Jump to content


Photo
* - - - - 1 votes

เรื่องเล่า...จากเตาผิง


  • Please log in to reply
18 replies to this topic

#1 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

Posted 12 January 2014 - 00:07

*
POPULAR

ณ ห้องประชุมใจกลางอาณานิคม

 

ท่านผุ้มีอำนาจจากหลายฝ่าย ต่างถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียด

บางท่าน แสดงกริยา....ทุบโต๊ะ ด้วยความไม่พอใจ..

ในขณะที่บางท่าน วางมาดเคร่งขรึม สายตาฉายแววมุ่งมั่น

บางท่าน วางมาด เสมือนว่า...ตัวข้าฯ นั่นเป็นหงส์

ในขณะที่บางท่าน สายตาทมึงถึง...

 

ในขณะที่หลาย ๆ ท่าน...วางท่าเรียบเฉย หากแต่สายตา

ที่ฉายแวว...ขลาดกลัว..ไม่แน่ใจ..

 

ผลการประชุม.ไม่เป็นน่าพอใจ ของฝ่ายบริหาร และฝ่ายเสนารักษ์

ด้วยความพยายาม ขอต่อรอง ยื่นข้อเสนอ แลกเปลี่ยน

 

หากแต่...ฝ่ายเสนาธิการ ยังคงยืนยันคำเดิม...

 

" เราเลือกแล้ว ที่จะอยู่เคียงข้างพลเมือง..หากสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น

คราใด..ท่าน ในฐานะผู้บริหารต้องรับผิดชอบ...เหมือนเมื่อครั้งอดีตกาล"

 

" คราใด..ที่เสนารักษ์ของท่าน จักเร่งรัดตีตรวนผู้นำพลเมืองแล้วไซร้

เราขอฝาก ให้ท่านเสนารักษ์ จักได้กรุณาเร่งรัดคดีความเมื่อครั้งอดัตกาล

ให้แก่เรา...ฝ่ายเสนาธิการ...ได้กระจ่างชัด...ว่ามันผู้ใดกันคือผุ้สั่งการ "

 

ฝ่ายเสนารักษ์ ก็ยังมิสิ้นความพยายาม...

 

" เราฝ่ายเสนารักษ์ มีกำลังไม่เพียงพอ ใคร่ขอตั๋ว จากฝ่ายเสนาธิการ

มิทราบว่า..ท่านจักเห็นประการใด..."

 

" เรา ฝ่ายเสนาธิการ..บัดนี้ได้เลือกข้างพลเมือง...คงมิอาจมอบตั๋วใดๆ

ให้ฝ่ายเสนารักษ์ได้...หวังแต่เพียงว่า..ท่านฝ่ายเสนารักษ์จักคิดอ่าน

ให้รอบคอบ...หากความทุรยศเกิดขึ้นคราใด. เราฝ่ายเสนาธิการ

คงมิอาจนิ่งเฉย...

 

 

กรุณาอย่าคิดมาก ก็แค่เรื่องเล่า...จากเตาผิง...

 

รอดู...จุดจบของเรื่องเล่านี้...จะออกมาในรูปแบบใด..

 

ฝ่ายเสนารักษ์...จะกล้ารุกหนัก...ดั่งเจตนารมณ์หรือไม่..

ฝ่ายเสนาธิการ...จะวางเฉย...หรือ...รุกกลับ...

 

หรือ...อาศัย...ความหนา....ด้านได้...อายอด....อยู่ไป ไม่รู้ร้อน รู้หนาว

 

เรื่องเล่า...เท่านั้นค่ะ...เรื่องเล่า..เท่านั้น.. -_-

 

 



#2 wisary

wisary

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 998 posts

Posted 12 January 2014 - 00:14

ผู้นำพลเมืองถึงกำลังใจมาเต็ม ยิ้มแย้มแจ่มใส อยู่ในขณะนี้ 555



#3 UncleSam

UncleSam

    เด็กชายชุดฟ้า ผู้น่ารัก

  • Members
  • PipPipPip
  • 738 posts

Posted 12 January 2014 - 00:23

หมาบ้าหน้าด้านกำลังจนตรอก ช่วยกันเหยียบให้ขี้แตกตายคาตีน



#4 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

Posted 12 January 2014 - 00:32

ณ ห้องประชุมใจกลางอาณานิคม

 

ท่านรองผู้นำ และ หัวหน้าฝ่ายเสนารักษ์ วางแผนรับมือผู้นำพลเมือง

ซึ่งตีฆ้องร้องป่าว...

 

" เจ้าข้าเอย...พลเมืองทั้งหลาย ขอเชิญร่วมปิดประตูเมืองในวันธงชัย

ขึ้น 13 ค่ำเดือนยี่...เราจักมิยอมให้ข้าหลวงทุรยศเข้าปฏิบัติการได้"

 

ท่านรองผู้นำ ออกคำสั่งด่วน ให้เคลื่อนย้ายข้าหลวงไปยังที่โรงงาน

แห่งใหม่...

 

โดยอาศัย โรงเรียนเด็กวัยก่อนอุดมศึกษา ขนาดใหญ่ ย่านใกล้ ๆ

บ้านพักท่านผู้นำ มีทุ่งดอกไม้สีเหลืองบานสะพรั่งสวยงาม

 

อีกทั้ง ด้านข้างยังติดอาราม อันเป็นที่พำนักของเหล่าเสนารักษ์

ที่จากบ้านต่างเมือง...ได้อาศัยพักพิง..เมือ่ยามออกเวร

 

ขนย้ายโดยอาศัย เกวียนเทียมเครื่องจักรกล จำนวน  40 เล่ม

 

สงสารก็แต่เหล่า เด็ก ๆ วัยก่อนอุดมศึกษา...

 

จู่ ๆ ก็มีข้าหลวง เข้าไปแบ่งปัน สถานที่..อย่างไม่รู้อีโหน่อิเหน่..

 

น่าสงสารยิ่งนัก.... -_-



#5 นารายณ์สังหาร

นารายณ์สังหาร

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,097 posts

Posted 12 January 2014 - 01:09

*
POPULAR

ช่วงนี้ผมเลยมาลั่นล๊าอยู่เมืองกรุง  :lol:


ข้าพุทธเจ้า จักยอมตาย..เพื่อจะดำรงค์ไว้..ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ..แห่งพระมหากษัตริย์เจ้า

#6 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

Posted 12 January 2014 - 01:19

ณ บ้านพัก

 

ผู้บังคับกอง เสนารักปราบจลาจล เดินทางเข้าพบท่านผุ้เป็นเจ้าบ้านด้วยความนอบน้อม

 

ผู้บังคับกอง  " ท่านพี่ พอจะมีเวลาเจรจาความกับน้อง สักครู่มั้ย 

ท่านเจ้าบ้าน " เจ้ามีอะไรก็ว่ามา

 

ผู้บังคับกอง  " อันตัวน้องนี่ รังตำแหน่งผู้บังคับกองมาก็หลายขวบปีแล้ว

ท่านเจ้าบ้าน " เจ้าก็มั่นสร้างความดีความชอบ สักวันหัวหน้าเจ้าก็จักเห็นความดีของเจ้าเอง

 

ผู้บังคับกอง  " หากรอวันที่ท่านหัวหน้าจักมองเห็น เห็นทีข้าฯ ก็หมดอายุงานเสียก่อน

ท่านเจ้าบ้าน " แล้วน้องพี่ อยากให้พี่ช่วยอันใด

 

ผู้บังคับกอง  " เมื่อสักครู่นี้ มีการประชุมจากหลายฝ่าย จากเหตุผู้นำพลเมือง ตีฆ้องนัดประชุม

ในวันขึ้น 13 ค่ำ ฝ่ายเสนารักษ์ เจรจาของตั๋วผ่านจากฝ่ายเสนาธิการ แต่ไม่เป็นผล สร้าง

ความไม่พอใจแก่ท่านผุ้นำ และ เสนารักษเป็นอย่างมาก  ท่านรองผู้นำเสนารักษ์ มีเจตนา

ที่จักเร่งสร้างเหตุทุรยศ เพื่อมิให้ เสนาธิการ นิ่งเฉย

 

และหากเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นแล้วไซร้ ฝ่ายเสนาธิการจักขึ้นมามีอำนาจแต่งตั้งโยกย้าย

ข้าหลวง ได้ตามประสงค์

 

น้องอยากให้พี่..ช่วยฝากฝัง ท่านเจ้ากรมอันเป็นพี่เขยของพี่ เมตตาแต่งตั้งให้ตัวน้องนี่

ได้รั้งตำแหน่งที่สูงขึ้น 1 ชั่นยศ ก็จักเป็นพระคุณแก่น้องสุดประมาณ

 

ท่านเจ้าบ้าน  " หากเจ้าทำเช่นนั้น แล้วเหล่าลูกน้องของเจ้าหล่ะ มิต้องรั้งตำแหน่งสูงขึ้น

กันทั้งหน่วยหรอกรึ "

 

ผู้บังคับกอง  " เจ้าพวกนั้น เป็นเพียงลูกน้องที่รอฟังเพียงคำสั่ง ท่านพี่มิต้องกังวล " 

 

ท่านเจ้าบ้าน " สิ่งที่เจ้าคิดอ่าน เป็นสิ่งที่ไม่สมควรยิ่ง พี่คงมิอาจทำได้เยี่ยงคำเจ้า

ท่านเจ้ากรมเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ พี่คงมิอาจนำเรื่องทุรยศเช่นนี้ไปเรียนท่านได้

 

อีกประการ การที่ฝ่ายเสนารักษคิดอ่านเร่งสร้างสถานการณ์ ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร

พี่ฝากเจ้า ให้กับไปเตือนสติ ท่านรองเสนารักษ อย่าได้คิดอ่านเช่นนั้นเลย..

 

อย่าคิดมาก...ก็แค่เรื่องเล่า...อีกเรื่องหนึ่งเท่านั้น

 

ฝากไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา จะทำการอันใด ไตร่ตรองให้จงหนัก

ฉากหลังผู้บังคับบัญชาของท่าน วางแผนล่วงหน้าเพื่อให้ได้ดี

โดยมีท่านทั้งหลาย..ตกอยู่ในฐานะ...ผู้รับกรรม


Edited by bird, 12 January 2014 - 01:21.


#7 IFai

IFai

    รักในหลวง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,782 posts

Posted 12 January 2014 - 06:37

    เรื่องไร้สาระ

 

    บิน1 "เรามาฝึกบินไปเขมรทำไมวะ"

    บิน2 "ฝึกไว้พาผู้นำ รีบไปเขมร ตามคำสั่ง รมต. ตปท. เมกา กำนัน"

    บิน1 "เอ ก็ปล่อยให้มันไปเองก็ได้ ทำไมต้องลำบากกับงบหลวง"

    บิน2 "เอ็งจำไม่ได้รึ หลายปีก่อน นักบินของเรานี่แหละ เอาไอพ่น บินพาผู้นำมองเมืองหลวง ว่าจุดไหนจะทำประโยชน์ เข้ากระเป๋าได้บ้าง ...หลังจากนั้น นักบินคนนั้นก็เป็นใหญ่คับแข้งคับขา ท่านผู้นำ

            ถ้าเราบินพาผู้นำคนใหม่ไปเขมรได้ เราก็จะได้ เป็นใหญ่ คับแข้งคับขา ท่านผู้นำบ้างนะ"

Attached Images

  • x42.jpg

ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ


#8 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

Posted 12 January 2014 - 09:46

อย่าคิดมาก....ก็บอกแล้วว่า..

 

แค่เรื่องเล่า...จากเตาผิง....

 

เท่านั้น.. -_-

 

เตาผิง...ยังมีเรื่องเล่าอีกเยอะ

เอาไว้จะมาเล่าให้ฟัง...



#9 Kunnaimong

Kunnaimong

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 701 posts

Posted 12 January 2014 - 09:55

ขอตอนต่อไปเร็วนะ  :P



#10 Nong

Nong

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,124 posts

Posted 12 January 2014 - 10:22

ฮั่นแน่

 

มาแข่งกะก๊วนกอล์ฟท่านโจโฉใช่ไหมท่าน :D  :D



#11 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

Posted 12 January 2014 - 10:27

ขึ้น 8 ค่ำเดือน 2

 

ณ ห้องประชุมสำรอง ย่านถนนเพชรบุรี

 

บุคคลมากหน้าหลายตา อันประกอบด้วย บุคคลที่ประกาศตน

อาสารับใช้พลเมือง รวมไปถึง กองหนุนที่เป็น นิติกร และฝ่าย

ดูแลบัญชีรับจ่าย มองดูล้นหลาม

 

หากแต่สถานที่ คับแคบช่างแตกต่างจากครั้งอดีตกาล สารพัน

อาหารรับรองและของว่าง ช่างดูบางตาเสียเนียกระไร

 

ผู้อาสารับใช้ ก็ล้วนหน้าตาละอ่อน อ่อนด้อยประสบการณ์

 

ผู้ดำเนินรายการขึ้นกล่าวขณะรอผุ้เข้าร่วม ทั้งที่เลยฤกษ์งามยามดี

มาหลายเพลาแล้ว อีกทั้งรอประธานในพิธี และนักปราชญ์เดินทาง

มาประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้..

 

ผู้ร่วมอุดมการณ์ มองสถานทีด้วยความงุนงง ต่างเริ่มพูดคุยกันอย่าง

แผ่วเบาราวเสียงกระซิบ ด้วยความรู้สึกต่างจากเมื่อครั้งอดีตกาล

 

ครานั้น..ผู้นำยิ่งใหญ่ สร้างความภาคภูมิใจ สถานที่โอ้อ่า อลังการ

หากแต่ครานี้...เป็นเพียงห้องทดสอบพละกำลัง ด้านการกีฬา เท่านั้น

 

ระหว่างรอคอย

 

MC :  ฝ่ายการข่าวแจ้งมาว่า ผู้นำพลเมืองจะมีการยึดลานบิน ยึดถานี

รถไฟลอยฟ้า ยึดถานีรถใต้ดิน.. ก็ยังมิอาจทราบได้ว่า จักมีการจุดไฟ

เผากันหรือป่าว..หวังว่า..คงมิเป็นเช่นนั้น

 

ใครคิดว่า จะไม่มีการหย่อนบัตร...ยกมือหน่อยคร้าบ....

 

การหย่อนบัตรต้องมีแน่นอน..มิเช่นนั้นเราคงมิมานั่งจัดปฐมนิเทศ

หรอกจริงมั้ยครับ..

( ขอแทรก...ที่ไม่มีใครยกมือน่ะ..เค้ากลัวโรค มือเท้าปาก อะ )

 

บัดนี้ได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว ท่านประธานและนักปราชญ์เดินทางมาถึง

ณ สถานที่นี้แล้ว จักใคร่กราบเรียนเชิญท่านมากล่าวปฐมนิเทศ ให้

ความรู้ แด่ท่านทั้งหลาย

 

ท่านประธาน รั้งตำแหน่งผู้บังคับการฝ่ายหย่อนบัตร Office ท่านผูนำ

ส่วนนักปราชญ์...เป็นบุคคลที่ไม่เหนือความคาดหมาย

 

ท่านดร. สดใส สดสี ผู้เคยรั้งตำแหน่งกรรมการกลาง

 

ในเรื่องเนื้อหา คงมิอาจเล่าได้ทั้งหมด ขอข้ามไปแล้วกัน

 

การปฐมนิเทศผ่านไปสักครู่ใหญ่ ๆ ผู้เข้าร่วม เริ่มทยอยเดินทางกลับ

คงเหลือผู้แต่เพียง ผุ้ร่วมอุดมการณ์หน้าใหม่ ๆ

 

ก่อนปฐมนิเทศจะจบลงก่อนเวลาที่กำหนดไว้...

 

อย่าคิดมาก...ก็แค่เรื่องเล่า จากเตาผิง เท่านั้น -_-

 

 

ความแตกต่างจากแว๊บแรกที่เห็นและสัมผัสได้

 

ปี 2544  จัดการปฐมนิเทศ ยิ่งใหญ่ ที่ รร.ย่านดอนเมือง

ปี 2548  จัดการปฐมนิเทศ ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า ที่เมืองทอง

 

ปี 2550  จัดการปฐมนิเทศ นอมินี 1 ณ ห้องประชุมที่ทำการ ย่านถนนเพชรบุรี

จากโต๊ะประชุมหรูหรา อาหารบุฟเฟ่ห์หลาย ๆ เหลือเพียง เก้าอีสัมมนา กับ

อาหารบุฟเฟ่ อาหารพื้น ๆ  7 ชนิด โดยแยกเป็น ผู้อาสา กับ ผู้สนับสนุน

 

ปี 2554  จัดการปฐมนิเทศ นอมินีเน้นแฟ้น ณ ห้องประชุมที่ทำการ ถนนเพชรบุรี

ยังคงเป็นเก้าอี้สัมนา อาหารบุฟเฟ่ห์ ให้เลือกสรรเพียง 4 ชนิด ยังคงแยกเป็น

2 ส่วนคือ ผู้อาสา กับ ผู้สนับสนุน

 

ครั้งล่าสุด จัดการปฐมนิเทศ นอมินีเน้นแฟ้น ณ ห้องออกกำลังกาย ประชุมรวมกัน

ที่ผู้อาสา และ ผู้สนับสนุน จากเก้าอีสัมมนา เหลือเพียงเก้าอี้พลาสติกธรรมดา ๆ

ที่วางชิดติดกัน แบบไหล่ชนไหล่ เพื่อให้มองดูว่าผู้เข้าปฐมนิเทศ...ตรึม...

 

สิ่งที่เกิดขึ้นภายใน ความเปลื่ยนแปลงที่สัมผัสได้ ยืนยันได้ถึงความเสื่อมถอย

ที่เกิดขึ้นจากภายใน...มนต์ขลัง ที่กำลังเสือม

 

" ไฟ หากลุกไหม้จากภายนอก...ย่อม มองเห็น และง่ายต่อการ ดับไฟ

หากแต่ถ้า เป็น

 

ไฟ ที่ลุกไหม้จากภายใน ค่อย ๆ ไหม้ ค่อย ๆ มอด ย่อม ยากที่จะดับ

กว่าจะรู้ตัว ภายใน ก็เหลือเพียง ผุยผง จากกองเถ้าถ่าน "

 

 



#12 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

Posted 12 January 2014 - 10:29

ฮั่นแน่

 

มาแข่งกะก๊วนกอล์ฟท่านโจโฉใช่ไหมท่าน :D  :D

 

ป่าวเลยค่ะ...มิบังอาจเทียบท่านโจโฉหรอกค่ะ..

เป็นแค่เรื่องเล่าหนุก ๆ จากเตาผิง ค่ะ  -_-  



#13 CrazyDaimon

CrazyDaimon

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 879 posts

Posted 12 January 2014 - 11:00

ไม่แน่ครับ

 

 ทะเลย่อมมีคลื่นลูกใหม่เสมอ

 

:D



#14 กระต่ายหมายจันทร์

กระต่ายหมายจันทร์

    รู้ดินรู้ฟ้า หรือจะสู้รู้คน

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,394 posts

Posted 12 January 2014 - 12:09

เห็นเล่ากันสนุก ก็เลยอยากเล่ามั่ง ไม่รู้เกี่ยวกันหรือเปล่า

ชั่วโมงต่อไปของวันนี้เป็นชั่วโมงค้นคว้าความรู้ของครูฝ้าย  พวกเด็กไม่รู้ว่าชั่วโมงนี้จะเป็นอย่างไร  แต่อย่างน้อยเมื่อทราบว่าครูประจำชั้นแสนสวยของเขาจะมาเป็นครูสอนในวิชานี้ก็ทำให้ทั้งห้องโล่งอกโล่งใจไปตามๆกัน
“ครูจะพาพวกเธอออกไปเที่ยวกันดีไหม”ครูสาวสวยเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องและนั่นทำให้เด็กทั้งหลายเฮกันลั่น
“ไปไหนครับครู”มดถามขึ้น
“ไปเดินเล่นแถวชายป่ากัน”ครูเสนอ
“ป่าด้านหลังโรงเรียนที่พวกผมไปนะหรือครับ”เลียงผาถาม
“ใช่จ๊ะ  แต่เราจะไม่เข้าไปลึกถึงขนาดนั้นหรอกนะ  ว่าไงใครอยากไปกับครูบ้างจ๊ะ”
ทุกคนในห้องยกมือหลาพร้อมๆกัน  เด็กๆได้ฟังวีรกรรมของเพื่อนร่วมห้องทั้งสี่แล้วอดรู้สึกอยากไปเห็นสถานที่ผจญภัยของพวกเขาไม่ได้  แม้จะไปไม่ถึงก็ขอให้ได้เห็นบ้างก็ยังดี  ดังนั้นไม่ถึงห้านาทีพวกเด็กทั้งสิบห้าคนก็เดินเรียงแถวกันออกมาจากห้องเรียนมุ่งตรงไปยังบริเวณชายป่าด้านหลัง  ครูฝ้ายเป็นคนเดินนำนักเรียนทั้งหลายเลาะชายป่าดิบชื้นไปเรื่อยๆพลางเล่าถึงเรื่องราวและเกร็ดความรู้ต่างๆประกอบให้นักเรียนฟังด้วย
“ป่าแห่งนี้มีถูกเรียกว่าป่ามหัศจรรย์  ที่ชาวเมืองตั้งชื่อเช่นนี้ก็เพราะว่าป่านี้ได้ซ่อนความลึกลับและอันตรายไว้มากมายยากที่ผู้ใดจะไขมันได้หมด  ป่านี้มีพื้นที่กว้างขวางมากและแต่ละบริเวณก็จะแตกต่างกันออกไปมีทั้งป่าดิบชื้น ป่าผลัดใบ ป่าทุรกันดาร ป่าดงดิบ ทะเลทรายและเขตน้ำแข็ง”
“ในป่านี้มีตัวอะไรอาศัยอยู่บ้างคะ”
“หลายอย่างจ๊ะ  มีทั้งหมี  กวาง  สิงโต  ยีราฟ  ลิง  เสือ  แล้วก็ใจกลางป่าแห่งนี้ก็มีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ด้วย”
“ครูเคยเข้าไปไหมคะ”
“เคยจ๊ะ  พวกครูทุกคนเคยเข้าไปสำรวจป่าแห่งนี้กันแล้วทั้งนั้น  แต่ก็ไม่เคยเข้าไปได้ลึกถึงใจกลางป่าหรอก”
ครูพาพวกเด็กๆเดินเล่นกันมาถึงทุ่งทานตะวันสีเหลืองอร่ามที่กำลังออกดอกผลิบานรับแสงจากดวงอาทิตย์
“สวยจังเลยค่ะครู  หนูเพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่ามีทุ่งดอกไม้อยู่ในเมืองเราด้วย”แมวร้องบอกด้วยความตื่นเต้น
“ไปวิ่งเล่นกันได้นะ  แต่อย่าไปไกลมากครูให้เวลาพวกเธอสิบห้านาทีแล้วค่อยเดินกันต่อ”
พวกเด็กๆจึงพากันวิ่งเล่นไปทั่วทุ่งทานตะวัน  ดอกทานตะวันสีเหลืองสดดอกใหญ่หลายดอกมีขนาดสูงกว่าเด็กๆมากนัก  ไม่นานเด็กทั้งยี่สิบสี่คนจึงถูกกลืนหายเข้าไปในทุ่งแห่งนี้
“ครูคะ  มานี่หน่อยสิคะ”หงส์วิ่งเข้ามาหาครูฝ้ายที่กำลังนั่งคุยกับเด็กหญิงสองคนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“อะไรกันจ๊ะ”
“ไปกับหนูหน่อยสิคะ  พวกเราเจออะไรอย่างนึง”ว่าแล้วแฝดหญิงก็ลากข้อมือครูสาวเดินแกมวิ่งตัดทุ่งทานตะวันไปยังอีกด้านหนึ่งที่มีไม้ใหญ่หลายต้นขึ้นครึ้ม
“ไปไหนจ๊ะ  นี่พวกเธอเดินกันมาไกลกลุ่มแล้วนะ”ครูติง
“อีกนิดเดียวเองค่ะ”เด็กสาวว่า
หงส์พาครูมาหยุดลงที่กลุ่มเด็กผู้ชายสามคนเพื่อนของเธอ
“พวกเราวิ่งเล่นมาจนถึงแถวนี้ค่ะ  แล้วก็เจอรอยเท้านี้เข้า”แล้วเธอก็ชี้ให้ดูรอยเท้าสัตว์ขนาดใหญ่ที่ประทับอยู่บนดินเป็นทางยาว  มันมีขนาดใหญ่กว่ารอยเท้าคนหลายเท่า  มีนิ้วห้านี้และเล็บขนาดยาว  ตรงกลางรอยเท้าแต่ละรอยดูจะเป็นรอยลึกกว่าบริเวณอื่น
“ครูว่าตัวอะไรคะ”เด็กสาวถามด้วยความสงสัย
ครูฝ้ายหัวเราะคิกคักคนเดียวอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามเด็กฝาแฝดว่า
“ไม่รู้จริงๆหรือแกล้งอำครูจ๊ะห่าน หงส์”
“ทำไมผมต้องแกล้งอำครูล่ะครับ”แฝดชายทำหน้างง
“ก็นี่มันรอยเท้าหมีไงจ๊ะ  อะไรกันพ่อเธอนะเป็นหมีไม่ใช่เหรอ  ไม่เคยสังเกตเลยรึ”
“เหรอครับ  ผมไม่เคยเห็นรอยเท้าพ่อนี่นา  พ่อไม่ค่อยแปลงกายตอนผมอยู่บ้านเท่าไรนักหรอกครับ”เด็กชายบอก
“ไม่แน่นะ  รอยเท้านี้อาจเป็นของพ่อเธอก็ได้”หมูน้อยออกความเห็น
“งั้นเราตามรอยเท้านี้ไปกันดีไหม”เลียงผาเสนอ
“อย่าดีกว่าจ๊ะ  เกิดไม่ใช่พ่อของห่านหงส์แล้วเป็นหมีขึ้นมาจริงๆ  ตัวขนาดนี้น่ากลัวมากนะ”ครูติงเบา
“แต่ผมอยากเห็นหมีนี่ครับ  ถ้าเกิดเป็นพ่อด้วยยิ่งดีใหญ่เลย  นะครับครู”เด็กชายอ้อน
เป็นที่รู้กันว่าครูคนสวยของพวกเขามักใจอ่อนอยู่เสมอกับคำพูดหวานๆและท่าทางน่ารักๆของพวกเด็กๆ
“ก็ได้ๆแต่ต้องถามเพื่อนๆทุกคนด้วย  ถ้าทุกคนยอมก็ไปด้วยกัน”ครูยื่นข้อเสนอ
“ได้เลยครับ  งั้นผมไปตามเอง”
และจากคำป่าวประกาศจากปากของเด็กชายอย่างห่านแล้วล่ะก็มีหรือเพื่อนทั้งหลายจะไม่ยอมไป
“ไปเถอะๆ  เพื่อได้เจอเรื่องผจญภัยอย่างฉันไง”ห่านบอกเมื่อเห็นเพื่อนหลายคนยังอดเสียดายทุ่งทานตะวันอยู่
ไม่ช้าเด็กทั้งห้องก็มารวมกันที่บริเวณที่พบรอยเท้า  พวกเขาเดินตามรอยเท้าหมียักษ์ไปอย่างเงียบๆด้วยท่าทางตื่นเต้น  เด็กหลายคนเหลียวซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวังภัย  และในที่สุดทั้งยี่สิบสี่คนก็เดินทางมาถึงธารน้ำตกใหญ่แห่งหนึ่งที่ส่งเสียงน้ำตกลงมาซู่ๆพร้อมกับไอเย็นยะเยียบที่พัดเข้ามาปะทะพวกเด็กๆ
ไม่ไกลจากน้ำตกใหญ่นี้นักเป็นที่ตั้งของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งด้านบนมีรวงผึ้งห้อยระย้าอยู่  ฝูงผึ้งจำนวนหลายตัวบินวนไปมาอย่างแข็งขัน
“อุ๊ย  หมี”แมวร้อยอุทานออกมาเมื่อเห็นหมียักษ์เดินสี่ขามุ่งไปยังรวงผึ้งรวงนั้นอย่างไม่สนใจใคร
“พ่อจริงๆด้วยแหละ”ห่านกับหงส์อุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
“แล้วพ่อนายจะทำอะไรนะ”หมูน้อยถาม
“เอ...”
“เขากำลังจะเก็บรวงผึ้งจ๊ะ  เอ้าเด็กๆถอยออกมาก่อน  ให้พ่อห่านหงส์เก็บรวงผึ้งให้เสร็จก่อนค่อยเข้าไปนะ  ระวังผึ้งต่อยด้วยนะเด็กๆ”ครูฝ้ายร้องเตือน
หมียักษ์เดินตรงไปยังรวงผึ้งที่ห้อยล่อตาล่อใจอยู่ก่อนยืดตัวยืนขึ้นสองขาซึ่งความสูงของมันคงไม่ต่ำกว่าสองเมตรครึ่ง  เจ้าหมียักษ์เก็บรวงผึ้งได้อย่างง่ายดายโดยไม่อาทรต่อฝูงเหล็กในเลย
หลังจากที่ฝูงผึ้งเริ่มซาลงไปแล้วพวกเด็กๆจึงเดินตรงเข้าไปหาพ่อหมีที่นั่งกินน้ำผึ้งอยู่อย่างสบายอารมณ์
“สวัสดีครับพ่อ”ห่านร้องทัก
“อ้าวห่าน หงส์  มาได้ไงเนี่ย”
“มากับครูแล้วก็เพื่อนๆครับ  มาสำรวจแถวชายป่าแต่พอเห็นรอยเท้าพ่อเข้าก็เลยตามมา  พ่อมาจับปลาเหรอครับ”
“อืม  แต่พอดีเห็นรวงผึ้งนี่ก็เลยอดใจไม่ได้ต้องขอหยุดพักมากินก่อน”
“มันอร่อยมากเลยหรือครับ”ชิมถาม
“ก็ถ้าเป็นหมีล่ะก็  พวกเบอรี่ น้ำผึ้งเนี่ยของโปรดทั้งนั้น”
“แล้วพ่อจับปลารึยังคะ”
“ยังเลย  ว่าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ว่าแล้วเขาก็ผละออกจากซากรวงผึ้งที่เหลืออยู่นั่น
“หนูขอไปด้วยคนสิคะ”
“อย่าเลย  พวกเธอเป็นคนอยู่ไปไม่ได้หรอกมันอันตราย คอยดูพ่ออยู่ตรงนี้ดีกว่า”ติงด้วยความเป็นห่วง
เด็กๆจึงยืนมองพ่อหมียักษ์เดินลุยน้ำอุ้ยอ้ายลงไปยืนอยู่กลางลำธารน้ำลึกที่มีน้ำตกยักษ์เป็นฉากหลัง  หมียักษ์ก้มหน้าลงไปในน้ำโดยใช้ปากซึ่งเต็มไปด้วยด้วยฟันอันแหลมคมของมันจับปลาที่ว่ายอยู่เต็มลำธารอย่างคล่องแคล่ว  ไม่นานนักกองปลาที่ตั้งอยู่ริมลำธารก็สูงขึ้นๆเป็นกองใหญ่
“พ่อครับ!”หงส์ตะโกนเรียกบิดาท่ามกลางสายน้ำตกที่ดังแข่ง  ร่างของหมียักษ์เงยหน้าโผล่ขึ้นมาจากลำธาร  เลียงผาเห็นเพื่อนชายของตนยืนยกไม้ยกมือส่งสัญญาณอะไรแปลกๆกับผู้เป็นพ่อโดยมีห่านน้องแฝดสาวยืนกำกับยกไม้ยกมืออยู่ข้างๆ
“ผมอยากอยู่ทานอาหารกลางวันที่นี่ครับครู  เดี๋ยวพ่อผมไปส่ง”หงส์บอกหลังจากตกลงกับพ่อแล้ว
“ขอฉันอยู่ด้วยสิ”หมูน้อยว่าเพราะท้องเด็กชายเริ่มส่งเสียงร้องหลังจากออกแรงมากเกินไป
“เราอยู่ด้วยสิ”
“เราด้วย   เราด้วย”เด็กๆทั้งหลายต่างร้องขอ
“แล้วจะเอาอะไรทานล่ะจ๊ะ”ครูฝ้ายถาม
“ให้พ่อผมจับปลาให้ก็ได้ครับ  ช่วยกันย่างแป๊บเดียวก็เสร็จ”หงส์ว่าพลางโบกไม้โบกมือกับบิดาอีกรอบ
“รบกวนพ่อของหงส์เปล่าๆ”ครุพูดอย่างเกรงใจ
“ไม่หรอกค่ะ  พ่อบอกว่ายินดีทำให้”ห่านกล่าว
พวกเด็กๆหันไปอ้อนครูสาวของพวกเขา
“ก็ได้ๆ  แต่ว่าจะอิ่มกันเหรอ  เอางี้ดีกว่าเดี๋ยวครูวิ่งไปเอาข้าวกับน้ำมาให้จากโรงเรียน”
“แต่มันไกลนะคะ  กว่าจะเดินไปเดินมาครูเหนื่อยแย่เลย”แมวท้วง
“ไม่หรอก  แป๊บเดียวเอง  อยู่กันดีๆนะเด็กๆ”ว่าแล้วครูสาวของพวกเด็กๆก็กลายร่างเป็นกวางแสนสวยถลาวิ่งออกไปด้วยความเร็วปานสายฟ้า
“แหมครูเราเป็นกวางนี่เอง  มิน่าละถึงได้ดูน่ารักอย่างนี้”ห่านเปรยขึ้นกับเพื่อนๆ
“แล้วนายว่าครูใหญ่ของเราจะเป็นตัวอะไร”เลียงผากระซิบถาม
“ก็เป็นเสือดาวมั้ง  ไม่ก็สิงโตถึงได้ดุขนาดนั้น”
“แต่สิงโตมันขี้เกียจจะตายไป  ครูใหญ่เราไม่ขี้เกียจขนาดนั้นสักหน่อย  เห็นเดินหาเรื่องพวกนักเรียนได้ทุกวัน”มดเข้ามาร่วมวงนินทามั่ง
“นั่นมันสิงโตตัวผู้ต่างหาก  ตัวเมียนะไม่ขี้เกียจหรอก”เด็กสาวที่นั่งอยู่ใกล้ติง
“เอาเถอะสักวันฉันจะต้องหาโอกาสรู้ให้ได้ว่าครูใหญ่ของเราเป็นตัวอะไรกันแน่”เลียงผากล่าวกับเพื่อนๆอย่างหมายมั่นปั้นมือ
กองไฟกองใหญ่ลุกโชติช่วงขึ้นพร้อมๆกับปลาหลายสิบตัวที่ถูกจับเสียบไม้วางเรียงรายอยู่รอบๆโดยมีพวกเด็กๆผลัดกันเปลี่ยนเวรมาปิ้งปลาและหาฟืนเติม
“นายยกไม้ยกมืออะไรกับพ่อเหรอเมื่อกี้”เลียงผาถามฝาแฝดขณะนั่งยองๆกลับตัวปลา
“อ้อ  ที่บ้านเรามีภาษามือไว้ใช้กันนะ  พ่อเป็นคนคิดเองเลยนะเอาไว้เพื่อเวลาขายของหรือตอนยืนอยู่ไกลๆกันจะได้ส่งสัญญาณได้  ไว้ฉันจะสอนนายเอาไหม”หงส์กล่าวอย่างใจดี
“ดีเลย!”
“แถมในเวลาเรียนยังใช้ได้ผลดีอีกด้วยนะ”ห่านกระซิบบอกเลียงผา
ก่อนที่ปลาเหล่านั้นจะสุกได้ที่พอรับประทาน  เจ้ากวางน้อยตัวงามก็วิ่งตรงมาถึงพร้อมๆกับหมาป่าตัวโตที่เดินตามหลังมา  บนหลังของทั้งสองตัวคือกล่องอาหารและกระติกน้ำจำนวนหลายใบที่ถูกผูกไว้
“ครูฝ้ายมาแล้ว  มากับใครไม่รู้”หงส์เป็นคนแรกที่เห็น
“ครูภพไง”มดบอกเมื่อเป็นร่างของครูทั้งสองเดินเข้ามาร่วมวง
“ครูแบกของมาไม่หมดเลยชวนครูภพมาด้วยจ๊ะ”
เด็กๆต่างรู้สึกดีใจกันมากที่ครูหนุ่มอารมณ์ดีของพวกเขามาร่วมวงด้วยในคราวนี้
“ครูเป็นหมาป่าเหรอครับ”ชิมถามอย่างสงสัยเมื่อสังเกตถึงรูปร่างหน้าตาของครูแล้วออกจะไม่เหมาะกันเจ้าสัตว์ชนิดนี้เท่าไรนัก  เนื่องจากครูภพเป็นชายหนุ่มร่างเล็กแม้จะไม่เตี้ยกว่าครูฝ้าย  แต่ก็ไม่สูงกว่ามากนัก  ตาสีดำโต  ผิวของครูเป็นสีน้ำตาลค่อนไปทางแดง ส่วนใบหูนั้นดูค่อนข้างใหญ่และโด่ดเด่น  
“เปล่าหรอก”ครูภพยิ้มจนเห็นฟันหน้าที่ค่อนข้างยาวกว่าปรกติ
“ครูเป็นหนูรึเปล่า”
“ไม่บอก  ไว้ดูเอาเองดีกว่า”
“ต้องใช่แน่ๆเลย”ชิมบอกอย่างมั่นใจในการคาดเดาของตน
“ปลาสุกแล้วครับครู  มาทานกันดีกว่า”พ่อของฝาแฝดร้องเรียก
และเด็กก็ได้ทานปลาย่างพร้อมๆกับข้าวสวยร้อนๆและน้ำจิ้มซีอิ้วที่ครูทั้งสองช่วยกันแบกมาอย่างเอร็ดอร่อยท่ามกลางธรรมชาติและเสียงน้ำตกไหลให้บรรยากาศอันแสนสบาย
ปลาย่างกองโตถูกกลืนหายเข้าไปในท้องเด็กๆภายในเวลาไม่นาน  หลายคนยังออกอาการอยากทานอีกจนพ่อของห่านหงส์ต้องลงไปจับมาให้กินกันเป็นรอบสอง  เมื่อทานอาหารกันจนอิ่มดีแล้วครูสาวปล่อยให้เด็กไปวิ่งเล่นพักผ่อนกันอีกกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนชวนกันเดินกลับไปยังโรงเรียนซึ่งเป็นเวลาบ่ายกว่าๆ
“ผมชอบวิชาของครูจังเลยครับ  คราวหน้าเรามากันอีกนะครับ”ห่านบอกขณะที่เดินกลับโรงเรียนมา
“อะไรกันเมื่อตอนเช้ายังกระซิบบอกครูอยู่เลยว่าชอบการแปลงร่าง  เผลอหน่อยเดียวเปลี่ยนใจเสียแล้ว”ครูภพว่าอย่างไม่จริงจังนัก
“ของครูภพก็ชอบครับ  ว่าแต่วันศุกร์นี้ครูจะสอนเราแปลงร่างกันเป็นอะไร”
“เป็นหมีเอาไหม  เห็นพ่อเธอทำแล้วนี่  อยากลองกันบ้างไหม”
เด็กหลายคนสนับสนุนเต็มที่  จะมีก็แต่ห่านกับหงส์เท่านั้นที่ทำหน้ามุ่ย
“เป็นอะไรไปเหรอห่าน หงส์”ครูภพถามฝาแฝดทั้งสอง
“ผมกับห่านนะเคยลองแปลงร่างเป็นหมีดูกันแล้วครับ  พ่อเคยสอนผมตั้งหลายทีแต่ไม่รู้เป็นไง  ไม่เคยสำเร็จสักครั้งเดียว”
“ดีละ  ครูจะสอนแปลงร่างหมีชั่วโมงหน้า  เราจะได้เห็นเด็กเก่งสองคนหมดท่าสักที”ครูกล่าวอย่างอารมณ์ดีก่อนปล่อยให้ฝาแฝดทั้งสองทำหน้ามุ่ยต่อไป


อย่าให้ความชั่วร้ายครอบงำเรา  จนไม่รู้จักผิดชอบดีชั่ว


#15 กีรเต้

กีรเต้

    เราเป็นอย่างไร เรารู้ตัวเอง

  • Validating
  • PipPipPipPipPip
  • 6,208 posts

Posted 12 January 2014 - 12:19

เห็นเล่ากันสนุก ก็เลยอยากเล่ามั่ง ไม่รู้เกี่ยวกันหรือเปล่า

ชั่วโมงต่อไปของวันนี้เป็นชั่วโมงค้นคว้าความรู้ของครูฝ้าย  พวกเด็กไม่รู้ว่าชั่วโมงนี้จะเป็นอย่างไร  แต่อย่างน้อยเมื่อทราบว่าครูประจำชั้นแสนสวยของเขาจะมาเป็นครูสอนในวิชานี้ก็ทำให้ทั้งห้องโล่งอกโล่งใจไปตามๆกัน
“ครูจะพาพวกเธอออกไปเที่ยวกันดีไหม”ครูสาวสวยเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องและนั่นทำให้เด็กทั้งหลายเฮกันลั่น
“ไปไหนครับครู”มดถามขึ้น
“ไปเดินเล่นแถวชายป่ากัน”ครูเสนอ
“ป่าด้านหลังโรงเรียนที่พวกผมไปนะหรือครับ”เลียงผาถาม
“ใช่จ๊ะ  แต่เราจะไม่เข้าไปลึกถึงขนาดนั้นหรอกนะ  ว่าไงใครอยากไปกับครูบ้างจ๊ะ”
ทุกคนในห้องยกมือหลาพร้อมๆกัน  เด็กๆได้ฟังวีรกรรมของเพื่อนร่วมห้องทั้งสี่แล้วอดรู้สึกอยากไปเห็นสถานที่ผจญภัยของพวกเขาไม่ได้  แม้จะไปไม่ถึงก็ขอให้ได้เห็นบ้างก็ยังดี  ดังนั้นไม่ถึงห้านาทีพวกเด็กทั้งสิบห้าคนก็เดินเรียงแถวกันออกมาจากห้องเรียนมุ่งตรงไปยังบริเวณชายป่าด้านหลัง  ครูฝ้ายเป็นคนเดินนำนักเรียนทั้งหลายเลาะชายป่าดิบชื้นไปเรื่อยๆพลางเล่าถึงเรื่องราวและเกร็ดความรู้ต่างๆประกอบให้นักเรียนฟังด้วย
“ป่าแห่งนี้มีถูกเรียกว่าป่ามหัศจรรย์  ที่ชาวเมืองตั้งชื่อเช่นนี้ก็เพราะว่าป่านี้ได้ซ่อนความลึกลับและอันตรายไว้มากมายยากที่ผู้ใดจะไขมันได้หมด  ป่านี้มีพื้นที่กว้างขวางมากและแต่ละบริเวณก็จะแตกต่างกันออกไปมีทั้งป่าดิบชื้น ป่าผลัดใบ ป่าทุรกันดาร ป่าดงดิบ ทะเลทรายและเขตน้ำแข็ง”
“ในป่านี้มีตัวอะไรอาศัยอยู่บ้างคะ”
“หลายอย่างจ๊ะ  มีทั้งหมี  กวาง  สิงโต  ยีราฟ  ลิง  เสือ  แล้วก็ใจกลางป่าแห่งนี้ก็มีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ด้วย”
“ครูเคยเข้าไปไหมคะ”
“เคยจ๊ะ  พวกครูทุกคนเคยเข้าไปสำรวจป่าแห่งนี้กันแล้วทั้งนั้น  แต่ก็ไม่เคยเข้าไปได้ลึกถึงใจกลางป่าหรอก”
ครูพาพวกเด็กๆเดินเล่นกันมาถึงทุ่งทานตะวันสีเหลืองอร่ามที่กำลังออกดอกผลิบานรับแสงจากดวงอาทิตย์
“สวยจังเลยค่ะครู  หนูเพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่ามีทุ่งดอกไม้อยู่ในเมืองเราด้วย”แมวร้องบอกด้วยความตื่นเต้น
“ไปวิ่งเล่นกันได้นะ  แต่อย่าไปไกลมากครูให้เวลาพวกเธอสิบห้านาทีแล้วค่อยเดินกันต่อ”
พวกเด็กๆจึงพากันวิ่งเล่นไปทั่วทุ่งทานตะวัน  ดอกทานตะวันสีเหลืองสดดอกใหญ่หลายดอกมีขนาดสูงกว่าเด็กๆมากนัก  ไม่นานเด็กทั้งยี่สิบสี่คนจึงถูกกลืนหายเข้าไปในทุ่งแห่งนี้
“ครูคะ  มานี่หน่อยสิคะ”หงส์วิ่งเข้ามาหาครูฝ้ายที่กำลังนั่งคุยกับเด็กหญิงสองคนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“อะไรกันจ๊ะ”
“ไปกับหนูหน่อยสิคะ  พวกเราเจออะไรอย่างนึง”ว่าแล้วแฝดหญิงก็ลากข้อมือครูสาวเดินแกมวิ่งตัดทุ่งทานตะวันไปยังอีกด้านหนึ่งที่มีไม้ใหญ่หลายต้นขึ้นครึ้ม
“ไปไหนจ๊ะ  นี่พวกเธอเดินกันมาไกลกลุ่มแล้วนะ”ครูติง
“อีกนิดเดียวเองค่ะ”เด็กสาวว่า
หงส์พาครูมาหยุดลงที่กลุ่มเด็กผู้ชายสามคนเพื่อนของเธอ
“พวกเราวิ่งเล่นมาจนถึงแถวนี้ค่ะ  แล้วก็เจอรอยเท้านี้เข้า”แล้วเธอก็ชี้ให้ดูรอยเท้าสัตว์ขนาดใหญ่ที่ประทับอยู่บนดินเป็นทางยาว  มันมีขนาดใหญ่กว่ารอยเท้าคนหลายเท่า  มีนิ้วห้านี้และเล็บขนาดยาว  ตรงกลางรอยเท้าแต่ละรอยดูจะเป็นรอยลึกกว่าบริเวณอื่น
“ครูว่าตัวอะไรคะ”เด็กสาวถามด้วยความสงสัย
ครูฝ้ายหัวเราะคิกคักคนเดียวอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามเด็กฝาแฝดว่า
“ไม่รู้จริงๆหรือแกล้งอำครูจ๊ะห่าน หงส์”
“ทำไมผมต้องแกล้งอำครูล่ะครับ”แฝดชายทำหน้างง
“ก็นี่มันรอยเท้าหมีไงจ๊ะ  อะไรกันพ่อเธอนะเป็นหมีไม่ใช่เหรอ  ไม่เคยสังเกตเลยรึ”
“เหรอครับ  ผมไม่เคยเห็นรอยเท้าพ่อนี่นา  พ่อไม่ค่อยแปลงกายตอนผมอยู่บ้านเท่าไรนักหรอกครับ”เด็กชายบอก
“ไม่แน่นะ  รอยเท้านี้อาจเป็นของพ่อเธอก็ได้”หมูน้อยออกความเห็น
“งั้นเราตามรอยเท้านี้ไปกันดีไหม”เลียงผาเสนอ
“อย่าดีกว่าจ๊ะ  เกิดไม่ใช่พ่อของห่านหงส์แล้วเป็นหมีขึ้นมาจริงๆ  ตัวขนาดนี้น่ากลัวมากนะ”ครูติงเบา
“แต่ผมอยากเห็นหมีนี่ครับ  ถ้าเกิดเป็นพ่อด้วยยิ่งดีใหญ่เลย  นะครับครู”เด็กชายอ้อน
เป็นที่รู้กันว่าครูคนสวยของพวกเขามักใจอ่อนอยู่เสมอกับคำพูดหวานๆและท่าทางน่ารักๆของพวกเด็กๆ
“ก็ได้ๆแต่ต้องถามเพื่อนๆทุกคนด้วย  ถ้าทุกคนยอมก็ไปด้วยกัน”ครูยื่นข้อเสนอ
“ได้เลยครับ  งั้นผมไปตามเอง”
และจากคำป่าวประกาศจากปากของเด็กชายอย่างห่านแล้วล่ะก็มีหรือเพื่อนทั้งหลายจะไม่ยอมไป
“ไปเถอะๆ  เพื่อได้เจอเรื่องผจญภัยอย่างฉันไง”ห่านบอกเมื่อเห็นเพื่อนหลายคนยังอดเสียดายทุ่งทานตะวันอยู่
ไม่ช้าเด็กทั้งห้องก็มารวมกันที่บริเวณที่พบรอยเท้า  พวกเขาเดินตามรอยเท้าหมียักษ์ไปอย่างเงียบๆด้วยท่าทางตื่นเต้น  เด็กหลายคนเหลียวซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวังภัย  และในที่สุดทั้งยี่สิบสี่คนก็เดินทางมาถึงธารน้ำตกใหญ่แห่งหนึ่งที่ส่งเสียงน้ำตกลงมาซู่ๆพร้อมกับไอเย็นยะเยียบที่พัดเข้ามาปะทะพวกเด็กๆ
ไม่ไกลจากน้ำตกใหญ่นี้นักเป็นที่ตั้งของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งด้านบนมีรวงผึ้งห้อยระย้าอยู่  ฝูงผึ้งจำนวนหลายตัวบินวนไปมาอย่างแข็งขัน
“อุ๊ย  หมี”แมวร้อยอุทานออกมาเมื่อเห็นหมียักษ์เดินสี่ขามุ่งไปยังรวงผึ้งรวงนั้นอย่างไม่สนใจใคร
“พ่อจริงๆด้วยแหละ”ห่านกับหงส์อุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
“แล้วพ่อนายจะทำอะไรนะ”หมูน้อยถาม
“เอ...”
“เขากำลังจะเก็บรวงผึ้งจ๊ะ  เอ้าเด็กๆถอยออกมาก่อน  ให้พ่อห่านหงส์เก็บรวงผึ้งให้เสร็จก่อนค่อยเข้าไปนะ  ระวังผึ้งต่อยด้วยนะเด็กๆ”ครูฝ้ายร้องเตือน
หมียักษ์เดินตรงไปยังรวงผึ้งที่ห้อยล่อตาล่อใจอยู่ก่อนยืดตัวยืนขึ้นสองขาซึ่งความสูงของมันคงไม่ต่ำกว่าสองเมตรครึ่ง  เจ้าหมียักษ์เก็บรวงผึ้งได้อย่างง่ายดายโดยไม่อาทรต่อฝูงเหล็กในเลย
หลังจากที่ฝูงผึ้งเริ่มซาลงไปแล้วพวกเด็กๆจึงเดินตรงเข้าไปหาพ่อหมีที่นั่งกินน้ำผึ้งอยู่อย่างสบายอารมณ์
“สวัสดีครับพ่อ”ห่านร้องทัก
“อ้าวห่าน หงส์  มาได้ไงเนี่ย”
“มากับครูแล้วก็เพื่อนๆครับ  มาสำรวจแถวชายป่าแต่พอเห็นรอยเท้าพ่อเข้าก็เลยตามมา  พ่อมาจับปลาเหรอครับ”
“อืม  แต่พอดีเห็นรวงผึ้งนี่ก็เลยอดใจไม่ได้ต้องขอหยุดพักมากินก่อน”
“มันอร่อยมากเลยหรือครับ”ชิมถาม
“ก็ถ้าเป็นหมีล่ะก็  พวกเบอรี่ น้ำผึ้งเนี่ยของโปรดทั้งนั้น”
“แล้วพ่อจับปลารึยังคะ”
“ยังเลย  ว่าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ว่าแล้วเขาก็ผละออกจากซากรวงผึ้งที่เหลืออยู่นั่น
“หนูขอไปด้วยคนสิคะ”
“อย่าเลย  พวกเธอเป็นคนอยู่ไปไม่ได้หรอกมันอันตราย คอยดูพ่ออยู่ตรงนี้ดีกว่า”ติงด้วยความเป็นห่วง
เด็กๆจึงยืนมองพ่อหมียักษ์เดินลุยน้ำอุ้ยอ้ายลงไปยืนอยู่กลางลำธารน้ำลึกที่มีน้ำตกยักษ์เป็นฉากหลัง  หมียักษ์ก้มหน้าลงไปในน้ำโดยใช้ปากซึ่งเต็มไปด้วยด้วยฟันอันแหลมคมของมันจับปลาที่ว่ายอยู่เต็มลำธารอย่างคล่องแคล่ว  ไม่นานนักกองปลาที่ตั้งอยู่ริมลำธารก็สูงขึ้นๆเป็นกองใหญ่
“พ่อครับ!”หงส์ตะโกนเรียกบิดาท่ามกลางสายน้ำตกที่ดังแข่ง  ร่างของหมียักษ์เงยหน้าโผล่ขึ้นมาจากลำธาร  เลียงผาเห็นเพื่อนชายของตนยืนยกไม้ยกมือส่งสัญญาณอะไรแปลกๆกับผู้เป็นพ่อโดยมีห่านน้องแฝดสาวยืนกำกับยกไม้ยกมืออยู่ข้างๆ
“ผมอยากอยู่ทานอาหารกลางวันที่นี่ครับครู  เดี๋ยวพ่อผมไปส่ง”หงส์บอกหลังจากตกลงกับพ่อแล้ว
“ขอฉันอยู่ด้วยสิ”หมูน้อยว่าเพราะท้องเด็กชายเริ่มส่งเสียงร้องหลังจากออกแรงมากเกินไป
“เราอยู่ด้วยสิ”
“เราด้วย   เราด้วย”เด็กๆทั้งหลายต่างร้องขอ
“แล้วจะเอาอะไรทานล่ะจ๊ะ”ครูฝ้ายถาม
“ให้พ่อผมจับปลาให้ก็ได้ครับ  ช่วยกันย่างแป๊บเดียวก็เสร็จ”หงส์ว่าพลางโบกไม้โบกมือกับบิดาอีกรอบ
“รบกวนพ่อของหงส์เปล่าๆ”ครุพูดอย่างเกรงใจ
“ไม่หรอกค่ะ  พ่อบอกว่ายินดีทำให้”ห่านกล่าว
พวกเด็กๆหันไปอ้อนครูสาวของพวกเขา
“ก็ได้ๆ  แต่ว่าจะอิ่มกันเหรอ  เอางี้ดีกว่าเดี๋ยวครูวิ่งไปเอาข้าวกับน้ำมาให้จากโรงเรียน”
“แต่มันไกลนะคะ  กว่าจะเดินไปเดินมาครูเหนื่อยแย่เลย”แมวท้วง
“ไม่หรอก  แป๊บเดียวเอง  อยู่กันดีๆนะเด็กๆ”ว่าแล้วครูสาวของพวกเด็กๆก็กลายร่างเป็นกวางแสนสวยถลาวิ่งออกไปด้วยความเร็วปานสายฟ้า
“แหมครูเราเป็นกวางนี่เอง  มิน่าละถึงได้ดูน่ารักอย่างนี้”ห่านเปรยขึ้นกับเพื่อนๆ
“แล้วนายว่าครูใหญ่ของเราจะเป็นตัวอะไร”เลียงผากระซิบถาม
“ก็เป็นเสือดาวมั้ง  ไม่ก็สิงโตถึงได้ดุขนาดนั้น”
“แต่สิงโตมันขี้เกียจจะตายไป  ครูใหญ่เราไม่ขี้เกียจขนาดนั้นสักหน่อย  เห็นเดินหาเรื่องพวกนักเรียนได้ทุกวัน”มดเข้ามาร่วมวงนินทามั่ง
“นั่นมันสิงโตตัวผู้ต่างหาก  ตัวเมียนะไม่ขี้เกียจหรอก”เด็กสาวที่นั่งอยู่ใกล้ติง
“เอาเถอะสักวันฉันจะต้องหาโอกาสรู้ให้ได้ว่าครูใหญ่ของเราเป็นตัวอะไรกันแน่”เลียงผากล่าวกับเพื่อนๆอย่างหมายมั่นปั้นมือ
กองไฟกองใหญ่ลุกโชติช่วงขึ้นพร้อมๆกับปลาหลายสิบตัวที่ถูกจับเสียบไม้วางเรียงรายอยู่รอบๆโดยมีพวกเด็กๆผลัดกันเปลี่ยนเวรมาปิ้งปลาและหาฟืนเติม
“นายยกไม้ยกมืออะไรกับพ่อเหรอเมื่อกี้”เลียงผาถามฝาแฝดขณะนั่งยองๆกลับตัวปลา
“อ้อ  ที่บ้านเรามีภาษามือไว้ใช้กันนะ  พ่อเป็นคนคิดเองเลยนะเอาไว้เพื่อเวลาขายของหรือตอนยืนอยู่ไกลๆกันจะได้ส่งสัญญาณได้  ไว้ฉันจะสอนนายเอาไหม”หงส์กล่าวอย่างใจดี
“ดีเลย!”
“แถมในเวลาเรียนยังใช้ได้ผลดีอีกด้วยนะ”ห่านกระซิบบอกเลียงผา
ก่อนที่ปลาเหล่านั้นจะสุกได้ที่พอรับประทาน  เจ้ากวางน้อยตัวงามก็วิ่งตรงมาถึงพร้อมๆกับหมาป่าตัวโตที่เดินตามหลังมา  บนหลังของทั้งสองตัวคือกล่องอาหารและกระติกน้ำจำนวนหลายใบที่ถูกผูกไว้
“ครูฝ้ายมาแล้ว  มากับใครไม่รู้”หงส์เป็นคนแรกที่เห็น
“ครูภพไง”มดบอกเมื่อเป็นร่างของครูทั้งสองเดินเข้ามาร่วมวง
“ครูแบกของมาไม่หมดเลยชวนครูภพมาด้วยจ๊ะ”
เด็กๆต่างรู้สึกดีใจกันมากที่ครูหนุ่มอารมณ์ดีของพวกเขามาร่วมวงด้วยในคราวนี้
“ครูเป็นหมาป่าเหรอครับ”ชิมถามอย่างสงสัยเมื่อสังเกตถึงรูปร่างหน้าตาของครูแล้วออกจะไม่เหมาะกันเจ้าสัตว์ชนิดนี้เท่าไรนัก  เนื่องจากครูภพเป็นชายหนุ่มร่างเล็กแม้จะไม่เตี้ยกว่าครูฝ้าย  แต่ก็ไม่สูงกว่ามากนัก  ตาสีดำโต  ผิวของครูเป็นสีน้ำตาลค่อนไปทางแดง ส่วนใบหูนั้นดูค่อนข้างใหญ่และโด่ดเด่น  
“เปล่าหรอก”ครูภพยิ้มจนเห็นฟันหน้าที่ค่อนข้างยาวกว่าปรกติ
“ครูเป็นหนูรึเปล่า”
“ไม่บอก  ไว้ดูเอาเองดีกว่า”
“ต้องใช่แน่ๆเลย”ชิมบอกอย่างมั่นใจในการคาดเดาของตน
“ปลาสุกแล้วครับครู  มาทานกันดีกว่า”พ่อของฝาแฝดร้องเรียก
และเด็กก็ได้ทานปลาย่างพร้อมๆกับข้าวสวยร้อนๆและน้ำจิ้มซีอิ้วที่ครูทั้งสองช่วยกันแบกมาอย่างเอร็ดอร่อยท่ามกลางธรรมชาติและเสียงน้ำตกไหลให้บรรยากาศอันแสนสบาย
ปลาย่างกองโตถูกกลืนหายเข้าไปในท้องเด็กๆภายในเวลาไม่นาน  หลายคนยังออกอาการอยากทานอีกจนพ่อของห่านหงส์ต้องลงไปจับมาให้กินกันเป็นรอบสอง  เมื่อทานอาหารกันจนอิ่มดีแล้วครูสาวปล่อยให้เด็กไปวิ่งเล่นพักผ่อนกันอีกกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนชวนกันเดินกลับไปยังโรงเรียนซึ่งเป็นเวลาบ่ายกว่าๆ
“ผมชอบวิชาของครูจังเลยครับ  คราวหน้าเรามากันอีกนะครับ”ห่านบอกขณะที่เดินกลับโรงเรียนมา
“อะไรกันเมื่อตอนเช้ายังกระซิบบอกครูอยู่เลยว่าชอบการแปลงร่าง  เผลอหน่อยเดียวเปลี่ยนใจเสียแล้ว”ครูภพว่าอย่างไม่จริงจังนัก
“ของครูภพก็ชอบครับ  ว่าแต่วันศุกร์นี้ครูจะสอนเราแปลงร่างกันเป็นอะไร”
“เป็นหมีเอาไหม  เห็นพ่อเธอทำแล้วนี่  อยากลองกันบ้างไหม”
เด็กหลายคนสนับสนุนเต็มที่  จะมีก็แต่ห่านกับหงส์เท่านั้นที่ทำหน้ามุ่ย
“เป็นอะไรไปเหรอห่าน หงส์”ครูภพถามฝาแฝดทั้งสอง
“ผมกับห่านนะเคยลองแปลงร่างเป็นหมีดูกันแล้วครับ  พ่อเคยสอนผมตั้งหลายทีแต่ไม่รู้เป็นไง  ไม่เคยสำเร็จสักครั้งเดียว”
“ดีละ  ครูจะสอนแปลงร่างหมีชั่วโมงหน้า  เราจะได้เห็นเด็กเก่งสองคนหมดท่าสักที”ครูกล่าวอย่างอารมณ์ดีก่อนปล่อยให้ฝาแฝดทั้งสองทำหน้ามุ่ยต่อไป

เกิน 3 บรรทัด

 

ตาลาย

:blink:


ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ "   https://www.facebook...akwarakfromyala   https://www.facebook.com/NARAPEACE

 

 


#16 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

Posted 12 January 2014 - 22:26

ขึ้น 10 เดือนยี่

 

ณ ห้องประชุมฝ่ายเสนารักษ ย่านราชดำริ

 

ผุ้รั้งตำแหน่งผู้บังคับการ ศูนย์..ศ A R ส ต่างเข้าประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง

จับคู่ถกกัน รอเวลาท่านผู้นำเดินทางเข้าร่วมปรึกษาหารือ

 

เวลาผ่านไป...ท่านผู้นำ เยื่อยงย่าง ประหนึ่งนางหงส์

 

การปรึกษาหารือเริ่มต้น...

 

หัวหน้าผู้บังคับการ เสนารักษ์ : ท่านผู้นำ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ สุ่มเสี่ยงที่จะ

เสียมากกว่าได้...ท่านผุ้นำควรตัดสินใจ อย่างหนึ่งอย่างใด

 

ท่านผู้นำ : ท่านคิดว่า ปูนิ่ม ควรจะทำเยื้ยงไรเล่าท่าน

 

เสนารักษ์ : น่าจะถึงเพลาที่ท่านควรจะละทิ้งตำแหน่ง เสียก่อน

 

ท่านผู้นำ : " ปูผืดอะไร " เหตุใดจึงต้องละทิ้งตำแหน่งด้วยเล่า

 

สิ้นเสียง...สิ้นคำถาม...เหล่าเสนารักษ์ ต่างมองตากันเลิกลั่ก

ห้องประชุมตกอยู่ในภวัง...ไปชั่วครู่...

 

 

" ปูผิดอะไร "....

 

คำถามนี้...ถามจริง ๆ ...จนวันนี้..ยังไม่รู้อีกเหรอว่า

 

" ปูผิดอะไร

 

อย่าคิดมาก...ก็แค่เรื่องเล่าธรรมดา ๆ เรื่องหนึ่ง.. -_-


Edited by bird, 12 January 2014 - 22:28.


#17 ท้อป

ท้อป

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 341 posts

Posted 12 January 2014 - 23:00

ขึ้น 10 เดือนยี่

ณ ห้องประชุมฝ่ายเสนารักษ ย่านราชดำริ

ผุ้รั้งตำแหน่งผู้บังคับการ ศูนย์..ศ A R ส ต่างเข้าประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง
จับคู่ถกกัน รอเวลาท่านผู้นำเดินทางเข้าร่วมปรึกษาหารือ

เวลาผ่านไป...ท่านผู้นำ เยื่อยงย่าง ประหนึ่งนางหงส์

การปรึกษาหารือเริ่มต้น...

หัวหน้าผู้บังคับการ เสนารักษ์ : ท่านผู้นำ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ สุ่มเสี่ยงที่จะ
เสียมากกว่าได้...ท่านผุ้นำควรตัดสินใจ อย่างหนึ่งอย่างใด

ท่านผู้นำ : ท่านคิดว่า ปูนิ่ม ควรจะทำเยื้ยงไรเล่าท่าน

เสนารักษ์ : น่าจะถึงเพลาที่ท่านควรจะละทิ้งตำแหน่ง เสียก่อน

ท่านผู้นำ : " ปูผืดอะไร " เหตุใดจึงต้องละทิ้งตำแหน่งด้วยเล่า

สิ้นเสียง...สิ้นคำถาม...เหล่าเสนารักษ์ ต่างมองตากันเลิกลั่ก
ห้องประชุมตกอยู่ในภวัง...ไปชั่วครู่...


" ปูผิดอะไร "....

คำถามนี้...ถามจริง ๆ ...จนวันนี้..ยังไม่รู้อีกเหรอว่า

" ปูผิดอะไร "

อย่าคิดมาก...ก็แค่เรื่องเล่าธรรมดา ๆ เรื่องหนึ่ง.. -_-


นั่นสิครับ ไม่แน่ใจว่าจะยุบสภาไปทำไม เรื่องไหนผิดกฏหมายก็ฟ้องกันไป ผิดมากๆรอบหน้าประชาชนหมดสัทธราเค้าก็ไม่เลือกเอง เหมือนรัฐบาลแถวบ้านผม

#18 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

Posted 12 January 2014 - 23:08

งานหนัก ตามข่าวไม่ทัน



#19 temp

temp

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,682 posts

Posted 12 January 2014 - 23:14

“หนูชอบมั้ยเวลาที่คนทะเลาะกัน แล้วเค้าตีกัน ชกกัน ต่อยหน้ากันหน่ะลูก”
“หนู ... หนูไม่ชอบ”
“ป่าป๊าก็ไม่ชอบเหมือนกันลูก เวลาป่าป๊า ม่าม๊าทะเลาะกัน เราก็คุยกันใช่มั้ยลูก เวลาที่ม่าม๊ากับหนูทะเลาะกัน แล้วม่าม๊าตีหนู หนูชอบมั้ย”
“ไม่ชอบ หนูไม่ชอบถูกตี ตีเจ็บ”
“ฮ่ะ ๆ ๆ” ผมหัวเราะในคำตอบที่จริงใจของเด็กวัย 4 ขวบที่แสนซน

“แล้วถ้าเค้ายิงปืนใส่กัน แล้วต้องไป Hospital ได้มั้ยแบบนั้น” ผมถามต่อ
“ยิงปืนได้ ... ยิงใน iPad”
“ฮ่ะ ๆ ๆ” ผมหัวเราะในคำตอบของเค้า “อ้าวแล้วยิงจริง ๆ ได้มั้ยลูก ยิงปุ้ง ๆ เลือดไหลเลย” ผมถามไปขำไป
“ไม่ได้ ยิงจริง ๆ ไม่ได้ ให้ตำรวจกับทหารยิงได้ ให้ตำรวจยิงผู้ร้ายได้ คนอื่นยิงไม่ได้”
“ยิงปืนในเกมส์ได้ใช่มั้ยลูก แต่ยิงจริง ๆ ไม่ได้”
“ยิงจริง ๆ ไม่ได้” เค้าตอบ ขนมปังยังเต็มปาก

“แล้วหนูรู้มั้ยว่าเราจะไปจุดเทียนทำไม” ผมถาม ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเค้าคงไม่รู้คำตอบ
“หนูไม่รู้”
“เราจะไปจุดเทียน จะได้บอกให้เค้ารู้ว่า อย่าตีกัน อย่ายิงกันลูก” ผมหันไปมองหน้าเค้า ผมเห็นทำหน้างง ๆ ผมอธิบายต่อ
“ก็ถ้าเราจุดเทียนคนเดียว เค้าก็นึกว่าเราจุดเทียนแฮปปี้เบิร์ธเดย์ไงลูก เค้าก็มองไม่เห็น แต่ถ้าเราไปจุดกันหลาย ๆ คน เค้าก็จะเห็นเรา ทุกคนก็จะเห็นเรา”
พูดไปหัวเราะไป “จุดเทียนแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ถ้าเราจุดคนเดียวก็แฮปปี้เบิร์ธเดย์ เราไปจุดหลาย ๆ คน”
เด็กวัยนี้ บางทีก็หัวเราะเส้นตื้น และก็ชอบพูดทวนประโยคของผู้ใหญ่
“จุดเทียนแฮปปี้เบิร์ธเดย์ จุดเทียนแฮปปี้เบิร์ธเดย์” ยังคงขำ

“ตกลงหนูเข้าใจมั้ยว่าเราไปทำอะไรกันวันนี้” ผมถามยิ้ม ๆ
“เราไปจุดเทียน ให้เค้าไม่ตีกัน ไม่ยิงกัน ป่าป๊า หนูไม่ชอบให้ตีกัน ไม่ชอบต่อยหน้า”
“หนูอยากไปกับป่าป๊ามั้ยลูก”
“อยากไปครับ ป่าป๊า”
“งั้นเราไปกันลูก”

==========
ตัดมาจาก พอกันทีฯ
==========

 

 

 

 

ของแถม นอกเรื่อง
"ถ้าม๊าโกงลุงป้าน้าอา แถมอมค่าขนมหนู หนูฟ้องป๊า ป๊าบอกม๊าว่าเธอว์ทำไม่ถูกนะ ม๊าโกรธด่าป๊า แล้วม๊าก็ตีหนู หนูก็เฉยไว้นะ"
"ตำรวจกับทหารยิงได้ ให้ตำรวจยิงผู้ร้ายได้ คนอื่นยิงไม่ได้ .......... เราจะไปจุดเทียน จะได้บอกให้เค้ารู้ว่า อย่าตีกัน อย่ายิงกัน .......... แล้วถ้าไอ้คนอื่นที่เคยยิงชาวบ้านมายืนเผายางจุดคบเพลิงเทียนอยู่ข้างๆหนูน่ะ หนูก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซะนะลูก"
"หนูคอยตะโกนงี้นะ ว่า “แฮปปี้เบิร์ธเดย์หนูจะเอาเลือกตั้งเด๋วนี้ หนูจะเอาเลือกตั้งเด๋วนี้” ส่วนป๊าจะบอก "เผาเลยพี่น้องพ้มรับผิดชอบเองงงง""
“หนูอยากไปกับป่าป๊ามั้ยลูก” “อย่าซึนเดเระเลยครับ ป่าป๊า”


Edited by temp, 12 January 2014 - 23:23.

ควายตัวนี้สีขาว





0 user(s) are reading this topic

0 members, 0 guests, 0 anonymous users