ผมขอฝากข้อคิดนะครับ
เรื่อง "แก้วที่มันร้าว เลือกตั้งไปไม่นานก็แตก"
การปฏิรูปประเทศไทยนั้น มีความคิดแบบนี้มานานแล้ว
แต่หากบอกว่า พรรคปชป ชิงไหวชิงพริบก็ไม่ผิด
แต่หากบอกว่า ประเทศไทยล้มจมแล้ว หนี้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด อันนี้ก็ไม่ผิด
แต่หากบอกว่าคนไทยยอมจำนนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น คือ ยอมรับว่าต้องมีรัฐบาลที่มาโกงกินชาติบ้านเมือง อันนี้ผิด เพราะผมเป็นคนหนึ่งละที่ไม่ยอม
"เพราะวันนี้แก้วมันร้าวแล้วจะให้ใช้การเลือกตั้งมาสมานรอยร้ายเพื่อไม่ให้แก้วมันแตกไม่ได้หรอกครับ เราคงต้องเปลี่ยนแก้วใบใหม่ เพื่อรองรับน้ำนะครับ ที่พูดนี้ก็คือ นักการเมือง พรรคการเมือง และกลไกทางการเมืองของประเทศเราน่าจะต้องปฏิรูปเป็นอันดับต้นๆ นะผมว่า"
ผมเป็นกรรมการการเลือกตั้ง ผมก็เห็นด้วยที่มีคนมาเลือกตั้ง แต่ผมก็ไม่คัดค้านครับ หากจะมีคนไปรณรงค์อริยะขัดขืน หรือจะใช้ความรุนแรงถึงขั้นกีดกันการขนหีบกกต. มายังหน่วยเลือกตั้ง
แต่ขอละหากถึงวันเลือกตั้ง ขอให้เปิดช่องทางให้คนที่ประสงค์จะแสดงออกด้วยการเลือกตั้ง เพื่ออาศัยเป็นกลไกหนึ่งในการบอกไปยังรัฐบาล และประชาชนเพื่อนร่วมชาติว่า หนึ่งเสียงของเขานั้นต้องการให้รัฐบาลอยู่ต่อ หรือไม่พอใจรัฐบาล หรือพอใจพรรคการเมืองอื่นมากกว่าพรรครัฐบาล หากมาทำลายการเลือกตั้งในวันเลือกตั้ง ในเขตที่ผมรับผิดชอบผมก็ต้องรายงานไปตามจริง
แต่อย่างไรก็ดี หากการชุมนุมประท้วงไม่จบไม่สิ้น ภายหลังการเลือกตั้งเสร็จ ก็เพราะนั้นแหละคือพวกเขาได้แสดงออกถึงความไม่เชื่อใจรัฐบาลที่พยายามพลักดันการเลือกตั้งในช่วงเทศกาลปีใหม่จีน ที่นิยมการแจกเงิน และสิ่งของให้กับญาติพี่น้อง พ้องเพื่อน คนรู้จัก ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่องทางในการทุจริตการเลือกตั้งได้โดยไม่สามารถตรวจสอบได้เลย เพราะถือว่าเป็นช่วงเทศกาลที่นิยมแจกข้าวของเงินทองกันอยู่แล้ว
(อันนี้เป็นประเด็นทางการเมืองไม่ใช่ประเด็นทางกฏหมาย เพราะทางกฏหมายคงเอาผิดยากเต็มที หากนักการเมืองอาศัยช่องทางนี้ซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันจริงๆ)
และยิ่งบ้านเมืองไม่สงบสุข การหาเสียงก็ไม่มี มีแต่พวกตัวเองที่ไปฟังปราศรัยเป็นสะส่วนใหญ่ เพื่อเชียร์และเรียกแขก ดูขนาดการตอบกระทู้สดในรัฐสภาก็ไม่มี การตอบปัญหาต่อหน้าสื่อสารมวลชนก็ทำแบบสุกเอาเผากินเสมอๆ หรือไม่ก็หนีหน้า หรือไม่ก็แกล้งพูดผิดพูดถูกให้อับอายกันไปทั่วโลก
ดังนั้นการปราศรัยทางการเมืองของแต่ละพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรครัฐบาลนั้น แทบจะมีการปักธงเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว โดยการกดปุ่มให้สมาชิกในพรรคเลือกพรรครัฐบาล นั้นหมายถึงไม่ต้องหาเสียงก็ได้คะแนน ไม่ต้องตอบคำถาม ไม่ต้องทำการบ้านเพื่อให้คนไทยอีกซีกหนึ่งได้ยอมรับความคิดความเห็นในการที่จะเข้ามานั่งบริหารราชการแผ่นดิน หรือแข่งขันกันอย่างตรงไปตรงมาไม่ใช่การสืบทอดอำนาจของพรรครัฐบาล
ที่สำคัญการลำดับการแก้ไขปัญหาที่ควรเริ่มจากง่ายไปหายาก จากเบาไปหาหนัก ก็ไม่มี เช่น การเลือกตั้งซ้อมในเขตที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลาออก และการเลือนลำดับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อก็ไม่เลือกทำ ทั้งๆ ที่กฏหมายรองรับอย่างชัดเจน ซึ่งกฏหมายก็ไม่ได้บังคับให้ต้องยุบสภาเพื่อหนีความผิด
การที่รัฐบาลไ่ม่อาศัยช่องทางในการลาราชการทั้งคณะ และมอบหมายให้ปลัดกระทรวงรักษาราชการแทน แบบนี้ก็สามารถลดอุณหภูมิทางการเมืองได้เป็นอย่างดี และก็ไม่ควรหาเสียงแบบต้องการคะแนนเพียงอย่างเดียว พรรครัฐบาลหาเสียงแปลกมาก เช่น ขอให้สนับสนุนเพื่อกลัีบไปสานงานต่อ งานเดิมๆ ที่รัฐบาลทำไม่สำเร็จเช่น การจำนำข้าว ที่รัฐบาลล้มเหลวไม่เป็นท่า
พ.ร.ก.นิรโทษกรรม และการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่รัฐบาลจะเล่นต่อ หลังฟอกตัวเองผ่านพิธีกรรมการเลือกตั้งเพียงเพื่อสืบทอดอำนาจ
เอาเป็นว่า หากประชาชนบอกว่าไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะแค่รักแค่ชอบก็เลือก ก็เลือกกันไป ผมเป็นกรรมการการเลือกตั้ง คงไม่มีสิทธิ์ไปชี้นำอะไร แต่ก็อยากฝากบอกว่า หากอีกฝ่ายหนึ่งเขาประท้วงไม่จบไม่สิ้น ก็ให้ยอมฟังบ้างเถอะว่า การเลือกตั้งบนความขัดแย้งในขณะนี้ อาจจะกลายเป็นฉนวนเหตุของความวุ่นวายได้ แม้จะไม่มีการแสดงออกบนท้องถนน แต่ความเจ็บแค้นที่ไม่มีใครยอมรับฟังปัญหาของประชาชนเพื่อนร่วมชาติ ที่พยายามอาศัยกลไกลรัฐสภาก็แล้ว และกลไกการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ก็แล้ว แต่ก็ไม่มีใครในฝ่ายรัฐบาลยอมรับฟัง
นี้แค่ประเด็นเล็กๆ แต่ผมอยากให้ฟังสักนิดไม่ใช่ตะแบงเอาชนะกันทั้งสองข้างนั้นก็คือ การปฏิรูปประเทศนั้น ไม่ใช่เลือกพรรคการเมืองไปปฏิรูปประเทศ เพราะนั้นก็หมายถึงว่า เราต้องทำตามแนวทางการปฏิรูปประเทศของพรรคใดพรรคหนึ่ง ซึ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะเรามีรัฐธรรมนูญแบ่งบทบาทและหน้าที่ของรัฐบาลให้กระทำตามนโยบายขั้นพื้นฐาน โดยไม่มีสิทธิ์จะบอกว่าพรรคไม่อยากทำ หรือรอไปก่อนอีกสักสมัยหน้าก็ค่อยทำ เพราะไม่ใช่นโยบายหาเสียง
ซึ่งการปฏิรูปประเทศไทยนั้นเป็นเรื่องของประชาชน และการมีส่วนร่วมของภาคส่วน รัฐบาลจำเป็นต้องช่วยในการสร้างสภาคู่ขนานในการปฏิรูปประเทศไปพร้อมๆ กับการบริหารราชแผ่นดิน แต่เมื่อรัฐบาลไม่อาศัยช่องทางนี้เลยสักนิดเดียว แต่มุ่งหวังผลคะแนนนิยมทางการเมืองเพื่อพลักดันให้พรรครัฐบาลกลับมามีอำนาจ ก็คงยากที่จะบอกได้ว่า การเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้จะตัดสินให้ประเทศไทยกลับมาสงบดังเดิมได้อย่างไร
แต่อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งก็เป็นสิทธิที่ทุกคนพึงต้องรักษา เพราะเป็นทั้งสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองไปพร้อมๆ กัน ซึ่งการที่ไม่ไปเลือกตั้ง ก็ทำได้อย่างสุจริตด้วย โดยต้องไปแจ้งความเหตุผลของการไม่ไปใช่สิทธิ์การเลือกตั้ง เช่น ไม่พร้อม หรือคิดว่าไม่มีการจัดการเลือกตั้ง หรือกลัวอันตราย หรือ... ก็แล้วแต่ ณ ที่ว่าการอำเภอในเขตที่ท่านมีสิทธิเลือกตั้ง อย่างน้อยๆ ก็ไปตรวจสอบการสวมสิทธิ หรือเรียกกันว่าบัตรผี กันนะครับ และหากไม่มั่นใจกรรมการการเลือกตั้งอย่างพวกกระผม ก็ขอให้นัดกันแสดงพลังหลังการเลือกตั้ง พวกใครเลือกใคร ก็ยืนแสดงพลังกันให้ชัดๆ แบบนี้ก็จะได้ไม่ถูกโกงการเลือกตั้งอย่างง่ายๆ เหมือนที่กังวลใจกันครับ
Edited by chanbaan, 1 February 2014 - 01:00.