ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-สัปดาห์ที่ผ่านมาศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เนรเทศ นายสาธิต เซกัล ประธานกลุ่มนักธุรกิจสีลม ประธานกลุ่มประชาคมชาวสีลม และอีกหมวกหนึ่ง เป็นประธานสมาคมนักธุรกิจอินเดีย-ไทย ให้ ออกนอกประเทศ โดยอ้าง ให้เป็นตามกฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากตรวจพบว่าเป็นบุคคลต่างด้าว และถูกดำเนินคดีในหลายข้อหา
จากการที่นายสาธิต ซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าวได้ร่วมเป็นแกนนำหลักของ กปปส. และถูกแจ้งข้อหาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในข้อหากบฏ
หัวข่าว วันรุ่งขึ้น ศรส.บ้าอำนาจ สั่งเนรเทศ "สาธิต เซกัล" แกนนำ กปปส.สีลม เจ้าตัวมึนทำไมถึงโดนเพ่งเล็งทั้งที่ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัยตั้งแต่ออก พรก.ฉุกเฉิน ลั่นอยู่ไทยมา 55 ปี ทำดีมาตลอด คอยปกป้องผลประโยชน์ของประเทศในฐานะประธานหอการค้าไทย-อินเดีย พ้อนี่หรือคือสิ่งตอบแทน ยันไม่ได้รับใช้พรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะเคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีมาหลายรัฐบาล
โดย นายสาธิต ย้ำว่า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงถูกเพ่งเล็ง เนื่องจากตั้งแต่มีการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ก็ได้ยุติบทบาทไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัยอีก และที่ผ่านมาก็ไม่เคยด่าใครบนเวที อาจมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเศรษฐกิจบ้างก็ในฐานะประธานหอการค้าไทย-อินเดีย อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดแนวทางการต่อสู้คดี เนื่องจากยังไม่ทราบรายละเอียดว่าข้อกล่าวหาเป็นอย่างไร
แม้ว่าตนจะถือสัญชาติอินเดียเพราะเกิดในประเทศอินเดีย แต่ครอบครัวได้อยู่ในประเทศไทยมาไม่ต่ำกว่า 70 ปี และพี่น้อง 4 คน ก็มีสัญชาติไทยทั้งสิ้น ส่วนตัวอยู่ในประเทศไทยและนับว่าเป็นคนไทยคนหนึ่ง รวมทั้งตลอดชีวิตที่อยู่ในประเทศไทย 55 ปี ได้ทำความดีให้กับประเทศมาโดยตลอด ส่วนตัวเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีมา 6 สมัย ทั้งในรัฐบาลชวน หลีกภัย รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยันว่าทำงานเพื่อประโยชน์กับประเทศ ไม่ได้รับใช้พรรคใดพรรคหนึ่ง
"เวลาผมไปเจรจากับรัฐบาลอินเดีย ผมก็นั่งอยู่ฝั่งไทยและปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทยมาโดยตลอด ผมเป็นประธานหอการค้าก็ทำให้การค้าระหว่างไทยกับอินเดียเพิ่มขึ้นจาก 1,000 ล้านบาท เป็น 1 หมื่นล้านบาท ยังไม่นับงานสังคมสงเคราะห์ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ประวัติการทำงานก็ไม่เคยรับใต้โต๊ะหรือสินบนใดๆ ถามว่านี่คือสิ่งที่ตอบแทนกับผมหรือ" นายสาธิต กล่าว
ต่อมา “สาธิต เซกัล” ให้สัมภาษณ์ย้ำชัด ว่า ถามผมทำผิดอะไรต้องเนรเทศออกจากประเทศไทย หากไม่ได้รับความเป็นธรรม จะขอความเป็นธรรมศาลไทย ยันตั้งแต่มีพรก.ฉุกเฉิน ไม่เคยไปชุมนุมทางเมืองเลย
'ผมเสียใจที่ไม่ได้เกิดในแผ่นดินไทย แต่ที่นี้คือแผ่นดินของผม แม้จะถือสัญชาติอินเดีย แต่จิตใจเป็นคนไทย ผมทำความดีให้บ้านนี้เมืองนี้ เป็นที่ปรึกษารมต.สมศักดิ์ เทพสุทิน ความดีผมไปไหน " นายสาธิต กล่าว
ตั้งแต่ อดีตถึงปัจจุบัน นายสาธิต ถือเป็นแกนนำของชาวสีลม โดยแท้จริง โดยเฉพาะการก่อตั้ง “สมาคมนักธุรกิจอินเดีย-ไทย” เขาเคยย้ำว่า ทำไมต้องปฏิรูปก่อน
"ในช่วงที่ผ่านมาก็เป็นทึ่สังเกตุว่า อำนาจที่ประชาชนได้มอบให้ รัฐบาลใช้ในทางที่ผิด มีการโกงกินอย่างมหาศาล มีการบริหารประเทศโดยไม่ตอบปัญหาของประชาชน”
กลับมาที่งานด้านธุรกิจ“สาธิต เซกัล”ใน ประธานสมาคมนักธุรกิจอินเดีย-ไทย เป็นผู้พยายาม นำธุรกิจและผู้ประกอบการของคนไทยเข้าไปผลักดันในตลาดอินเดีย ที่มีกลุ่มเศรษฐี และอัครเศรษฐี กว่า 7 ล้านคน รวมถึงกลุ่มคนชั้นกลาง และกลุ่มคนทำงานที่มีอยู่กว่า 460 ล้านคน
เขามีคอนเน็กชั่น เครือข่ายการกระจายสินค้าในอินเดียที่มีผู้ประกอบการอยู่กว่า 1 ล้านราย มีทั้งผู้รับขนส่งสินค้า ผู้ค้าส่งเพื่อส่งไปยังร้านค้าย่อยในกว่า 3,800 เมืองและกว่า 5 แสนหมู่บ้านในอินเดีย
ตลอดการเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีพาณิชย์มา 6 สมัย
เห็นว่าข่าวการเนรเทศ “สาธิต เซกัล” สร้างความไม่พอใจให้กับประชาคมชาวไทยเชื้อสายอินเดียทั่วประเทศล่าสุดพบว่าจะมีประชุมกันหลายกลุ่ม โดยมีความเห็นตรงกันที่จะตอบโต้นักการเมืองโดยไม่เกรงกลัว เพราะไม่ได้ทำอะไรผิดและยืนยันยืนหยัดสนับสนุน กปปส จนถึงที่สุด
ขณะที่ ไมเคิล ยอน (Michael Yon) นักเขียน นักข่าวสงคราม และช่างภาพอิสระชาวอเมริกัน ที่เคยอยู่ในช่วงเหตุการณ์ชุมนุม ปี 2553 และเคยโพสต์เฟซบุ๊ก อธิบายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่หลักสี่ ว่ามีทหารนอกเครื่องแบบปกป้องผู้ชุมนุม และยังยืนยันว่าว่า ผู้ชุมนุมถูกเสื้อแดงยิงก่อน และเขายิงกลับ
ไมเคิล ยอน เขียนรายงานถึงกรณีของ “สาธิต เซกัล”บางตอนมีใจความคร่าว ๆว่า
เรื่อง Satish Sehgal : เนรเทศ Satish ออกจากประเทศไทย
ทศวรรษที่ผ่านมา คนไทยจำนวนมากรับรู้ว่า สาธิตได้อุทิศตน พยายามอย่างมากเพื่อช่วยพัฒนาประเทศไทย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ด้วยการช่วยส่งเสริมการค้าไทยกับอินเดีย แม้สาธิตจะเกิดใน เมืองนิวเดลี และจบการศึกษา จากอินเดีย และย้ายมายังประเทศไทย
เขาได้ อาศัยอยู่ที่นี่ (ประเทศไทย) มานานกว่า ห้าสิบปี แม้เขาไม่ได้ ถือ สัญชาติ ไทยและ หนังสือเดินทางของเขาเป็น อินเดีย เขาบอกว่า ใบหน้าของเขาเป็นคนอินเดีย แต่ หัวใจของเขาเป็นคนไทย และเขาก็เป็นคนไทย
ในระหว่างการ พูดคุยโทรศัพท์มือ ทั้งสองเครื่องของเขา ถูกเรียกอย่างต่อเนื่องกับ โดยผู้คนแสดงความกังวลต่อการถูกเนรเทศ ผู้คนเศร้าใจ อย่างสุดซึ้ง และกังวล ที่เห็นได้ชัด เพราะเขารักประเทศไทย และหลายคน ตระหนักถึงการเป็นผู้เสียสละ
“กว่าห้าสิบปี เขายัง ไม่เคยพูดไม่ดีเกี่ยวกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ และเขาก็ไม่ได้โกรธ แต่ แต่เขากังวล อย่างมากเกี่ยวกับ แม่ของเขาวัย 90 ปี ที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย เขาอาศัยอยู่กับแม่ของเขา และเธอต้องการ ให้เขาดูแลบริษัท ที่ในประเทศไทยมากว่าสี่สิบปีและ เธอต้องการที่จะ เห็นเขาทุกวัน”ไมเคิล ยอน บรรยายว่า สาธิตเป็นห่วงมารดามากที่สุดหากถูกเนรเทศออกจากประเทศไทย
สาธิต เล่าให้ ไมเคิลฟังว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค.57 ดีเอสไอ ออกหมายเรียกตัวเขาในฐานะแกนนำกปปส. ไปรับข้อกล่าวหาในฐานะกบฎ โดยวันที่ 24 ม.ค.57 หมายเรียกก็ถูกวางไว้หน้าบ้าน และ 4 ก.พ.ก็มีข่าว ศรส.จะเนรเทศ
สาธิต ยังเล่าว่า ในอดีตเขาเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี ให้คำแนะนำ 6 รัฐบาล โดยเฉพาะการเจรจาต่อรอ
ระหว่างประเทศ ในนามของ ราชอาณาจักรไทย เขาชื่นชม พระมหากษัตริย์ไทย และเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่เขาจะนำประโยชน์มาสู่ ประเทศไทย
“ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุดในโลกและ คนไทยควรจะภูมิใจ มากที่ได้เป็นคนไทย”สาธิตระบุทิ้งท้าย หลังจาดเขาย้ำว่า มีความเคารพ เทิดทูน "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ทั้งกาย วาจา และใจ อันประจักษ์ชัดแล้ว
กระแสข่าว เนรเทศสาธิตถูกแพร่ไปชั่วข้ามคืน ในโลออนไลน์ ออกมาปกป้อง บางคนระบุว่า ถ้าหากเราไม่ช่วยกัน ปกป้องคนดี ไม่ช่วยกันปกป้องคนที่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ต่อไปในอนาคต เราคงไม่เหลือคนดีๆ ให้เป็นแบบอย่างที่ดีกับสังคม กับลูกหลานของเรา อีกต่อไป
สร้างความไม่พอใจให้กับประชาคมชาวไทยเชื้อสายอินเดียทั่วประเทศ ด้วยสถานภาพของเขา เฉพาะตัวคนไม่เดือดร้อนอันใด แต่ความเป็น "ไทย-อินเดีย" บนสถานภาพ "นายกสมาคมฯ" และความเป็นคนไทยโดยจิตวิญญาณที่สร้างคุณให้กับสังคมชาติทั้งสองมายาวนาน
โดยเฉพาะ สาธิตถือเป็นผู้นำชุมชนคนไทยเชื้อสายอินเดีย ย่านสีลมรอบๆ วัดแขกและแถวพาหุรัดใน กทม.
มีกระแสข่าวว่า กรณี ศรส.สั่ง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนรเทศ “สาธิต เซกัล”นั้นเกิดจากการชงเรื่อง ของบิ๊กในกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากนายสาธิต เคยเสนอหลายเรื่องไปยังกระทรวง และบางเรื่องไปขัดประโยชน์ของบิ๊กพาณิชย์คนนี้
ช่างแตกต่างกับ “ไอ้ตั้ง อาชีวะ”ผู้ต้องหาหลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อย่างเห็นได้ชัด
ถึงกับผู้ที่เข้ามาคอมเม้นต์ในโลกออนไลน์ ถึงกับเปรียบเทียบ กรณีของ “สาธิต กับ ไอ้ตั้ง อาชีวะ”อย่างเจ็บแสบ
ว่า“ไอ้คนทรราชอย่างนั้นสมควรไปอยู่นรกไม่รู้จักบุญคุณแผ่นดินที่มึงเกิด คนที่เขาไม่ไดัเกิดในแผ่นดินไทยเขายังรักแผ่นดินที่เขาอยู่รักพระมหากษัตริย์ แล้วมึงเป็นใครไม่รักแผ่นดินของตัวเอง ไม่รักพระมหากษัตริย์ของตังเองคนอย่างมึงและพวกที่ทำแบบมึงทุกคนนะสมควรไปอยู่นรกให้หมดประเทศไทยจะได้เจริญแผ่นดินจะได้สูง ถ้าสมัยหน้ากูได้เป็นนายกเมื่อไรกูจะออกกฎหมายมาตรา 21 ประหารชีวิตพวกมึงให้หมดทำผิดต้องได้รับโทษ”
http://www.manager.c...D=9570000015216
Edited by ดอกปีบ, 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:03.