Jump to content


Photo
* * * * * 1 votes

ขอสักที ปฏิรูปการเมืองไทย


  • Please log in to reply
3 replies to this topic

#1 chanbaan

chanbaan

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,918 posts

Posted 29 December 2013 - 16:15

ขอโทษครับ ขอกลับมาคุยเรื่องการเมืองก่อนนะครับ
บอกตรงๆ ว่า เหตุผลนี้ คนไทยเข้าใจกันดีไหม
ประชาธิไตยนั้น มันดีก็ในตัวหนังสือ
การทำให้ประชาธิปไตยดีจริงๆ ต้องสร้างฐานความคิด และอุดมการณ์ที่ดีต่อประเทศชาติ และประชาชนให้ได้เสียก่อน
 
การมีส่วนร่วมทางความคิดในปัจจุบันนั้น ดูว่ามันไม่ค่อยมีนะ มีแต่อยากให้คนนั้นคนนี้เป็นนายกรัฐมนตรี พูดกันตรงๆ คือคนไทยนั้นยังไม่มีความคิดความเห็นที่ลงตัวในเรื่องประชาธิปไตย
 
ต่างคนต่างมองในมุมมองของตน หากเปรียบเทียบก็คือ กติกาที่เรียกว่ากฏหมายนะมี แต่ธรรมเนียมปฏิบัติ จริยธรรม จรรยาบรรณ ในวิถีประชาธิปไตย นั้นยังไม่มี หรือมีก็ไม่เด่นชัด หรือซ้ำร้ายไปกว่านั้นมองกันคนมุม มองแบบสุดโต่งกันไปเลยก็มี เช่น ไม่โกง ไม่ทุจริต ไม่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ไม่เล่นพรรคเล่นพวก เคยเป็นสิ่งที่สังคมรังเกลียด แต่ปัจจุบันกลับมีแนวโน้มสูงขึ้น และเห็นกันว่าทำได้ ทำแล้วดีเสียด้วยซ้ำ
 
เพราะประชาชนเริ่มมองเห็นว่านัการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา สามารถทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องแคร์กฏหมาย หรือศีลธรรม ซึ่งดูจะสอดรับกับวัฒนธรรมตะวันตก ที่พยายามสร้างฐานอำนาจ และใช้อำนาจนั้นชิงความได้เปรียบในทางด้านธุรกิจ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ดูไปแล้วนักการเมืองก็คือนักธุรกิจที่ใช้โวหารมาช่วงชิงส่วนแบ่งของนักลงทุน เป็นเจ้าพ่อรายใหญ่ ที่แย่งชิงทรัพยกรทางธรรมชาติของประเทศนั้นๆ และทวีความรุนแรงต่อไปในนานานับประเทศ ที่สามารถค้าขายทั้งยาเสพติด ยุทโธปกรณ์ เทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงแหล่งพลังงาน โดยไม่ต้องเสี่ยง เพราะนักธุรกิจต่างๆ ต้องยินยอม และพร้อมใจ จ่ายเงินส่วนแบ่งให้ โดยไม่มีข้อแม้ และไม่มีทางเปิดโป่ง หักหลังอย่างแน่นอน
 
หากประชาชนไม่มีความเข้าใจ หรือเข้าใจกันคนละทิศละทาง ประชาธิปไตยของไทยนั้น ก็จะนำมาซึ่งความแตกแยก และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยดี และเคยมีในประเทศ รวมถึงทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย
 
ถึงวันนี้ คนไทยต้องการทะเลาะกัน เพื่ออะไร เพื่อเลือกตั้ง เพื่อทักษิณ เพื่อปฏิรูปประเทศ 
 
ผมคิดเห็นว่าการสร้างความเข้าใจกันในเรื่องประชาธิปไตย เมื่อความคิดเห็นเรื่องประชาธิปไตยให้ลงตัว เพื่อปรับความเข้าใจกันได้ แล้วก็ค่อยๆ ก้าวไปสู่การเลือกตั้ง มันจะไม่ดีกว่าหรือ
 
หรือเราชอบการพนัน เชื่อสิ แดงดี เชื่อสิ แดงไม่ดี คำว่า "เชื่อสิ" ไม่ใช่วิถีประชาธิปไตย แต่ต้องพิสูจน์กัน ไม่ใช่เชื่อ ความเชื่อ มันก็คือ ความไม่รับผิดชอบอย่างหนึ่ง เชื่อสิ มันรักเอ็ง แล้วเอ็งรักมันไหม เหมือนกับพรรคการเมือง พรรคการเมืองนี้ดีนะ แล้วเราไปมีส่วนร่วมกับเขาอย่างไร ไปฟังเพลง ไปเที่ยวเขาใหญ่ ไปฟังธรรมที่วัดธรรมกาย หรือไปไหนละ ไปเชื่อหัวคะแนน ไปเชื่อสถานีวิทยุชุมชน ไปเชื่อผู้นำชุมชน ผู้นำหมู่บ้าน ไปเชื่อ สถานีโทศทัศน์ แค่นี้เรียกว่ามีส่วนร่วมได้ไหม แล้วทำไมไม่เชื่อประชาชนด้วยกัน ไม่หันหน้ามาคุยกัน เช่น ข้าวของแม่งแพงว่ะ กูเป็นหนี้ว่ะ กูจนลงได้ว่ะทั้งๆ ที่เงินก็ได้มากขึ้น โอ้ยปีหน้าน้ำมัน หรือแม้กระทั้งแก๊สหุงต้มก็เสือกปรับขึ้นราคาสะสูงริบว่ะ ค่าน้ำค่าไฟ อีก แม่งจะเอาอะไรกับพวกกูนักหนาว่ะ ภาษีก็จะปรับห่าอะไรอีก คุ้มจริง เงินเดือนขึ้น แต่ถูกไล่ออก ข้าวของก็แพง ต่างชาติมาแ่ย่งงานทำได้ถึงถิ่น และอีกสารพัด
.
แบบนี้เรียกว่าประชาธิปไตยได้ไหม เพราะต่างคนต่างพยายามช่วยกันคิด หาทางออกให้ประเทศชาติและประชาชน ไม่ให้กับพรรคการเมือง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้รับความชอบธรรมเพื่อกลับมาเล่นการเมือง หรือได้คะแนนนิยมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
 
ดังนั้นผมจึงคิดว่า การเมืองก็เหมือนเรื่องในครอบครัว พ่อบอกว่าทำเรื่องนี้สิ มันดี แม่บอกว่าไม่ดี ความจริง มันดีนะ แต่แม่ยังไม่เข้าใจ พ่อก็ใจร้อน เพราะกลัวนั้นกลัวนี่ แต่อายที่จะบอก เช่นกลัวเงินจะหมด กลัวพ่อจะตายก่อน กลัวลูกจะแย่ไปกว่านี้ กลัวอะไรสารพัดไปหมด กลัวจนพาล พาลจนพัง ก็เพราะว่า อีกฝ่ายไม่ฟัง อีกฝ่ายก็ยิ่งกลัว ยิ่งกลัวก็ยิ่งคิดมาก การเมืองของคนไทยเราในวันนี้ ก็เหมือนเรื่องในครอบครัว ต้องปรับความเข้าใจกันของคนในชาติให้ได้เสียก่อน 
 
หากสุดท้ายคนส่วนใหญ่ไม่ชอบวิถีประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็บอกกันไปเลย แบ่งกันให้ชัดเจน ก่อนเลือกตั้ง จะได้พรรคการเมืองที่ชูนโยบายแบบชัดเจนไม่มีอีแอบในระบบรัฐสภา เลือกกันไปเลยเอาแบบไหน ไม่ใช่แม้วสองหัวปูสองแฉก 
 
ประชาธิปไตยในวันนี้ของคนไทยก็เหมือนกัน กลัว กลัวเขาจะไม่ชอบ เพราะเขาว่าการปฏิรูปมันทำไม่ได้ ไม่เคยมี ไม่มีกฏหมายหมายมารองรับ ความจริงการปฏิรูป ทำได้ หากรัฐบาลใจกว้าง พรรคการเมืองใจกว้าง สัดส่วนคนของพรรคการเมืองน้อยลง พร้อมใจกันเข้ามานั่งในสภาปฏิรูปการเมือง ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น เกษตรกรมีสัดส่วนในที่นั่งในสภาปฏิรูปมากขึ้น แล้วไม่ต้อพาลงบไปจัดตั้งสภาเกษตรกรอะไรเลยก็ได้ เพราะเอาเกษตรมานั่งรัฐสภา เอานักธุรกิจ นักอุตสาหกรรม นักวิทยาศาสตร์ จากตัวแทนของสภาเกษตรกร สภาอุตรกรรม สภาหอการค้า แปรรูปมานั่งในพรรคการเมือง และให้ได้รับเลือกตั้งมานั้่งในระบบรัฐสภาแทนเลยก็ได้
 
หรือจะพัฒนาระบบสภาสังคมอาชีพให้แข็งแกร่ง และมีกฏหมายการเลือกตั้งรองรับให้บุคคลชั้นนำในสังคมอาชีพต้องมาลงสมัครรับเลือกตั้ง และได้รับการคุ้มครองจากอันธพาลทางการเมือง
 
เพื่อไม่ต้องไปสร้างประชาธิปไตยที่ไร้อำนาจภายใต้ระบบพรรคการเมืองที่อาศัยกลไกลการเลือกตั้ง เข้ามาแ่ย่งชิงอำนาจเหนือประชาธฺปไตยและประชาชน
 
หรือจะบอกอีกนัยหนึ่งก็คือ พรรคการเมืองต้องปฏิรูปตัวเองก่อน ทำให้ประชาชนเห็น และสร้างกลไล ที่จะเ้พิ่มสัดส่วนคนในสังคมอาชีพที่หลากหลาย เข้ามานั่งระบบพรรคการเมืองให้ได้ และคนเหล่านั้นต้องมีสัดส่วนในเขตการเลือกตั้งด้วย ซึ่งเราจะเห็นเลยว่า สัดส่วนชาวนาจะเพิ่มขึ้น ชาวสวนจะเพิ่มขึ้น นักธุรกิจจะน้อยลง ประชาชนจะเพิ่มขึ้น นักการเมืองที่แสวงหาผลประโยชน์เข้ามากอบโกยก็จะน้อยลง นักประชาสัมพันธ์โฆษณาชวนเชื่อหรือที่เรียกกันว่าหัวคะแนนก็จะเริ่มหมดไป จากรัฐสภาไทย การทุจริตก็ยากขึ้น เพราะ ชาวนา ชาวสวน นักธุรกิจ ประชาชน คุยกันรัฐสภา ได้อย่างตรงไปตรงมามากขึ้น ภายนอกรัฐสภา ก็มีบรรยากาศทางความคิดทางการเมืองสอดรับกับในรัฐสภามากขึ้น ทำให้การช่วยกัน การออกกฏหมายนั้นสอดรับกับความต้องการของสังคมอาชีพ และประชาชนมากขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น และยังเป็นการบริหารจัดหารทรัพยากรทางธรรมชาติ และมนุษย์ภายใตประเทศได้อย่างดีอีกทางหนึ่งด้วย คนจะไม่ตกงาน คนจะได้รับการพัฒนา ธรรมชาติอยู่ได้รับการดูแล และคนไทยจะมองเห็นความคิดกันชัดขึ้น เพื่อถักทอสังคมของเราให้แข็งแกร่งอยู่เสมอๆ
 
ผมคงไม่ขอพูดในรายละเอียด เพราะผมเองก็ไม่มีศักดิ์ศรี หรือดีกรีอะไรจะไปขอร้องให้คุณฟัง หรืออ่านต่อ แต่ขอสรุปว่า
 
การจัดการเลือกตั้งต้องทำให้สอดรับกับสังคมอาชีพ เพราะปัญหาปัจจุบัน เราพยามสร้างนักการเมืองอาชีพ แต่ไม่สามารถสร้างนักการเมืองมืออาชีพ และประชาชนมืออาชีพได้ แต่กลับสร้างดาราทางการเมืองด้วยการเอานายทุนมาทำงานต่อยอดหาผลประโยชน์ด้วยการเล่นการเมือง หรือปั้นนักเรียนนอกมาเป็นนักการเมือง หรือเอานักเลงมาฟอกตัวในอ่างอบนวด เอานักโต้วาที หรือดาราต่างๆ มาสร้างภาพสร้างกระแสในการเลือกตั้ง แ้ล้วพลักดันให้เล่นการเมือง สร้างปาหี่สภา ให้คนไทยปวดหัวกันเสมอๆ นายกรัฐมนตรีทำงานนอกรัฐสภา บีบน้ำตา เชียร์แขกให้ตีกัน แต่ไม่ตอบอะไรสักกะอย่างในรัฐสภา มันมีแต่พังกับพัง เพราะเขาไม่ใช่นักการเมืองมืออาชีพ ที่มาจากประชาชนมืออาชีพ ที่เข้าใจสังคมอาชีพ หรือบริบทของภูมิสังคมไทยดีพอ
 
การแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ ต้องช่วยกันพูด และช่วยกันฟัง และค่อยๆ คิด และค่อยๆ ช่วยกันคิด และค่อยๆ ช่วยกันเสนอแนะ และค่อยๆ รับฟัง และคิด อย่างค่อยเป็นค่อยไป เมื่อเราตกตะกอนทางความคิดกันได้ เราก็ค่อยๆ ร่างกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประชาธิปไตย และการอยู่ร่วมกันบนวิถีทางประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ถวิลหาอำนาจผ่านการเลือกตั้ง 
 
เพราะว่าประชาธิปไตยไม่ใช่การแปลงสนามรบ เพื่อมาสู้กันในวิถีการเลือกตั้ง หรืออาศัยกระแสความนิยมชมชอบ แทนกระสุนปืน แต่มันต้องอยู่บนความเคารพกัน มีกติกาของสังคมที่ชัดเจน ว่าเลือกตั้งเข้ามาก็ต้องทำหน้าที่ ทำเกินหน้าที่ หรือขัดต่อหน้าที่ ก็ต้องลงจากอำนาจ ไม่ใช่แสวงหาโบนัสผ่านการทุจริตในหน้าที่ สร้่างฐานอำนาจ และความเข้าใจว่าทุจริตคือโบนัสให้กับนักการเมืองเป็นรางวัล และยังสามารถใช้เป็นระบบเส้นสายเพื่อช่วยข้าราชประจำ พ่อค้า และคนในพรรคการเมืองให้กระทำผิด หรือขัดต่อกฏหมายได้ เพื่อเพื่อหวังเข้ามาร่วมกันโกงประเทศชาติ โดยอ้างว่าเป็นฉันมติของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง ซ้ำพยายามสร้างให้เป็นธรรมเนียมและวิถีประชาธิปไตยแบบไทยๆ
 
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น อ้างผลการเลือกตั้งว่าเป็นประชาธิปไตย เพื่อขับเคลื่อนขบวนการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งอันนี้ถือว่า เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุด เพราะเป็นการสมคบคิดกับฝั่งตะวันตก ที่มีแผนล่าอานานิคมผ่านสโลแกนที่ว่า "เลือกตั้ง คือประชาธิปไตย" ทั้งๆ ที่ประเทศตะวันตกนั้น กว่าจะมีการเลือกตั้งได้ ต้องผ่านกระบวนประชาธิปไตยในพรรคการเมือง การเรียน การสอน การสอบ สารพัด ไม่ใช่ใครๆ จะมาเล่นการเมืองได้ง่าย หรือใครๆ จะมีสิทธิ์มีเสียงในประเทศฝั่งตะวันตกได้ง่าย หรือเป็นนักการเมืองแล้วโกงได้อย่างโจ่งคึ่มแบบในไทย เพียงแค่อ้างว่ามีชื่อและเลขประจำประชาชนอยู่ในทะเบียนบ้านของประเทศเท่านั้น ก็ลงมาเล่นการเมือง มาโกงกินชาติบ้า่นเมืองเช่นนี้
 
นี้แหละจึงอยากเล่าให้ฟังว่า ทนเห็นประเทศไทยถูกเอารัดเอาเปรียบมานานแล้ว
หากผมไม่ติดปัญหาครอบครัว และภาระหนี้สินที่ต้องแบกรับเอาไว้คนเดียวอย่างนี้
ผมคงออกไปเล่นการเมือง ปะ ฉะ ดะ ตายห่าไปนานแล้วละ เข้าใจบ่
ชานบ้านชานเมือง

อุดมการณ์ไม่ใช่คลิก แต่ต้องคิด คิดไปเรื่อยเลยวุ่ยพุทธเจ้านำทาง ธรรมประคองใจ จิตใจวุ่นวาย ผิดพลาดพลั่งเผลอ มันเป็นสัจจะธรรมของคนที่ยังคน(เราเอง)"เกลียดปฏิวัติไทยคม ชื่นชมปฏิวัติสีขาว เกลียดนักการเมืองขี้ฉอ ชื่นชอบนักการเมืองยึดมั่นอุดมการณ์"

#2 temp

temp

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,682 posts

Posted 29 December 2013 - 22:17

เพราะว่าประชาธิปไตยไม่ใช่การแปลงสนามรบ เพื่อมาสู้กันในวิถีการเลือกตั้ง หรืออาศัยกระแสความนิยมชมชอบ แทนกระสุนปืน..........

i8VBsN.jpgSqu2yf.jpgsG8hub.jpg


ควายตัวนี้สีขาว


#3 THE THIRD WAY

THE THIRD WAY

    มาหาความจริง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,417 posts

Posted 29 December 2013 - 22:42

 นี่คือตัวอย่างการยืนอย่างนบนอบในระบอบทักษิณ

 

ภาพไม่ขึ้นของนายเกษียนครับ


Edited by THE THIRD WAY, 29 December 2013 - 22:43.

อยู่เฉยๆ แล้วบอกว่าเป็นกลางทีคนอื่นทำอีกอย่าง บอกว่าเอียง

#4 chanbaan

chanbaan

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,918 posts

Posted 31 December 2013 - 12:45

เป็นสิ่งที่น่าคิดครับ กระสุนปืน ยังแพ้กระสุนเงิน ทหารยังมุดกระโปรง ตำรวจยังซุกอยู่หลังสตรี

มันก็คงเป็นแบบนั้น สิ่งที่ผมพูดนะ มันชัดเจน

ที่พวกรัฐบาลยิงประชาชนนะ มันชัดเจน ประชาธิปไตยนะ ไม่ใช่ การเอาคะแนนนิยม มาใช้ฆ่าฟันกัน

แต่ประชาธิปไตย ต้องแสดงถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาชน แต่ในวันนี้ ประชาชนได้ทำอะไร ทะเลาะกัน แบ่งแยกกัน ประชาทะเลาะธิปไตย ไม่ใช่ประชาธิปไตยเลย


อุดมการณ์ไม่ใช่คลิก แต่ต้องคิด คิดไปเรื่อยเลยวุ่ยพุทธเจ้านำทาง ธรรมประคองใจ จิตใจวุ่นวาย ผิดพลาดพลั่งเผลอ มันเป็นสัจจะธรรมของคนที่ยังคน(เราเอง)"เกลียดปฏิวัติไทยคม ชื่นชมปฏิวัติสีขาว เกลียดนักการเมืองขี้ฉอ ชื่นชอบนักการเมืองยึดมั่นอุดมการณ์"




0 user(s) are reading this topic

0 members, 0 guests, 0 anonymous users