คงมีเหตุการณ์ก่อนที่ประเทศจะล้มเหลวกว่านี้
ถ้าถึง วัน ว เวลา น รอบนี้แรงเร็ว และเรียบ ชัวร์
คำเตือนมีแค่ มาเมื่อไร พ่อแม่พี่น้อง เก็บตัวอยู่บ้าน ปล่อยให้ เขาแยกแยะ ดี เลว ง่ายๆ
ใครฝ่าฝืน กฎอัยการศึก คาดว่า เรียบไม่เหลือหลอ
รอต่อไปนะ
ในเฟสไม่ได้เขียนแบบนี้นี่ครับ อย่าเรียบเรียงใหม่ และไปไกลจนเป็นอีกเรื่องเลย
"เริ่มมีข่าวถึงขั้นว่ามีการเตรียมกองกำลังติดอาวุธให้กับประชาชน
ซึ่งนับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นจริง ๆ"
#31
ตอบ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 00:47
อดทน....ถึงที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ โวย ถูก เวทีเหลือง-แดง พาดพิง เสียหาย แต่จะอดทน ยันประเทศชาติตัองเยียวยา อย่าใช้ยาผิด ยาแรงเกินไปไม่ได้ แฉ มีการเตรียมกองกำลังติดอาวุธ ลั่นจะไม่ยอมให้ใคร มาทำร้ายประชาชน หนุนการปฏิรูป เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
ประโยคนี้ สรุปทุกอย่างชัดเจนแล้วครับ
- zeedzaad, Get_Backer, phoebus and 5 others like this
#32
ตอบ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 04:38
Edited by Moo3storey, 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 04:40.
#33
ตอบ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 06:14
เป็นเพราะกระแสนี้ด้วยหรือเปล่าฮะ
น่าจะเอาเข้าโครงการเปลี่่ยนควายแดงเป็นแดงแท้นะครับ
- อาวุโสโอเค likes this
อย่ามาเห่าว่ากรูมาจากการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งไม่ใช่ทุกอย่างของประชาธิปไตย
การตรวจสอบบ้านเมืองอย่างเข้มข้น ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการ จำเป็นสำหรับประเทศไทย
สิ่งที่บ่งบอกว่าประเทศไหนพัฒนาแล้วไม่ได้ดูที่ มีตึกสูงมากเท่าไร มีห้างเยอะไหม มีจีดีพีสูงแค่ไหน
แต่ดูที่การศึกษา และ คุณภาพของบุคลากรภายในประเทศ
#34
ตอบ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 11:54
คิดเอานะครับว่าเกิดอะไรขึ้น..???
สภาปฏิรูป..ของ รัฐบาล.เสนอแนวคิดโดยใคร..เมื่อไหร่
โธ่..กลายเป็น เหล่รูปู..ไปแล้ว
#35
ตอบ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 12:10
อยู่ดีๆ วันนี้เกิดอะไรขึ้นแต่เช้า
ที่คิดว่าจะยืดเยื้อ ดึงดัน ด้านสู้ คงยากแล้ว
#36
ตอบ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 13:21
จะเป็นเหมือนซีเรียไหมคะ
รักในหลวง ห่วงลูกหลาน ร่วมกันต้าน...ระบอบทักษิณ !!
#37
ตอบ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 13:33
มาไวๆ ซะทีซิ
#38
ตอบ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 13:36
ไม่ถึงครับ ระดับเมืองไทย แค่จลาจล ไม่ถึงสงครามกลางเมืองจะเป็นเหมือนซีเรียไหมคะ
"...เนื่องจากมูลเหตุเกิดจากความชอบ ไม่ใช่อุดมการณ์ ความรักชอบเปลี่ยนแปลงได้...
....ถ้าเป็นระดับอุดมการณ์แบบนั้น อาจจะเดินไปแบบซีเรีย ซึ่งระดับอุดมการณ์มีแค่แกนนำบางส่วนเท่านั้น...
...คนไทยโชคดีที่มีพ่อหลวงเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว...(สามบรรทัดนี้ผมเพิ่มเติมภายหลัง)"
แต่กลุ่มชนจะมีการระบายออกทางความรุนแรง
สองฝ่ายอาจมีชุดจรยุทธไล่ยิงปั่นป่วนกัน (ในระดับ ชาวบ้านซัดกันเอง)
แต่ในระดับกองกำลัง จะคล้ายๆแยกคอกวัว เป้าหมายหลักคือทหาร
วันนี้เอาจเป็นชนวนแตกหักให้เร็วขึ้น
.
.
ที่ผ่านมา ในไทย ไม่เคยมีครั้งไหนที่ความสงบจะชนะครับ
เหตุจบหลังเกิความรุนแรงทุกครั้ง
คียเวิร์ดรอบนี้ คือ การเลือกตั้ง
เลือกตั้งเกิด รัฐอยู่ ทหารนิ่ง ปชช ฝ่อ
เลือกตั้งไม่เกิด ต่อต้านลุก รุนแรง ทหารออก ไม่ต้องเลือกตั้งอีกนาน
เกมส์นี้ ใครขยับก่อนแพ้ หมดความชอบธรรมทันที
แกนนำรู้ข้อนี้ดี มือที่สามมีทั้งสองฝ่าย คอยเร้าสถานการณ์
Edited by zeedzaad, 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 14:06.
#39
ตอบ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 13:44
เกมส์อีกเกมส์ที่ชี้ชะตา การเลือกตั้ง
คือ ปปช กับ รัฐ ผ่าน กกต.
เงื่อนเวลา 30 วันของการย้ายพรรค เป็นปัจจัย
ชี้มูลก่อนเลื่อน หรือ เลื่อนก่อนชี้มูล ให้ผลไม่เหมือนกัน
#40
ตอบ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 13:50
คำปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลของทหาร
" ข้าพเจ้า .......... ขอกระทำสัตย์ปฏิญาณว่า
ข้าพเจ้า จักยอมตาย เพื่ออิสรภาพ และความสงบแห่งประเทศชาติ
ข้าพเจ้า จักรักษาไว้ ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ข้าพเจ้า จักอยู่ในศีลธรรมของศาสนา
ข้าพเจ้า จะเชิดชูและรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า
ข้าพเจ้า จักเชื่อถือผู้บังคับบัญชา และปฏิบัติตามคำสั่งโดยเคร่งครัด ทั้งจักปกครองแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยยุติธรรม
ข้าพเจ้า จะไม่แพร่งพรายความลับของราชการเป็นอันขาด "
ทหารทุกนาย....จำได้ไหมครับ ?
- KundeT likes this
#41
ตอบ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 13:06
.
.
คำต่อคำผบ.ทบ."ปฏิวัติ"ไม่มีปิดไม่มีเปิด
27 ธันวาคม 2556 เวลา 17:44 น.
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เป็นประธานในการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก(ผบ.นขต.) ประจำเดือนธ.ค.56 โดยมีผบ.หน่วยระดับแม่ทัพภาค ผู่บัญชาการกองพล ไปจนถึงผู้บังคับการกรม....... อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1ikqZkF
#42
ตอบ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 13:20
เฟสบุค วาสนา นาน่วมวันนี้ ระบุ กองทัพเป็นห่วงกรณีมีการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธของฝั่ง... แต่กองทัพพร้อมปกป้อง ปชช
ผมเคยเขียนถึงเรื่องนี้มาแล้ว ว่าเหตุที่กองทัพนิ่ง เพราะมีการจัดตั้งกองกำลังเตรียมต่อต้านไว้
ปรกติ กองทัพจะไม่ออกมาให้ข่าวลักษณะนี้ง่ายๆ มีแต่ Leak กันออกมาเอง
รอบนี้น่าจับตา Wind of Change มาแรง
คงมีเหตุการณ์ก่อนที่ประเทศจะล้มเหลวกว่านี้
ถ้าถึง วัน ว เวลา น รอบนี้แรงเร็ว และเรียบ ชัวร์
คำเตือนมีแค่ มาเมื่อไร พ่อแม่พี่น้อง เก็บตัวอยู่บ้าน ปล่อยให้ เขาแยกแยะ ดี เลว ง่ายๆ
ใครฝ่าฝืน กฎอัยการศึก คาดว่า เรียบไม่เหลือหลอ
รอต่อไปนะ
เชื่อไหม...ลึกๆในใจแล้วผมเชื่อว่าเหตุการณ์จะเดินไปถึงและจบลงที่จุดนั้น
#43
ตอบ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 14:20
...สถานการณ์...เปลี่ยนแปลงเร็วมาก...ถ้าไม่มีการ...หยุดการใช้อำนาจอย่างบ้าคลั่ง...หยุดการบิดเบือนโดยรัฐ...หยุดการสั่งสมความเกลียดชัง..
...ระหว่างประชาชน..กับ..คนที่มีกฎหมายอยู่ในมือ..ให้เร็วที่สุด..บ้านเมืองอาจจะลุกเป็นไฟ...เมื่อนั้น..ยากเกินกว่าจะประสาน...อย่าให้สถานการณ์...
...พัฒนาไปถึงขั้นนั้นเลย...ขอแสดงความเสียใจ..กับผู้เสียชิวิต..บาดเจ็บ..ทุกฝ่าย...
...ไฟเริ่มลุก..ต้องรีบดับ...ก่อนที่จะไหม้ประเทศจนหมด...บทเรียนจากสามจังหวัด..ชายแดนใต้....ทำไมไม่เคยใส่ใจ....
- ไฮยีน่า likes this
#44
ตอบ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 18:19
ไม่ได้อยากให้ออกมา แค่พูดให้ชัดว่า ทหารจะอยู่ข้างประชาชน เข้าใจป่าวเฮีย
#45
ตอบ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 18:45
กองโจรสีน้ำตาลติดอาวุธมันเกิดแล้วไงครับ
เพราะโดนปั่นหัวและสั่งจากหน้าผุกับล้านโรคจิต
เขาเลยขู่ออกมา ผมรู้มาสักพักหละ
ที่ไปไล่ยิงบ้านแกนนำก่อนๆนี้ เขาว่านั้นก็คือกองโจรสีน้ำตาลนี่ละ
ตู่เลยออกมาขู่ปรามไว้ก่อนถ้าทำเกินไปจะจัดหนักให้ละนะก็เท่านั้นแหละ
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน