ขอเกริ่นเล็กน้อยนะครับ ผมเป็นนิสิตมหาลัยชื่อดังกลางใจเมือง คณะที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นเพศที่สาม (ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น)
สิ่งที่ผมข้องใจมากที่สุดคือทำไมนิสิตส่วนใหญ่ในคณะนี้ถึงชอบมีความคิดแปลกๆ ดัจริต และล้มเจ้ากันจังครับ
ทุกๆวันผมต้องได้ยินสักหัวข้อที่เกี่ยวกับเจ้าขึ้นมาอย่างน้อยหนึ่งเรื่อง
บ้างก็เรื่องความไม่เท่าเทียมทางวรรณะ, การปิดถนน, ม112 และอื่นๆอีกมากมาย
หลายเรื่องที่อยู่ในวิสัยที่ผมจะอธิบายได้ อาทิเช่นเรื่อง มาตรา 112 ผมก็อธิบายเปรียบเทียบตามที่ผมเข้าใจให้เพื่อนฟัง
แต่สุดท้ายเพื่อนผมหลายคนก็ยังเชื่อฝังหัวอยู่เหมือนเดิม
ตอนเด็กๆที่บ้านผมก็ไม่ได้ปลูกฝังเรื่องความรักชาติอะไรมากมาย แต่ผมรู้ว่าพ่อแม่และปู่ย่าของผมรักในหลวงและราชินีมาก
ผมยังจำได้ดีตอนที่อาม่ายังสุขภาพดีอยู่ ทุกครั้งเวลาที่ถึงช่วงวันเกิดในหลวงหรือราชินี เมื่อไรก็ตามที่ในหลวงหรือราชินีเริ่มพูด
อาม่าผมจะรีบมานั่งติดจอ (แบบติดจอจริงๆ) แล้วก็จะคอยให้พ่อผมแปลที่ในหลวงพูดให้ฟัง
ผมอาจจะซึมซึบเรื่องตรงนี้มาจากอาม่าก็ได้มั้งครับ ผมชอบฟังเวลาพ่อเล่าเรื่องอากงอาม่าอพยพมาจากเมืองจีนให้ฟัง
ผมรู้ดีว่าผมติดหนี้บุญคุณแผ่นดินนี้อยู่มาก บรรพบุรุษผมมาจากเมืองจีน หากไม่มีแผ่นดินนี้ ชีวิตผมก็ไม่รุ้ว่าจะไปอยู่ตรงไหน
มีกินมีใช้ มีโอากาสไปเรียนต่างประเทศ มีการศึกษา มีหน้ามีตาในสังคมก็เพราะแผ่นดินนี้
เรียนในคณะนี้มันก็มีข้อดีหลายๆอย่าง อย่างนึงก็คือเราได้มีโอกาสพิจรณาสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น
เช่น ความรักชาติ
อาจารย์ที่สอนผมส่วนใหญ่มีความคิดเป็นไปในทางเสื้อแดงครับ ถึงแม้หลายคนจะอายเกินกว่าที่จะยอมรับความจริงข้อนั้น
แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดูออกได้ไม่ยาก อาจารย์หลายคนสอนให้สงสัยเรื่อง nationalism หรือ patriotism ซึ่งแปลคร่าวๆก็คงเป็นความรักชาติ(ชาตินิยม)นั่นเอง อาจารย์หลายคนพยายามเน้นย้ำว่าการรักชาตินั้นเป็นเรื่องที่ผิด เป็นสิ่งที่เราไม่ควรยึดถือ เพราะมันก็เป็นแค่ social norm จริงๆแล้วชาติมันก็เป็นแค่เรื่องของนามธรรม เส้นเขตแดนก็เป็นเรื่องที่มนุษย์เราสร้างมาเท่านั้น ไม่มีความหมายอะไรเลย ผมฟังแรกๆแล้วบอกตรงๆว่าอารมณ์เสียมาก ในใจนี่ค้านทุกคำพูดของอาจารย์ อยากจะตะโกนไปถามว่า มีชาติในบ้างในโลกที่สร้างขึ้นมาแล้วอยู่และเจริญไปข้างหน้าได้โดยปราศจากชาตินิยม?
อีกเรื่องนึงคือเพื่อนผมของส่วนใหญ่ เมื่อได้เรียนหลายๆวิชาในคณะนี้แล้ว กลายเป้นคนไม่มีศาสนา ไม่นับถือราชวงศ์ และชอบตั้ง status โลกสวยว่าอยากให้ทุกคนเท่าเทียม หลายครั้งที่ผมมักจะถามกลับว่า นั่นมันไม่ใช่ประชาธิไตยแล้วนะ นั่นมันคอมมิวนิสต์ แต่หลายคนก็ยังจะอ้างเดิมๆ ลากแม่น้ำทั้งห้ามาให้เหตุผลกับตัวเอง แม้มันจะเหมือนแถก็ตาม
อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้อารมณ์เสียมากนั่นก็คือ คนพวกนี้ชอบดูถูกศาสนา ตัวผมเองนั้นศรัทธาในศาสนาพุทธมาก ผมเชื่อในพระพุทธเจ้า และหลักธรรมที่ท่านสอน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมจะไปดูถูกศาสนาของคนอื่นว่าด้อยหรือต่ำกว่าศาสนาพุทธ
ที่มหาลัยผมมักจะมีชาวเกาหลีมาเผยแพร่ศาสนาคริสต์(ผมว่าหลายคนน่าจะเคยเจอ) เพื่อนผมหลายคนที่บอกว่าตัวเองเป็นพวกไม่นับถือศาสนา (atheist) มักจะชอบล้อเลียนคนที่เค้ามาเผยแพร่ศาสนา ไปด่าทอว่าเค้างมงายบ้าง ไปหาว่าเค้าบ้าบ้างก็มี
โดยเฉพาะศาสนาอิสลามนี่โดนหนักสุด ไปวิจารณ์วัฒนธรรมเค้าต่างๆนาๆ อาทิเช่นเรื่องผ้าโพกผัว (ผมไม่ทราบจริงๆว่าเรียกว่าอะไร)
ว่ามันละเมิดนู่นนั่นนี่ พูดง่ายๆคือวิจารณ์โดยปราศจากความเข้าใจที่แท้จริง
เชื่อหรือไม่ครับว่าสิ่งที่ผมเล่ามานี้เป็นพฤติกรรมของคนกว่า 80% ในคณะนี้ หลายคนยังไม่รุ้ด้วยซ้ำว่าในหลวงท่านดีอย่างไร
หลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชาติเราอยู่ในจุดวิกฤตแล้วแค่ไหน คน 80% นี้มัวแต่ตั้งสถานะใน social media โดยที่สุดท้ายแล้ว สังคมก็ไม่ได้อะไรจากมันเลย ผมว่ามันน่าเป็นห่วงมากนะครับ สำหรับผู้ใหญ่ยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง หลายคนบอกว่าผมเป็นพวก conservative แต่ผมคิดว่าผมมองโลกตามความเป็นจริงมากกว่า น่าเสียใจนะครับนิสิตที่นับได้ว่ามีมันสมองอันดับต้นๆของประเทศ แต่พูดถึงเรื่องศีลธรรมหรือหน้าที่พลเมืองแล้ว ยังสู้นักเรียนโรงเรียนช่างข้างๆไม่ได้เลยครับ
สุดท้ายนี้ สิ่งที่ผมเขียนอาจจะยาวนิดนึง และอาจจะหาสาระไม่ได้ค่อยได้ แต่อย่างน้อยก็ขอบคุณพื้นที่นี้สำหรับที่ให้ผมได้ระบายออกบ้าง หวังว่าในอนาคตผมจะไม่ได้พบปะกับคนที่มีความคิดแบบนี้อีกเลย
ขอบคุณครับ