ไม่เถียงกับไอ้บ้านะ
แต่เอาตัวอย่างธุรกิจมาถกกันนะครับ
แล้วจะรู้ว่าถ้าผู้บริหารบริษัทไหนทำธุรกิจแบบนี้...คุณจะทำไงกับไอ้บ้านี่ดี
ผมขอเรียกมันว่า "10 ขั้นของการบริหารแบบ HERE HERE"
1. บริษัททำธุรกิจค้าข้าวจากชาวนา แล้วส่งไปขายต่อ
2. ซีอีโอเป็นมือปืนรับจ้าง มีคนมาสอบคัดเลือกเป็นซีอีโอหลายคน
กฎคือใครก็ตามที่ได้รับเสียงโหวตมาก บอร์ดจะจ้างมาให้บริหารบริษัท
ผู้บริหารคนนึงเสนอนโยบาย "ถ้าผมเป็นซีอีโอ ผมจะรับซื้อข้าวจากคุณในราคาแพงกว่าท้องตลาด"
ผลคือชาวนาเลือกซีอีโอคนนี้ถล่มทลาย
3. ได้รับตำแหน่งแล้ว ซีอีโอคนนี้ไปเซ็นสัญญากับชาวนาแบบรับซื้อเชื่อ ในราคาแพงกว่าท้องตลาด มาเก็บไว้ในสต๊อค
- จุดมุ่้งหมายคือเพื่อ "ปั่นราคาข้าวในตลาดให้สูงขึ้น จะได้เงินมากขึ้น"
- ขายข้าวได้เมื่อไหร่ค่อยเอาเงินไปจ่ายชาวนา (เงินหมุนนั่นเอง)
4. กรรมการหลายรายเตือนว่าเลิกเหอะ นโยบายขายข้าวราคาแพงกว่าท้องตลาดเป็นไปไมไ่ด้
ซีอีโอบอกว่า "เชื่อมั่นเถอะ โครงการนี้เวิร์กแน่"
5. ปรากฎว่าบริษัทคู่แข่งขายราคาเดิม ทำให้ข้าวของบริษัทเราขายไม่ออก
- ขายไม่ออก ซีอีโอไม่ได้ออกตังค์ แต่เป็นบริษัทที่ต้องเสียค่าโกดังเก็บข้าวมหาศาล
- ขายไม่ออกก็ไม่มีเงินมาจ่ายค่าข้าวชาวนา ชาวนาจึงประท้วง
6. ซีอีโอได้แต่บอกกรรมการบอร์ดว่าขายข้าวได้แล้ว ไปเซ็นสัญญานู่นนี่
พอกก.บอกว่าไหนเอาสัญญามาดูซิ ซีอีโอบอก "ให้ไม่ได้ เป็นความลับ"
7. กรรมการจำนวนมากบอกว่า "เลิกเหอะ นโยบายคุณมันผิดพลาด"
แต่ซีอีโอเลิกไม่ได้ ไม่ยอมเลิก บอกแต่ว่า "ช่วยชาวนาเหอะ"
8. 2 ปีผ่านไป ชาวนาแห่ประท้วงบริษัทเพราะไม่ได้เงินค่าข้าว
รวมแล้วเป็นจำนวนหลายพันคน รวมเงินที่บริษัทติดหนี้ชาวนามหาศาลมาก
9. ซีอีโอบอกว่าจะกู้เงินแบงก์มาจ่ายชาวนา แต่ไม่บอกว่าแบงก์ไหน
และไม่ยอมเลิกโครงการ
10. คำถามต่อไปคือ...
- เมื่อสินค้าขายไม่ได้ จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าสินค้า?
- เมื่อไม่มีเงินจ่ายค่าสินค้าเก่า แต่สินค้าใหม่ออกมาจ่อรอแล้ว...
หมายความว่าบริษัทต้องกู้ยืมเงิน เป็นหนี้เป็นสินมหาศาลต่อไปเรื่อยๆเพื่อจ่ายค่าสินค้าที่ขายไม่ออกหรือ?
- แล้วบริษัทต้องสร้างหนี้เพิ่มแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่? จุดสิ้นสุดอยู่ตรงไหนครับ?
Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 28 January 2014 - 14:56.