เจาะข่าวเด่น 27 มค 2557
ทำร้าย จิตใจ อย่างไร
ไปดูเอง คร่า
ส่งใจไปช่วย นะคร่าาาาา
เห็นจะใช้ท่าไม้ตาย รอปฏิวัติอย่างเดียว
Edited by เมือกมั่ง, 27 January 2014 - 17:53.
Posted 27 January 2014 - 17:50
เจาะข่าวเด่น 27 มค 2557
ทำร้าย จิตใจ อย่างไร
ไปดูเอง คร่า
ส่งใจไปช่วย นะคร่าาาาา
เห็นจะใช้ท่าไม้ตาย รอปฏิวัติอย่างเดียว
Edited by เมือกมั่ง, 27 January 2014 - 17:53.
ฝากเนื้อ ฝากตัวด้วย นะ คร่าาาาา
Posted 27 January 2014 - 17:52
หาหญ้าแดรกแล้วไปนอนซะ
Posted 27 January 2014 - 17:53
ลูกรัก เลือดกำเดาไหล ทำอย่างไรดีคะ???
เลือดกำเดาไหล สำหรับเด็กบางคนอาจไม่น่ากังวล แต่เราไม่ควรละเลยเพราะถ้าเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบดูแลรักษาค่ะ
เลือดกำเดา ไหลมาจากไหน
เลือดกำเดาไหล เกิดมาจากเส้นเลือดบริเวณผนังจมูกส่วนหน้า ซึ่งเส้นเลือดบริเวณนี้ของทุกคนจะเปราะบาง เวลาเราสั่งน้ำมูกแรงๆ หรือโดนกระทบกระเทือนบริเวณจมูกบางครั้งจะมีเลือดปนอออกมาได้
เลือดกำเดาไหลส่วนใหญ่จะพบในเด็กวัยเตาะแตะ เพราะเป็นวัยที่มักเอาของใส่จมูกหรือแคะจมูก แต่ถ้าพบว่ามีเลือดออกที่จมูกตั้งแต่แรกเกิด นั่นไม่ใช่เป็นเลือดกำเดาไหล แต่จะเป็นโรคเลือดที่รุนแรงค่ะ
สาเหตุ เลือดกำเดาไหล
เกิดจากการที่เด็กได้รับบาดเจ็บ จากการแคะ แกะ เกาบริเวณจมูก หรือเกิดจากการเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไปใส่ในรูจมูก รวมทั้งยังเกิดจากการอักเสบของจมูก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเป็นหวัด และไซนัสอักเสบ ส่งผลให้โพรงจมูกแห้ง ทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาได้ง่าย
-สาเหตุที่พบได้ไม่บ่อย
เกิดจากการเป็นโรคเลือด เช่น เกร็ดเลือดต่ำผิดปกติ เส้นเลือดฝอยขยายตัวผิดปกติ มีเนื้องอกที่เส้นเลือด หรือเป็นโรคที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ซึ่งหากเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ เด็กๆ จะมีเลือดออกง่าย มีปริมาณเลือดไหลมาก และยังพบว่ามีเลือดออกที่ตำแหน่งอื่นให้เห็นด้วย เช่น มีจุดจ้ำเลือดตามตัวค่ะ
ระวัง! เลือดกำเดาผิดปกติ
ให้สังเกตจากปริมาณเลือดที่ไหล ต้องมีปริมาณมากๆ เลือดไหลเร็ว และเป็นติดต่อกันหลายวัน หากมีการห้ามเลือดแล้ว เลือดยังไม่หยุดไหลง่ายๆ ประกอบกับมีจ้ำเลือดเขียวขึ้นตามตัวเมื่อลูกวิ่งชนหรือได้รับการกระแทกเพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นลักษณะนี้ ต้องพาลูกมาพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เพราะถ้าลูกมีเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ หรือเป็นเรื้อรัง อาจทำให้ลูกตัวซีด และส่งผลต่อปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ของลูกได้ด้วย
First Aid
วิธีปฐมพยาบาลเมื่อลูกเลือดกำเดาไหล อันดับแรก พ่อแม่ต้องอย่าตกใจและพยายามปลอบลูก ถ้าลูกร้องไห้ ควรปลอบให้ลูกหยุดร้องโดยเร็ว เพราะถ้ายิ่งร้องไห้ ความดันเลือดจะสูงขึ้น ทำให้เลือดไหลออกมามากยิ่งขึ้น
จับให้ลูกนั่งพร้อมกับเอนตัวไปข้างหน้า เพื่อให้เลือดกำเดาไหลออกมา ไม่ควรให้ลูกนั่งแหงนหน้าไปด้านหลัง จะทำให้เลือดไหลลงคอ จนเกิดการสำลัก หลังจากนั้นอาจให้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบที่บริเวณจมูก ความเย็นจะช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว กระตุ้นให้เลือดหยุดเร็วขึ้น หรืออาจใช้ผ้ากอซ ม้วนเป็นชิ้นเล็ก แล้วใส่ในโพรงจมูกเพื่อกดตำแหน่งที่เส้นเลือดเปราะบาง
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเป็นเลือดกำเดาที่ไม่เป็นอันตราย เลือดจะหยุดไหลเองประมาณ 5 นาที
ป้องกัน เลือดกำเดาไหล
พยายามดูแลไม่ให้ลูกแคะ แกะ เการูจมูก หรือสั่งน้ำมูกแรงๆ และหลีกเลี่ยงการเอาสิ่งแปลกปลอมใส่ไปในรูจมูก ถ้าเป็นเด็กวัยอนุบาล ก็ควรสอนลูกให้หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ พร้อมกับสอนวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ลูกรับรู้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ควรให้ลูกออกกำลังกาย เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ เพราะหากลูกเป็นหวัดบ่อยๆ จะทำให้บริเวณโพรงจมูกอักเสบ เส้นเลือดฝอยเปราะแตกง่ายขึ้น
ทางที่ดี พ่อแม่ควรสังเกตอาการเลือดกำเดาของลูกอยู่เสมอค่ะ ว่าเป็นเลือดกำเดาไหลที่ควรระวังหรือไม่ ถ้าพบว่าลูกมีเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วนนะคะ
แหล่งข้อมูล:
พญ.อัญมณี เชื้อเหล่าวานิช กุมารแพทย์ โรงพยาบาลบางประกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล,http://www.momypedia...-แบบไหนอันตราย/
http://www.oknation....4/01/26/entry-6
Edited by Redbuffalo010, 27 January 2014 - 17:55.
อย่าเชื่อในสิ่งที่ไอ้แม้วและไอ้พวกแกนนำ นปช. พูด
แต่ให้ดูในสิ่งที่พวกมันทำ
Posted 27 January 2014 - 17:55
เลือดกำเดาไหล สำหรับเด็กบางคนอาจไม่น่ากังวล แต่เราไม่ควรละเลยเพราะถ้าเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบดูแลรักษาค่ะ
เลือดกำเดา ไหลมาจากไหน
เลือดกำเดาไหล เกิดมาจากเส้นเลือดบริเวณผนังจมูกส่วนหน้า ซึ่งเส้นเลือดบริเวณนี้ของทุกคนจะเปราะบาง เวลาเราสั่งน้ำมูกแรงๆ หรือโดนกระทบกระเทือนบริเวณจมูกบางครั้งจะมีเลือดปนอออกมาได้
เลือดกำเดาไหลส่วนใหญ่จะพบในเด็กวัยเตาะแตะ เพราะเป็นวัยที่มักเอาของใส่จมูกหรือแคะจมูก แต่ถ้าพบว่ามีเลือดออกที่จมูกตั้งแต่แรกเกิด นั่นไม่ใช่เป็นเลือดกำเดาไหล แต่จะเป็นโรคเลือดที่รุนแรงค่ะ
สาเหตุ เลือดกำเดาไหล
เกิดจากการที่เด็กได้รับบาดเจ็บ จากการแคะ แกะ เกาบริเวณจมูก หรือเกิดจากการเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไปใส่ในรูจมูก รวมทั้งยังเกิดจากการอักเสบของจมูก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเป็นหวัด และไซนัสอักเสบ ส่งผลให้โพรงจมูกแห้ง ทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาได้ง่าย
-สาเหตุที่พบได้ไม่บ่อย
เกิดจากการเป็นโรคเลือด เช่น เกร็ดเลือดต่ำผิดปกติ เส้นเลือดฝอยขยายตัวผิดปกติ มีเนื้องอกที่เส้นเลือด หรือเป็นโรคที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ซึ่งหากเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ เด็กๆ จะมีเลือดออกง่าย มีปริมาณเลือดไหลมาก และยังพบว่ามีเลือดออกที่ตำแหน่งอื่นให้เห็นด้วย เช่น มีจุดจ้ำเลือดตามตัวค่ะ
ระวัง! เลือดกำเดาผิดปกติ
ให้สังเกตจากปริมาณเลือดที่ไหล ต้องมีปริมาณมากๆ เลือดไหลเร็ว และเป็นติดต่อกันหลายวัน หากมีการห้ามเลือดแล้ว เลือดยังไม่หยุดไหลง่ายๆ ประกอบกับมีจ้ำเลือดเขียวขึ้นตามตัวเมื่อลูกวิ่งชนหรือได้รับการกระแทกเพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นลักษณะนี้ ต้องพาลูกมาพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เพราะถ้าลูกมีเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ หรือเป็นเรื้อรัง อาจทำให้ลูกตัวซีด และส่งผลต่อปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ของลูกได้ด้วย
First Aid
วิธีปฐมพยาบาลเมื่อลูกเลือดกำเดาไหล อันดับแรก พ่อแม่ต้องอย่าตกใจและพยายามปลอบลูก ถ้าลูกร้องไห้ ควรปลอบให้ลูกหยุดร้องโดยเร็ว เพราะถ้ายิ่งร้องไห้ ความดันเลือดจะสูงขึ้น ทำให้เลือดไหลออกมามากยิ่งขึ้น
จับให้ลูกนั่งพร้อมกับเอนตัวไปข้างหน้า เพื่อให้เลือดกำเดาไหลออกมา ไม่ควรให้ลูกนั่งแหงนหน้าไปด้านหลัง จะทำให้เลือดไหลลงคอ จนเกิดการสำลัก หลังจากนั้นอาจให้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบที่บริเวณจมูก ความเย็นจะช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว กระตุ้นให้เลือดหยุดเร็วขึ้น หรืออาจใช้ผ้ากอซ ม้วนเป็นชิ้นเล็ก แล้วใส่ในโพรงจมูกเพื่อกดตำแหน่งที่เส้นเลือดเปราะบาง
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเป็นเลือดกำเดาที่ไม่เป็นอันตราย เลือดจะหยุดไหลเองประมาณ 5 นาที
ป้องกัน เลือดกำเดาไหล
พยายามดูแลไม่ให้ลูกแคะ แกะ เการูจมูก หรือสั่งน้ำมูกแรงๆ และหลีกเลี่ยงการเอาสิ่งแปลกปลอมใส่ไปในรูจมูก ถ้าเป็นเด็กวัยอนุบาล ก็ควรสอนลูกให้หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ พร้อมกับสอนวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ลูกรับรู้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ควรให้ลูกออกกำลังกาย เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ เพราะหากลูกเป็นหวัดบ่อยๆ จะทำให้บริเวณโพรงจมูกอักเสบ เส้นเลือดฝอยเปราะแตกง่ายขึ้น
ทางที่ดี พ่อแม่ควรสังเกตอาการเลือดกำเดาของลูกอยู่เสมอค่ะ ว่าเป็นเลือดกำเดาไหลที่ควรระวังหรือไม่ ถ้าพบว่าลูกมีเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วนนะคะ
แหล่งข้อมูล:
พญ.อัญมณี เชื้อเหล่าวานิช กุมารแพทย์ โรงพยาบาลบางประกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล,http://www.momypedia...-แบบไหนอันตราย/
โดน ทาง จิตใจ คร่า
ไม่ใช่ จมูก
ฝากเนื้อ ฝากตัวด้วย นะ คร่าาาาา
Posted 27 January 2014 - 17:56
เลือดกำเดาไหล สำหรับเด็กบางคนอาจไม่น่ากังวล แต่เราไม่ควรละเลยเพราะถ้าเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบดูแลรักษาค่ะ
เลือดกำเดา ไหลมาจากไหน
เลือดกำเดาไหล เกิดมาจากเส้นเลือดบริเวณผนังจมูกส่วนหน้า ซึ่งเส้นเลือดบริเวณนี้ของทุกคนจะเปราะบาง เวลาเราสั่งน้ำมูกแรงๆ หรือโดนกระทบกระเทือนบริเวณจมูกบางครั้งจะมีเลือดปนอออกมาได้
เลือดกำเดาไหลส่วนใหญ่จะพบในเด็กวัยเตาะแตะ เพราะเป็นวัยที่มักเอาของใส่จมูกหรือแคะจมูก แต่ถ้าพบว่ามีเลือดออกที่จมูกตั้งแต่แรกเกิด นั่นไม่ใช่เป็นเลือดกำเดาไหล แต่จะเป็นโรคเลือดที่รุนแรงค่ะ
สาเหตุ เลือดกำเดาไหล
เกิดจากการที่เด็กได้รับบาดเจ็บ จากการแคะ แกะ เกาบริเวณจมูก หรือเกิดจากการเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไปใส่ในรูจมูก รวมทั้งยังเกิดจากการอักเสบของจมูก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเป็นหวัด และไซนัสอักเสบ ส่งผลให้โพรงจมูกแห้ง ทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาได้ง่าย
-สาเหตุที่พบได้ไม่บ่อย
เกิดจากการเป็นโรคเลือด เช่น เกร็ดเลือดต่ำผิดปกติ เส้นเลือดฝอยขยายตัวผิดปกติ มีเนื้องอกที่เส้นเลือด หรือเป็นโรคที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ซึ่งหากเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ เด็กๆ จะมีเลือดออกง่าย มีปริมาณเลือดไหลมาก และยังพบว่ามีเลือดออกที่ตำแหน่งอื่นให้เห็นด้วย เช่น มีจุดจ้ำเลือดตามตัวค่ะ
ระวัง! เลือดกำเดาผิดปกติ
ให้สังเกตจากปริมาณเลือดที่ไหล ต้องมีปริมาณมากๆ เลือดไหลเร็ว และเป็นติดต่อกันหลายวัน หากมีการห้ามเลือดแล้ว เลือดยังไม่หยุดไหลง่ายๆ ประกอบกับมีจ้ำเลือดเขียวขึ้นตามตัวเมื่อลูกวิ่งชนหรือได้รับการกระแทกเพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นลักษณะนี้ ต้องพาลูกมาพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เพราะถ้าลูกมีเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ หรือเป็นเรื้อรัง อาจทำให้ลูกตัวซีด และส่งผลต่อปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ของลูกได้ด้วย
First Aid
วิธีปฐมพยาบาลเมื่อลูกเลือดกำเดาไหล อันดับแรก พ่อแม่ต้องอย่าตกใจและพยายามปลอบลูก ถ้าลูกร้องไห้ ควรปลอบให้ลูกหยุดร้องโดยเร็ว เพราะถ้ายิ่งร้องไห้ ความดันเลือดจะสูงขึ้น ทำให้เลือดไหลออกมามากยิ่งขึ้น
จับให้ลูกนั่งพร้อมกับเอนตัวไปข้างหน้า เพื่อให้เลือดกำเดาไหลออกมา ไม่ควรให้ลูกนั่งแหงนหน้าไปด้านหลัง จะทำให้เลือดไหลลงคอ จนเกิดการสำลัก หลังจากนั้นอาจให้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบที่บริเวณจมูก ความเย็นจะช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว กระตุ้นให้เลือดหยุดเร็วขึ้น หรืออาจใช้ผ้ากอซ ม้วนเป็นชิ้นเล็ก แล้วใส่ในโพรงจมูกเพื่อกดตำแหน่งที่เส้นเลือดเปราะบาง
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเป็นเลือดกำเดาที่ไม่เป็นอันตราย เลือดจะหยุดไหลเองประมาณ 5 นาที
ป้องกัน เลือดกำเดาไหล
พยายามดูแลไม่ให้ลูกแคะ แกะ เการูจมูก หรือสั่งน้ำมูกแรงๆ และหลีกเลี่ยงการเอาสิ่งแปลกปลอมใส่ไปในรูจมูก ถ้าเป็นเด็กวัยอนุบาล ก็ควรสอนลูกให้หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ พร้อมกับสอนวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ลูกรับรู้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ควรให้ลูกออกกำลังกาย เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ เพราะหากลูกเป็นหวัดบ่อยๆ จะทำให้บริเวณโพรงจมูกอักเสบ เส้นเลือดฝอยเปราะแตกง่ายขึ้น
ทางที่ดี พ่อแม่ควรสังเกตอาการเลือดกำเดาของลูกอยู่เสมอค่ะ ว่าเป็นเลือดกำเดาไหลที่ควรระวังหรือไม่ ถ้าพบว่าลูกมีเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วนนะคะ
แหล่งข้อมูล:
พญ.อัญมณี เชื้อเหล่าวานิช กุมารแพทย์ โรงพยาบาลบางประกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล,http://www.momypedia...-แบบไหนอันตราย/
(โบกมือหยอยๆ) ถ้าเลือดกำเดาไหลเพราะโดนวัตถุคล้ายส้นตี-นกระแทกอย่างแรงบริเวณกึ่งปากกึ่งจมูก จะทำอย่างไรดีคะ
Posted 27 January 2014 - 17:58
เลือดกำเดาไหล สำหรับเด็กบางคนอาจไม่น่ากังวล แต่เราไม่ควรละเลยเพราะถ้าเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบดูแลรักษาค่ะ
เลือดกำเดา ไหลมาจากไหน
เลือดกำเดาไหล เกิดมาจากเส้นเลือดบริเวณผนังจมูกส่วนหน้า ซึ่งเส้นเลือดบริเวณนี้ของทุกคนจะเปราะบาง เวลาเราสั่งน้ำมูกแรงๆ หรือโดนกระทบกระเทือนบริเวณจมูกบางครั้งจะมีเลือดปนอออกมาได้
เลือดกำเดาไหลส่วนใหญ่จะพบในเด็กวัยเตาะแตะ เพราะเป็นวัยที่มักเอาของใส่จมูกหรือแคะจมูก แต่ถ้าพบว่ามีเลือดออกที่จมูกตั้งแต่แรกเกิด นั่นไม่ใช่เป็นเลือดกำเดาไหล แต่จะเป็นโรคเลือดที่รุนแรงค่ะ
สาเหตุ เลือดกำเดาไหล
เกิดจากการที่เด็กได้รับบาดเจ็บ จากการแคะ แกะ เกาบริเวณจมูก หรือเกิดจากการเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไปใส่ในรูจมูก รวมทั้งยังเกิดจากการอักเสบของจมูก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเป็นหวัด และไซนัสอักเสบ ส่งผลให้โพรงจมูกแห้ง ทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาได้ง่าย
-สาเหตุที่พบได้ไม่บ่อย
เกิดจากการเป็นโรคเลือด เช่น เกร็ดเลือดต่ำผิดปกติ เส้นเลือดฝอยขยายตัวผิดปกติ มีเนื้องอกที่เส้นเลือด หรือเป็นโรคที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ซึ่งหากเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ เด็กๆ จะมีเลือดออกง่าย มีปริมาณเลือดไหลมาก และยังพบว่ามีเลือดออกที่ตำแหน่งอื่นให้เห็นด้วย เช่น มีจุดจ้ำเลือดตามตัวค่ะ
ระวัง! เลือดกำเดาผิดปกติ
ให้สังเกตจากปริมาณเลือดที่ไหล ต้องมีปริมาณมากๆ เลือดไหลเร็ว และเป็นติดต่อกันหลายวัน หากมีการห้ามเลือดแล้ว เลือดยังไม่หยุดไหลง่ายๆ ประกอบกับมีจ้ำเลือดเขียวขึ้นตามตัวเมื่อลูกวิ่งชนหรือได้รับการกระแทกเพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นลักษณะนี้ ต้องพาลูกมาพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เพราะถ้าลูกมีเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ หรือเป็นเรื้อรัง อาจทำให้ลูกตัวซีด และส่งผลต่อปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ของลูกได้ด้วย
First Aid
วิธีปฐมพยาบาลเมื่อลูกเลือดกำเดาไหล อันดับแรก พ่อแม่ต้องอย่าตกใจและพยายามปลอบลูก ถ้าลูกร้องไห้ ควรปลอบให้ลูกหยุดร้องโดยเร็ว เพราะถ้ายิ่งร้องไห้ ความดันเลือดจะสูงขึ้น ทำให้เลือดไหลออกมามากยิ่งขึ้น
จับให้ลูกนั่งพร้อมกับเอนตัวไปข้างหน้า เพื่อให้เลือดกำเดาไหลออกมา ไม่ควรให้ลูกนั่งแหงนหน้าไปด้านหลัง จะทำให้เลือดไหลลงคอ จนเกิดการสำลัก หลังจากนั้นอาจให้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบที่บริเวณจมูก ความเย็นจะช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว กระตุ้นให้เลือดหยุดเร็วขึ้น หรืออาจใช้ผ้ากอซ ม้วนเป็นชิ้นเล็ก แล้วใส่ในโพรงจมูกเพื่อกดตำแหน่งที่เส้นเลือดเปราะบาง
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเป็นเลือดกำเดาที่ไม่เป็นอันตราย เลือดจะหยุดไหลเองประมาณ 5 นาที
ป้องกัน เลือดกำเดาไหล
พยายามดูแลไม่ให้ลูกแคะ แกะ เการูจมูก หรือสั่งน้ำมูกแรงๆ และหลีกเลี่ยงการเอาสิ่งแปลกปลอมใส่ไปในรูจมูก ถ้าเป็นเด็กวัยอนุบาล ก็ควรสอนลูกให้หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ พร้อมกับสอนวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ลูกรับรู้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ควรให้ลูกออกกำลังกาย เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ เพราะหากลูกเป็นหวัดบ่อยๆ จะทำให้บริเวณโพรงจมูกอักเสบ เส้นเลือดฝอยเปราะแตกง่ายขึ้น
ทางที่ดี พ่อแม่ควรสังเกตอาการเลือดกำเดาของลูกอยู่เสมอค่ะ ว่าเป็นเลือดกำเดาไหลที่ควรระวังหรือไม่ ถ้าพบว่าลูกมีเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วนนะคะ
แหล่งข้อมูล:
พญ.อัญมณี เชื้อเหล่าวานิช กุมารแพทย์ โรงพยาบาลบางประกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล,http://www.momypedia...-แบบไหนอันตราย/
(โบกมือหยอยๆ) ถ้าเลือดกำเดาไหลเพราะโดนวัตถุคล้ายส้นตี-นกระแทกอย่างแรงบริเวณกึ่งปากกึ่งจมูก จะทำอย่างไรดีคะ
ให้ใช้น้ำแข็งแห้งยัดรูจมูกเพื่อห้ามเลือดครับ จะได้ทำให้เลือดกำเดาแข็งตัวหยุดไหล เพื่อให้ได้ผล ควรอุดปากด้วยครับ รับรอง หยุดนิ่งสนิท..!
ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม
ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า
อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน
Posted 27 January 2014 - 18:00
เลือดกำเดาไหล สำหรับเด็กบางคนอาจไม่น่ากังวล แต่เราไม่ควรละเลยเพราะถ้าเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบดูแลรักษาค่ะ
เลือดกำเดา ไหลมาจากไหน
เลือดกำเดาไหล เกิดมาจากเส้นเลือดบริเวณผนังจมูกส่วนหน้า ซึ่งเส้นเลือดบริเวณนี้ของทุกคนจะเปราะบาง เวลาเราสั่งน้ำมูกแรงๆ หรือโดนกระทบกระเทือนบริเวณจมูกบางครั้งจะมีเลือดปนอออกมาได้
เลือดกำเดาไหลส่วนใหญ่จะพบในเด็กวัยเตาะแตะ เพราะเป็นวัยที่มักเอาของใส่จมูกหรือแคะจมูก แต่ถ้าพบว่ามีเลือดออกที่จมูกตั้งแต่แรกเกิด นั่นไม่ใช่เป็นเลือดกำเดาไหล แต่จะเป็นโรคเลือดที่รุนแรงค่ะ
สาเหตุ เลือดกำเดาไหล
เกิดจากการที่เด็กได้รับบาดเจ็บ จากการแคะ แกะ เกาบริเวณจมูก หรือเกิดจากการเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไปใส่ในรูจมูก รวมทั้งยังเกิดจากการอักเสบของจมูก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเป็นหวัด และไซนัสอักเสบ ส่งผลให้โพรงจมูกแห้ง ทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาได้ง่าย
-สาเหตุที่พบได้ไม่บ่อย
เกิดจากการเป็นโรคเลือด เช่น เกร็ดเลือดต่ำผิดปกติ เส้นเลือดฝอยขยายตัวผิดปกติ มีเนื้องอกที่เส้นเลือด หรือเป็นโรคที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ซึ่งหากเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ เด็กๆ จะมีเลือดออกง่าย มีปริมาณเลือดไหลมาก และยังพบว่ามีเลือดออกที่ตำแหน่งอื่นให้เห็นด้วย เช่น มีจุดจ้ำเลือดตามตัวค่ะ
ระวัง! เลือดกำเดาผิดปกติ
ให้สังเกตจากปริมาณเลือดที่ไหล ต้องมีปริมาณมากๆ เลือดไหลเร็ว และเป็นติดต่อกันหลายวัน หากมีการห้ามเลือดแล้ว เลือดยังไม่หยุดไหลง่ายๆ ประกอบกับมีจ้ำเลือดเขียวขึ้นตามตัวเมื่อลูกวิ่งชนหรือได้รับการกระแทกเพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นลักษณะนี้ ต้องพาลูกมาพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เพราะถ้าลูกมีเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ หรือเป็นเรื้อรัง อาจทำให้ลูกตัวซีด และส่งผลต่อปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ของลูกได้ด้วย
First Aid
วิธีปฐมพยาบาลเมื่อลูกเลือดกำเดาไหล อันดับแรก พ่อแม่ต้องอย่าตกใจและพยายามปลอบลูก ถ้าลูกร้องไห้ ควรปลอบให้ลูกหยุดร้องโดยเร็ว เพราะถ้ายิ่งร้องไห้ ความดันเลือดจะสูงขึ้น ทำให้เลือดไหลออกมามากยิ่งขึ้น
จับให้ลูกนั่งพร้อมกับเอนตัวไปข้างหน้า เพื่อให้เลือดกำเดาไหลออกมา ไม่ควรให้ลูกนั่งแหงนหน้าไปด้านหลัง จะทำให้เลือดไหลลงคอ จนเกิดการสำลัก หลังจากนั้นอาจให้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบที่บริเวณจมูก ความเย็นจะช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว กระตุ้นให้เลือดหยุดเร็วขึ้น หรืออาจใช้ผ้ากอซ ม้วนเป็นชิ้นเล็ก แล้วใส่ในโพรงจมูกเพื่อกดตำแหน่งที่เส้นเลือดเปราะบาง
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเป็นเลือดกำเดาที่ไม่เป็นอันตราย เลือดจะหยุดไหลเองประมาณ 5 นาที
ป้องกัน เลือดกำเดาไหล
พยายามดูแลไม่ให้ลูกแคะ แกะ เการูจมูก หรือสั่งน้ำมูกแรงๆ และหลีกเลี่ยงการเอาสิ่งแปลกปลอมใส่ไปในรูจมูก ถ้าเป็นเด็กวัยอนุบาล ก็ควรสอนลูกให้หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ พร้อมกับสอนวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ลูกรับรู้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ควรให้ลูกออกกำลังกาย เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ เพราะหากลูกเป็นหวัดบ่อยๆ จะทำให้บริเวณโพรงจมูกอักเสบ เส้นเลือดฝอยเปราะแตกง่ายขึ้น
ทางที่ดี พ่อแม่ควรสังเกตอาการเลือดกำเดาของลูกอยู่เสมอค่ะ ว่าเป็นเลือดกำเดาไหลที่ควรระวังหรือไม่ ถ้าพบว่าลูกมีเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วนนะคะ
แหล่งข้อมูล:
พญ.อัญมณี เชื้อเหล่าวานิช กุมารแพทย์ โรงพยาบาลบางประกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล,http://www.momypedia...-แบบไหนอันตราย/
(โบกมือหยอยๆ) ถ้าเลือดกำเดาไหลเพราะโดนวัตถุคล้ายส้นตี-นกระแทกอย่างแรงบริเวณกึ่งปากกึ่งจมูก จะทำอย่างไรดีคะ
ถ้าเป็น กปปส ต้อง รอฟังแกนนำ คร่า
ห้ามคิดเอง เดี๋ยว แตกต่าง นอกแถว และ ไม่รักชาติ คร่าาา
Edited by เมือกมั่ง, 27 January 2014 - 18:01.
ฝากเนื้อ ฝากตัวด้วย นะ คร่าาาาา
Posted 27 January 2014 - 18:06
อยากดูคลิปเผา central world โดยคนเสื้อแดง อะครับ ใครมีสงเคราะห์หน่อย
Posted 27 January 2014 - 18:30
“ตกขาว” สัญญาณสุขภาพผู้หญิงที่สังเกตได้
วันที่ 10 พฤษภาคม 2553 17:53:12 | โดย editorเอ๋..อะไรเนี่ยทำไมมีมูกใสๆไหลออกมาจากช่องคลอดล่ะ เราเป็นอะไรหรือเปล่านะ หรือว่าเราเป็นโรคกันแน่เนี่ย!! อ่ะๆ สาวๆ อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ รู้ไว้เลยว่านั่นคือ “ตกขาว” ไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจอย่างที่คิดนะคะ แต่เป็นสัญญาณสุขภาพผู้หญิงที่เพื่อนๆ สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง......
: ตกขาวคืออะไร
: เป็นของเหลวไหลออกมาจากช่องคลอด อาจมีลักษณะเมือกใส สีขาวขุ่น หรือสีเหลืองอ่อนก็เป็นได้ค่ะ จะว่าไปแล้วผู้หญิงกับตกขาวเป็นของคู่กัน เพราะตกขาวเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ไม่ได้หมายถึง การเป็นโรคหรือเป็นมะเร็ง หรือผิดปกติแต่อย่างใด แต่เป็นสัญญาณสุขภาพทางเพศ สุขอนามัยส่วนตัว ทั้งนี้ตกขาวอาจเป็นปกติ หรือไม่ปกติก็ได้ บางช่วงเวลาอาจมีปริมาณมากขึ้นเล็กน้อยและมีลักษณะลื่นใส เช่น ช่วงก่อนและหลังมีรอบเดือน ช่วงไข่ตก หรือในภาวะตั้งท้อง
: สุขภาพทางเพศของผู้หญิงสังเกตจากตกขาวได้อย่างไร
: เมื่อเพื่อนๆ มีอาการตกขาวเป็นน้ำหล่อลื่นไหลออกมาจากช่องคลอด นั่นแสดงถึงสุขอนามัยส่วนตัวมีภาวะสมดุลและสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ค่ะ นอกจากนี้ตกขาวยังช่วยให้รู้ได้ว่าระบบสืบพันธ์ภายในของผู้หญิงนั้นเกิดการติดเชื้อหรือไม่ โดยสาวๆ สังเกตได้จากสี กลิ่นของตกขาว ตลอดจนอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น คัน ปวดเจ็บช่องคลอด ปวดท้องรุนแรง มีไข้ เป็นต้น แน่นอนว่าถ้าเป็นอาการตกขาวปกติ สีจะไม่เปลี่ยน ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีเศษเนื้อเยื่อเจือปนหรือเป็นฟองค่ะ
: ถ้าตกขาวเปลี่ยนสีแสดงให้เรารู้ว่า...
: ถ้าวันดีคืนดีเรามีตกขาวผิดปกติ ซึ่งบางคนอาจมีตกขาวขุ่นข้นเป็นครีม ขณะที่บางคนอาจมีสีเทาอ่อน สีเขียวขุ่น และมีกลิ่นเหม็น มีอาการผิดปกติร่วมด้วยแสดงว่ามีการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ควรไปพบคุณหมอค่ะ โดยคู่มือรู้จักตัวเองหรือยัง?ของแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สรุปสาเหตุการติดเชื้อดังกล่าวเกิดได้จาก การติดเชื้อภายใน การติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ และการติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์
: น้องจิ๋มผู้หญิงมักติดเชื้ออะไรบ้างนะ
: สุขอนามัยทางเพศของผู้หญิงมักติดเชื้อราแคนดิด้าที่ช่องคลอด ซึ่งเจ้าเชื้อพวกนี้ปะปนกับแบคทีเรียชนิดดีที่อยู่ในร่างกายของเราชื่อแลคโตบาซิลัส คอยคุมเชื้อราไม่ให้ทำร้ายช่องคลอด ส่งผลให้เกิดการอักเสบบริเวณจุดซ้อนเร้นเพราะแบคทีเรียมีจำนวนมาก หรือแม้แต่การเป็นพยาธิ ที่เป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
เพียงแต่ผู้ชายเป็นแล้วไม่มีค่อยอาการ ขณะที่ผู้หญิงเมื่อได้รับเชื้อจากคู่จะมีอาการตกขาวมีกลิ่นเหม็นและเปลี่ยนสี มีอาการคันแสบระคายเคืองเวลาปัสสาวะ เท่านั้นยังไม่พอผู้หญิงยังเสี่ยงติดเชื้อหนองในได้อีกจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือการสัมผัสเชื้อหนอในโดยตรง อาการเหล่านี้หากเกินที่จะดูแลตัวเองได้ควรไปพบแพย์โดยเร็วเพื่อทำการรักษา แต่หากเพียงคันหรือมีการระคายเคืองเพราะใช้น้ำยาล้างจุดซ้อนเร้น ควรหยุดใช้แล้วหันมาใช้น้ำเปล่าล้างทำความสะอาดแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่เพื่อนๆ สามารถดูแลตัวเองได้ในเบื้องต้นค่ะ
: เวลารู้สึกคันที่บริเวณอวัยวะเพศเพราะเหตุใดแล้วควรดูแลสุขภาพน้องจิ๋มอย่างไรดี
: อาการคันบริเวณจุดซ้อนเร้นอาจเกิดจากการระคายเคืองหรืออาจติดเชื้อในระบบสืบพันธ์ ไม่ได้แสดงว่าเราเป็นผู้หญิงไม่ดีนะคะ แต่เพราะผู้หญิงเรามักไม่ถูกสอนให้รู้จัก ‘จิ๋ม’ จึงไม่รู้ว่าควรดูแลตัวเองอย่างไร วันนี้เว็บไซต์ Talkaboutsex :เปิดพื้นที่วัยใสเข้าใจเรื่องเพศมีมาบอกกับ 7วิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากการติดเชื้อไปดูกันเลย…….
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
ปัสสาวะทุกครั้งทั้งก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์
ล้างอวัยวะเพศภายนอกทุกครั้งหลังมีเพศสัมพันธ์
ไม่สวนล้างช่องคลอด เพราะการสวนล้างช่องคลอดจะไปทำลายน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติที่มีประโยชน์
ไม่ใช้สมุนไพรที่ทำให้ช่องคลอดแห้ง เพราะจะทำให้ระคายเคืองได้ง่ายในขณะมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายไปด้วย
ไม่ใส่กางเกงที่รัดหรือคบจนเกินไป เพราะจะทำให้บริเวณอวัยวะเพศอับชื้นและเสียดสีกับกางเกง
ตากชุดชั้นในในที่โล่งแจ้ง โดนแสงแดดเพื่อฆ่าเชื้อ อย่าตากในห้องน้ำหรือใต้ชายคา
ข้อมูลประกอบการเขียน: คู่มือรู้จักตัวเองหรือยัง?แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)โดย:กิตติยา ธนกาลมารวย
โดน ทาง จิตใจ คร่า
ไม่ใช่ จมูก
นึกว่าปากมี"เมือก"
อย่าเชื่อในสิ่งที่ไอ้แม้วและไอ้พวกแกนนำ นปช. พูด
แต่ให้ดูในสิ่งที่พวกมันทำ
Posted 27 January 2014 - 19:20
เลือดกำเดาไหล สำหรับเด็กบางคนอาจไม่น่ากังวล แต่เราไม่ควรละเลยเพราะถ้าเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบดูแลรักษาค่ะ
เลือดกำเดา ไหลมาจากไหน
เลือดกำเดาไหล เกิดมาจากเส้นเลือดบริเวณผนังจมูกส่วนหน้า ซึ่งเส้นเลือดบริเวณนี้ของทุกคนจะเปราะบาง เวลาเราสั่งน้ำมูกแรงๆ หรือโดนกระทบกระเทือนบริเวณจมูกบางครั้งจะมีเลือดปนอออกมาได้
เลือดกำเดาไหลส่วนใหญ่จะพบในเด็กวัยเตาะแตะ เพราะเป็นวัยที่มักเอาของใส่จมูกหรือแคะจมูก แต่ถ้าพบว่ามีเลือดออกที่จมูกตั้งแต่แรกเกิด นั่นไม่ใช่เป็นเลือดกำเดาไหล แต่จะเป็นโรคเลือดที่รุนแรงค่ะ
สาเหตุ เลือดกำเดาไหล
เกิดจากการที่เด็กได้รับบาดเจ็บ จากการแคะ แกะ เกาบริเวณจมูก หรือเกิดจากการเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไปใส่ในรูจมูก รวมทั้งยังเกิดจากการอักเสบของจมูก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเป็นหวัด และไซนัสอักเสบ ส่งผลให้โพรงจมูกแห้ง ทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาได้ง่าย
-สาเหตุที่พบได้ไม่บ่อย
เกิดจากการเป็นโรคเลือด เช่น เกร็ดเลือดต่ำผิดปกติ เส้นเลือดฝอยขยายตัวผิดปกติ มีเนื้องอกที่เส้นเลือด หรือเป็นโรคที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ซึ่งหากเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ เด็กๆ จะมีเลือดออกง่าย มีปริมาณเลือดไหลมาก และยังพบว่ามีเลือดออกที่ตำแหน่งอื่นให้เห็นด้วย เช่น มีจุดจ้ำเลือดตามตัวค่ะ
ระวัง! เลือดกำเดาผิดปกติ
ให้สังเกตจากปริมาณเลือดที่ไหล ต้องมีปริมาณมากๆ เลือดไหลเร็ว และเป็นติดต่อกันหลายวัน หากมีการห้ามเลือดแล้ว เลือดยังไม่หยุดไหลง่ายๆ ประกอบกับมีจ้ำเลือดเขียวขึ้นตามตัวเมื่อลูกวิ่งชนหรือได้รับการกระแทกเพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นลักษณะนี้ ต้องพาลูกมาพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เพราะถ้าลูกมีเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ หรือเป็นเรื้อรัง อาจทำให้ลูกตัวซีด และส่งผลต่อปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ของลูกได้ด้วย
First Aid
วิธีปฐมพยาบาลเมื่อลูกเลือดกำเดาไหล อันดับแรก พ่อแม่ต้องอย่าตกใจและพยายามปลอบลูก ถ้าลูกร้องไห้ ควรปลอบให้ลูกหยุดร้องโดยเร็ว เพราะถ้ายิ่งร้องไห้ ความดันเลือดจะสูงขึ้น ทำให้เลือดไหลออกมามากยิ่งขึ้น
จับให้ลูกนั่งพร้อมกับเอนตัวไปข้างหน้า เพื่อให้เลือดกำเดาไหลออกมา ไม่ควรให้ลูกนั่งแหงนหน้าไปด้านหลัง จะทำให้เลือดไหลลงคอ จนเกิดการสำลัก หลังจากนั้นอาจให้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบที่บริเวณจมูก ความเย็นจะช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว กระตุ้นให้เลือดหยุดเร็วขึ้น หรืออาจใช้ผ้ากอซ ม้วนเป็นชิ้นเล็ก แล้วใส่ในโพรงจมูกเพื่อกดตำแหน่งที่เส้นเลือดเปราะบาง
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเป็นเลือดกำเดาที่ไม่เป็นอันตราย เลือดจะหยุดไหลเองประมาณ 5 นาที
ป้องกัน เลือดกำเดาไหล
พยายามดูแลไม่ให้ลูกแคะ แกะ เการูจมูก หรือสั่งน้ำมูกแรงๆ และหลีกเลี่ยงการเอาสิ่งแปลกปลอมใส่ไปในรูจมูก ถ้าเป็นเด็กวัยอนุบาล ก็ควรสอนลูกให้หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ พร้อมกับสอนวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ลูกรับรู้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ควรให้ลูกออกกำลังกาย เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ เพราะหากลูกเป็นหวัดบ่อยๆ จะทำให้บริเวณโพรงจมูกอักเสบ เส้นเลือดฝอยเปราะแตกง่ายขึ้น
ทางที่ดี พ่อแม่ควรสังเกตอาการเลือดกำเดาของลูกอยู่เสมอค่ะ ว่าเป็นเลือดกำเดาไหลที่ควรระวังหรือไม่ ถ้าพบว่าลูกมีเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วนนะคะ
แหล่งข้อมูล:
พญ.อัญมณี เชื้อเหล่าวานิช กุมารแพทย์ โรงพยาบาลบางประกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล,http://www.momypedia...-แบบไหนอันตราย/
http://www.oknation....4/01/26/entry-6
(โบกมือหยอยๆ) ถ้าเลือดกำเดาไหลเพราะโดนวัตถุคล้ายส้นตี-นกระแทกอย่างแรงบริเวณกึ่งปากกึ่งจมูก จะทำอย่างไรดีคะ
ถ้าเป็น กปปส ต้อง รอฟังแกนนำ คร่า
ห้ามคิดเอง เดี๋ยว แตกต่าง นอกแถว และ ไม่รักชาติ คร่าาา
ขอโทษที่ถามไม่ตรงคำตอบค่ะเลือดกำเดาไหล สำหรับเด็กบางคนอาจไม่น่ากังวล แต่เราไม่ควรละเลยเพราะถ้าเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบดูแลรักษาค่ะ
เลือดกำเดา ไหลมาจากไหน
เลือดกำเดาไหล เกิดมาจากเส้นเลือดบริเวณผนังจมูกส่วนหน้า ซึ่งเส้นเลือดบริเวณนี้ของทุกคนจะเปราะบาง เวลาเราสั่งน้ำมูกแรงๆ หรือโดนกระทบกระเทือนบริเวณจมูกบางครั้งจะมีเลือดปนอออกมาได้
เลือดกำเดาไหลส่วนใหญ่จะพบในเด็กวัยเตาะแตะ เพราะเป็นวัยที่มักเอาของใส่จมูกหรือแคะจมูก แต่ถ้าพบว่ามีเลือดออกที่จมูกตั้งแต่แรกเกิด นั่นไม่ใช่เป็นเลือดกำเดาไหล แต่จะเป็นโรคเลือดที่รุนแรงค่ะ
สาเหตุ เลือดกำเดาไหล
เกิดจากการที่เด็กได้รับบาดเจ็บ จากการแคะ แกะ เกาบริเวณจมูก หรือเกิดจากการเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไปใส่ในรูจมูก รวมทั้งยังเกิดจากการอักเสบของจมูก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเป็นหวัด และไซนัสอักเสบ ส่งผลให้โพรงจมูกแห้ง ทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาได้ง่าย
-สาเหตุที่พบได้ไม่บ่อย
เกิดจากการเป็นโรคเลือด เช่น เกร็ดเลือดต่ำผิดปกติ เส้นเลือดฝอยขยายตัวผิดปกติ มีเนื้องอกที่เส้นเลือด หรือเป็นโรคที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ซึ่งหากเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ เด็กๆ จะมีเลือดออกง่าย มีปริมาณเลือดไหลมาก และยังพบว่ามีเลือดออกที่ตำแหน่งอื่นให้เห็นด้วย เช่น มีจุดจ้ำเลือดตามตัวค่ะ
ระวัง! เลือดกำเดาผิดปกติ
ให้สังเกตจากปริมาณเลือดที่ไหล ต้องมีปริมาณมากๆ เลือดไหลเร็ว และเป็นติดต่อกันหลายวัน หากมีการห้ามเลือดแล้ว เลือดยังไม่หยุดไหลง่ายๆ ประกอบกับมีจ้ำเลือดเขียวขึ้นตามตัวเมื่อลูกวิ่งชนหรือได้รับการกระแทกเพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นลักษณะนี้ ต้องพาลูกมาพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เพราะถ้าลูกมีเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ หรือเป็นเรื้อรัง อาจทำให้ลูกตัวซีด และส่งผลต่อปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ของลูกได้ด้วย
First Aid
วิธีปฐมพยาบาลเมื่อลูกเลือดกำเดาไหล อันดับแรก พ่อแม่ต้องอย่าตกใจและพยายามปลอบลูก ถ้าลูกร้องไห้ ควรปลอบให้ลูกหยุดร้องโดยเร็ว เพราะถ้ายิ่งร้องไห้ ความดันเลือดจะสูงขึ้น ทำให้เลือดไหลออกมามากยิ่งขึ้น
จับให้ลูกนั่งพร้อมกับเอนตัวไปข้างหน้า เพื่อให้เลือดกำเดาไหลออกมา ไม่ควรให้ลูกนั่งแหงนหน้าไปด้านหลัง จะทำให้เลือดไหลลงคอ จนเกิดการสำลัก หลังจากนั้นอาจให้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบที่บริเวณจมูก ความเย็นจะช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว กระตุ้นให้เลือดหยุดเร็วขึ้น หรืออาจใช้ผ้ากอซ ม้วนเป็นชิ้นเล็ก แล้วใส่ในโพรงจมูกเพื่อกดตำแหน่งที่เส้นเลือดเปราะบาง
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเป็นเลือดกำเดาที่ไม่เป็นอันตราย เลือดจะหยุดไหลเองประมาณ 5 นาที
ป้องกัน เลือดกำเดาไหล
พยายามดูแลไม่ให้ลูกแคะ แกะ เการูจมูก หรือสั่งน้ำมูกแรงๆ และหลีกเลี่ยงการเอาสิ่งแปลกปลอมใส่ไปในรูจมูก ถ้าเป็นเด็กวัยอนุบาล ก็ควรสอนลูกให้หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ พร้อมกับสอนวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ลูกรับรู้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ควรให้ลูกออกกำลังกาย เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ เพราะหากลูกเป็นหวัดบ่อยๆ จะทำให้บริเวณโพรงจมูกอักเสบ เส้นเลือดฝอยเปราะแตกง่ายขึ้น
ทางที่ดี พ่อแม่ควรสังเกตอาการเลือดกำเดาของลูกอยู่เสมอค่ะ ว่าเป็นเลือดกำเดาไหลที่ควรระวังหรือไม่ ถ้าพบว่าลูกมีเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วนนะคะ
แหล่งข้อมูล:
พญ.อัญมณี เชื้อเหล่าวานิช กุมารแพทย์ โรงพยาบาลบางประกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล,http://www.momypedia...-แบบไหนอันตราย/
http://www.oknation....4/01/26/entry-6
(โบกมือหยอยๆ) ถ้าเลือดกำเดาไหลเพราะโดนวัตถุคล้ายส้นตี-นกระแทกอย่างแรงบริเวณกึ่งปากกึ่งจมูก จะทำอย่างไรดีคะ
ถ้าเป็น กปปส ต้อง รอฟังแกนนำ คร่า
ห้ามคิดเอง เดี๋ยว แตกต่าง นอกแถว และ ไม่รักชาติ คร่าาา
Posted 27 January 2014 - 19:42
มีคนอยู่ 2 กลุ่มที่ชอบพูดถึงปฏิวัติแทบทุกวันคือ... เสื้อแดง กับเสื้อขาว
“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.” - Mahatma Gandhi
สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด
Posted 27 January 2014 - 19:49
เอาอีกแล้ว ใครรอปฏิวัติเจาะข่าวเด่น 27 มค 2557
ทำร้าย จิตใจ อย่างไร
ไปดูเอง คร่า
ส่งใจไปช่วย นะคร่าาาาา
เห็นจะใช้ท่าไม้ตาย รอปฏิวัติอย่างเดียว
Posted 27 January 2014 - 19:53
เลือดกำเดาไหล สำหรับเด็กบางคนอาจไม่น่ากังวล แต่เราไม่ควรละเลยเพราะถ้าเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบดูแลรักษาค่ะ
เลือดกำเดา ไหลมาจากไหน
เลือดกำเดาไหล เกิดมาจากเส้นเลือดบริเวณผนังจมูกส่วนหน้า ซึ่งเส้นเลือดบริเวณนี้ของทุกคนจะเปราะบาง เวลาเราสั่งน้ำมูกแรงๆ หรือโดนกระทบกระเทือนบริเวณจมูกบางครั้งจะมีเลือดปนอออกมาได้
เลือดกำเดาไหลส่วนใหญ่จะพบในเด็กวัยเตาะแตะ เพราะเป็นวัยที่มักเอาของใส่จมูกหรือแคะจมูก แต่ถ้าพบว่ามีเลือดออกที่จมูกตั้งแต่แรกเกิด นั่นไม่ใช่เป็นเลือดกำเดาไหล แต่จะเป็นโรคเลือดที่รุนแรงค่ะ
สาเหตุ เลือดกำเดาไหล
เกิดจากการที่เด็กได้รับบาดเจ็บ จากการแคะ แกะ เกาบริเวณจมูก หรือเกิดจากการเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไปใส่ในรูจมูก รวมทั้งยังเกิดจากการอักเสบของจมูก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเป็นหวัด และไซนัสอักเสบ ส่งผลให้โพรงจมูกแห้ง ทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาได้ง่าย
-สาเหตุที่พบได้ไม่บ่อย
เกิดจากการเป็นโรคเลือด เช่น เกร็ดเลือดต่ำผิดปกติ เส้นเลือดฝอยขยายตัวผิดปกติ มีเนื้องอกที่เส้นเลือด หรือเป็นโรคที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ซึ่งหากเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ เด็กๆ จะมีเลือดออกง่าย มีปริมาณเลือดไหลมาก และยังพบว่ามีเลือดออกที่ตำแหน่งอื่นให้เห็นด้วย เช่น มีจุดจ้ำเลือดตามตัวค่ะ
ระวัง! เลือดกำเดาผิดปกติ
ให้สังเกตจากปริมาณเลือดที่ไหล ต้องมีปริมาณมากๆ เลือดไหลเร็ว และเป็นติดต่อกันหลายวัน หากมีการห้ามเลือดแล้ว เลือดยังไม่หยุดไหลง่ายๆ ประกอบกับมีจ้ำเลือดเขียวขึ้นตามตัวเมื่อลูกวิ่งชนหรือได้รับการกระแทกเพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นลักษณะนี้ ต้องพาลูกมาพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เพราะถ้าลูกมีเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ หรือเป็นเรื้อรัง อาจทำให้ลูกตัวซีด และส่งผลต่อปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ของลูกได้ด้วย
First Aid
วิธีปฐมพยาบาลเมื่อลูกเลือดกำเดาไหล อันดับแรก พ่อแม่ต้องอย่าตกใจและพยายามปลอบลูก ถ้าลูกร้องไห้ ควรปลอบให้ลูกหยุดร้องโดยเร็ว เพราะถ้ายิ่งร้องไห้ ความดันเลือดจะสูงขึ้น ทำให้เลือดไหลออกมามากยิ่งขึ้น
จับให้ลูกนั่งพร้อมกับเอนตัวไปข้างหน้า เพื่อให้เลือดกำเดาไหลออกมา ไม่ควรให้ลูกนั่งแหงนหน้าไปด้านหลัง จะทำให้เลือดไหลลงคอ จนเกิดการสำลัก หลังจากนั้นอาจให้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบที่บริเวณจมูก ความเย็นจะช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว กระตุ้นให้เลือดหยุดเร็วขึ้น หรืออาจใช้ผ้ากอซ ม้วนเป็นชิ้นเล็ก แล้วใส่ในโพรงจมูกเพื่อกดตำแหน่งที่เส้นเลือดเปราะบาง
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเป็นเลือดกำเดาที่ไม่เป็นอันตราย เลือดจะหยุดไหลเองประมาณ 5 นาที
ป้องกัน เลือดกำเดาไหล
พยายามดูแลไม่ให้ลูกแคะ แกะ เการูจมูก หรือสั่งน้ำมูกแรงๆ และหลีกเลี่ยงการเอาสิ่งแปลกปลอมใส่ไปในรูจมูก ถ้าเป็นเด็กวัยอนุบาล ก็ควรสอนลูกให้หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ พร้อมกับสอนวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ลูกรับรู้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ควรให้ลูกออกกำลังกาย เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ เพราะหากลูกเป็นหวัดบ่อยๆ จะทำให้บริเวณโพรงจมูกอักเสบ เส้นเลือดฝอยเปราะแตกง่ายขึ้น
ทางที่ดี พ่อแม่ควรสังเกตอาการเลือดกำเดาของลูกอยู่เสมอค่ะ ว่าเป็นเลือดกำเดาไหลที่ควรระวังหรือไม่ ถ้าพบว่าลูกมีเลือดกำเดาไหลผิดปกติ ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วนนะคะ
แหล่งข้อมูล:
พญ.อัญมณี เชื้อเหล่าวานิช กุมารแพทย์ โรงพยาบาลบางประกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล,http://www.momypedia...-แบบไหนอันตราย/
http://www.oknation....4/01/26/entry-6
(โบกมือหยอยๆ) ถ้าเลือดกำเดาไหลเพราะโดนวัตถุคล้ายส้นตี-นกระแทกอย่างแรงบริเวณกึ่งปากกึ่งจมูก จะทำอย่างไรดีคะ
ถ้าเป็น กปปส ต้อง รอฟังแกนนำ คร่า
ห้ามคิดเอง เดี๋ยว แตกต่าง นอกแถว และ ไม่รักชาติ คร่าาา
Posted 27 January 2014 - 19:53
ข้าราชการ กรมการพัฒนาชุมชน สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง ขี้นเวทีแยกปทุมวัน มาช่วยแล้ว
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
Posted 27 January 2014 - 20:07
หาหญ้าแดรกแล้วไปนอนซะ
Posted 27 January 2014 - 20:15
Edited by ken2557, 27 January 2014 - 20:17.
Posted 27 January 2014 - 20:19
ตัวแทน กปปส หมดสภาพเห็นฯ แนะนำน้ำใบบัวบกครับ
เห็นๆเลย... ใครๆก็รู้
“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.” - Mahatma Gandhi
สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด
0 members, 0 guests, 0 anonymous users