มือมืดป่วนการชุมนุม ปาระเบิดปิงปองใส่เต็นท์กองทัพธรรม กลางวันแสกๆ การ์ดอาสาบาดเจ็บ 5 ราย ตำรวจเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด คาดฝีมือมือที่สามสร้างสถานการณ์
วันนี้ (29 ธ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 13.45 น.วันนี้(29 ธ.ค.) เกิดเหตุคนร้าย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่าฟีโน่ ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน ปาระเบิดปิงปองเข้าใส่เต็นท์การ์ดอาสาของกลุ่มผู้ชุมนุมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ หรือ กปท.ที่ตั้งอยู่ประชิดรั้วกองบัญชาการกองทัพบกใกล้กับอาคารองค์การสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนินนอก ซึ่งอยู่ในพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มกปท.และกองทัพธรรม เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย นำส่งรพ.รามาธิบดี 4 ราย ทราบชื่อคือนายสุรศักดิ์ ค้าเนตร มีบาดเเผลฉกรรจ์บริเวณใบหน้าเเละเเขนขวาอาการสาหัส ส่วนนายอภิวัฒน์ ขวัญเมือง นายเอกภพ ไม่ทราบนามสกุล เเละนายกาย ไม่ทราบชื่อเเละนามสกุลจริง มีบาดเเผลเล็กน้อยตามร่างกาย ขณะที่อีกรายบาดเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณแขน โดยผู้บาดเจ็บทั้งหมดเป็นการ์ดอาสาและผู้ชุมนุม กปท.
จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยคนขับสวมหมวกกันน็อกเพียงคนเดียว โดยขับมาจากแยกมัฆวานผ่านหน้าอาคารสหประชาชาติ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุคนซ้อนท้ายซึ่งไม่สวมหมวกกันน็อกได้โยนระเบิดปิงปองใส่เต็นท์ซึ่งขณะนั้นกลุ่มผู้บาดเจ็บกำลังนอนพักผ่อนอยู่ภายในเต็นท์ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุคนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางแยกจปร.อย่างรวดเร็ว
ต่อมาเรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนร้ายเพียงต้องการข่มขวัญให้เกิดความกลัว แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อขวัญกำลังใจของผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตามจะมีการเพิ่มความเข้มในการตรวจตราบุคคลเข้า-ออกบริเวณดังกล่าว เนื่องจากรถยังสามารถผ่านไปมาได้ ในขณะที่เต็นท์ของผู้กลุ่มผู้ชุมนุมก็ตั้งอยู่ริมถนน ซึ่งกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีอาจจะฉวยโอกาสเข้ามาสร้างสถานการณ์อีก ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ประสานกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้งให้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว
ด้านพ.ต.อ.ทรงพล วัธนะชัย รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ เเละตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าไปตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด ส่วนสาเหตุครั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่า น่าจะเกิดจากมือที่สามที่เข้ามาสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย และต้องการทำให้สถานการณ์การชุมนุมย่ำแย่ลง แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะต้องตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าว และจุดใกล้เคียง เพื่อหาเบาะแสของผู้ที่ก่อเหตุต่อไป
