"บัน กี มุน" แถลงพร้อมเป็นคนกลางเจรจาระหว่างคนใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรีไทยและฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลหลังยุติการปิดกรุง
เว็บไซต์แชลแนลนิวส์เอเชีย รายงานจากการแถลงของ นายบัน กี มุน เลขาธิการแห่งสหประชาชาติ ที่แถลงกับผู้สื่อข่าวที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ในนิวยอร์กว่าเขาได้พูดคุยกับนางสาวยิ่งลักษณ์และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตลอดช่วง 3 วันที่ผ่านมา ในความพยายามช่วยเหลือทั้งสองฝ่ายก้าวข้ามความแตกต่างโดย รู้สึกกังวลอย่างยิ่งว่าสถานการณ์อาจลุกลามในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะในวันจันทร์ที่ 13 มกราคม วันที่ผู้ประท้วงบอกว่าพวกเขาจะชัตดาวน์ กทม. โดย นายบันกล่าวทิ้งท้ายว่า ขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายแสดงออกถึงความอดทนอดกลั้น หลีกเลี่ยงพฤติกรรมยั่วยุ และคลี่คลายความเห็นต่างผ่านการเจรจา...
http://www.bangkokbi...ҡÒÃàÁ×ͧä·Â.html
เผยเลขาฯยูเอ็นยกหูคุย'มาร์ค' 'ชวนนท์'แฉ'ปู'แหลข้ามโลก
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา นายบัน คี มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ได้โทรศัพท์ส่วนตัวมาถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นห่วงสถานการณ์การเมืองของไทย ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ชี้แจงไปว่า ปัญหาเกิดจากการที่รัฐบาลที่พยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรม และเป็นการชุมนุมที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย โดยยึดหลักสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ พร้อมทั้งฝากให้นายบัน คี มูน ช่วยสื่อสารถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษานายกรัฐมนตรี ให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน เพื่อช่วยกันหาทางออกให้ประเทศ จากนั้นตนทราบอีกว่า วันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา ทราบว่านายบัน คี มูน ได้โทรศัพท์มาคุยกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ และตนได้รับเอกสารของการโกหกคำโตของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่สื่อสารโดยการบิดเบือนการให้ข้อมูลผิดไปจากข้อเท็จจริงดังนี้
1. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ชี้แจงกับเลขาฯ ยูเอ็นว่า ปัญหาเกิดจากองค์กรอิสระ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง และส่งผลกระทบต่อรัฐบาล จนทำให้สถานการณ์ขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้น คงหมายถึงศาลรัฐธรรมนูญ ถามว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้อะไรคิด ที่ใส่ร้ายองค์กรอิสระในประเทศตนเอง ทั้งที่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลทำผิดกฎหมาย ซึ่งศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริง ที่เอาศาลรัฐธรรมนูญไทยไปโพทะนากับทางยูเอ็น
2. น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังอ้างกับนายบันคี มูน ว่ากฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้ นายอภิสิทธิ์ และนายแก้วสรร อติโพธิ์ ก็เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการ ในการพิจารณาร่างกฎหมายนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้งสองคน จะเห็นด้วยกับการออกกฎหมายฉบับนี้ ซ้ำยังใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ว่าไม่ร่วมพิจารณากฎหมายดังกล่าว โดยไม่พูดความจริงว่ารัฐบาลนี้ลักหลับออกกฎหมายสำคัญ เพื่อล้างผิดให้พี่ชายตัวเอง ตอนตี 4 กว่าๆ ซึ่งไม่มีประเทศไหนทำกัน และยังโกหกว่ากฎหมายนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น สร้างความปรองดองที่จ่ายเงินเยียวยาให้เหยื่อรายละ 7.75 ล้านบาท ทั้งที่รัฐบาลนี้ออกประกาศจ่ายเงินให้ไปก่อนหน้านี้แล้ว
3. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันกับ นายบัน คี มูนว่า กฎหมายนิรโทษกรรมนี้ ไม่เอื้อประโยชน์ต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำคนเสื้อแดง อีกทั้งไม่คืนทรัพย์สินให้พ.ต.ท.ทักษิณ อีกด้วย แต่มุ่งล้างผิดให้คนทุกกลุ่มทุกสี ซึ่งเรื่องนี้ขัดแย้งต่อความจริงเช่นกัน
4. น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล้าถึงขนาดโกหกว่าได้เชิญนายอภิสิทธิ์ เข้าร่วมสภาปฏิรูปหลายครั้ง แต่ได้รับการปฏิเสธ ทั้งที่ความจริง มาเชิญแค่ครั้งเดียวคือสภาปฏิรูป ชุดที่มีนายบรรหาร ศิลปาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา มาเชิญ โดยนายอภิสิทธิ์ ได้เสนอให้ยุติการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแล้วจะเข้าร่วม แต่รัฐบาลนี้ก็เลือกที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแทน ถือเป็นการเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นอย่างหน้าไม่อาย
5. น.ส.ยิ่งลักษณ์บอกกับเลขาฯ ยูเอ็นว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.มี 3 พวก คือพวก กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส. กลุ่มพันธมิตรเก่าของนายสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ที่ส่วนใหญ่มาจากภาคใต้ โดยมีอาวุธ ระเบิดและสารเสพติด ทั้งที่การชุมนุมของ กปปส. 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่มีความรุนแรงใดๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นช่วง 2-3 วันนี้ เพราะมีการตั้งกลุ่มคนแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มมวลชน เพื่อมาก่อเหตุปะทะสร้างสถานการณ์ เพื่อเป็นข่าวทำให้เสียหายและขู่ประชาชาชนไม่ให้มาร่วมชุมนุม
6. รัฐธรรมนูญกำหนดให้ กกต.จัดการเลือกตั้งตัวนายกฯ ไม่มีอำนาจเลื่อนการเลือกตั้ง แต่เมื่อ กกต.มีมติทำหนังสือถึงนายกฯ โดยระบุว่าเป็นผู้รักษากฎหมายลำดับที่ 1 ขอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อนที่จะหารือกัน แต่นายกฯ กลับไม่พูดถึงยังมาปั้นเรื่องโกหกคำโตเพื่อสร้างภาพ
7. ถ้อยคำสุดท้ายที่นายกฯ พูดกับเลขาฯ ยูเอ็นคือ "ถ้าวันที่ 13 ม.ค.นี้ เกิดเหตุรุนแรงขึ้น และมีความสูญเสียก็ขอให้เลขาฯ ยูเอ็นออกแถลงการณ์ให้ภาคส่วนต่างๆ ให้กลไกแก้ไขอย่างสงบ คำพูดนี้ถอดความได้เท่ากับการเปิดช่องทางให้ต่างประเทศ เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย เป็นการใช้ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทยอีกครั้ง แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ตั้งใจที่จะใช้ความรุนแรง หรือเพื่อให้เกิดสถานการณ์รุนแรงเพื่อที่จะดึงต่างชาติมหาอำนาจ มารักษาอำนาจให้รัฐบาลตัวเอง
ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ จะเร่งทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ส่งให้ตัวแทนสำนักงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย และส่งถึงนายบัน คี มูน เลขาฯ ยูเอ็นที่ เมืองนิวส์ยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดคาดว่าจะสามารถส่งได้ในวันที่ 12 มกราคมนี้
หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันเสาร์ ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557, 16.47 น.
มันขายได้ทุกอย่างเพื่อตระกูลเห รี้ยๆมันจริงๆหรือนี่ขอรับ... เฮ้อออออออออออ...