ทุกวันนี้ต่างชาติหรือประชาชนส่วนใหญ่เขารู้กันทั้งนั้นว่าอะไรเป็นอะไร
Edited by จอมยุทธตะเกียบคู่, 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:07.
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:05
POPULAR
ทุกวันนี้ต่างชาติหรือประชาชนส่วนใหญ่เขารู้กันทั้งนั้นว่าอะไรเป็นอะไร
Edited by จอมยุทธตะเกียบคู่, 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:07.
ทักษิณ พรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง และการเลือกตั้ง คือส่วนผสมที่ลงตัวของ ...
ประชาธิปไตยแบบทรราช
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:07
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:14
ทุกวันนี้ต่างชาติหรือประชาชนส่วนใหญ่เขารู้กันทั้งนั้นว่าอะไรเป็นอะไร
อันนี้เห็นด้วย ไม่งั้นมันจะแซงหน้าฮิตเลอร์ทั้งพี่ทั้งน้องเหรอ ถุย!!!
เพิ่มเติม พระยาจักรี ก็รับใช้บ้านเมืองมานานนะแต่สุดท้ายก็ขายชาติ
Edited by oneclick999, 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:39.
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:21
ทุ่มหมดหน้าตักแล้วครับ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:30
อันนี้เห็นด้วย ไม่งั้นต่างชาติไม่คอยจับตามองและลงข่าวจริงๆให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึง ความเลวของเทพเทือกและกปปส.หรอก ไม่งั้นป่านนี้ต้องมีตัวช่วยทำรัฐประหารหรือปฏิวัติไปแล้ว แต่ตั้งนี้มันทำไม่ได้ก็เพราะเจอต่างชาติทั่วโลกนี่แหล่ะ
ปากบอกยัยปูเลวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่แปลกไหม ทำไมต่างชาติเค้าถึงต้อนรับอย่างดี ญี่ปุ่นยังกล้ามาลงทุนสร้างโรงงาน จะให้เข้าประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่า ไม่งั้นเค้าไม่กล้าขู่หลอก ถ้าประเทศไทยเกิดรับประหารไม่เป็นประชาธิปไตย เค้าจะถอนและย้ายไปลงทุนที่ประเทศอื่น
ตกลงมีแต่พวกคนดีที่เหลือน้อยลงที่เอากปปส. นอกนั้นคงเป็นคนเลวหมดรวมทั้งต่างชาติใช่ไหมเนี่ย 555
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:36
ไอ้ทุ่มหมดหน้าตัก นี่มันไอ้พวกกปปส. มากกว่า
เมื่อก่อนด่าไอ้พวกพันธมิตรที่เอาสีเหลืองมาเล่นจนคนไม่กล้าใส่ แต่ไอ้กกปส.ยิ่งเลวกว่า เอาธงชาติมาเล่นจนทำให้ธงชาติเสื่อมหมดความขลังไปเลย ไอ้พวกคนดีบางตัวดันเอาไปตัดเสื้อตัดกระโปรงตัดรองเท้า แถมบางตัวดันไปผูกเป็นโบว์ใส่ให้กับหมาของตัวเองอีก พวกนี้แมร่งทำธงชาติเสื่อมจริงๆ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:38
POPULAR
เอาคนต่างชาติมาอ้าง ก็ให้มันมีน้ำหนักหน่อย
- ต่างชาติมาลงทุนเพราะชินวัตรเป็นรัฐบาล?
- มาเพราะยิ่งลักษณ์เป็นนายก?
- เขาไม่กล้าปฏิวัติเพราะกลัวต่างชาติหนี?
- ต่างชาติต้อนรับเพราะเป็นยิ่งลักษณ์ชินวัตร?
-ญี่ปุ่นให้เขาประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่าเพราะเชื่อถือชินวัตร?
ตอบตรงๆนะ เหตุผลปัญญาอ่อนมากๆ ไม่มีมูลเอาซะเลย
แล้วตอบผมหน่อยว่า ถ้าเป็นนายกฯคนอื่นที่ไม่ใช่ชินวัตรแล้ว เรื่องทั้งหมดข้างต้น จะไม่มีทางเป็นแบบนั้นใช่ไหม
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:40
ออกมาแบบนี้
ไม่น่าจะเคยมีนะครับ ใบสุดท้ายละ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:45
ชัยสิทธิ์ ในยุค ผบ.ทบ. มีผลงานไรมั่งอ่ะครับ
โดดข้ามหัวคนอื่นมาเป็น ผู้บัญชาการกองทัพบกใช่มั้ย
ขบวนสุดท้าย ใครพลาดรถด่วนเที่ยว ไทย-เขมร ระวังจะตายห่าในไทยน่ะครับ
คนที่อยากเลือกตั้ง ก็ไม่ต่างอะไรกับ คนที่ต้องการมี เพศสัมพันธ์ ????? ต่อให้เค้ารู้ว่าเมื่อเลือกไปก็เกิดปัญหา
ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับกับการที่มีเพศสัมพันธ์ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า กำลัง อึ๊-บ ปี๊ กับคนที่เป็นเอดส์
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:48
POPULAR
โถ ญี่ปุ่นถอนตัวไปเยอะแล้วเพราะหนีน้ำท่วมกับค่าแรง ตกงานเป็นแถบอันนี้เห็นด้วย ไม่งั้นต่างชาติไม่คอยจับตามองและลงข่าวจริงๆให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึง ความเลวของเทพเทือกและกปปส.หรอก ไม่งั้นป่านนี้ต้องมีตัวช่วยทำรัฐประหารหรือปฏิวัติไปแล้ว แต่ตั้งนี้มันทำไม่ได้ก็เพราะเจอต่างชาติทั่วโลกนี่แหล่ะ
ปากบอกยัยปูเลวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่แปลกไหม ทำไมต่างชาติเค้าถึงต้อนรับอย่างดี ญี่ปุ่นยังกล้ามาลงทุนสร้างโรงงาน จะให้เข้าประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่า ไม่งั้นเค้าไม่กล้าขู่หลอก ถ้าประเทศไทยเกิดรับประหารไม่เป็นประชาธิปไตย เค้าจะถอนและย้ายไปลงทุนที่ประเทศอื่น
ตกลงมีแต่พวกคนดีที่เหลือน้อยลงที่เอากปปส. นอกนั้นคงเป็นคนเลวหมดรวมทั้งต่างชาติใช่ไหมเนี่ย 555
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:49
ชัยสิทธิ์ ในยุค ผบ.ทบ. มีผลงานไรมั่งอ่ะครับโดดข้ามหัวคนอื่นมาเป็น ผู้บัญชาการกองทัพบกใช่มั้ย ขบวนสุดท้าย ใครพลาดรถด่วนเที่ยว ไทย-เขมรระวังจะตายห่าในไทยน่ะครับ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:50
ก็บางแก็งที่ชอบเผาทำลายมันไม่ใช้ธงชาติเองนี่หว่า แถมทำให้คนไม่กล้าใส่แดงอีกไอ้ทุ่มหมดหน้าตัก นี่มันไอ้พวกกปปส. มากกว่า
เมื่อก่อนด่าไอ้พวกพันธมิตรที่เอาสีเหลืองมาเล่นจนคนไม่กล้าใส่ แต่ไอ้กกปส.ยิ่งเลวกว่า เอาธงชาติมาเล่นจนทำให้ธงชาติเสื่อมหมดความขลังไปเลย ไอ้พวกคนดีบางตัวดันเอาไปตัดเสื้อตัดกระโปรงตัดรองเท้า แถมบางตัวดันไปผูกเป็นโบว์ใส่ให้กับหมาของตัวเองอีก พวกนี้แมร่งทำธงชาติเสื่อมจริงๆ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 01:59
ไอ้ทุ่มหมดหน้าตัก นี่มันไอ้พวกกปปส. มากกว่า
เมื่อก่อนด่าไอ้พวกพันธมิตรที่เอาสีเหลืองมาเล่นจนคนไม่กล้าใส่ แต่ไอ้กกปส.ยิ่งเลวกว่า เอาธงชาติมาเล่นจนทำให้ธงชาติเสื่อมหมดความขลังไปเลย ไอ้พวกคนดีบางตัวดันเอาไปตัดเสื้อตัดกระโปรงตัดรองเท้า แถมบางตัวดันไปผูกเป็นโบว์ใส่ให้กับหมาของตัวเองอีก พวกนี้แมร่งทำธงชาติเสื่อมจริงๆ
เพราะงั้นมาใช้ธงเขมร บูชาท่านสมเด็จฯฮุนดีกว่า ชาบูๆ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 02:06
POPULAR
แล้วประวัติต้นตระกูลนี้ ที่เขาแชร์กัน ก็มั่วซินะครับ
เพราะพวกปล้น ฆ่า เป็นโจร นี่เขาถือว่าเนรคุณชาตินะครับ
เอ....หรือตระกูลนี้ถือว่าการปล้น เป็นการรับใช้ชาติ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 03:03
อะโห... ชัยสิทธิ์คนนี้น่ะของจริงเลยครับ
แกเป็นประธานพิธีสะเดาะเคราะห์ให้เจ้ามูลเมืองซึ่งแกเชื่อว่าเป็นอดีตชาติของทักษิณ
เคยเป็นถึง ผบ.ทบ.นะครับไม่น่าเพี้ยนได้ขนาดนั้น
http://th.wikipedia....ki/เจ้ามูลเมือง
วิธีการยุติระบอบทักษิณ
ก็แค่เพียงทำให้คนไทยส่วนใหญ่ "ฉลาด"
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 03:07
ท่านๆที่อยู่ในกลุ่มรหัส 0143 ไม่เรียกไปตบให้ปากฉีกซักทีนะ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 03:22
POPULAR
ต้นตระกูลของกำนันสุเทพ สมัยสงครามเก้าทัพ พ.ศ. 2328 เป็นทหารเอกในกรมพระราชวังบวร(วังหน้า) ยกทัพมาตีเมืองท่าทอง(ปัจจุบันคือสุราษฏร์ฯ)คืนจากพม่า ชื่อนายสม พอวังหน้าตีเมืองคืนได้ ก็มอบหมายนายสมเป็นเจ้าเมือง ต่อมาได้รับตำแหน่ง พระวิสูตรสงครามรามภักดี เมื่อเสียชีวิตลง ลูกชายคนที่4 ชื่อเดชก็เป็นเจ้าเมืองสืบต่อมา ได้รับตำแหน่ง หลวงเทพพิทักษ์สุนทร(เดช)เจ้าเมืองท่าทอง ลูกชายหลวงเทพพิทักษ์(เดช)คนโต ชื่อนายครุฑ เป็นต้นตระกูลเทือกสุบรรณ สืบต่อมาอีก 3 รุ่น ก็มาเป็นลุงกำนันสุเทพของพวกเรา
http://news.voicetv....isis/89534.html
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 04:39
อ่านพบในหนังสือภาษาอังกฤษ ชื่อหนังสือ thaksin
ต้นตระกูลชือ Seng เป็นจีน Haka
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 05:47
มีเรื่องเล่านะครับ ...เน้น เขาเล่าว่า
คนระดับรองๆ ของตระกูลหนึ่ง ขัดแย้งกัน เรื่องเงินส่วย ตกลงกันไม่ได้
จึงเอาไปให้พี่ใหญ่ตัดสิน
ผลการตัดสิน ...ถ้าเอ็ง2คนตกลงกันไม่ได้ ก็หาร3 แบ่งกันแล้วกัน
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 06:00
วันๆนึงนั่งเเต่เเด๊กเหล้า ไม่มีผลงานห่าไรเลย
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 06:03
ปกป้องตระกูล แต่เนรคุณประเทศชาติ
ไม่แน่ว่าวันหนึ่ง ท่านอาจต้องรีบเปลี่ยนนามสกุล
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 06:31
ทุกวันนี้ต่างชาติหรือประชาชนส่วนใหญ่เขารู้กันทั้งนั้นว่าอะไรเป็นอะไร
เสมา ขุนศึกรักสถาบัน
สื่อ CCTVของจีน ตีแผ่ การจบชีวิตของชาวนาไทย
Thailand farmer suicides
The Thai government faces a new crisis in the midst of continuing protests on the streets of Bangkok. Rice farmers -- who've been among the government's staunchest allies -- may withdraw their support after months of not being paid for their crops. The lack of payments has caused significant financial hardship, and as our Thailand correspondent Martin Lowe reports, has led to farmers' suicides and bankruptcies.
"How can I kill myself without pain?" It was a question rice farmer Thongma Kaisuan often asked friends, when they talked about debt caused by long-overdue government payments. No one thought he was serious.
Then his son-in-law saw him walk from his home outside the north-eastern city of Roi Et, carrying a rope. An hour later he was found hanging in these trees.
"It's very hard to lose him. He took all the responsibility for growing our rice. He was an enthusiastic man. One of a kind in this village," said Suthat Therawat, the son-in-law.
It's believed at least three farmers have committed suicide, with many more bankrupt, because the Thai government has run out of money to pay its controversial rice subsidy.
Prime minister Yingluck Shinawatra swept to power in 2011 promising to raise rural incomes - and has paid rice farmers 50 per cent above the market price.
But the government's been unable to sell the crop -- and has given farmers money from state funds, infuriating city-dwellers who've staged protests in the capital Bangkok for the past three months. Now those funds have run out.
This farmer can't afford to send his children to school or pay his electricity bill.
"I am very upset with the government. I would like to support them, but I want my rice payment," said Kumpol Vijitkhajee, an unpaid farmer.
The north-east is the government's heartland, and so far most farmers remain loyal. But no-one knows for how much longer.
"In this district farmers are not militant, they prefer compromise. But if someone steps forward to organize them, I just don't know. It's unpredictable," said Pramuan Suwanmanee, chairman of Muang District Agricultural office.
Nationally, opinion is hardening. And in a new setback, China has cancelled an order for a million tonnes of Thai rice, amid allegations of corruption in the subsidy scheme.
"We may not support the government as before. You can see from the election on the 2nd of February that they have lost many votes. The government has abandoned the farmers, so we may abandon them," said Prasit Boonchori, president of Thai rice farmers' association.
This former minister says losing farmers support would be a disaster for the government.
"It could be extremely damaging to the government, to the ruling party, because the numbers could be huge. There are over one million farmers that have not been paid and say each family has four members, there could be huge amounts of people that turn up in Bangkok," said Thirachai Phuvanatnaranubala, Thai Finance Minister from 2011 to 2012.
The rice subsidy, once the flagship policy of the Yingluck government, may have become it's Achilles' heel. The government's scrambling to raise money to pay the farmers what they're owed, but it may be too late. It may already have begun to lose their trust.
สื่อไทย ใส่ตะก้อ แต่สื่อนอกฉแทน ได้ใจจะๆเลย ครานี้ได้วิ่งพล่านรอบโลกแน่ๆ
พีรวัศ กี่ศิริ
เวอร์ ชั่นไทยมาแล้ว! ... สื่อคุณภาพต่างประเทศ รู้ทันความแย่ของรัฐบาล และเข้าใจความรู้สึกคนไทย Asia Times ตีพิมพ์ "History shows way out of Thai Conflict" ผลงานเขียน Dr. Jeffrey Race หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดระดับโลก เรื่องความขัดแย้งและสงคราม ... ชัดเจนมากว่าทักษิณทำอะไรและควรจบอย่างไร ...ใครตามหาเวอร์ชั่นภาษาไทยอยู่ ... อ่านและแชร์ได้ตามนี้เลยครับ
Asia Times, January 13, 2014 by Jeffrey Race
ประวัติศาสตร์เผยทางออกให้ความขัดแย้งไทย
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ถูกขับไล่จากตำแหน่งได้นำสิ่งใหม่มาปลูกฝังในประเทศไทย ทำให้ไม่สามารถหาทางออกอย่างสันติจากความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นในท้องถนน กรุงเทพ และสิ่งนั้นไม่ใช่การเปิดโอกาสทางการเมืองแก่ประชาชนชนบท ตามที่ผู้สื่อข่าวและบทวิเคราะห์ชอบอธิบายกันอย่างผิวเผิน
ทั้งสื่อ มวลชนและบทวิเคราะห์การเมืองทั่วโลก กำลังให้ความสนใจมากขึ้นกับความขัดแย้งในไทย ที่เข้าสู่การเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งพรรคฝ่ายค้านหลักคว่ำบาตรไม่ยอมเข้าร่วม
แต่การรายงานข่าวของ สื่อมวลชนนานาชาติส่วนใหญ่ ถูกคนไทยวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าไม่รู้จริงและบิดเบือนด้วยความคิดยึด ติดกับประวัติศาสตร์การเมืองของวัฒนธรรมที่แตกต่างจากไทยอย่างสิ้นเชิง ประกอบกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศบางคนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการ เมืองไทยทั้งที่ไม่มีใครไปขอให้พูด จึงยิ่งทำให้คนไทยรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศมักจะวาดภาพความขัดแย้งในไทยว่าเป็นการต่อสู้ เพื่อผลประโยชน์ระหว่างชนชั้นในสังคม แม้ว่าเรื่องดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่บ้าง แต่การรายงานข่าวแบบผิวเผินเช่นนั้นทำให้มองไม่เห็นมิติอื่นของความขัดแย้ง และบดบังการหาทางออกที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของไทย
ความ ขัดแย้งในปัจจุบัน ได้ทำให้ประชาชนหลายแสนคนออกมาประท้วงตามท้องถนนกรุงเทพฯหลายครั้งตั้งแต่ปี 2549 ลักษณะของความขัดแย้งเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางวัตถุเข้าใจได้ง่ายเหมือนการขัด แย้งกันในประเทศอื่น สองกำลังยิ่งใหญ่ต่อสู้กันเพื่อกุมบังเหียนรัฐบาลไทย ซึ่งเป็นแหล่งผลประโยชน์มากมายมหาศาล ทักษิณเองสามารถเปลี่ยนตัวเองจากเศรษฐีที่ร่ำรวยพอประมาณ กลายเป็นหนึ่งในผู้ร่ำรวยที่สุดของเอเซียได้ภายในช่วงเวลาการเป็นนายก รัฐมนตรีก่อนที่จะถูกยึดอำนาจเมื่อปี 2549
ขั้วกำลังข้างหนึ่งมีศูนย์ กลางอยู่ที่พรรคการเมืองของทักษิณซึ่งเดิมมีชื่อว่าพรรคไทยรักไทย ก่อนจะถูกยุบพรรคด้วยอำนาจศาลจากการประพฤติมิชอบในการเลือกตั้ง จากนั้นได้กลายเป็นพรรคพลังประชาชน และปัจจุบันคือพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างผลประโยชน์ให้ แก่ตระกูลชินวัตรและพรรคพวก
ในประวัติศาสตร์ไทยยุคทศวรรษ 1960 และ 1970 ก็เคยมีตัวอย่างเช่นนี้มาก่อน พรรคสหประชาไทยเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจของครอบครัวกิตติขจรและจารุ เสถียร ในขณะที่พรรคชาติไทยสนับสนุนครอบครัวชุณหะวัณและอดิเรกสาร พรรคเพื่อไทยรวมถึงอีกสองร่างเก่าสามารถดึงดูดกลุ่มผู้สนับสนุนที่มีอำนาจ ทางการเงินและการเมืองจำนวนมาก โดยพวกเขาได้คำนวนแล้วว่าการเข้าพวกกับทักษิณจะได้ประโยชน์มากกว่าเข้าร่วม พันธมิตรขั้วอื่น
ปัจจุบันพรรคเพื่อไทยมีอำนาจควบคุมประเทศไทยโดย เฉพาะกระทรวงต่างๆ แต่ยังมีอิทธิพลไม่มากนักต่อกองทัพและองค์กรอิสระ และถึงแม้ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะใช้คำสวยหรูเช่น “ประชาธิปไตย” “ความยุติธรรม” และ “สวัสดิการประชาชน” ผู้นำของพรรคกลับไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอื่นใดนอกเหนือจากการสร้างประโยชน์ส่วน ตน นี่อาจเป็นเรื่องปกติสำหรับการเมืองในทุกประเทศ แม้ว่ามาตรฐานที่ยอมรับได้อาจจะแตกต่างกันไป
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พรรคการเมืองในชื่อต่างๆของทักษิณ เป็นแรงขับเคลื่อนการเมืองเดียวที่ผลักดันนโยบายต่างๆที่ทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในชนบท แต่นโยบายของพรรคจำนวนมากนั้นสวยเพียงภายนอก โดยไม่สามารถดำเนินการอย่างยั่งยืนได้ อีกทั้งเป็นแหล่งอุดมไปด้วยการคอร์รัปชั่นเพื่อประโยชน์ส่วนตน
พรรค ของทักษิณทำให้เกิดการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนที่เคยด้อยโอกาส และนำไปสู่การรวมตัวของกลุ่ม “คนเสื้อแดง” ซึ่งเริ่มการชุมนุมเมื่อปี 2553 อย่างสุภาพแบบไทยๆ แต่จบลงอย่างรุนแรงด้วยการเผาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์และเผาอาคารใจกลาง เมือง ที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง
อีกฟากหนึ่งของขั้วกำลังคือ กลุ่มผู้ชุมนุมหลายแสนคนที่กำลังยึดครองใจกลางกรุงเทพฯอยู่ในขณะนี้ ซึ่งคนไทยเรียกพวกเขาอย่างเป็นมิตรว่า “ม๊อบ” คำภาษาอังกฤษอาจความหมายไม่ดี แต่พวกเขาปกติแล้วมีพฤติกรรมที่ดี อนุญาตให้การขนส่งมวลชนสามารถดำเนินได้ และทำความสะอาดพื้นที่ชุมนุมด้วยตัวเอง พวกเขาเหล่านี้เติบโตขึ้นและได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มบุคคลในแวดวงธุรกิจ และบางกรณีเป็นกลุ่มที่มีความสัมพันธ์กับพรรคการเมืองที่ต่อต้านพรรคของ ทักษิณ
เห็นได้ชัดว่าการชุมนุมครั้งนี้มีการสนับสนุนทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการผลิตป้ายติดบอกการจราจร (โปรดเลี้ยวขวา มีการชุมนุมด้านหน้า) ซุ้มอาหารฟรี ระบบการขนส่งผู้ชุมนุมที่พิถีพิถัน อุปกรณ์สื่อสาร ช่องโทรทัศน์ดาวเทียม จอ LCD ใหญ่ขนาด 72 นิ้ว ทั่วบริเวณการชุมนุมเพื่อให้ผู้ชุมนุมจำนวนมากสามารถติดตามการพูดบนเวทีได้ (ระบบเหล่านี้ยังสามารถเคลื่อนย้ายไปจุดต่างๆในเมืองได้โดยมีการวางแผนอย่าง ดี)
ส่วนหนึ่งของผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินเป็นกลุ่มได้รับผลกระทบ จากแผนของกลุ่มชินวัตรที่จะยึดครองเศรษฐกิจ ด้วยการให้สัมปทานและการผูกขาดธุรกิจ ที่นักวิจารณ์วงในและนักวิชาการเรียกว่า “คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย” อย่างไรก็ตามผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินมักจะไม่ได้ปรากฏตัวในการประท้วงใน ที่สาธารณะ
ผู้ชุมนุมชาว “ม๊อบ” ส่วนใหญ่ เป็นประชาชนจากทุกสายอาชีพ ส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพฯและปริมณฑล และชาวภาคใต้ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเดินสำรวจการประท้วงด้วยตนเอง และพบเห็นประชาชนหลั่งไหลกันไปสู่ถนนราชดำเนินบริเวณใกล้พระบรมมหาราชวัง มีทั้งคนหนุ่มสาว คนสูงอายุ คนแต่งกายอย่างดี คนแต่งกายเรียบง่าย คนเดิน คนขี่จักรยาน คนขี่มอเตอร์ไซค์ คนขับรถ SUVราคาแพง คนส่วนใหญ่เป็นไทยพุทธ แต่สังเกตจากการแต่งตัวเห็นจำนวนไม่น้อยด้วยว่ามีชาวไทยมุสลิมมาร่วม ผู้คนออกมาประท้วงด้วยอารมณ์เบิกบานกันถ้วนหน้า
จุดเด่นของ “ม๊อบ” นี้คือแกนนำการชุมนุมหลายคนที่มีชื่อเสียงในสังคม ซึ่งพวกเขาสร้างความชอบธรรมให้แก่บรรดาผู้ชุมนุมในการไปยึดครองพื้นที่ สาธารณะ (โดยตัวผู้ชุมนุมคงไม่กล้าจะทำเอง ด้วยวัฒนธรรมไทยที่โอนอ่อนคล้อยตาม) บรรดาผู้ชุมนุมไม่ได้มีจุดมุ่งหมายในเรื่องผลประโยชน์ พวกเขาเป็นเหมือนอาสาสมัคร ที่เข้าร่วมในการเมืองท้องถิ่นตามที่ต่างๆในโลก ด้วยความรู้สึกอยากตื่นเต้น อยากสนุกกับเพื่อนๆ และอยากมีส่วนร่วมในเป้าหมายการทำดีเพื่อส่วนรวม
เราไม่สามารถที่จะประเมินอนาคตของการต่อสู้ในครั้งนี้ ถ้าเราไม่เข้าใจถึงแรงบันดาลใจและจุดยืนพี้นฐานของผู้มีฐานะสูงเหล่านี้
รูปแบบการปกครอง (Ruling Pattern)
ใคร ก็ตามที่เดินทางมาประเทศไทย จะรู้สึกได้ภายในไม่กี่นาทีหลังออกจากสนามบินที่กรุงเทพฯ หรือบางคนอาจรู้สึกได้เร็วกว่านั้นเสียอีก ว่าคนไทยมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมจากชนชาติอื่น ซึ่งความแตกต่างนั้นมีผลสำคัญต่อเศรษฐกิจ การเมือง และที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ทุกมิติของการใช้ชีวิตได้รับอิทธิพลจากปรัชญาของพุทธศาสนา นิกายเถรวาท เช่น เรื่องมรรคแปด และทางสายกลาง
จุดสูงสุดของสังคมไทยคือพระมหา กษัตริย์ ซึ่งในรูปแบบการปกครองตามประเพณีจากอินเดียที่ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งใน ปัจจุบัน พระมหากษัตริย์ทรงครองแผ่นดิน (ในอดีตคือทรงปกครองแผ่นดิน) ด้วยทศพิธราชธรรม เหล่ารัฐมนตรีของพระมหากษัตริย์ อาจไม่ดีเลิศ แต่พระมหากษัตริย์ทรงกำหนดแนวทางแห่งความดี (moral tone) ของสังคมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าประเทศชาติจะอยู่รอด หากใครไม่เข้าใจในเรื่องเหล่านี้ ก็จะไม่สามารถเข้าใจการเมืองไทย หรือความเป็นไปได้ในอนาคตของสถานะการณ์ปัจจุบัน
นับตั้งแต่การยกเลิก ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เมื่อทศวรรษ 1930 ประเทศไทย มีการเปลี่ยนมืออำนาจการปกครองอย่างละมุนละม่อมจากกลุ่มชนชั้นสูง (elite)หนึ่ง ไปสู่อีกกลุ่มหนึ่ง โดยโครงสร้างการปกครองเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป บรรดานักการเมืองมีพฤติกรรมที่สอดคล้องกับทางสายกลาง พวกเขามีการคอร์รัปชั่นประมาณหนึ่ง แต่ในที่สุดยอมปล่อยวาง ยอมรับอนิจจังของชีวิต (ซึ่งก็เป็นความเชื่อทางพุทธศาสนา) ดังนั้นจึงเห็นความจำเป็นที่ต้องเดินต่อไปในชีวิตด้วยสิ่งที่พวกเขาได้สะสม มา (หรือบางครั้งต้องยอมสละทิ้งด้วย ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต)
ก่อน หน้านี้ ไม่มีใครเคยพยายามที่จะครอบงำ รัฐ หรือ เศรษฐกิจ บางครั้งผู้มีอิทธิพลทางการเมืองอาจต้องถูกสะกิดให้ออกอย่างนิ่มนวล (ด้วยการประท้วงบนท้องถนน การเคลื่อนย้ายรถถัง หรือ ตามพระราชกระแสแนะนำ) แต่การเมืองไทยก็ยังสืบทอดอำนาจได้โดยแต่ละกลุ่มมีโอกาสได้รับผลประโยชน์
รัฐบาล ไทยสามารถสร้าง และควบคุมความมั่งคั่งที่มหาศาล และความมั่งคั่งมีเพียงพอสำหรับทุกคน ไม่มีใครอดอาหาร และในขณะที่กลุ่มผู้มีอิทธิพลและมีอันจะกินนิยมชมชอบการมีหน้าตาในสังคมเช่น การถ่ายภาพลงสื่อต่างๆ แต่พวกเขาไม่ได้โอ้อวดความมั่งคั่งถึงระดับที่เราเห็นกันในสังคมเอเซียอื่นๆ หรือในบางประเทศ
ทักษิณเองเป็นนักฉวยโอกาส และนักจัดการที่ชาญฉลาด แต่ขาดวิจารณญานและสามัญสำนึกที่ดี เขาลาออกจากราชการตำรวจตอนอายุไม่มากนักเพื่อทำธุรกิจหลากหลายซึ่งไม่ประสบ ความสำเร็จ จนกระทั่งเขาค้นพบสูตรแห่งความสำเร็จ ด้วยการได้อภิสิทธิ์ในการค้าขายกับหน่วยงานรัฐบาลด้วยความสนิทสนมกับผู้ใหญ่ เป็นการส่วนตัว (sweetheart deal) ธุรกิจแรกคือการเป็นผู้จัดหาวิทยุโมโตโรล่าให้กับกรมตำรวจ จากนั้นคือการจัดจำหน่ายโทรศํพท์มือถือโมโตโรล่าให้กับตลาดไทย ในช่วงที่โมโตโรล่าเป็นผู้นำตลาด (ปัจจุบันเราลืมแบรนด์นี้ไปแล้ว) และช่วงนั้นโทรศัพท์มือถือเพิ่งจะเริ่มมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย
แต่ ทักษิณเองมีกลอุบาย ที่จะสร้างความร่ำรวยให้ครอบครัวของเขาอีกเช่นเคย โดยในครั้งนั้น เขาบังคับการให้บริการโทรศัพท์มือถือว่าจะต้องล๊อคซิมการ์ดกับตัวเครื่อง โทรศัพท์มือถือจากบริษัทเขาเท่านั้น ซึ่งโมโตโรล่าเป็นผู้นำตลาด (ผู้ใช้ไม่สามารถเอาโทรศัพท์มือถือเปล่ามาใช้ในประเทศไทยกับซิมการ์ดของไทย ได้) การกระทำเช่นนั้นผิดข้อตกลงนานาชาติ ของ สมาคม GSM MoU แต่ประสบความสำเร็จในการทำให้ราคาเครื่องโทรศัพท์มือถือในไทยแพงกว่าราคาใน ประเทศอื่น ๆ ถึงสามเท่า โดยกำไรจากส่วนต่างราคานั้นวิ่งเข้ากระเป๋าครอบครัวชินวัตร และรายได้จากลูกค้าโทรศัพท์มือถือก็วิ่งเข้าบริษัทAIS ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวทักษิณในขณะนั้น
การจัดให้มีการผูกขาดตลาด นับตั้งแต่ช่วงต้นชีวิตการเมืองของทักษิณ เป็นการทำนายได้ถึงการครอบงำตลาด และการละเมิดกลไกตลาด ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของวิถีการเมืองแบบทักษิณและพรรคการเมืองของเขา ที่พยายามจะจัดการกับนโยบายสาธารณะในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม สไตล์การหว่านล้อมและการแสดงออกว่าเป็นคนมีชีวิตชีวา ส่งผลให้เขามีบทบาททางการเมืองที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และทักษิณได้วางภาพลักษณ์ตนไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นผู้ “มีความสามารถ” ที่จะเข้ามากระตุ้นให้พลังกับระบบราชการที่ต้วมเตี้ยมอยู่ในขณะนั้น
ใน ช่วงทศวรรษ 1980 ผู้เขียนเคยได้ไปพบกับ พลตำรวจโทซึ่งเป็น ผู้บัญชาการกรมตรวจคนเข้าเมือง เพื่อถามว่าเหตุใดคำร้องขอถิ่นที่อยู่ในไทยถึงโดนปฏิเสธ นายตำรวจท่านนั้นหยิบกระดาษออกจากลิ้นชักมาอ่านแล้วแจ้งว่า "ไม่ได้จ่ายสินบนตามธรรมเนียม " ผมจึงขอบคุณท่านและเดินออกจากห้องไป ยอมที่จะบินเข้าออกประเทศไทยทุกๆสามเดือนเป็นเวลายี่สิบปี
หลังจากที่ ทักษิณผลักดันให้มีการปรับกระบวนการทำงานของส่วนราชการ ปรากฎว่าการให้บริการภาครัฐที่เคยเต็มไปด้วยประสบการณ์เลวร้าย เชื่องช้า รวมถึงต้องใช้เงินสำหรับชาวต่างชาติ กลับกลายเป็นกระบวนการที่รวดเร็ว ง่าย และคาดการณ์ได้ ประชาชนไทยเองก็มีประสบการณ์ที่ดีขึ้นอย่างมากในการติดต่อกับราชการในชีวิต ประจำวัน
ทักษิณสร้างอาณาจักรพรรคไทยรักไทยที่เป็นเครื่องมือสร้าง ความร่ำรวยให้ครอบครัวเขาและพรรคพวก ตามแบบประเพณีไทยๆ อย่างไรก็ตามเขาและพรรคพวกเริ่มจะดำเนินการขัดต่อค่านิยมเดิม โดยพวกเขาเริ่มจะกดดันทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ และการปกครอง และมีการใช้เงินของภาครัฐไปกับนโยบายประชานิยมหลายด้าน ซึ่งยังส่งผลดีแก่การเลือกตั้งให้กับพรรคของทักษิณจนปัจจุบัน
หลายคน มองว่า การที่ทักษิณไม่ยอมประนีประนอม ไม่ยอมปล่อยวางแล้วเดินหน้ากับชีวิต ความหลงไหลของเขาว่า “ผู้ชนะได้ทุกสิ่ง” ทั้งในเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจนั้น คงมีต้นกำเนิดจากปมชีวิตบางอย่างของเขาตอนเป็นเด็กเติบโตมาในครอบครัวเชื้อ สายจีนในภาคเหนือของไทย ไม่ว่าปมที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร แรงจูงใจ และพฤติกรรมของทักษิณ ส่งผลให้ผู้มีอำนาจในสังคมไทยปฎิเสธเขาเพราะไม่สบายใจกับระดับการ คอร์รัปชั่นที่สูงอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน รวมถึงการที่เขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นกับพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน
ทักษิณ ถูกปลดจากอำนาจด้วยการถูกรัฐประหารเมื่อปี 2549 และหลังจากนั้นได้มีการสอบสวนพฤติกรรมที่มิชอบของเขาในช่วงดำรงตำแหน่ง และมีคำพิพากษาว่าเขากระทำผิดทางอาญาเกี่ยวกับการใช้อำนาจโดยมิชอบ และนำไปสู่การยึดทรัพย์บางส่วนของสมบัติของเขาที่ได้มาอย่างไม่โปร่งใส พรรคการเมืองของทักษิณถูกยุบสืบเนื่องจากการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่าง ชัดเจนหลายข้อ ในปี 2551 ทักษิณได้หลบออกไปใช้ชีวิตต่างประเทศเพื่อเลี่ยงการถูกจำคุก โดยยังคงส่งอิทธิพลจากที่ต่างๆในโลก รวมถึงการสนับสนุนทางการเงิน และการปรับเปลี่ยนนโยบายหรือเครื่องมือทางการเมือง เพื่อให้เขายังคงมีอำนาจปกครองรัฐบาลไทย ซึ่งรวมถึงการตั้งให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของเขาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนตนเองภายหลังจากที่พรรคเพื่อไทยชนะการ เลือกตั้งเมื่อกลางปี 2554
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำงานอย่างขยันด้วยเทคนิค “คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย” ที่พัฒนามาเป็นอย่างดี เพื่อรักษากระแสเงินที่ไหลเชี่ยวเข้าครอบครัวชินวัตรและพรรคพวก นโยบายประชานิยมที่ได้รับการทดสอบมาอย่างดีทำให้พวกเขายังคงได้รับคะแนน เสียง และ กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมากยอมรับว่าวิถีของทักษิณเต็มไปด้วยคอร์รัปชั่นซึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของการก้าวขึ้นเป็นรัฐบาล แต่พวกเขายังชอบที่ทักษิณได้ให้อะไรบางอย่างตอบแทนพวกเขา ไม่ใช่แค่ความหวัง แต่เป็นชีวิตที่ดีขึ้นอย่างสัมผัสได้
>ชนชั้นสูงที่ต่อสู้กัน (Dueling Elites)
บาง คนอาจจะมองว่าความขัดแย้งที่เรื้อรังของไทย เป็นเพียงแค่กลุ่มขั้วพันธมิตรสองกลุ่มแข่งกันปล้นสะดมภ์ประเทศชาติ ในความเป็นจริงแล้วคู่ต่อสู้ทั้งสองปฏิบัติตนภายใต้กฏเกณต์ที่แตกต่างกันมาก และความแตกต่างที่ว่านี้เองทำให้สถานะการณ์ปัจจุบันยังคงเรื้อรัง แต่ประเด็นนี้ไม่ค่อยได้ปรากฎให้เห็นในการวิเคราะห์ของสื่อมวลชน
กลุ่ม พลังที่ออกมาต่อต้านระบอบทักษิณ ครอบครัวชินวัตรและพรรคพวก เคยยอมใช้วิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อเปิดเสรีระบบเศรษฐกิจ เพื่อรักษาความเปิดกว้างของสื่อมวลขน ให้อภิปรายโต้แย้งเรื่องของประเทศอย่างเปิดเผย และค่อยๆเพิ่มความน่าเชื่อถือของระบบตุลาการ กลุ่มคนเหล่านี้มีวัฒนธรรมที่เดินตามทางสายกลางรวมถึงมีความเชื่อว่าเราควร เอาผลประโยชน์แต่พอควรและควรเหลือผลประโยชน์ให้ผู้อื่นด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่จะต้องละทิ้งอำนาจ ก็จงก้าวลงอย่างมีเกียรติ แต่ในทางปฎิบัติผู้มีอำนาจกลุ่มนี้เพิกเฉยต่อการแก้ปัญหายกระดับชีวิตชาว ชนบท
ส่วนกลุ่มระบอบทักษิณ ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนจากระดับล่างในสังคม ได้วางกฎเกณฑ์ใหม่ในสังคมไทย ซึ่งไม่ใช่ทางสายกลาง (Middle Way) หากแต่เป็นทางของข้า (My Way) ซึ่งพวกเขาได้แสดงออกมาหลายครั้งแล้วว่าพวกเขาไม่รู้จักพอ โดยทั่วไปการรู้จักพอเป็นเรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญและ รับได้ง่าย
ในช่วงปี 2544-2549 ที่พรรคไทยรักไทยมีอำนาจจากการเลือกตั้งอย่างแข็งแกร่ง ระบอบทักษิณได้เริ่มโครงการที่จะเข้าครอบงำทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจเพื่อ ประโยชน์ของครอบครัวชินวัตรและพรรคพวก ไม่ว่าจะเป็นการธนาคาร การโทรคมนาคม การสื่อสารมวลชน การต่างประเทศ ศาลตุลาการ ตำรวจ เป็นต้น ช่วงนั้นระบอบทักษิณเริ่มทดลองที่จะเข้าครอบงำสถาบันกองทัพ และยังเริ่มประชิดป้อมปราการสุดท้ายที่ขวางอยู่ นั่นคือสถาบันพระมหากษัตริย์ ถึงแม้ระบอบทักษิณยังไม่ได้ทำให้ประเทศไทยตกต่ำเท่ากับประเทศอาเจนติน่าใน ทุกวันนี้ แต่ทิศทางชัดเจน
“สภาประชาชน” หรือข้อตกลงเกี่ยวกับ “กระบวนการประชาธิปไตย” ไม่ใช่มาตรการที่จะทำให้ความวุ่นวายยุติลงหรือแม้แต่บรรเทา ความจริงแล้วการทำข้อตกลงบางอย่างกับกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นไปได้ ผู้ชุมนุมประท้วงซึ่งได้ต่อต้านทักษิณมาโดยตลอด เคยใช้ชีวิต กับการปรับเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มประชาชน ดังนั้นพวกเขาน่าจะสามารถรับการเปลี่ยนแปลงได้อีก พวกเขาสามารถยอมรับการมีสิทธิเสียงทางการเมืองที่มากขึ้นจากกลุ่มต่างๆซึ่ง ปัจจุบันมีอิทธิพลน้อยอยู่ พวกเขาสามารถที่จะบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มคนเสื้อแดงได้เหมือนกับที่เคยทำมา แล้วในอดีต
เมื่อปี 2553 ช่วงที่มีการประท้วงและจราจลกลางเมือง กลุ่มคนเสื้อแดงจุดไฟเผาตึกหลายแห่งในกรุงเทพฯ ผู้เขียนเคยมีความกังวลว่า ราชกรีฑาสโมสร (สปอร์ตคลับ) ที่ผมใช้เป็นที่วิ่งออกกำลังกาย อาจจะถูกเผาทำลายด้วย สปอร์ตคลับเป็นสัญลักษณ์ แห่งกลุ่มชนชั้นสูงผู้มีอำนาจ พื้นที่สีเขียวใหญ่ขนาด 1000 ไร่กลางใจเมืองกรุงเทพฯ ได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์เมื่อหนึ่งศตวรรษที่แล้ว แต่มีชาวไฮโซที่มาเล่นกอล์ฟครั้งละ ไม่เกิน 20 กว่าคนเป็นอย่างมาก และตอนนั้นสปอร์ตคลับห่างจากการประท้วงที่รุนแรงของคนเสื้อแดงเพียงแนวรั้ว ง่ายๆธรรมดาๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามกรรมการของสปอร์ตคลับท่านหนึ่งบอกกับผมว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง เราทำข้อตกลงไว้แล้วว่าเขาจะไม่บุกเข้ามา” และก็ไม่มีชาวเสื้อแดงบุกเข้ามาเลยจริงๆ
แกนนำของการประท้วงในครั้ง นี้ มีข้อเรียกร้องที่ฝังลึกในใจเพียงข้อเดียว คือเป็นไปไม่ได้ที่อาชญากรหลบหนีคดี เป็นปฎิปักษ์ กับสถาบันพระมหากษัตริย์ จะปกครองแผ่นดินไทย เพื่อประโยชน์ของครอบครัวและพวกพ้อง
แต่สำหรับ ทักษิณ ความขัดแย้งครั้งนี้คงจะเกี่ยวกับเงินและอำนาจการควบคุมเป็นหลัก จริงๆแล้วการพิพากษาโทษคอร์รัปชั่นของเขาเมื่อปี 2554 ได้ดำเนินการอย่างยุติธรรม โดยศาลยึดเงินของเขาไปสี่หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งพิจารณาแล้วว่าเป็นส่วนที่ได้มาโดยมิชอบ (เหตุผลทางกฎหมายซึ่งนำมาสู่การยึดเงินก้อนนี้มีความชัดเจนและโต้แย้งไม่ ขึ้น) อย่างไรก็ตามเขายังเหลือเงินคืนให้อีกกว่าสามหมื่นล้านบาท เพราะไม่ชัดเจนว่าเขาได้ทรัพย์สินก้อนนี้มาจากการใช้อำนาจในทางที่ผิด คำพิพากษานั้นเสมือนกับเป็นวิถีแบบไทยที่เชิญให้ทักษิณไปใช้ชีวิตต่างประเทศ ซึ่งเขาเองยังมีทรัพย์สินในต่างประเทศอีกมาก
ดังนั้น เราเริ่มเห็นจุดต่างแห่งความขัดแย้งและต่อสู้ครั้งนี้ การเมืองที่มีเสถียรภาพจำเป็นต้องมีความลงตัวพอประมาณระหว่างพฤติกรรมทางการ เมืองในสาธารณะ กับ ความคาดหวังทางวัฒนธรรมที่ประชาชนยึดมั่น พฤติกรรมของทักษิณไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ประชาชนยึดมั่น ไม่ว่าใครก็สามารถเห็นได้ว่าหน้าตาของทักษิณเวลาออกทีวี มีความโกรธซ่อนอยู่ เขายังอยากหวนคืนสู่อำนาจเพื่อตัวเอง เขาต้องการเงินที่ถูกยึดคืน และเขาไม่ต้องการติดคุก ถึงแม้ว่าศาลได้ตัดสินแล้วว่าเขาได้เงินส่วนใหญ่มาจากการใช้อำนาจในทางที่ ผิด
ทักษิณโต้แย้งว่า การดำเนินคดีทางกฎหมายต่อเขา มาจากความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงสืบเนื่องจากที่ทักษิณเอง เคยกดดันคน องค์กร สถาบัน จำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น สื่อมวลชน ธนาคาร กองทัพและสถาบันพระมหากษัตริย์ ทักษิณจึงสร้างศัตรูทางการเมืองมากมาย และเป็นเรื่องจริงว่าการดำเนินคดีกับเขานั้นเป็นผลโดยตรงจากการทำรัฐประหาร เมื่อปี 2549
แต่ข้อโต้แย้งของทักษิณก็ไม่ได้ทำให้การดำเนินคดีต่อ เขาสูญเสียความชอบธรรม เพราะทักษิณและครอบครัวเคยชินกับการอยู่เหนืออำนาจกฎหมาย แต่การพิพากษาโทษนั้นมีขึ้นอย่างบริสุทธ์ ผู้เขียนได้พิจารณาคำพิพากษาคดีทักษิณและคดีพรรคไทยรักไทยแล้ว พบว่าไม่เพียงแต่เป็นคำพิพากษาที่ปราศจากข้อสงสัยอันสมควรแต่ปราศจากข้อ สงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น
ความขัดแย้งในปัจจุบัน เป็นเพราะตัวทักษิณเองที่ไม่ยอมเดินตามรูปแบบทางวัฒนธรรมไทย เรื่องการแบ่งผลประโยชน์และก้าวต่อไปในชีวิต ซึ่งเป็นแนวทางการส่งถ่ายอำนาจปกครองอย่างนิ่มนวลในหลายทศวรรษที่ผ่านมา ดังนั้นตัวทักษิณจึงกลายเป็นเป้าของความเกลียดชังของประชาชนตามท้องถนน ซึ่งสำหรับประชาชนเหล่านั้น ทักษิณเป็นสิ่ง “นอกรีต” ซึ่งสมควรแก่การปฏิเสธไม่ยอมรับ และถึงแม้วิถีทางกำจัดทักษิณ อาจต้องผิดรูปแบบแห่งประชาธิปไตยเป็นการชั่วคราว ก็นับเป็นสิ่งจำเป็นที่น่าเสียดาย ทั้งนี้เพื่อปกป้องรักษาข้อตกลงของชีวิตในสังคมไทย และ หวนคืนสู่การเมืองที่ไม่ชั่วร้ายดั่งในปัจจุบัน เข้าสู่สังคมที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย
ผู้ชุมนุมประท้วงหวังที่ จะปกป้องรักษาประเทศไทยในแบบที่พวกเขารู้จัก ไม่ให้แปดเปื้อนจากค่านิยมที่นอกรีตซึ่งทักษิณนำเข้ามาสู่สังคม และสำหรับพวกเขา นี่เป็นเรื่องที่เร่งด่วนอย่างยิ่งยวด เพราะเมื่อมีการการเปลี่ยนแปลง ณ จุดสูงสุดของสังคมไทยในอนาคต อาจทำให้เป้าหมายของพวกเขาเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเงื่อนไขหนึ่งในการยุติความขัดแย้งที่วุ่นวายในปัจจุบันคือ ตัวทักษิณ ยอมรับที่จะใช้ชีวิตนอกประเทศไทยตลอดไป และให้ครอบครัวชินวัตร ยอมสละอำนาจ ให้พรรคการเมืองและพรรคพวกของเขายอมละทิ้งแนวทาง “ผู้ชนะได้ทุกสิ่ง” ไม่นำมาเป็นกฎเกณฑ์การเมืองไทยอีกต่อไป
อย่างไร ก็ตาม นั่นเป็นเพียงเงื่อนไขข้อแรกจากจำนวนสองข้อที่จำเป็นในการช่วยให้ประเทศไทย กลับคืนสู่เส้นทางที่ปลอดภัยและแข็งแกร่งสู่การพัฒนาประเทศ ขอให้เราเฝ้าดูพัฒนาการของข้อแรกนี้ ถึงแม้ว่ามันจะดูเป็นไปได้ยากมากในปัจจุบัน
>แบบอย่างที่ไม่เคยเป็นอื่น (Unbroken Precedent)
ความ ขัดแย้งอย่างรุนแรง เกี่ยวกับอุดมการณ์ อำนาจ และ เงิน เกิดขึ้นในประเทศไทยอยู่เป็นประจำตลอดช่วงเกือบหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ด้วยบรรทัดฐานแห่งศาสนาพุทธ ประเทศไทยยังไม่เคยต้องประสบกับความรุนแรงที่น่าสะพรึงกลัว เหมือนประเทศเพื่อนบ้าน หรือในบางประเทศของโลกที่มีความขัดแย้งที่คล้ายคลึงกัน แทนที่จะปักหลักต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่งบนท้องถนนของกรุงเทพฯ ฝ่ายที่รู้ว่าช่วงเวลาของตัวเองได้ผ่านพ้นไปแล้ว มักจะเลือกที่จะออกจากประเทศไป เริ่มตั้งแต่ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสละราชสมบัติ เมื่อปี 2478 และเสด็จไปประทับที่ประเทศอังกฤษจนพระองค์เสด็จสวรรคต
เช่น เดียวกัน อดีตนายกรัฐมนตรี ปรีดี พนมยงค์ ผู้นำการปฏิวัติการเมือง ซึ่งนำไปสู่การสละราชสมบัติของในหลวงรัชกาลที่ 7 ก็เคยต้องเนรเทศตัวเองไปใช้ชีวิตต่างประเทศถึงสามครั้งคือ ปี 2477 2490 และ ในปี 2492 ก็ได้เลือกที่จะใช้ชีวิตในต่างประเทศตลอดไป นายปรีดี ถึงแก่อสัญกรรม ที่กรุงปารีสในปี 2526 ส่วน พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ คู่ปรับของนายปรีดี ก็สูญเสียอำนาจเมื่อปี 2500 และได้เดินทางพร้อมทรัพย์สมบัติไปใช้ชีวิตที่นครเจนีวา และเสียชีวิตโดยไม่ได้กลับมาประเทศไทยอีก
เมื่อปี 2516 จอมพล ถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาส จารุเสถียร ต้องขึ้นเครื่องบินไปลี้ภัยชั่วคราวที่ไต้หวันและสหรัฐอเมริกา และหลังจากนั้น ได้เดินทางกลับมาใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในประเทศไทย และเมื่อปี 2519 ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ซึ่งมีความคิดเห็นทางการเมืองไม่สอดคล้องกับสถานะการณ์บ้านเมืองขณะนั้น ก็เดินทางออกไปใช้ชีวิตที่กรุงลอนดอน
นอกจากประเด็นทางวัฒนธรรมก็มี เหตุผลทางการปฎิบัติที่ กลุ่มผู้ต่อต้านทักษิณ จะไม่ต้องการให้ทักษิณกลับมา โดยเริ่มต้นกับการขาดวิจารณญานที่ดีของทักษิณ ตัวอย่างเช่น คนไทยทุกคนที่ปกติ ควรจะรู้ว่า ไม่มีใครคนใดสามารถที่จะมีความเจริญในประเทศไทยได้ หากคนๆนั้น กระทำตัวหรือแม้กระทั่งคิดไม่ดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ แต่ตัวทักษิณมีภาพพจน์ว่ามั่นใจในกฎเกณฑ์ของตัวเอง จนทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงทั้งกับตัวเองและกับประเทศไทย ปัญหาเรื่องวิจารณญานของทักษิณนั้น ยังเห็นได้ชัดในทางเลือกเกี่ยวกับนโยบายของเขาหลายต่อหลายครั้ง
เหตุผล ที่สองคือ การที่ทักษิณเกลียดชังแก่นแท้ของประชาธิปไตย ทั้งที่พรรคการเมืองของเขา พยายามชูประเด็นเรื่องประชาธิปไตยในความขัดแย้งกับประชาชนในปัจจุบัน และทักษิณเองนั้นก็ได้ประโยชน์มากมายจากการที่สถาบันในระบอบประชาธิปไตยได้ เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นนับตั้งแต่กลางทศวรรษ 1970 จนทำให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งคนแรกที่ดำรงตำแหน่งครบเทอม
แต่ พรรคไทยรักไทยของทักษิณ กลับทำร้ายองค์ประกอบสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่สื่อมวลชน การใช้การปล่อยกู้ของธนาคารในทางที่ไม่ชอบ การใช้กำลังตำรวจอย่างมีอคติ และการข่มขู่และพยายามติดสินบนศาลตุลาการ สำหรับครอบครัวชินวัตร ดูเหมือนว่าการปกครองประเทศนั้นเป็นธุรกิจ คล้ายกับการบริหารบริษัทโทรคมนาคม ไม่ว่าการเลือกตั้ง การข่มขู่ การติดสินบน ล้วนแต่เป็นแนวทาง กลุ่มพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับทักษิณ ใช้เพื่อได้ผลลัพธ์การดูดเม็ดเงินเข้ามา การเปิดให้ประชาชนชาวชนบทเข้ามามีส่วนร่วมก็เป็นเพียงกลยุทธ์อีกหนึ่งประการ ซึ่งเมื่อพรรคของทักษิณได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ก็อาจจะเปลี่ยนไปได้ ซึ่งประเด็นนี้มีผู้นำคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกกังวล
การเข้า ใจความเป็นไปได้สำหรับอนาคต อาจจะชัดเจนมากขึ้นด้วยการอธิบายจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของผู้ร่วมอยู่ในความ ขัดแย้ง ปกติคนไทยส่วนใหญ่มีความห่วงใยความรู้สึกของผู้อื่นอย่างละเอียดอ่อนยิ่งและ ผู้อื่นก็จะสนองตอบอย่างเหมาะสม แต่สำหรับผู้ที่ไม่สนองตอบ คนไทยก็มีวิธีจัดการ “เอาไม้ตีหัว” ผู้ที่แตกแถวทางสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชุมนุมกำลังพยายามทำอยู่ในปัจจุบัน
ความขัดแย้งบน ท้องถนนของกรุงเทพฯ จะยุติลงเมื่อทักษิณและครอบครัว สำนึกได้ว่าพวกเขาจำเป็นต้องเสียสละตัวเองไม่น้อยกว่าผู้นำในอดีต นับตั้งแต่พระมหากษัตริย์ลงมาถึงสามัญชน แต่ถึงแม้จะมีการเสียสละดังกล่าว ความตึงเครียดในสังคมไทยที่ครอบครัวชินวัตรนำมาใช้เพื่อตักตวงผลประโยชน์ใน ลักษณะมือถือสาก ปากถือศีล คงจะมีต่อไปจนกระทั่ง มีกลุ่มชนชั้นปกครองสักกลุ่มปรากฎขึ้นเพื่อเสนอนโยบายพัฒนาชีวิตชาวชนบทที่ สามารถแข่งขันกับโครงการประชานิยมของทักษิณ แต่เป็นนโยบายซื่อตรง เป็นไปได้จริง และยั่งยืน
ปรากฏการณ์นี้เคยเกิดขึ้นจริงครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2516 ซึ่งเป็นช่วงที่มีความตึงเครียดในสังคมอย่างหนักหลังจากการล่มสลายของรัฐบาล เผด็จการทหาร มีนายธนาคารและ บุคคลสำคัญในราชวงค์ได้รวมตัวกันเพื่อก่อตั้งพรรคกิจสังคม ซึ่งได้สร้างนโยบายใหม่ๆหลายประการ ซึ่งมีผลในทางบวกมากกับชาวชนบทโดยยกเลิกนโยบายเก็บภาษีจากการส่งออกข้าวและ ยกเลิกการผูกขาดตลาดนำเข้าปุ๋ยเคมี (Thai Central Chemical)
ใน ปัจจุบันนี้ ยังมีปัญหาสำคัญอีกหลายประเด็นที่รอคอยการแก้ไข เช่นระบบการศึกษาที่ล้มเหลว การลงทุนของภาครัฐที่กระจุกตัว จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมากว่าทำไมจึงยังไม่มีกลุ่มนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ ก้าวขึ้นมาท้าทายทักษิณในตลาดการเมืองไทยที่ยังเปิดกว้างและเต็มไปด้วยโอกาส เช่นนี้
และนั่นคือเงื่อนไขสำคัญข้อที่สอง (ตามที่เคยเปลี่ยนแปลงได้จริงในทศวรรษ 1970) ที่จะสร้างเสถียรภาพอย่างยั่งยืน และหากมีพลังการเมืองใหม่ตอบโจทย์นี้ได้เมื่อใด ชาวโลกภายนอกอาจจะเริ่มรู้สึกมั่นใจเกี่ยวกับอนาคตประเทศไทยได้อีกครั้ง
Original: Jeffrey Race, The Asia Times, January 13, 2014
Translation: A. Na Songkhla (Consulted with and reviewed by Dr.Jeffrey Race)
Jeffrey Race is a Harvard-trained political analyst resident in Thailand for 45 years. He has been in the middle of many incidents of public unrest: the 1968 Tet Offensive in Saigon, the overthrow of President Ferdinand Marcos of the Philippines in 1986, and three cases of regime collapse in Thailand in 1973, 1976 and 2006. Related work appears at http://www.jeffreyrace.com.
Thank you to Dr. Jeffrey and Mrs. Race for their kind support to ensure the quality of the translation into Thai
Ami Podhipak
ดีใจ ที่มีคนที่สามารถเข้าใจและเขียนได้แบบนี้ น่าจะแชร์กันไปเยอะๆทั้งภาษาไทยและอังกฤษ // แต่น่าเสียดายที่คนแบบทักกี้ ไม่เคยมีความคิดที่จะเสียสละตัวเองเพื่อประเทศชาติ มีแต่จะกัดกร่อนชาติ(และเพื่อนร่วมชาติ)เพื่อตนเอง
Jumpol Vana
วิเคราะได้ลึกซึ้งรู้จริงขอคารวะครับ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 08:24
ท่านผู้ยิ่งใหญ่แห่งทหารช่าง แต่ข้ามห้วยมาเป็นผบ.ทบ.เยี่ยมยุทธยิ่งนัก สิ่งที่ไม่ควรได้กลับได้เป็นเพราะรับใช้บ้านเมืองหรือรับใช้นักการเมืองคะท่าน
มันจะทำให้เราคิดก่อนพูดได้ดีขึ้น เมื่อเชื่อว่าคำพูดที่ออกไปเหล่านั้นคือคำที่เราจะได้ยินเองในอนาคต
และถ้าเราจะทำดีได้มากขึ้น เมื่อเชื่อว่าเราจะได้เจอสิ่งดีๆในอนาคต
แม้ว่าวันนี้เราจะยังไม่เห็นว่ามันดีอย่างไรแต่อย่างน้อยทำให้เราผ่านวันนี้ไปได้อย่างราบรื่น
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 08:51
ไอ้ทุ่มหมดหน้าตัก นี่มันไอ้พวกกปปส. มากกว่า
เมื่อก่อนด่าไอ้พวกพันธมิตรที่เอาสีเหลืองมาเล่นจนคนไม่กล้าใส่ แต่ไอ้กกปส.ยิ่งเลวกว่า เอาธงชาติมาเล่นจนทำให้ธงชาติเสื่อมหมดความขลังไปเลย ไอ้พวกคนดีบางตัวดันเอาไปตัดเสื้อตัดกระโปรงตัดรองเท้า แถมบางตัวดันไปผูกเป็นโบว์ใส่ให้กับหมาของตัวเองอีก พวกนี้แมร่งทำธงชาติเสื่อมจริงๆ
อยากเห็น ไอ้ที่ว่าตัดกระโปรงตัดรองเท้า พูดอย่างนี้ มันชาติหมาชัดๆ
อย่าให้ความชั่วร้ายครอบงำเรา จนไม่รู้จักผิดชอบดีชั่ว
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 08:57
ไอ้ทุ่มหมดหน้าตัก นี่มันไอ้พวกกปปส. มากกว่า
เมื่อก่อนด่าไอ้พวกพันธมิตรที่เอาสีเหลืองมาเล่นจนคนไม่กล้าใส่ แต่ไอ้กกปส.ยิ่งเลวกว่า เอาธงชาติมาเล่นจนทำให้ธงชาติเสื่อมหมดความขลังไปเลย ไอ้พวกคนดีบางตัวดันเอาไปตัดเสื้อตัดกระโปรงตัดรองเท้า แถมบางตัวดันไปผูกเป็นโบว์ใส่ให้กับหมาของตัวเองอีก พวกนี้แมร่งทำธงชาติเสื่อมจริงๆ
อยากเห็น ไอ้ที่ว่าตัดกระโปรงตัดรองเท้า พูดอย่างนี้ มันชาติหมาชัดๆ
หมาดีกว่าไอ้พวกนี้เยอะครับ
สัตว์นรกยังไม่รู้จะเลวได้เท่ามันรึเปล่า
“The hottest places in hell are reserved for those who in times of great moral crisis maintain their neutrality”
"ผู้ใดรักษาความเป็นกลางในท่ามกลางวิกฤตศีลธรรม ผู้นั้นย่อมตกนรกอเวจี"
-Dante Alighieri-
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:03
ตระกูลชินโกงบ้านกินเมือง ทำลายชาติมานาน ...ควรล้างตระนี้ให้หมดไปจากแผ่นดินไทย เราทุกคนต้องช่วยกันทำ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:06
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:12
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:12
อันนี้เห็นด้วย ไม่งั้นต่างชาติไม่คอยจับตามองและลงข่าวจริงๆให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึง ความเลวของเทพเทือกและกปปส.หรอก ไม่งั้นป่านนี้ต้องมีตัวช่วยทำรัฐประหารหรือปฏิวัติไปแล้ว แต่ตั้งนี้มันทำไม่ได้ก็เพราะเจอต่างชาติทั่วโลกนี่แหล่ะ
ปากบอกยัยปูเลวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่แปลกไหม ทำไมต่างชาติเค้าถึงต้อนรับอย่างดี ญี่ปุ่นยังกล้ามาลงทุนสร้างโรงงาน จะให้เข้าประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่า ไม่งั้นเค้าไม่กล้าขู่หลอก ถ้าประเทศไทยเกิดรับประหารไม่เป็นประชาธิปไตย เค้าจะถอนและย้ายไปลงทุนที่ประเทศอื่น
ตกลงมีแต่พวกคนดีที่เหลือน้อยลงที่เอากปปส. นอกนั้นคงเป็นคนเลวหมดรวมทั้งต่างชาติใช่ไหมเนี่ย 555
ต่างชาติจับตามองอยู่ เลยให้ติดอันดับเลวที่สุดในโลก ทั้งพี่ทั้งน้องเลย
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:15
โถ ญี่ปุ่นถอนตัวไปเยอะแล้วเพราะหนีน้ำท่วมกับค่าแรง ตกงานเป็นแถบอันนี้เห็นด้วย ไม่งั้นต่างชาติไม่คอยจับตามองและลงข่าวจริงๆให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึง ความเลวของเทพเทือกและกปปส.หรอก ไม่งั้นป่านนี้ต้องมีตัวช่วยทำรัฐประหารหรือปฏิวัติไปแล้ว แต่ตั้งนี้มันทำไม่ได้ก็เพราะเจอต่างชาติทั่วโลกนี่แหล่ะ
ปากบอกยัยปูเลวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่แปลกไหม ทำไมต่างชาติเค้าถึงต้อนรับอย่างดี ญี่ปุ่นยังกล้ามาลงทุนสร้างโรงงาน จะให้เข้าประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่า ไม่งั้นเค้าไม่กล้าขู่หลอก ถ้าประเทศไทยเกิดรับประหารไม่เป็นประชาธิปไตย เค้าจะถอนและย้ายไปลงทุนที่ประเทศอื่น
ตกลงมีแต่พวกคนดีที่เหลือน้อยลงที่เอากปปส. นอกนั้นคงเป็นคนเลวหมดรวมทั้งต่างชาติใช่ไหมเนี่ย 555
ออกมาดูโลกบ้างนะ
อธิบายกระบือไป กระบือมันก็ไม่เ่ข้าใจหรอกครับ
รู้อย่างเดียว พ่อแม้วโดนอำมาตย์รังแก
ต้องให้พ่อแม้วกลับเมืองไทยอย่าเท่ห์ๆ ( ใ่ส่ในโลงมา)
555555
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:35
ไอ้ทุ่มหมดหน้าตัก นี่มันไอ้พวกกปปส. มากกว่า
เมื่อก่อนด่าไอ้พวกพันธมิตรที่เอาสีเหลืองมาเล่นจนคนไม่กล้าใส่ แต่ไอ้กกปส.ยิ่งเลวกว่า เอาธงชาติมาเล่นจนทำให้ธงชาติเสื่อมหมดความขลังไปเลย ไอ้พวกคนดีบางตัวดันเอาไปตัดเสื้อตัดกระโปรงตัดรองเท้า แถมบางตัวดันไปผูกเป็นโบว์ใส่ให้กับหมาของตัวเองอีก พวกนี้แมร่งทำธงชาติเสื่อมจริงๆ
แต่ก่อนนี้เสื้อแดงก็เคยโบกธงชาตินะ แต่เดี๋ยวนี้เห็นธงชาติไทยเหมือนกระทิงเจอผ้าแดง จะแล่นเข้าไปขวิดท่าเดียว เคยทำอะไรไว้ก็ลืมหมด
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:36
โถ ทหารช่าง
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:54
แล้วไอ้คนพูดอ่ะนามสกุลอะไร?
ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม
ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า
อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:57
อันนี้เห็นด้วย ไม่งั้นต่างชาติไม่คอยจับตามองและลงข่าวจริงๆให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึง ความเลวของเทพเทือกและกปปส.หรอก ไม่งั้นป่านนี้ต้องมีตัวช่วยทำรัฐประหารหรือปฏิวัติไปแล้ว แต่ตั้งนี้มันทำไม่ได้ก็เพราะเจอต่างชาติทั่วโลกนี่แหล่ะ
ปากบอกยัยปูเลวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่แปลกไหม ทำไมต่างชาติเค้าถึงต้อนรับอย่างดี ญี่ปุ่นยังกล้ามาลงทุนสร้างโรงงาน จะให้เข้าประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่า ไม่งั้นเค้าไม่กล้าขู่หลอก ถ้าประเทศไทยเกิดรับประหารไม่เป็นประชาธิปไตย เค้าจะถอนและย้ายไปลงทุนที่ประเทศอื่น
ตกลงมีแต่พวกคนดีที่เหลือน้อยลงที่เอากปปส. นอกนั้นคงเป็นคนเลวหมดรวมทั้งต่างชาติใช่ไหมเนี่ย 555
ถ้าหลอกตัวเองแล้วมีความสุข ก็ทำต่อไปนะ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:57
นี่ไงครับประชาธิปไตย์ของพวกแม้ว ดีนะที่บ้านเมืองนี้ยังมีคนไม่กลัวพวกมัน ไม่งั้น เราคงกลายเป็นฮิตแม้วแน่นวล ^^
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 10:06
ทำไมไม่รีบขายข้าวเอาเงินใช้หนี้ชาวนา ?
ทำไมไม่รีบขายข้าวเอาเงินใช้หนี้ชาวนา ?
ทำไมไม่รีบขายข้าวเอาเงินใช้หนี้ชาวนา ?
ทำไมไม่รีบขายข้าวเอาเงินใช้หนี้ชาวนา ?
ทำไมไม่รีบขายข้าวเอาเงินใช้หนี้ชาวนา ?
ทำไมไม่รีบขายข้าวเอาเงินใช้หนี้ชาวนา ?
อันนี้ขอฝาก มนุษย์อะไหล่พม่า(คนในตรูกูลเมิ ง...นายพ.) ไปถามคนในตระกูลเมิงว่ะ
เพิ่มเติมในวงเล็บ
Edited by ซีมั่น โลช่า, 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:26.
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 10:33
อันนี้เห็นด้วย ไม่งั้นต่างชาติไม่คอยจับตามองและลงข่าวจริงๆให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึง ความเลวของเทพเทือกและกปปส.หรอก ไม่งั้นป่านนี้ต้องมีตัวช่วยทำรัฐประหารหรือปฏิวัติไปแล้ว แต่ตั้งนี้มันทำไม่ได้ก็เพราะเจอต่างชาติทั่วโลกนี่แหล่ะ
ปากบอกยัยปูเลวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่แปลกไหม ทำไมต่างชาติเค้าถึงต้อนรับอย่างดี ญี่ปุ่นยังกล้ามาลงทุนสร้างโรงงาน จะให้เข้าประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่า ไม่งั้นเค้าไม่กล้าขู่หลอก ถ้าประเทศไทยเกิดรับประหารไม่เป็นประชาธิปไตย เค้าจะถอนและย้ายไปลงทุนที่ประเทศอื่น
ตกลงมีแต่พวกคนดีที่เหลือน้อยลงที่เอากปปส. นอกนั้นคงเป็นคนเลวหมดรวมทั้งต่างชาติใช่ไหมเนี่ย 555
เอ๊งไปหาหลักฐานมาว่า ญี่ปุ่นมาสร้างโรงงาน ฐานการผลิตในไทย เพิ่ม ว่ะ
เอ๊งไปหามาเลยนะ เพราะตอนนี้ ญี่ปุ่น ยกเลิกฐานการผลิตในประเทศไปหลายส่วนแล้ว
แถมยังไปลงทุนใน เขมร กะ ลาว อีก
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 10:35
อันนี้เห็นด้วย ไม่งั้นต่างชาติไม่คอยจับตามองและลงข่าวจริงๆให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึง ความเลวของเทพเทือกและกปปส.หรอก ไม่งั้นป่านนี้ต้องมีตัวช่วยทำรัฐประหารหรือปฏิวัติไปแล้ว แต่ตั้งนี้มันทำไม่ได้ก็เพราะเจอต่างชาติทั่วโลกนี่แหล่ะ
ปากบอกยัยปูเลวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่แปลกไหม ทำไมต่างชาติเค้าถึงต้อนรับอย่างดี ญี่ปุ่นยังกล้ามาลงทุนสร้างโรงงาน จะให้เข้าประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่า ไม่งั้นเค้าไม่กล้าขู่หลอก ถ้าประเทศไทยเกิดรับประหารไม่เป็นประชาธิปไตย เค้าจะถอนและย้ายไปลงทุนที่ประเทศอื่น
ตกลงมีแต่พวกคนดีที่เหลือน้อยลงที่เอากปปส. นอกนั้นคงเป็นคนเลวหมดรวมทั้งต่างชาติใช่ไหมเนี่ย 555
เอ๊งไปหาหลักฐานมาว่า ญี่ปุ่นมาสร้างโรงงาน ฐานการผลิตในไทย เพิ่ม ว่ะ
เอ๊งไปหามาเลยนะ เพราะตอนนี้ ญี่ปุ่น ยกเลิกฐานการผลิตในประเทศไปหลายส่วนแล้ว
แถมยังไปลงทุนใน เขมร กะ ลาว อีก
เป็นเพราะ กปปส. ครับ เห็นมั้ยพวกกบฎนี่มีแต่ทำลายชาติจริงๆ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 10:39
ของจริง ๆ เท่าที่รู้...มีอยู่คนนึงรับใช้ประเทศไทยมา 60-70 ปี
ทำงานให้คนจน คนแก่ ชาวนา ชาวไร่ มาตลอด
กรูยังเห็นพวกมึงจ้างฝรั่ง เอาเค้าไปด่าอยู่ต่างประเทศ
สนับสนุนพวกกุ๊ย พวกนักวิชาการชั่ว ๆ มาเหน็บแนมเค้าอยู่ตลอด
ส่วนพวกมึง ไม่รู้รับใช้ประเทศชาติ หรือ ตักตวง เอาจากประเทศชาติกันแน่...
กรูเห็นโคตรแมร่งรวยจนไม่มีที่จะเก็บเงิน
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 10:48
ตอบท่านชัยสิทธิสั้นๆ กูเป็นวิศวกร ตระกูลกูรับใช้ประเทศชาติมาก่อนพวกมึงจะเข้ามาเมืองไทยซะอีกมั้ง ย้อนไปตั้งเเต่สมัยบ้านเชียงเลยมั้ย
รำคาญสลิ่มเที่ยมที่เข้ามาปล่อยสารพิษเรียกร้องความรุนเเรงเสดงออกถึงความคลั่งสงครามกลางเมืองยุเเยงสร้างภาพชั่วๆ
เอียนวะ เห็นคนเเถวนี้ไอคิวต่ำกว่า 90 หรือไง
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:20
ตระกูลชินวัตรเป็นใครน่ะหรือ ? ก็ตระกูลอั้งยี่ไงล่ะ เที่ยวไล่ปล้นฆ่าเขาที่จันทบุรี จนต้องหนีไปเชียงใหม่
มันเป็นตระกูลโจร ความโกง มันติดมาในสายเลือด ในดีเอ็นเอไงล่ะ ถึงลูกหลานเป็นรัฐบาล มันก็เป็นรัฐบาลโจร
คอรัปชั่น โกงบ้าน โกงเมือง ป่นปี้ อย่างชนิดที่ไม่มีตระกูลไหนทำมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย
เคลียร์ไหมท่าน
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:05
วัฏจักรตระกูลชิน >> โกง ปล้น ฆ่า ย้ายถิ่น เปลี่ยนนามสกุล
แล้วก็เริ่ม โกง (ชาติ) ปล้น (แผ่นดิน) ฆ่า (ตัดตอน) ย้ายถิ่น (ดูไบ) เปลี่ยนนามสกุล (กลายเป็นมอนเตร)
ความเลวที่กระทำไว้และไม่มีใครเคยสำนึกถึงความถูกผิดแม้แต่คนเดียว
ขอแช่งให้ตัวมัน เครือญาติ และลูกหลานได้รับกรรมอย่างหนักถ้วนหน้ากัน
พวกสายเลือดวิปริต
ปอลิง : ถ้ามีการสาวไปถึงโคตรเหง้าที่จีน อาจเจอว่าคนที่ย้ายมาอยู่ไทย
ก็เพราะ โกง ปล้น ฆ่า มาแล้วก็ย้ายถิ่นหนีมา ... แค้นว่ะค่ะ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:13
อดีต ผบ.ทบ. ข้ามหัวคนอื่น จากทหารช่าง มาบัญชาการรบ เป็น ผบ.ทบ. หน้าตาเฉย
กองทัพไทยมันขาดแคลนนักรบซินะ จึงต้องมาฝากชีวิตไว้กับทหารช่าง
ถามจริงๆ ถ้าไอ้แม้วไม่ได้เป็นนายกฯ ชัยสิทธิ์จะใกล้เคียง 5 เสือ ทบ.หรือไม่
ตอนนี้อาจกำลังขัดรองเท้าให้ พลเอกซักท่านอยู่ครับ
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:32
อีกไม่นาน "ผลงาน" ก็จะปรากฏให้คนทั้งประเทศ "สรรเสริญ"
พูดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
"ปัญหา" บางปัญหา วันเวลาจะเป็นผู้ให้ "คำตอบ"
Edited by คนกินข้าว, 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:34.
ตอบ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:34
วัฏจักรตระกูลชิน >> โกง ปล้น ฆ่า ย้ายถิ่น เปลี่ยนนามสกุล
แล้วก็เริ่ม โกง (ชาติ) ปล้น (แผ่นดิน) ฆ่า (ตัดตอน) ย้ายถิ่น (ดูไบ) เปลี่ยนนามสกุล (กลายเป็นมอนเตร)
ความเลวที่กระทำไว้และไม่มีใครเคยสำนึกถึงความถูกผิดแม้แต่คนเดียว
ขอแช่งให้ตัวมัน เครือญาติ และลูกหลานได้รับกรรมอย่างหนักถ้วนหน้ากัน
พวกสายเลือดวิปริต
ปอลิง : ถ้ามีการสาวไปถึงโคตรเหง้าที่จีน อาจเจอว่าคนที่ย้ายมาอยู่ไทย
ก็เพราะ โกง ปล้น ฆ่า มาแล้วก็ย้ายถิ่นหนีมา ... แค้นว่ะค่ะ
^^^^^^^^^
^^^^^^^^^
Edited by ดอกปีบ, 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:44.
ดอกไม้งามมีหนามแหลม ใช่บานแย้มให้คนชม บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งผืนดิน...
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน