มาดูเหตุและผลกันหน่อย...
การชุมนุมของผู้สนับสนุน ทักษิณ
วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 คุณอภิสิทธิ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี หลังศาลรัฐธรรมนูญ
ตัดสิทธิ์ทางการเมือง คุณสมชาข นายกรัฐมนตรีขณะนั้น เป็นเวลา 5 ปี
เดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 ทักษิณ อ้างผ่านการแพร่ภาพวิดีโอว่า ประธานองคมนตรี อยู่เบื้องหลัง
การรัฐประหาร 2549 อีกทั้งยังกล่าวอ้างว่า องคมนตรี 3 ท่าน สมคบกับกองทัพเพื่อประกันให้คุณ
อภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผู้ประท้วงหลายพันคนในกรุงเทพมหานครเรียกร้องให้คุณอภิสิทธิ์
ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ พล.อ. เปรม พล.อ. สุรยุทธ์ และ คุณชาญชัยลาออกจาก
การเป็นองคมนตรี
ทักษิณ เรียกร้อง "การปฏิวัติของประชาชน" เพื่อเอาชนะอิทธิพลอำมาตยาธิปไตยตามคำกล่าวอ้าง
การชุมนุมของกลุ่ม กปปส
1 พฤศจิกายน 2556 มีการลงมติร่าง พรบ นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการ
ชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ.... หรือที่รู้จักกันในนาม
" นิรโทษฉบับสุดซอย " ผ่านว่าระ 2 และ วาระ 3 ในช่วงเวลาประมาณ 03.00-.04.00 น.
ซึ่งประชาชนหลายกลุ่มออกมาคัดค้าน โดยมีคุณสุเทพเป็นผู้นำการชุมนุม ซึ่งเนื้อหาในร่าง พรบ
มีความสุ่มเสี่ยงที่จะช่วยให้ ทักษิณ พ้นผิดทางการเมือง หลายฝ่ายเชื่อว่า ยิ่งลักษณ์ มีส่วนรับรู้
ในเรื่องนี้ การคัดค้านร่าง พรบ ฉบับนี้ รวมไปถึงกลุ่ม นปช ผู้สนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ บางส่วน
ที่ไม่ต้องการให้มีการล้างผิด คุณอภิสิทธ์ และ คุณสุเทพ จากเหตุการณ์ 2553
และอีกหนึ่งเหตุผลของการเคลื่อนไหวการชุมนุม
20 พฤศจิกายน 2556 ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่มาของ สว
ที่ผ่านการลงมติของรัฐสภา ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 สมาชิกพรรคเพื่อไทย ตั้งโต๊ะแถลงไม่รับ
อำนาจศาล และไม่รับคำวินิจฉัยของศาล ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ผูกพันทุกองค์กร
หากพิจารณาด้วยเหตุและผล...ด้วยสติและปัญญา ด้วยจิตที่ไร้ข้ออคติ
ก็ไม่น่าจะยาก...ที่จะหาคำตอบว่า..การชุมนุมของกลุ่มใด..มีเหตุ มีผล มากกว่ากัน
กลุ่มหนึ่ง...ชุมนุมตามคำกล่าวอ้างที่ไร้หลักฐาน คำกล่าวอ้างของนักโทษหนีคดี ที่ไม่เคยแก้ต่าง
ให้กับความผิดของตัวเองได้อย่างโปร่งใส สักข้อ
กลุ่มหนี่ง...ชุมนุมเพื่อคัดค้านการกระทำที่เข้าข่ายการใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง คัดค้าน
ร่าง พรบ นิรโทษกรรมสุดซอย