ช่วยกัน แสดงจุดยืนเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 กันครับ
ช่วยกันแสดงจุดยืน เลือกประชาธิปไตย 1 Man 1 Vote ครับ 2 ก.พ. 57
#1
Posted 31 January 2014 - 00:19
#2
Posted 31 January 2014 - 00:22
ตกลงขาย "ไอ้แม้ว" ไม่ได้แล้ว เลยต้องชูประเด็น เลือก "ประชาธิปไตย" แทน ว่างั้น?
- ::วิญญาณห้อง2:: and Manners like this
#3
Posted 31 January 2014 - 00:23
ไม่ไปเลือก = ไม่เป็นประชาธิปไตย หรอ...
- ::วิญญาณห้อง2:: likes this
“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.” - Mahatma Gandhi
สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด
#4
Posted 31 January 2014 - 00:27
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสหราชอาณาจักร โดยคว้าแชมป์มาครองได้เกือบ 40 รายการ รวมถึงพรีเมียร์ ลีก 13 สมัยด้วย ตลอดช่วงการคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของเขา
เขาก้าวเข้ามายังโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 1986 ก่อนที่จะประกาศวางมือไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2012/13 ที่ผ่านมา
เขาเคยค้าแข้งมาก่อนที่สกอตแลนด์ โดยเล่นให้กับควีนส์ พาร์ค, เซนต์ จอห์นสโตน, ดันเฟิร์มลิน, กลาสโกว์ เรนเจอร์ส, ฟัลเคิร์ก และอายร์ ยูไนเต็ด แต่ช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จที่สุดในวงการฟุตบอลของ เซอร อเล็กซ์ นั้นยังมาไม่ถึง
หลังจากที่แขวนสตั๊ด เขาก็ไปรับงานโค้ช โดยเริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีมที่อีสต์ สเตอร์ลิงเชียร์, เซนต์ เมียร์เรน จากนั้นก็เป็นอเบอร์ดีน ซึ่งที่นี่เขาได้รับการยอมรับเป็นโค้ชระดับท็อป เขาพาทีมปาดหน้า 2 ยอดทีมจากกลาสโกว์คว้าแชมป์ในประเทศสก็อตแลนด์ โดยเป็นแชมป์ลีก 3 สมัย, สก็อตติช คัพ 4 สมัย, ลีก คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ อีกอย่างละสมัย
หลังจากที่ รอน แอตกินสัน ถูกไล่ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1986 เฟอร์กูสันก็ได้เข้ามานั่งเก้าอี้ตัวนี้ต่อในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ทันที
ในตอนที่เขาเข้ามาคุมทีม เขาได้รับทีมชุดที่กำลังจะหมดศรัทธาจากแฟนบอล เนื่องจากหล่นอยู่ถึงอันดับที่ 4 จากท้ายตารางดิวิชั่น 1 หน้าที่แรกของเขาจึงต้องเป็นการพาทีมหนีการตกชั้นให้ได้ และแม้ว่าจะไม่ได้เสริมทีมใดๆ เลยในช่วงเปิดตลาด แต่เขาก็ยังพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบอันดับที่ 11 ได้
ถึงตรงนั้นทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเฟอร์กูสันกำลังเจอกับงานที่ยากไม่ใช่เล่นที่จะพาสโมสรกลับมาครองความยิ่งใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่เล่นได้อย่างสนุกตื่นเต้น แต่ก็ยังไม่มีความสำเร็จใดๆ เป็นชิ้นเป็นอัน ในฤดูกาลที่ 2 ทีมปีศาจแดงจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ดีขึ้น โดยเป็นอันดับ 2 ตามหลังลิเวอร์พูล แต่การจบอันดับสูงขนาดนั้นก็ตามมาด้วยความคาดหวังที่สูง และจุดเปลี่ยนก็มาถึงในฤดูกาล 1989/90
ในเอฟเอ คัพ ฤดูกาลนั้น ทีมปีศาจแดงถูกจับฉลากให้ต้องออกไปเยือนทุกๆ รอบ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คว้าแชมป์รายการแรกในยุคของเฟอร์กูสันมาครองได้สำเร็จ ลี มาร์ติน ยิงประตูโทนในนัดชิงชนะเลิศ นัดรีเพลย์ เอาชนะคริสตัล พาเลซ คว้าแชมป์ไปครอง
และเมื่อได้ถ้วยแรก แชมป์อื่นก็ตามมาอย่างไม่ขาดสาย ฤดูกาลต่อมาทีมคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ ไปครองได้อีกที่ร็อตเตอร์ดัม เป็นการเอาชนะบาร์เซโลน่า 2-1 ต้องขอบคุณประตูจาก มาร์ค ฮิวจ์ส จากนั้นในฤดูกาล 1991/92 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้แชมป์ลีก คัพ มาประดับบารมีเพิ่มอีก
ยังเหลืออีกถ้วยหนึ่งที่เหมือนเป็นจอกศักดิ์สิทธิ์สำหรับแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นก็คือแชมป์ลีกที่พวกเขารอคอยกันมา 26 ปี โดยต้องตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของลิเวอร์พูลมาโดยตลอด
และในฤดูกาล 1992/93 การรอคอยอันยาวนานก็สิ้นสุดลง ทีมปีศาจแดงสามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้สำเร็จ โดยได้รับอิทธิพลจากการย้ายเข้ามาด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ของ เอริค คันโตน่า เบียดแอสตัน วิลล่า คว้าอันดับที่ 1 ไปครองจนได้
จากนั้นความสำเร็จก็หลั่งไหลเข้ามา ฤดูกาล 1993/94 ทีมสามารถทำดับเบิ้ลแชมป์ได้ จากนั้นก็มาทำซ้ำได้อีกในฤดูกาล 1995/96 (จากฝีเท้าของพวกเด็กๆ) และก็คว้าแชมป์ลีกเพิ่มได้ในปี 1997 ถึงตรงนี้เป็นอันว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ผงาดขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่แทนที่ลิเวอร์พูลไปเรียบร้อยแล้ว
ผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ เซอร์ อเล็กซ์ เกิดขึ้นในฤดูกาล 1998/99 โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยมีทีมไหนที่คว้าแชมป์ทั้งพรีเมียร์ ลีก, เอฟเอ คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ ได้มาก่อนเลย ที่น่าจดจำก็คือค่ำคืนที่บาร์เซโลน่า เขาตัดสินใจส่งตัวสำรองอย่าง เท็ดดี้ เชอริงแฮมและ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ลงสนาม หลังจากนั้นทุกอย่างก็คือประวัติศาสตร์ ทั้งคู่ช่วยกันยิงประตูให้ทีมพลิกกลับมาคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ เป็นการเติมเต็มการคว้า 3 แชมป์โดยสมบูรณ์
เฟอร์กูสันได้รับยศอัศวินหลังจากความสำเร็จครั้งนั้น และบางคนก็เริ่มมองแล้วว่าเขากำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง โดยเชื่อว่าความท้าทายของเขาได้หมดลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ในฤดูกาลต่อมาคือ 1999/2000 เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีก และมาในฤดูกาล 2000/01 ก็ทำได้อีก ทำให้ทีมเป็นแชมป์ 3 สมัยติด แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่ 8 ของเขามาถึงในฤดูกาล 2002/03 ส่วนแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 5 ก็ต้องรอในปีต่อมา เมื่อไปคว้าชัยถึงคาร์ดิฟฟ์ด้วยการเอาชนะมิลล์วอลล์ในนัดชิงชนะเลิศ
ถึงตรงนี้ทีมปีศาจแดงก็อยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายทีมชุดใหม่ หลังจากหมดยุคนักเตะที่เขาสร้างมากับมือในฤดูกาล 1995/96 เขาเริ่มคว้าตัวนักเตะอย่าง เวย์น รูนี่ย์ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้ามาเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในยุคใหม่
ทีมชุดใหม่นี้เริ่มต้นด้วยการคว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ 2005/06 จากนั้นก็ได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่ 9 ในฤดูกาล 2006/07 ในเดือนพฤษภาคม 2007 เซอร์ อเล็กซ์ ได้คว้าเอานักเตะใหม่ 3 คนเข้ามาสู่ทีมคือ แอนเดอร์สัน, หลุยส์ นานี่ และ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ นั่นทำให้ทีมยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก และก็สามารถป้องกันแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้ในฤดูกาล 2007/08 แถมยังสุดยอดไปกว่านั้นด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 2 สำหรับตัวเขาเอง โดยนักเตะใหม่ทั้ง 3 คนดังกล่าวสามารถยิงเข้าประตูในช่วงดวลจุดโทษที่เอาชนะเชลซีไปได้ในนัดชิงชนะเลิศ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังประสบความสำเร็จต่อเนื่องด้วยการคว้าแชมป์สโมสรโลกที่ญี่ปุ่นในเดือนธันวาคม 2008 จากนั้นทีมปีศาจแดงก็คว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ ได้ในเดือนมีนาคม 2009 โดยเอาชนะท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ไปด้วยการดวลลูกจุดโทษในรอบชิงชนะเลิศ
วันที่ 16 พฤษภาคม 2009 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทำภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ให้ลุล่วงจนได้ หลังจากที่ เซอร์ อเล็กซ์ ก้าวเข้ามาในปี 1986 เขาตั้งใจจะทาบสถิติแชมป์ลีกสูงสุด 18 สมัยของลิเวอร์พูล และก็มาทำได้สำเร็จในฤดูกาล 2008/09 โดยถือเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 11 ของ เซอร์ อเล็กซ์ จากการคุมทีมทั้งหมด 17 ฤดูกาลด้วย ถือเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ
และมันก็ยิ่งดีไปกว่านั้นในอีก 2 ปีต่อมา โดยคว้าแชมป์ลีกเหนือเชลซี โดยก่อนหน้านั้นในปี 2010 พวกเขาทำได้เพียงแค่แชมป์รายการเดียวคือคาร์ลิ่ง คัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้ด้วยลูกจุดโทษที่รูนี่ย์ ซัดใส่แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และทีมปีศาจแดงก็แซงหน้าสถิติแชมป์ลีกสูงสุดของลิเวอร์พูลได้สำเร็จ
ในวันสุดท้ายของฤดูกาล 2011/12 ถือเป็นอะไรที่ทำร้ายจิตใจแฟนๆ มาก เมื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาคว้าแชมป์ลีกเหนือทีมปีศาจแดงได้ในวินาทีสุดท้ายของฤดูกาลจริงๆ แต่ความผิดหวังนั้นก็ได้มลายหายไปในฤดูกาล 2012/13 ซึ่งถือเป็นฤดูกาลสุดท้ายสำหรับ เซอร์ อเล็กซ์ เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ไปครองในขณะที่ยังเหลือเกมให้ลงเล่นอีก 4 เกม
เซอร์ อเล็กซ์ ยังคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับสโมสรอยู่ ถึงแม้ว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแล้ว เขาได้รับตำแหน่งเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหาร และก็ยังเป็นฑูตสโมสรอีกด้วย
เครดิต http://www.redarmyfc...hp?manager_id=2
- ชัยนาท likes this
#6
Posted 31 January 2014 - 00:34
มีใครจะช่วยสงเคราะห์วิธีทำปาท่องโก๋ทอดกินเองบ้างไหมครับ สาตุ๊
ปาท่องโก๋ กรอบนอกนุ่มใน สูตรสายบุญพระวัดป่า
ความเป็นมา.....
โชคดีชั้นหนึ่ง ที่ได้ไปร่วมกิจกรรมท่องชมสมุนไพรพื้นบ้าน ที่บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ คือ ได้ออกกำลังกาย เกินลุยป่าฝ่าดงหนามข้ามเขา(เตี้ยๆ)ก้าวข้ามห้วย (เล็กๆ)
โชคดีชั้นที่สอง คือ ได้ไปเรียนรู้เกี่ยวกับสรรพคุณสมุนไพรต่างๆ ด้วยตา หู จมูก ลิ้น สัมผัสของจริง ที่แม้จะยังไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทันที แต่ก็ได้พยายามเก็บภาพ และบันทึกเสียงไว้เป็นข้อมูลดิบ ซึ่งคงจะต้องใช้เวลาในการปะติดปะต่อองค์ความรู้ ต่างจากทีมแพทย์แผนไทยที่มีพื้นความรู้ดีอยู่แล้วและเคยผ่านกิจกรรมนี้มาก่อน พอเห็นปุ๊บก็แทบจะบอกได้ว่าเป็นต้นอะไร สรรพคุณอย่างไร
โชคชั้นที่สาม คือ ได้มีโอกาสรู้จักเพื่อนกลุ่มใหม่
โชคชั้นที่สี่ คือ ได้รับธรรมะจากพระอาจารย์ธาตรี เจ้าอาวาสวัดป่ากุดฉนวนอุดมพร บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ที่ท่านสละเวลาพักผ่อนหลังจากไปกรำแดดลุยป่าดงกับทุกคนตอนกลางวัน ตกสามทุ่มก็เรียกประชุมมาทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ และแทรกธรรมะให้พวกเรา ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย (บางคนก็นอนหลับ แต่บางคนก็เล่นโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ต ไม่ก็เล่นเกมออนไลน์กันต่อ)
โชคชั้นที่ห้า คือ ได้สูตรการทำปาท่องโก๋ ซึ่งอร่อยจนขึ้นชื่อลือชา รสชาดกลมกล่อมกรอบนอกนุ่มในของวัด ทราบว่าเป็นสูตรที่ได้รับตกทอดมาทางสายพระวัดป่า และที่วัดนี้จะใช้เป็นอาหารหลักเวลาเปิดโรงทานทั้งที่วัดนี้และเวลาไปช่วยงานวัดอื่นๆ
พอกลับมาถึงบ้าน ก็ไปหาซื้ออุปกรณ์และส่วนผสมมาลองทำ แต่เสียดาย ไม่สามารถถ่ายรูปมาให้ชมกันได้ ขอไว้เป็นโอกาสหน้า ที่สามารถปั้นออกมาน่าทานกว่านี้จะดีกว่า แต่เรื่องรสชาด เพื่อนๆบอกว่า "จะทำขายเมื่อไหร่" อย่างนี้คงจะแปลว่า "ใช้ได้" ละมัง
อุปกรณ์ที่ต้องใช้ (หลายอย่างมีอยู่แล้วทุกบ้าน ควรดัดแปลงจากของที่มีอยู่แล้วซื้อเฉพาะที่จำเป็น)
1. กะละมังหรือหม้อที่มีฝาปิด
2. ที่ตัดแป้ง
3. ที่คีบปาท่องโก๋ (คล้ายไม้ตีกลอง+ตะเกียบ อันยาวๆ) 1 คู่
4. ถ้วยตวง หรือตาชั่ง
5. กระทะใบใหญ่ หรือหม้อก้นลึกๆ
6. น้ำมันปาล์ม
7. เตา
8. โต๊ะที่มีหน้าโต๊ะเรียบลื่นดี
9. ตะเกียบหรือไม้ไว้แตะน้ำ 1 อัน
10. ถ้วยใส่น้ำเปล่า
11. กระชอนหรอตะแกรงไว้กรองน้ำมัน
12. หม้อสำหรับรองรับน้ำมัน
13. ถาดปูด้วยกระดาษซับมัน
ส่วนผสม (ตามสูตรพระอาจารย์)
1. แป้งเอนกประสงค์ 3 กิโลกรัม
2. นมสด 3 กระป๋อง
3. นมข้นหวาน 6 ช้อนโต๊ะ
4. เกลือ 3 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำเปล่า 6 แก้ว
7. แอมโมเนียผง 3 ช้อนโต๊ะ
8. เนยเทียม 3 ช้อนโต๊ะ
ถ้าต้องการทำน้อยกว่านี้ ให้ลดสูตรลงตามส่วน เช่น สำหรับทาน 4-6 คน อาจลดสูตรลงเหลือ 1 ใน 6 ก็พอ ตามที่บอกข้างต้นว่า รสชาดกลมกล่อม ถ้าหากท่านชอบปาท่องโก๋ออกเค็มๆแบบที่ขายๆกัน อาจจะต้องเติมเกลือลงอีกนิด แต่ไม่แนะนำเพราะของเขาอร่อยอยู่แล้ว
วิธีทำแป้งปาท่องโก๋
1. ผสมนมสด นมข้นหวาน เกลือ น้ำตาลทราย กับน้ำเปล่า คนให้ละลาย
2. เติมแอมโมเนียผง คนต่อให้ละลายเข้ากันดี (ระวังเวลาตักแอมโมเนีย จะฉุนเข้าจมูก)
3. ค่อยๆเติมแป้งเอนกประสงค์ลงในส่วนผสม คลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. เติมเนยเทียมลงในแป้งที่ผสมแล้ว นวดต่อไปในแป้งเนียนดี ปิดฝา
5. หมักไว้ ที่อุณหภูมิห้อง อย่างน้อย 6 ชั่วโมง
วิธีเตรียมแป้งและวิธีทอด
แป้งที่หมักขึ้นดีแล้วจะมีฟองอากาศผุดขึ้นเป็นจุดๆบนก้อน แต่ก่อนจะทอดได้ต้องเตรียมแป้งด้วยการ โรยแป้งเอนกประสงค์ลงบนหน้าโต๊ะให้ทั่ว ทั้งบริเวณที่จะวางเนื้อแป้งหมักและที่ะตัดแป้งทำตัวปาท่องโก๋ (ที่ต้องโรยก็เพื่อไม่ให้แป้งติดกันเหนอะหนะ) แล้วเทเนื้อแป้งหมักลงบนโต๊ะ ให้ห่างตัวออกไปประมาณ 1 ฟุต โรยผงแป้งบนก้อนแป้งหมักบางๆและทั่วๆ
ก่อนจะเริ่มตัดแป้ง ให้ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน พร้อมที่จะทอดแป้งได้ ต้องใช้น้ำมันเยอะๆ
ใช้ที่ตัดแป้ง ตัดแป้งออกมาเป็นเส้นยาว แล้วค่อยๆจับดึงยืดออกไปทางด้านขวา (ถ้าถนัดขวา) ดูให้แป้งที่ยึดแล้วมีความกว้างเสมอกัน จากนั้นตัดแป้งตามแนวตั้งขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ให้ทุกชิ้นมีขนาดพอๆกัน (อย่าให้ผอมนัก เพราะทอดแล้วจะไม่ค่อยได้เนื้อแป้งนุ่มใน)
จากนั้นเอาไม้จุ่มน้ำ แตะๆตรงกึ่งกลางแป้งที่ตัดไว้แต่ละชิ้น แล้วจับแป้งประกบทีละคู่
เอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้สองข้าง จับตรงกลางแป้งที่ประกบคู่แล้วดึงในทิศทางตรงข้ามกันในแนวนอนให้ออกจากจุดกึ่งกลางเบาๆ
เมื่อน้ำมันในกระทะร้อนดี (ปั้นแป้งก้อนเล็กๆหยอดลงไปทอดดูก่อนได้)
หย่อนแป้งที่ประกบเรียบร้อยแล้วลงในน้ำมันที่ร้อนได้ที่ แล้วใช้ไม้เขี่ยๆเบาเขย่าไปมาเร็วๆ (แม่ครัวบอกว่า เป็นการแต่งตัว ซึ่งขั้นตอนนี้แหละที่จะแปลงให้แป้งทอดกลายสภาพเป็นปาท่องโก๋พองฟูดูได้รูปขึ้นมา) จากนั้นคอยกลับปาท่องโก๋เป็นระยะเพื่อให้สุกทั่วทั้งสองด้าน เมื่อสีเริ่มเข้มขึ้นพอดีแล้วจึงใช้ตะแกรงตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน ก่อนจะใส่จานเสิร์ฟต่อไป
*** ปาท่องโก๋ที่ทอดด้วยน้ำมันที่ไม่ร้อนพอ ปาท่องโก๋จะอมน้ำมัน แต่ถ้าน้ำมันร้อนจัดเกินไป แป้งข้างในจะเป็นไต (ไม่สุก) เพราะข้างนอกจะเกรียมก่อน
*** หัดทำครั้งแรก ควรลดสูตรลง ทดลองทำทุกอย่างดูก่อนเวลาทำจริงจะได้ไม่ผิดหวังค่ะ
ชญานิษฐ ผู้เรียบเรียง
#7
Posted 31 January 2014 - 00:39
เืบื่อพวกขี้ข้าอีโง่จัง เลือกมาแล้ว โกงชาติ 4 แสนล้าน ไม่เห็นรับผิดชอบ เอาแต่พร่ำเพ้อเรื่องสิทธิ์ แต่ไม่รับผิดชอบ
#9
Posted 31 January 2014 - 00:46
ไวน์ 3 แก้ว เท่ากับ ข้าวขาหมู 1 จาน
โอววว... นักดื่มต้องระวัง
ใครบอกกินเหล้าไม่กินกับไม่อ้วน ไม่จริงนี่หว่า...
- วันศุกร์ likes this
"ควาย" ในความหมายของผม คือ คนที่มีความคิด เล่นเน็ตเป็น แต่แยกแยะ ดี ชั่ว ถูก ผิด ไม่ได้
มิได้หมายถึง ชาวรากหญ้า ที่เป็นเหยื่อในสงครามทางความคิดครั้งนี้
"คนชั่ว" จะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา... อยากให้ถึงวรรคท้ายของคำทำนาย ไวๆ ว่ะ...
#11
Posted 31 January 2014 - 00:52
#12
Posted 31 January 2014 - 00:55
เีงี่ยนอยากไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่เสือk ทำชาวนาเดือดร้อน
#13
Posted 31 January 2014 - 00:57
ผู้ชายทั่วไปโดยเฉลี่ยต้องการพลังงานประมาณ 2000 ต่อวัน
ดูแลสุขภาพกันครับ
จะได้มีแรงฉลองเวลาไอ้แม้วมันลาโลกไปใช้เวรกรรมในนรก
"ควาย" ในความหมายของผม คือ คนที่มีความคิด เล่นเน็ตเป็น แต่แยกแยะ ดี ชั่ว ถูก ผิด ไม่ได้
มิได้หมายถึง ชาวรากหญ้า ที่เป็นเหยื่อในสงครามทางความคิดครั้งนี้
"คนชั่ว" จะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา... อยากให้ถึงวรรคท้ายของคำทำนาย ไวๆ ว่ะ...
#15
Posted 31 January 2014 - 01:05
เราไม่เลือกประชาธิปไตย เราจะเลือกพรรคเพื่อไทย
เราอยากให้พรรคเพื่อไทยรับจำนำ15000
แต่เราต้องแน่ใจ ว่าต้องรับจำนำจริงๆนะ
ยิ่งลักษณ์กล้าพูด เรากล้าเลือก
ขอเสื้อแดงทุกท่านจงเป็นเสื้อแดงตลอดชีวิต เกิดชาติหน้าชาติไหนๆจงเป็นเสื้อแดงทุกชาติๆไป
#16
Posted 31 January 2014 - 01:14
เพื่อนๆ ไปเที่ยวตรุษจีนที่ไหนกันบ้างครับ
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
#17
Posted 31 January 2014 - 01:14
หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์มาให้ จขกทครับ
ท่านอื่นห้ามดู
โหมด ผ่อนคลาย
#18
Posted 31 January 2014 - 01:16
ผมตั้งกระทู้ขึ้นมาเพื่อกระตุ้นความคิดในเรื่องประชาธิปไตยที่ถูกคุกคาม
จากกลุ่มคนที่เข้าใจผิดว่า คนที่ไม่เข้าข้าง กปปส ต้องผิดอย่างเดียว
และ หลายคนเข้าใจผิดว่า 1 man 1 vote ต้องแดง ต้อง เพื่อไทย น่ะ
ไม่จำเป็นครับ 1 man 1 Vote ผมต้องการสื่อว่า เรามีความเป็นคน
เท่ากัน และ ไม่ควร คุกคามคนที่คิดไม่เหมือนเรา และไม่ทำให้ส่วนรวมเดือดร้อน
ครับ
- Vekakav Vkkn likes this
#20
Posted 31 January 2014 - 01:20
ประชาชนเต็มขั้น - one man one vote
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคน - one man many vote
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
#22
Posted 31 January 2014 - 06:48
ไม่เห็นด้วยแล้วไปพังบ้านเขาทำไม
คิดต่าง ไม่ใช้ว่าจะเป็นแดงทุกคน
#23
Posted 31 January 2014 - 07:03
Respect my Vote....
Give me Your Tax...
Dont's Forget to Pay my Debts...
...จังหวัดสุรินทร์มีสนามบิน ซึ่งสร้างด้วยภาษีประชาชน แต่ไม่มีเครื่องบินไปลง...เพราะผู้โดยสารที่มีปัญญาซื้อตั๋วเครื่องบินมีไม่พอ...อีกหนึ่งผลงานที่สร้างความภูมิใจของรัฐบาลคนเสื้อแดง...
Respect my Vote
#24
Posted 31 January 2014 - 17:35
ผมตั้งกระทู้ขึ้นมาเพื่อกระตุ้นความคิดในเรื่องประชาธิปไตยที่ถูกคุกคาม
จากกลุ่มคนที่เข้าใจผิดว่า คนที่ไม่เข้าข้าง กปปส ต้องผิดอย่างเดียว
และ หลายคนเข้าใจผิดว่า 1 man 1 vote ต้องแดง ต้อง เพื่อไทย น่ะ
ไม่จำเป็นครับ 1 man 1 Vote ผมต้องการสื่อว่า เรามีความเป็นคน
เท่ากัน และ ไม่ควร คุกคามคนที่คิดไม่เหมือนเรา และไม่ทำให้ส่วนรวมเดือดร้อน
ครับ
แหม่...
- เสือยิ้มยาก likes this
“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.” - Mahatma Gandhi
สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด
#25
Posted 31 January 2014 - 17:54
ช่วยกัน แสดงจุดยืนเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 กันครับ
คนเจ็บคนตายไม่เป็นไรขอให้ได้เลือกตั้ง
#27
Posted 31 January 2014 - 18:08
ต้องกาเบอร์ไหนถึงจะเป็นประชาธิปไตย
#29
Posted 31 January 2014 - 18:10
#30
Posted 31 January 2014 - 18:10
ประ ชา ตื๊บ ปะ ตาย
#32
Posted 31 January 2014 - 18:15
แบบนี้เรียกว่าปะชาติ๊บไตได้ไหมฮะ
#33
Posted 31 January 2014 - 18:25
ผมจะเข้าคูหาครับ ในวันที่ 2 แต่ผมจะวาดรูปนายกเอากับหมา บนบัตรเลือกตั้ง ....
คนที่อยากเลือกตั้ง ก็ไม่ต่างอะไรกับ คนที่ต้องการมี เพศสัมพันธ์ ????? ต่อให้เค้ารู้ว่าเมื่อเลือกไปก็เกิดปัญหา
ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับกับการที่มีเพศสัมพันธ์ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า กำลัง อึ๊-บ ปี๊ กับคนที่เป็นเอดส์
#35
Posted 31 January 2014 - 19:34
ผมตั้งกระทู้ขึ้นมาเพื่อกระตุ้นความคิดในเรื่องประชาธิปไตยที่ถูกคุกคาม
จากกลุ่มคนที่เข้าใจผิดว่า คนที่ไม่เข้าข้าง กปปส ต้องผิดอย่างเดียว
และ หลายคนเข้าใจผิดว่า 1 man 1 vote ต้องแดง ต้อง เพื่อไทย น่ะ
ไม่จำเป็นครับ 1 man 1 Vote ผมต้องการสื่อว่า เรามีความเป็นคน
เท่ากัน และ ไม่ควร คุกคามคนที่คิดไม่เหมือนเรา และไม่ทำให้ส่วนรวมเดือดร้อน
ครับ
เหมือนจะเป็นปีแรก ที่สิทธิ์การเลือกตั้ง
ดูจะมีราคากว่า สิทธิ์ในชีวิตและร่างกายของคนบางคน
llllllllllllllllllllllllllllll
llllllllllllllllllllllllllllll
llllllllllllllllllllllllllllll
#36
Posted 31 January 2014 - 19:42
พระที่นั่งอัมพรสถาน
พระที่นั่งอัมพรสถาน เป็นพระที่นั่งองค์หนึ่งในพระราชวังดุสิต
ในปีเดียวกับที่สร้างพระที่นั่งวิมานเมฆเสร็จ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งขึ้นอีกองค์หนึ่งทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของพระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งในเวลานั้นเรียกว่า สวนแง่เต๋ง(แปลว่า สีงา) และทรงตั้งนามให้พระที่นั่งองค์ใหม่ว่า พระที่นั่งอัมพรสถาน
พระสถิตย์นิมานการ (ม.ร.ว. ชิด อิศรศักดิ์) เจ้ากรมโยธาธิการ ได้ดำเนินการก่อสร้างอยู่หลายปี ครั้นถึง ร.ศ. 125(พ.ศ. 2449) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสุขุมนัยวินิต (เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)) มารับราชการในตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ จึงได้เป็นผู้อำนวยการก่อสร้างพระที่นั่งต่อมาจนเสด็จในปีนั้นและการเฉลิมพระที่นั่งนั้น เป็นงานใหญ่ตั้งแต่วันที่ 18 - 22 กุมภาพันธ์ ร.ศ. 125(พ.ศ. 2449) แต่ที่จริงโหรทำนายว่าควรจะเอาเป็นวันในปลายเดือนธันวาคม แต่มิโปรดเนื่องจากอากาศนั้นหนาวเย็น
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตที่ชั้น 3 ของพระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อ รัชกาลที่ 6 และ รัชกาลที่ 7 เสด็จมาประทับ ณ พระที่นั่งองค์นี้ ได้ประทับแค่เพียงชั้น 2 เท่านั้น เพราะชั้น 3 ถือว่าเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ใน พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินนิวัติพระนคร จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ก่อนจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส และพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ปัจจุบัน ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป และเทวรูปสำคัญๆ เช่น พระพุทธบุษยรัตน์ และ พระสยามเทวาธิราช (คนละองค์กับที่ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ) เป็นต้น
และในปัจจุบัน เป็นที่ประทับในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร
Edited by ctpk05, 31 January 2014 - 19:43.
"ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า"
#37
Posted 31 January 2014 - 19:48
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสหราชอาณาจักร โดยคว้าแชมป์มาครองได้เกือบ 40 รายการ รวมถึงพรีเมียร์ ลีก 13 สมัยด้วย ตลอดช่วงการคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของเขา
เขาก้าวเข้ามายังโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 1986 ก่อนที่จะประกาศวางมือไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2012/13 ที่ผ่านมา
เขาเคยค้าแข้งมาก่อนที่สกอตแลนด์ โดยเล่นให้กับควีนส์ พาร์ค, เซนต์ จอห์นสโตน, ดันเฟิร์มลิน, กลาสโกว์ เรนเจอร์ส, ฟัลเคิร์ก และอายร์ ยูไนเต็ด แต่ช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จที่สุดในวงการฟุตบอลของ เซอร อเล็กซ์ นั้นยังมาไม่ถึง
หลังจากที่แขวนสตั๊ด เขาก็ไปรับงานโค้ช โดยเริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีมที่อีสต์ สเตอร์ลิงเชียร์, เซนต์ เมียร์เรน จากนั้นก็เป็นอเบอร์ดีน ซึ่งที่นี่เขาได้รับการยอมรับเป็นโค้ชระดับท็อป เขาพาทีมปาดหน้า 2 ยอดทีมจากกลาสโกว์คว้าแชมป์ในประเทศสก็อตแลนด์ โดยเป็นแชมป์ลีก 3 สมัย, สก็อตติช คัพ 4 สมัย, ลีก คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ อีกอย่างละสมัย
หลังจากที่ รอน แอตกินสัน ถูกไล่ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1986 เฟอร์กูสันก็ได้เข้ามานั่งเก้าอี้ตัวนี้ต่อในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ทันที
ในตอนที่เขาเข้ามาคุมทีม เขาได้รับทีมชุดที่กำลังจะหมดศรัทธาจากแฟนบอล เนื่องจากหล่นอยู่ถึงอันดับที่ 4 จากท้ายตารางดิวิชั่น 1 หน้าที่แรกของเขาจึงต้องเป็นการพาทีมหนีการตกชั้นให้ได้ และแม้ว่าจะไม่ได้เสริมทีมใดๆ เลยในช่วงเปิดตลาด แต่เขาก็ยังพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบอันดับที่ 11 ได้
ถึงตรงนั้นทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเฟอร์กูสันกำลังเจอกับงานที่ยากไม่ใช่เล่นที่จะพาสโมสรกลับมาครองความยิ่งใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่เล่นได้อย่างสนุกตื่นเต้น แต่ก็ยังไม่มีความสำเร็จใดๆ เป็นชิ้นเป็นอัน ในฤดูกาลที่ 2 ทีมปีศาจแดงจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ดีขึ้น โดยเป็นอันดับ 2 ตามหลังลิเวอร์พูล แต่การจบอันดับสูงขนาดนั้นก็ตามมาด้วยความคาดหวังที่สูง และจุดเปลี่ยนก็มาถึงในฤดูกาล 1989/90
ในเอฟเอ คัพ ฤดูกาลนั้น ทีมปีศาจแดงถูกจับฉลากให้ต้องออกไปเยือนทุกๆ รอบ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คว้าแชมป์รายการแรกในยุคของเฟอร์กูสันมาครองได้สำเร็จ ลี มาร์ติน ยิงประตูโทนในนัดชิงชนะเลิศ นัดรีเพลย์ เอาชนะคริสตัล พาเลซ คว้าแชมป์ไปครอง
และเมื่อได้ถ้วยแรก แชมป์อื่นก็ตามมาอย่างไม่ขาดสาย ฤดูกาลต่อมาทีมคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ ไปครองได้อีกที่ร็อตเตอร์ดัม เป็นการเอาชนะบาร์เซโลน่า 2-1 ต้องขอบคุณประตูจาก มาร์ค ฮิวจ์ส จากนั้นในฤดูกาล 1991/92 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้แชมป์ลีก คัพ มาประดับบารมีเพิ่มอีก
ยังเหลืออีกถ้วยหนึ่งที่เหมือนเป็นจอกศักดิ์สิทธิ์สำหรับแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นก็คือแชมป์ลีกที่พวกเขารอคอยกันมา 26 ปี โดยต้องตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของลิเวอร์พูลมาโดยตลอด
และในฤดูกาล 1992/93 การรอคอยอันยาวนานก็สิ้นสุดลง ทีมปีศาจแดงสามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้สำเร็จ โดยได้รับอิทธิพลจากการย้ายเข้ามาด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ของ เอริค คันโตน่า เบียดแอสตัน วิลล่า คว้าอันดับที่ 1 ไปครองจนได้
จากนั้นความสำเร็จก็หลั่งไหลเข้ามา ฤดูกาล 1993/94 ทีมสามารถทำดับเบิ้ลแชมป์ได้ จากนั้นก็มาทำซ้ำได้อีกในฤดูกาล 1995/96 (จากฝีเท้าของพวกเด็กๆ) และก็คว้าแชมป์ลีกเพิ่มได้ในปี 1997 ถึงตรงนี้เป็นอันว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ผงาดขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่แทนที่ลิเวอร์พูลไปเรียบร้อยแล้ว
ผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ เซอร์ อเล็กซ์ เกิดขึ้นในฤดูกาล 1998/99 โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยมีทีมไหนที่คว้าแชมป์ทั้งพรีเมียร์ ลีก, เอฟเอ คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ ได้มาก่อนเลย ที่น่าจดจำก็คือค่ำคืนที่บาร์เซโลน่า เขาตัดสินใจส่งตัวสำรองอย่าง เท็ดดี้ เชอริงแฮมและ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ลงสนาม หลังจากนั้นทุกอย่างก็คือประวัติศาสตร์ ทั้งคู่ช่วยกันยิงประตูให้ทีมพลิกกลับมาคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ เป็นการเติมเต็มการคว้า 3 แชมป์โดยสมบูรณ์
เฟอร์กูสันได้รับยศอัศวินหลังจากความสำเร็จครั้งนั้น และบางคนก็เริ่มมองแล้วว่าเขากำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง โดยเชื่อว่าความท้าทายของเขาได้หมดลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ในฤดูกาลต่อมาคือ 1999/2000 เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีก และมาในฤดูกาล 2000/01 ก็ทำได้อีก ทำให้ทีมเป็นแชมป์ 3 สมัยติด แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่ 8 ของเขามาถึงในฤดูกาล 2002/03 ส่วนแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 5 ก็ต้องรอในปีต่อมา เมื่อไปคว้าชัยถึงคาร์ดิฟฟ์ด้วยการเอาชนะมิลล์วอลล์ในนัดชิงชนะเลิศ
ถึงตรงนี้ทีมปีศาจแดงก็อยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายทีมชุดใหม่ หลังจากหมดยุคนักเตะที่เขาสร้างมากับมือในฤดูกาล 1995/96 เขาเริ่มคว้าตัวนักเตะอย่าง เวย์น รูนี่ย์ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้ามาเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในยุคใหม่
ทีมชุดใหม่นี้เริ่มต้นด้วยการคว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ 2005/06 จากนั้นก็ได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่ 9 ในฤดูกาล 2006/07 ในเดือนพฤษภาคม 2007 เซอร์ อเล็กซ์ ได้คว้าเอานักเตะใหม่ 3 คนเข้ามาสู่ทีมคือ แอนเดอร์สัน, หลุยส์ นานี่ และ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ นั่นทำให้ทีมยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก และก็สามารถป้องกันแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้ในฤดูกาล 2007/08 แถมยังสุดยอดไปกว่านั้นด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 2 สำหรับตัวเขาเอง โดยนักเตะใหม่ทั้ง 3 คนดังกล่าวสามารถยิงเข้าประตูในช่วงดวลจุดโทษที่เอาชนะเชลซีไปได้ในนัดชิงชนะเลิศ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังประสบความสำเร็จต่อเนื่องด้วยการคว้าแชมป์สโมสรโลกที่ญี่ปุ่นในเดือนธันวาคม 2008 จากนั้นทีมปีศาจแดงก็คว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ ได้ในเดือนมีนาคม 2009 โดยเอาชนะท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ไปด้วยการดวลลูกจุดโทษในรอบชิงชนะเลิศ
วันที่ 16 พฤษภาคม 2009 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทำภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ให้ลุล่วงจนได้ หลังจากที่ เซอร์ อเล็กซ์ ก้าวเข้ามาในปี 1986 เขาตั้งใจจะทาบสถิติแชมป์ลีกสูงสุด 18 สมัยของลิเวอร์พูล และก็มาทำได้สำเร็จในฤดูกาล 2008/09 โดยถือเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 11 ของ เซอร์ อเล็กซ์ จากการคุมทีมทั้งหมด 17 ฤดูกาลด้วย ถือเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ
และมันก็ยิ่งดีไปกว่านั้นในอีก 2 ปีต่อมา โดยคว้าแชมป์ลีกเหนือเชลซี โดยก่อนหน้านั้นในปี 2010 พวกเขาทำได้เพียงแค่แชมป์รายการเดียวคือคาร์ลิ่ง คัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้ด้วยลูกจุดโทษที่รูนี่ย์ ซัดใส่แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และทีมปีศาจแดงก็แซงหน้าสถิติแชมป์ลีกสูงสุดของลิเวอร์พูลได้สำเร็จ
ในวันสุดท้ายของฤดูกาล 2011/12 ถือเป็นอะไรที่ทำร้ายจิตใจแฟนๆ มาก เมื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาคว้าแชมป์ลีกเหนือทีมปีศาจแดงได้ในวินาทีสุดท้ายของฤดูกาลจริงๆ แต่ความผิดหวังนั้นก็ได้มลายหายไปในฤดูกาล 2012/13 ซึ่งถือเป็นฤดูกาลสุดท้ายสำหรับ เซอร์ อเล็กซ์ เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ไปครองในขณะที่ยังเหลือเกมให้ลงเล่นอีก 4 เกม
เซอร์ อเล็กซ์ ยังคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับสโมสรอยู่ ถึงแม้ว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแล้ว เขาได้รับตำแหน่งเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหาร และก็ยังเป็นฑูตสโมสรอีกด้วย
เครดิต http://www.redarmyfc...hp?manager_id=2
ไม่ทราบเซอร์อเล็ก เฟอร์กี้ สมัครเป็นสมาชิกหรือยัง คุณมองดูดีด้วยรีบสมัครซะ
ใครสมัครเป็นสมาชิกในช่วงนี้ เดวิด มอยส์มีโปรโมชั่นแจกให้ทุกทีมที่เข้ามาเล่นในโอลด์แทรฟฟอร์ด
ทีมละ 1 หรือ 3 แต้ม ด่วนๆๆๆๆ ช้าหมด เดี๋ยวคุณจะพลาดโปรนี้จากมอยส์
- ctpk05 likes this
อย่าให้ความชั่วร้ายครอบงำเรา จนไม่รู้จักผิดชอบดีชั่ว
#38
Posted 31 January 2014 - 19:56
#39
Posted 31 January 2014 - 20:00
ล้อตตารี่ค๊าบบบบบ ล้อตตารี่ๆๆ พรุ่งนี้รวยค๊าบบบบๆๆๆๆ
#40
Posted 31 January 2014 - 20:13
ตอนสูเข้าคูหาเลือกมันมาน่ะ ตรูไม่เดือดร้อนหรอก แต่พอมันทำฉิบหายจนชาติป่นปี้ฉิบหายขนาดนี้ (รู้บ้าางมั้ยว่าพวกมันอะไร แค่ใหน อย่างไรและทำไม) ทำไมพวกตรูต้องเดือดร้อนไปด้วย ค่าน้ำมัน แก๊ส จิปาถะ ถูกกระชากขึ้นไปถึงใหนแล้ว ตรูไม่ได้ให้สิทธิ์พวกมันสร้างหนี้ให้ตรูใช้หนี้ถึงชาติหน้านะเว้ย พวกสูยอมรับผิดชอบแทนมันมั้ย ที่ใด ที่พวกมันเป็นผู้เเทน ประชาชนที่นั้นร่วมรับผิดชอบใช้หนี้แทนมัน ถ้าจะให้ดีลงชื่อไว้ทันทีที่ออกจากคูหาเลยดีมั้ย
1 user(s) are reading this topic
0 members, 1 guests, 0 anonymous users