5 ความเห็นในกระทู้นี้

[White wing]

กมธ.เกษตรฯ ลงพื้นที่พิจิตร หลังพบมีโรงสี ใน อ.ตะพานหิน ลักลอบนำปลายข้าวจากเขมร 4 หมื่นตัน
พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี รองประธานกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา และคณะ ได้เดินทางมาร่วมประชุมกับ นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าฯ พิจิตร และคณะกรรมการข้าวระดับจังหวัด
เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว รวมไปถึงการตรวจสต็อกข้าวสารในโกดังของจังหวัดพิจิตร จากการตรวจสอบโกดังข้าวในอำเภอตะพานหิน
พบว่าฤดูกาลจำนำข้าวในปีที่ผ่านมา มีโรงสีได้ลักลอบนำเข้าปลายข้าวจากประเทศกัมพูชา ที่ใช้วิธีผ่านศุลกากรเสียภาษีเป็นปลายข้าวเพียงแค่กิโลกรัมละ 1 บาท
โดยบรรทุกใส่รถสิบล้อเข้ามามากถึง 4 หมื่นตัน แต่ข้าวที่นำเข้ามานั้นกลับเป็นข้าวสารผสมกับปลายข้าว จากนั้นมาเข้าขบวนการคัดแยกปลายข้าวกับข้าวสาร 5%
ซึ่งสันนิษฐานว่านำไปเวียนเทียนในการจำนำข้าวฤดูกาลที่ผ่านมา ขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดี นอกจากนี้ ยังพบว่ามีข้าราชการระดับอธิบดีของกระทรวงพาณิชย์ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

[Tonto]

มันใกล้จบแล้วครับ เริ่ม แดงขึ้นมาเรื่อยๆเรื่อง ชั่วๆ 

[galaxy2]

โกงชาติโกงแผ่นดินนรกล้วนๆ..สัส..เกิดมาเป็นวัวควายใช้หนี้แผ่นดินไปอีกหลายร้อยปีพวกมึง

[คลำปม]

แปลกนะครับช่วงรัฐบาลรักษาการนี่เราได้เห็นอะไรแปลกๆเยอะ

 

กระสอบข้าวเปล่า  พิมพ์ตรา อตก.ก็ยังมีคนส่งไปพม่า

 

ไม่รู้ของมันขาดสต๊อคมากนักหรืออย่างไร

 

 

 

นี่ถ้าปูไม่ได้เป็นคนนั่งรักษาการอยู่ล่ะก็  ผมว่าได้เจออะไรยิ่งกว่านี้อีก

[paknam]

คาดว่าพม่าสั่งเอาไปบ่มปูนน่ะครับ

[อู๋ ฮานามิ]

http://www.thaipost....ws/230214/86465

 

กมธ.เกษตรฯ วุฒิสภาแฉ โกดังข้าวพิจิตรซุกขาวเขมรเพียบ โกงเป็นขบวนการ เสียภาษีนำเข้าเป็นปลายข้าว มีอธิบดีกระทรวงพาณิชย์เซ็นใบอนุญาตให้พ่อค้า จ่ายเบี้ยบ้ายรายทางตำรวจภูธร ตำรวจทางหลวง ฟันกำไรงามรถสิบล้อละ 2 แสน ทำให้รัฐบาลกลายเป็นควาย ขาดทุนถึง 10 เท่า ขณะที่ "ยรรยง" เพ้อระบายข้าว 

 

    เมื่อวันเสาร์ พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี รองประธานกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา และคณะ ได้เดินทางมาร่วมประชุมกับนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และคณะกรรมการข้าว (กขจ.) ระดับจังหวัด เพื่อติดตามตรวจสอบการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและตรวจสต็อกข้าวสารในโกดังของจังหวัดพิจิตร

 

    พล.ต.ท.ยุทธนาเผยว่า เหตุที่ต้องมาจังหวัดพิจิตร  เนื่องจากสืบพบว่าฤดูกาลจำนำข้าวในปีที่ผ่านมา ที่จังหวัดพิจิตร มีโรงสีซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอตะพานหินได้มีการลักลอบนำเข้าปลายข้าวจากประเทศกัมพูชาที่ใช้วิธีผ่านศุลกากร เสียภาษีเป็นปลายข้าวเพียงแค่ กก.ละ 1 บาท โดยนำบรรทุกรถสิบล้อเข้ามามากถึง 4 หมื่นตัน แต่ข้าวที่นำเข้ามานั้นกลับเป็นข้าวสารผสมกับปลายข้าว จากนั้นมาเข้าขบวนการคัดแยกปลายข้าวกับข้าวสาร 5% ซึ่งสันนิษฐานว่านำไปเวียนเทียนในการจำนำข้าวฤดูกาลที่ผ่านมา ขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อจะดำเนินคดี ซึ่งมีข้าราชการระดับอธิบดีของกระทรวงพาณิชย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

 

    "กรรมวิธีที่แยบยลนี้ เป็นความร่วมมือของอธิบดีท่านหนึ่งที่เซ็นใบอนุญาตให้พ่อค้าข้าวไว้ล่วงหน้าถึง 10 ใบ จากนั้นก็ใช้กองทัพรถสิบล้อบรรทุกปลายข้าวผสมกับข้าวสารคุณภาพเกรดต่ำวิ่งมาส่งที่โรงสีในเขตอำเภอตะพานหิน โรงสีแห่งนี้ก็เหมือนกับเป็นที่พักของเถื่อน จากนั้นก็เข้าขบวนการแยกข้าวที่หนึ่งใส่กระสอบส่งไปให้กับโรงสีต่างๆ ที่อาจซื้อใบประทวนของชาวนาหรือเพิ่มปริมาณผลผลิตของชาวนาที่เป็นเท็จ จากนั้นก็เอาข้าวจากเขมรที่ซื้อมาเพียงแค่ตันละไม่กี่พันบาทเอาไปส่งมอบเข้าคลังสินค้า ได้มูลค่าตันละเกือบ 2 หมื่นบาท"

 

    เขากล่าวว่า กว่าจะนำข้าวจากเขมรมาถึงพิจิตรได้ ผ่านด่านตำรวจภูธร ผ่านด่านตำรวจทางหลวงมาได้ด้วยการจ่ายเบี้ยบ้ายรายทาง เพราะข้าวเหล่านี้สามารถสร้างกำไรได้ถึงรถสิบล้อละ 2 แสนบาท ทำให้รัฐบาลได้ข้าวสารด้อยคุณภาพราคาแค่หลักหมื่น ขาดทุนเห็นๆ กว่า 10 เท่า ที่สำคัญคณะกรรมการข้าวระดับจังหวัดของพิจิตรจะมาอ้างไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ทราบ  คงเป็นไปไม่ได้ แต่ในเบื้องต้นคดียังอยู่ในระหว่างสอบสวน จึงไม่สามารถเปิดเผยกับสาธารณชนไปได้มากกว่านี้ 

 

    พล.ต.ท.ยุทธนากล่าวว่า การมาตรวจราชการในครั้งนี้ ก็เพื่อจะให้นายสุรชัยที่เพิ่งย้ายมารับตำแหน่งได้ไม่นาน และไม่ได้เกี่ยวข้องว่าจะต้องสืบสวนต่อไป และควรเร่งป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก ที่สำคัญจะต้องนำคนผิดมาลงโทษให้จงได้ เพราะถือเป็นการทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศชาติ จนทำให้ชาวนาเดือดร้อนจนเป็นเหตุวุ่นวายอยู่ในขณะนี้

 

          ในส่วนของนายมงคล สุกใส ปลัดจังหวัดพิจิตร ก็ได้รายงานต่อกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ว่าผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 54/55 นั้น จังหวัดพิจิตรได้แปรรูปข้าวเปลือกเป็นข้าวสารเก็บไว้ในคลังสินค้ากลางจำนวน 10 หลัง

 

แจงรายปี

 

    ปี 54/55 มีข้าวสารขาว 5% จำนวน 388,947 กระสอบ ชนิดปลายข้าวขาวเอราวัณเลิศจำนวน 12,703 กระสอบ, ข้าวขาวหอมจังหวัดจำนวน 44.040 กระสอบ, ข้าวขาวหอมมะลิ 100% จำนวน 645,998 กระสอบ, ข้าวเหนียว (ยาว) จำนวน 139,790 กระสอบ และชนิดข้าวเหนียว (สั้น) จำนวน 10,570 กระสอบ

 

          ปี 55 ซึ่งเป็นโครงการข้าวเปลือกนาปรังแปรรูปเป็นข้าวสารเก็บไว้ในคลังสินค้ากลาง จำนวน 21 หลัง มีปริมาณเป็นข้าวขาว 5% จำนวน 1,089,625 กระสอบ และชนิดปลายข้าวขาวเอราวัณเลิศจำนวน 466,553 กระสอบ

 

    ปี 55/56 ซึ่งเป็นโครงการข้าวนาปีแปรรูปเป็นข้าวสารเก็บไว้ในคลังสินค้ากลางจำนวน 28 หลัง และ ไซโลจำนวน 2 ลูก เป็นข้าวขาว 5% จำนวน 1,892,585 กระสอบ, ชนิดปลายข้าวขาวเอราวัณเลิศจำนวน 494,669 กระสอบ, ชนิดข้าวขาวหอมจังหวัดจำนวน 493,165 กระสอบ, ชนิดข้าวท่อนหอมจังหวัดจำนวน 18,959 กระสอบ, ชนิดข้าวหอมมะลิ 100% จำนวน 213,494 กระสอบ, ชนิดข้าวเหนียวจำนวน 343,634 กระสอบ, ชนิดข้าวท่อนหอมมะลิจำนวน 19,800 กระสอบ, ชนิดข้าวหอมมะลิจำนวน 17,204 กระสอบ และชนิดปลายข้าวเหนียวจำนวน 35,888 กระสอบ

 

    ปี 56/57 แปรรูปข้าวเปลือกเป็นข้าวสารเก็บไว้ในคลังสินค้ากลาง 24 หลัง และไซโล 19 ลูก เป็นข้าวขาว 5% จำนวน 540,962 กระสอบ, ชนิดข้าวขาวหอมจังหวัดจำนวน 326,222 กระสอบ, ข้าวหอมมะลิ 100% จำนวน 273,199 กระสอบ และชนิดข้าวเหนียวจำนวน 75,861 กระสอบ ซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ทำให้คณะกรรมาธิการฯ ตั้งข้อสังเกตว่า ปริมาณข้าวของจังหวัดพิจิตร โดยรวมแล้วมีมากมายมหาศาลเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งที่พื้นที่ทำนาของจังหวัดพิจิตรก็มีเท่าเดิม ซึ่งโดยบวกเลขจำนวนข้าวทุกชนิดที่อยู่ในคลังสินค้า ก็จะเห็นได้ว่าจังหวัดพิจิตรมีข้าวเก็บไว้มากถึง 7,542,868 กระสอบ (ข้าวเหนียวในจังหวัดพิจิตรไม่มีปลูก แต่เป็นข้าวที่นำมาจากภาคอีสานมาเช่าเก็บในโกดังข้าวที่พิจิตร ที่มีบริษัทรับฝากข้าวใหญ่ๆ แค่ไม่กี่บริษัท ซึ่งเป็นของไซโล บ.เคทีบี อะโกร จำกัด ตั้งอยู่ที่ อ.บางมูลนาก รับฝากข้าวไว้มากถึง 20 ถังไซโล ในปริมาณไซโลละ 12,00 ตัน นอกนั้นก็เป็นคลังสินค้าของผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา จะได้ลงในรายละเอียดเพื่อตรวจสอบต่อไป

 

    สำหรับสาระในที่ประชุม ที่มี พล.ต.ท.ยุทธนา เป็นประธาน ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการ โรงสี กลุ่มธุรกิจค้าข้าว ตันแทนเกษตรกรนี้ ได้มีการเสนอแนวคิดว่าควรจะหาเงินมาจ่ายให้กับชาวนาพิจิตรที่ขณะนี้รอรับเงินอยู่อีก 43,000 ราย เป็นจำนวนเงิน 7,000 ล้านบาท ว่าควรจะให้เปิดประมูลขาย หรือเสนอซื้อข้าวสารในโกดังของจังหวัดพิจิตร แล้วนำเงินที่ได้มาจ่ายให้กับชาวนาจังหวัดพิจิตรเท่านั้น 

 

"ยรรยง" ฟุ้งอีก

 

    นายบรรจง ตั้งจิตวัฒนากูล หรือ “เฮียเซียะ” ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตร และเป็นผู้รับซื้อและส่งออกข้าวรายใหญ่ของพิจิตร กล่าวว่า ตนเองและผู้ประกอบการโรงสีในจังหวัดพิจิตรที่เป็นสมาชิกชมรมโรงสีข้าวพิจิตร กว่า 30 โรง พร้อมที่จะร่วมประมูลหรือเสนอซื้อ เนื่องจากยังมีวงเงินกู้กับสถาบันการเงินที่ยังพอนำเงินออกมาช่วยซื้อข้าวสารได้อีกเป็นจำนวนมาก เพราะที่ผ่านมาทำโรงสีไม่ได้ใช้เงินหมุนเวียนเลย ได้แต่เป็นผู้รับจ้างรับจำนำข้าวให้กับรัฐบาล แต่ถ้าให้ดำเนินการซื้อข้าว ก็จะต้องใช้วิธีจ่ายเงินภายใน 40 วัน แต่ออกของช้า โดยจ่ายเงินให้ชาวนาไปก่อน ซึ่งขณะนี้จะมีจังหวัดราชบุรีเป็นโมเดลในการทดลองประมูลขายข้าวภายในจังหวัดเพื่อนำเงินมาให้ชาวนาภายในจังหวัดที่มีคลังสินค้าเก็บข้าวสารตั้งอยู่ ส่วนจะเฉลี่ยไปยังจังหวัดอื่นๆ ด้วยหรือไม่ ก็ต้องไปลงในรายละเอียดว่ากันอีกครั้ง

 

    วันเดียวกัน นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจโกดังกลางข้าวของรัฐบาล 2 แห่งในจังหวัดนครปฐม ได้แก่ ห้างหุ้นจำกัด ไฟปฐมวิวัฒน์ และ บจก.มหาทรัพย์ฟีด เป็นสถานที่เก็บข้าวในโครงรับจำนำข้าวฤดูกาลผลิตปี 2555/2556 พบว่า จำนวนข้าวไม่ได้สูญหายตามกระแสข่าว และข้าวยังมีคุณภาพ ไม่ได้เน่าเสียแต่อย่างใด เนื่องจากได้รับการดูแลจากหัวหน้าคลังและถูกตรวจสอบจากเซอร์เวเยอร์ จึงไม่อยากให้ผู้ส่งออกข้าวกังวล โดยหากผู้ส่งออกข้าวไม่มั่นใจ สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา โดยกระทรวงพาณิชย์จะเปิดประมูลข้าวจำนวน 2 ล็อต ภายในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้

 

        ทั้งนี้ ล็อตแรกจะเปิดประมูลข้าวในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) จำนวน 227,260 ตัน แบ่งเป็นข้าวขาว จำนวน 162,130 ตัน และข้าวหอมมะลิ จำนวน 68,590 ตัน รวมถึงจะเปิดประมูลข้าวทั่วไป จำนวน 5 แสนตัน เพื่อระบายข้าวบริโภคในประเทศ จึงอยากเชิญชวนให้ผู้ส่งออกข้าวเข้าร่วมประมูลข้าว

 

      เขากล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายที่จะระบายข้าวให้ได้ต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป จะระบายข้าวได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน และสามารถส่งเงินคืนคลังได้เดือนละ 10,000 ล้านบาท จากเดิม 5,000 ล้านบาท