ผมตอบ ตามลำดับสีนะครับ
แสดงว่าหลักการเปรียบเทียบคุณภาพของผม คุณเข้าใจ ถูกต้องไหมครับ
สีเขียว
ตอบ อันนี้ผมเข้าใจคุณนะครับแต่ผมเกรงว่ามันจะเอามาเปรียบเทียบต่อไม่ได้อ่ะครับเพราะหลักการ ของการตลาด ทำเพื่อ ธุระกิจของตัวเอง
แต่หลักการบริหารประเทศมันหมายถึงคนไทยทั้งประเทศ มันแตกต่างกันโดย หลักการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า คือแค่ความพอใจแต่การเลือก
สส หรือพรรคใดพรรคหนึ่งมาบริหารประเทศ มันสำคัญกว่ามากมันไม่ใช่แค่ความพอใจบ่างที่ชอบ สส คนนี้ แต่ไปอยู่อีกพรรคที่เค้าไม่ชอบ คนก็อาจไม่เลือก อันผมกลัวคุณจะหลงสิ่งสมมุตนะครับ คือการเปรียบเทียบของผม คือทำให้เห็นถึงคุณภาพ แต่การเปรียบเทียบของคุณ
มันไม่สามารเอามาเข้าสมการ ของระบบอำนาจการปกครองบริหารประเทศได้ คุณ ต้องยกตัวอย่างใหม่
ผมนี่แย่จริงๆเลยนะคับ สื่อสารอะไรไม่ค่อยเก่ง ถ้ายังไงก็รบกวนอ่านหลายๆรอบนะคับ เพราะจริงๆแล้วผมก็แค่จะบอกว่าพรรค บางพรรคหน่ะที่มันได้ สส. เยอะ ได้เสียงเยอะหน่ะ เพราะมันเจาะกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศ กลุ่มไหนหรอ กลุ่มที่คิดแต่อยากจะได้ของถูกของดีของฟรีของมาก โดยไม่คิดให้รอบคอบว่าของแบบนั้นหน่ะมันมีจริงๆในโลกหรอ โดยใช้นโยบายประชานิยมแบบฉาบฉวย ไอ้คนที่เลือกมันก็หลงดีใจไปว่าได้เงินนะ ได้ของถูกนะ ได้ของดีนะ โดยที่ไม่มองว่ามันสมเหตุสมผลหรือดีจริงหรือเปล่า แล้วมันจะส่งผลอะไรตามมาบ้าง ตัวอย่างก็เช่นนโยบายน้ำมันนั่นละคับ ดีใจได้กี่วันคับว่าได้ใช้น้ำมันราคาถูกแล้วผลมันเป็นไงคงไม่ต้องบอกซ้ำ มัวแต่หลงมัวเมาไปกับน้ำเงินที่เขาหลอกว่าจะให้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนป่านนี้ก็ยังนอนฝันค้างอยู่อีก(นี่ยังไม่รู้นะคับว่าใช้จริงได้จริงแล้วผล มันจะออกมาดีดังที่วาดฝันกันไว้หรือเปล่า) จนลืมนึกไปว่าเราเลือกเขาให้มาทำอะไร และประเทศจะเดินไปข้างหน้าได้อย่างไรถ้าเรายังมีประชากรและพรรคการเมืองที่ คิดเช่นนี้อยู่เยอะ
ส่วนที่คำถามผมจะถามจริงๆมันอยู่ที่ ข้อ 3 ว่า ทำไมเราถึงมีคนงมงายที่ไม่รู้จักแยกแยะประเภทที่รู้ว่าเขาหลอกก็ยังเต็มใจ ให้หลอกอยู่เยอะเหลือเกินในประเทศนี้
กับ ข้อ 4 ว่าเราจะทำอย่างไรถึงจะทำให้บุคคลในข้อ 3 นี่อ่ะมันถึงจะได้ลดน้อยลง
ส่วนคำถามข้อ 1 กับข้อ 2 ก็แค่อยากรู้ว่า คนที่ตอบเป็นคนประเภทไหนกันแน่ก็แค่นั้นเอง
ส่วนที่ผมต้องเอาการตลาดมาเทียบก็เพราะจะบอกให้รู้ว่า การเมืองมันต้องทำเพื่อชาติเพื่อประชา ไม่ใช่ทำเพื่อธุรกิจหรือพวกพ้องของตนเอง... (เหมือนที่ท่านบอกข้างบนนั่นละคับ)
และก็จะบอกอีกอย่างว่า พรรคการเมืองที่มีคุณภาพ ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นพรรคที่ได้รับเสียง(กำไร)มากกว่าเสมอไป ก็เหมือนเพื่อนสมาชิกบ้างคนได้ยกตัวอย่างไปแล้วเรื่องเบนซ์ กับโตโยต้า นั่นละคับ ใครยอดขายมากกว่า ใครทำกำไรได้มากกว่า มันไม่ได้สะท้อนถึงคุณภาพของตัวรถสะทีเดียวเลย ไม่งั้นลองเอาเบนซ์กะโตโยต้าเหยียบ 120 อัดเสาไฟฟ้าดูสิคับ แล้วคุณก็ดูเอาคับ ว่ายี่ห้อไหนที่คุณภาพมากกว่ากัน(เหลือสภาพความเป็นรถมากกว่ากัน) ใช่ยี่ห้อที่มีกำไรมากกว่าหรือเปล่า มียอดขายมากกว่าหรือเปล่า เพราะล่าสุดเท่าที่ผมเห็นมากับตัวเอง ที่ม้วนพันอยู่รอบเสาไฟฟ้านี่ไม่ใช่เบนซ์นะคับ
ก็ถือว่าผมบ่นไร้สาระ(ด่า)แบบสุภาพๆไปก็มากแล้วนะคับ คงไม่ต้องแปลเพิ่มให้มันหยาบคายขึ้นอีก ขอบคุณคับ