ขอความรู้ ทักษินขายหุ้นชินคอร์ปไปหมดหรือยัง
#2
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 04:44
เห็นว่าจะเล่นงานกลุ่มธุรกิจทักษิณและพุ่งเป้าไปที่ ais ผมก็สงสัยว่าจะได้ผลจริงหรือไม่ จากที่เข้าใจ ทักษิณขายหุ้นชินไปหมดแล้วซึ่งเป็นบริษัทแม่ของหลายๆบริษัท เช่น ais ไทยคม
สู้ไปเล่นงานกลุ่ม sc asset ไม่ดีกว่าเหรอ บริษัทนี้ รู้แน่นอนของใคร
คุณคิดว่าจะมีผู้ถือหุ้น, ผู้บริหาร และพนักงาน เอไอเอส จะไปกดดัน นายกปู ให้ลาออกได้ไหม
ผมเชื่อว่าต้องมีบ้างล่ะ ... และถ้า ผู้ถือหุ้น หรือผู้บริหาร ที่อาวุโสพอที่จะตักเตือนนายกได้ แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง ... คุณคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น?
ส่วน เอสซีเอสเซท ผมมองว่า เป็นกลุ่มคนรวย มีเพียงส่วนน้อยของประเทศที่เป็นลูกค้าได้ จะไปย้ายบ้านก็ เหมือนโทรศัพท์มือถือ ก็ลำบาก
- Bookmarks, Lumtakong and ธีรเดชน้อย like this
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ... ศีลธรรม เป็นกรอบรักษาจินตนาการให้ดำรงอยู่ด้วยความดีงาม...
#3
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 07:32
SC Park ครับ ที่ไอ้ กีร์ ตะกาบตึก ปฏิเสธไม่ได้ ว่าไม่มีหุ้น
#4
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 08:17
เรื่องการมีหรือไม่มีหุ้นใน Ais คงไม่สำคัญเท่า การปฏิบัติการในเชิงสัญลักษณ์ หลายคนที่เล่นหุ้นคงมีการซื้อและขายหุ้น Ais อยู่เป็นปรกติอยู่แล้ว ถ้าจะถามหาว่าใครถือหุ้น Ais อยู่บ้าง คงจะได้เห็นอะไรดีๆ
#5
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 08:59
ในทางเอกสารขายหมดแล้วครับ
แต้ในโลกของความเป็นจริง ทักษิณเป็นเจ้าพ่อแห่งการถือครองหุ้นผ่านนอมินี
เคยกระทั่งให้คนรับใช้ หรือคนขับรถถือหุ้นมูลค่านับหมื่นล้านแทน
ดังนั้นเรื่องนี้ถามใครก็ไม่ได้คำตอบที่แท้จริงหรอกครับ
มีทักษิณเท่านั้นที่รู้
วิธีการยุติระบอบทักษิณ
ก็แค่เพียงทำให้คนไทยส่วนใหญ่ "ฉลาด"
#6
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:06
ถ้าเขาไปถือเทมาเสก ที่ลงทุนทั่วโลกมากกว่า แล้วขาย ชิน ให้เทมาเสก
ปั่นราคาเทมาเสกขึ้นได้ตามที่ตั้งใจไว้ แล้วขายเอาเงินไปลงทุนพลังงาน
ไม่เก่งเรื่องการลงทุน แต่คิดคร่าวๆ ประมาณนี้
- Lumtakong, Nong and ธีรเดชน้อย like this
พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล
ทหารทุกนายผ่านพิธีนั้นแล้ว พึงเพียรปฏิบัติให้ครบตามคำสัตย์ปฏิญาณทุกข้อนั้น
#7
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:39
ว่ากันว่า ในเรื่องหุ้น การถือครองโดย นอมินี่ หากต้องการจะจับได้ต้องตรวจสอบหลายปีครับ
แต่เรื่องของจิตวิทยา หากผู้ถือหุ้นไม่เกี่ยวข้องจริง เขาจะออกมาแสดงตัวเอง
เรารอดูดีกว่าครับ
- Lumtakong likes this
" จุดเริ่มของการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 หลังจากรัฐบาลเพื่อไทยได้บริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด 2 ปีเศษ มีการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย มีการนำพรบ.นิรโทษกรรมมาอนุมัติผ่านสภาฯเพื่อช่วยเหลือ น.ช. ทักษิณ ทำให้มวลมหาประชาชนลุกขึ้นประท้วงต่อต้าน แม้จนกระทั่ง ศาลรัฐธรรมนูญและปปช. ได้ตัดสินและชี้มูลความผิดจนต้องพ้นออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม ทำให้ประเทศชาติต้องหยุดนิ่ง สุดท้ายเมื่อ พลเอก ประยุทธ ผบ.ทบ.ได้เรียกทุกฝ่ายเข้ามาคุยเพื่อหาทางออกแล้ว โดยขอให้ ครม.ที่ยังคงเหลือลาออกเพื่อตั้งนายกฯเพื่อการปฎิรูปประเทศ แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองและการเสียสละ ทำให้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา จำเป็นต้องประกาศยึดอำนาจ "
#8
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:53
#9
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 10:01
ผมมองว่าพวกเรากำลังทำอะไรตามความเชื่ออยู่หรือป่าวครับ เชื่อว่าย้ายค่ายจะสามารถกดดันนายกได้ ผมว่าหลังๆพวกเราเริ่มทำอะไรเหมือนเสื้อแดงขึ้นทุกวัน ไม่ได้อยากขัดขวางแนวทาง กปปส แต่อยากเตือนสติทำอะไรต้องเหตุผล สำหรับผมถ้าเห็นเพื่อนทำผิดก็ต้องเตือนไม่ใช่เฮโลตามกันไป
ตรงไหนครับที่ว่า เหมือนเสื้อแดง ??
" จุดเริ่มของการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 หลังจากรัฐบาลเพื่อไทยได้บริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด 2 ปีเศษ มีการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย มีการนำพรบ.นิรโทษกรรมมาอนุมัติผ่านสภาฯเพื่อช่วยเหลือ น.ช. ทักษิณ ทำให้มวลมหาประชาชนลุกขึ้นประท้วงต่อต้าน แม้จนกระทั่ง ศาลรัฐธรรมนูญและปปช. ได้ตัดสินและชี้มูลความผิดจนต้องพ้นออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม ทำให้ประเทศชาติต้องหยุดนิ่ง สุดท้ายเมื่อ พลเอก ประยุทธ ผบ.ทบ.ได้เรียกทุกฝ่ายเข้ามาคุยเพื่อหาทางออกแล้ว โดยขอให้ ครม.ที่ยังคงเหลือลาออกเพื่อตั้งนายกฯเพื่อการปฎิรูปประเทศ แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองและการเสียสละ ทำให้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา จำเป็นต้องประกาศยึดอำนาจ "
#11
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:49
ผมมองว่าพวกเรากำลังทำอะไรตามความเชื่ออยู่หรือป่าวครับ เชื่อว่าย้ายค่ายจะสามารถกดดันนายกได้ ผมว่าหลังๆพวกเราเริ่มทำอะไรเหมือนเสื้อแดงขึ้นทุกวัน ไม่ได้อยากขัดขวางแนวทาง กปปส แต่อยากเตือนสติทำอะไรต้องเหตุผล สำหรับผมถ้าเห็นเพื่อนทำผิดก็ต้องเตือนไม่ใช่เฮโลตามกันไป
ตรงใจผมเลยครับ ผมเองคิดว่า เราพวกกัน มีอะไรก็ต้องเตือนกัน เห็นอะไรไม่ถูกต้องก็ต้องห้ามกันบ้าง ทุกวันนี้บอกตรงๆว่าเพื่อนๆหลายคนทำตัวไม่ต่างจากเสื้อแดง ที่ไม่ใช้สมอง เขาปลุกระดมอะไรก็ว่าตามเค้า เห็นแล้วหนักใจครับ แถมยังใช้จินตนาการเป็นเลิศโดยไม่มีหลักฐานอีกในหลายๆเรื่องครับ ลองสังเกตสิหลายๆอย่างที่ กปปส. ทำวันนี้ ไม่ต่างจากที่พวกเราเคยเยาะเย้ยพวกเสื้อแดงในอดีต เช่น ปิดบัญชีธนาคาร แบนสินค้าตัวโน้นตัวนี้ (คงจำกันได้ ที่แดงเคยจะแบนมาม่า) เนี่ยแหล่ะครับ ถ้าไม่อยากให้พวกเสื้อแดงมันมาด่าเราว่าโง่เป็นควาย ก็ใช้สติบ้างคงจะดีกว่าครับ
- คนไทยเท่านั้น likes this
#13
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:10
ขายไปแล้ว จริงหรือเปล่า
บริษัทชื่อชิน แต่ทักษินขายหุ้นชินไปหมดแล้วนะครับ เท่าที่รู้ ถ้ายังคิดว่ายังมีนอมินีของทักษินอยู่ ควรช่วยกันหาหลักฐานดีกว่า ไม่อยากมโนไปเองจนเชื่อว่าเป็นจริง
ขายหมดหรือเปล่าไม่รู้ หลักฐานใครมีก็เอาออกมา แต่เชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ ซุกหุ้นให้คนขับรถก็ทำมาแล้ว นับประสาอะไรกับซุกหุ้นกับบริษัทเก่าที่เคยปั่นมากับมือ
เคยฟัง อจ แก้วสรร กรณีขายหุ้นไหม ละ ซับซ้อน แค่ไหนละ โดนยึด 4.6 หมื่นล้านยังน้อยเกินไป
ผมจะอนุมานตอนนี้ได้ไหมว่า ยังไงกก็ตาม AIS ก็คือผลผลิตจากตระกูลชิน ถึงศาลจะตัดสินไปแล้วเกี่ยวกับกรณีขายหุ้น แต่นั้นคือการลงโทษตามกฎหมาย ถึงเวลาแล้วละที่ต้องลงโทษทางสังคม
มันช่วยไม่ได้ละ ที่เจ้าของ AIS ตอนนี้ น่าจะต้องมีส่วนรับผิดชอบบ้าง ไม่มากก็น้อย อย่างน้อย ก็เป็นส่วนหนึ่ง ในการสนับสนุนตระกูลชิน โดยการซื้อบริษัท ชิน คิดว่าเปลี่ยนเจ้าของ ซื้อบริษัท ตระกูล ชิน แล้วทุกอย่างจะจบง่าย กระนั้นหรือ
Edited by โคนัน, 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:20.
- Lumtakong likes this
#14
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:15
ขายไปแล้ว จริงหรือเปล่า
แหม! เหลือแค่ 40.45 % เอง + นอมินีอีก
"ถ้า คนในชาติยังไม่สำนึกว่า ความเจริญ ก้าวหน้าในปัจจุบันนี้ เกิดจากบรรพบุรุษช่วยกันสร้างสมเป็นมรดกตกทอดมา และยังขาดความรู้ความสนใจเรื่องของตัวเอง วัฒนธรรมของตนเองและสิ่งที่บรรพชนมอบให้ เท่ากับว่า ความเจริญที่เกิดขึ้นมานั้นจะไม่มั่นคงและถาวร"
พระโอวาท : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
#15
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:21
ลองอ่านดูว่า ไทยคมได้ต่ออายุสัมปทานอีก 20 ปี รัฐบาลนี้ มันเอื้อประโยชน์ให้ แบบแปลกๆ มั้ย
ที่มาของการผูกขาดดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไร เพราะเกิดขึ้นสมัยที่หน่วยงานของรัฐยังนิยมให้เอกชนดำเนินกิจการต่างๆ ภายใต้ “ระบบสัมปทาน” โดยบริษัทไทยคมฯ ได้รับสัมปทานอายุ 30 ปีจากกระทรวงคมนาคม (ปัจจุบันโอนมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 ถึง พ.ศ.2564 โดยสัญญาสัมปทานดังกล่าวมีเงื่อนไขที่คุ้มครองไม่ให้ผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาแข่งขันกับบริษัทไทยคมฯ พร้อมกำหนดให้การสื่อสารผ่านดาวเทียมภายในประเทศจะต้องใช้วงจรดาวเทียมของผู้ได้รับสัมปทานเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเปลี่ยนมาสู่ “ระบบใบอนุญาต” ตาม พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (หรือ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ) ตั้งแต่ฉบับปี พ.ศ.2543 มาจนถึงฉบับปี พ.ศ.2553 พร้อมกับการถือกำเนิดถึงของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในปี พ.ศ.2554 ความหวังที่จะเห็นการแข่งขันมากขึ้นในกิจการดาวเทียมสื่อสารก็ถูกจุดประกายขึ้นแต่แทนที่กิจการดาวเทียม ซึ่งตามมาตรา 4 ของ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553 ระบุชัดเจนว่าเป็น “กิจการโทรคมนาคม” จะเป็นเวทีที่เปิดกว้างเพื่อให้ผู้ประกอบการรายต่างๆ เข้ามาแข่งขัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ผ่านวิธีการ “ประมูลใบอนุญาต” ที่มีความโปร่งใส ตามมาตรา 45 ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553 ซึ่งเขียนเอาไว้ว่า ผู้ใดประสงค์จะใช้ “คลื่นความถี่” เพื่อ “กิจการโทรคมนาคม” ต้องได้รับใบอนุญาต ซึ่งต้องดำเนินการโดยวิธีการ “ประมูล” ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และเงื่อนไขที่ กสทช.ประกาศกำหนดบริษัทไทยคมฯ กลับได้รับใบอนุญาตโดยไม่ต้องประมูล หลังจาก กสทช. ตีความข้อกฎหมายว่า “ผู้ให้บริการช่องสัญญาณดาวเทียม (Satellite Network Operator)” เป็นกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่นอกจากนี้ กระบวนการให้ใบอนุญาตกับบริษัทไทยคมฯ ของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ยังมีความเร่งรัดผิดปกติทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2554 บริษัทไทยคมฯ ได้ยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม สำหรับให้บริการดาวเทียมสื่อสารที่วงโคจร 120 องศาตะวันออก ต่อสำนักงาน กสทช. จากนั้น กทค. ก็มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการอนุญาตและกำกับดูแลกิจการบริการดาวเทียมสื่อสาร (หรือคณะอนุกรรมการฯ) ขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้ ในวันที่ 28 มี.ค. 2555และในวันที่ 26 มิถุนายน 2555 ที่ประชุม กทค. ได้อนุมัติให้บริษัทไทยคมได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม โดยอ้างแนวทางการพิจารณาอนุญาตตามที่คณะอนุกรรมการฯ เสนอ ซึ่งหนึ่งในเหตุผลของ “เสียงข้างมาก” ของคณะอนุกรรมการฯ ที่สนับสนุนว่ากิจการดังกล่าวไม่เข้าเกณฑ์มาตรา 45 คือ ดาวเทียมเป็นวัตถุที่ลอยอยู่บนฟ้าเกินกว่า 100 กิโลเมตร จึงอยู่นอกเหนือเขตอธิปไตยของไทย และเป็นหน้าที่ของ ITU ในการกำกับดูแลทว่าหากยึดตามเหตุผลดังกล่าว จะทำให้ไม่มีประเทศใดสามารถบังคับใช้กฎหมายในประเทศนั้นๆ กับ “ดาวเทียม” ดวงใดได้เลย ทั้งๆ ที่ตามข้อเท็จจริง ประเทศไทยได้รับจัดสรรตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมจาก ITU จึงถือเป็นอำนาจอธิปไตยของไทยที่จะจัดการกับวงโคจรดังกล่าว ภายใต้ข้อตกลงร่วมระหว่างประเทศนอกจากนี้ การตีความว่า “ผู้ให้บริการช่องสัญญาณดาวเทียม” เป็นกิจการที่ไม่ต้องประมูลคลื่นความถี่ ก็จะเกิดข้อสงสัยตามว่า หากให้ผู้ให้บริการสถานีดาวเทียมภาคพื้นดินซึ่งถือว่าเป็น “ผู้ให้บริการสื่อสารผ่านดาวเทียม (Satellite Service Provider)” เป็นผู้ประมูลคลื่นความถี่แทน ทั้งที่ดาวเทียมแต่ละดวงใช้คลื่นความถี่ที่ไม่เหมือนกัน อาทิ C-Band Ku-Band Ka-Band X-Band ฯลฯ ก็หมายความว่า ทุกรายต้องประมูลคลื่นทุกชนิดเพื่อให้บริการผ่านช่องสัญญาณดาวเทียมที่ใช้คลื่นแตกต่างกันทั้งหมดไม่เพียงการตีความข้อกฎหมายเท่านั้นที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหา แม้แต่กระบวนการออกใบอนุญาตก็ยังผิดปกติ เพราะที่ประชุม กทค. ออกใบอนุญาตให้กับบริษัทไทยคมโดยที่ “หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการให้ใบอนุญาตกิจการโทรคมนาคมผ่านดาวเทียม” ยังอยู่ในขั้นตอนการร่างเท่านั้นนอกจากนี้ ในการพิจารณาขั้นตอนต่างๆ ก็ดูเหมือนว่าอาจมีการ “ตั้งธง” ในการกำหนดให้ผู้ให้บริการช่องสัญญาณดาวเทียมไม่จำเป็นต้องประมูลคลื่นความถี่ตามมาตรา 45 โดยเห็นได้จากการที่ทีมเลขานุการสำนักงาน กสทช. ทำข้อเสนอสนับสนุนจุดยืนดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ โดยไม่ได้มีการเสนอเหตุผลหรือมีหลักฐานสนับสนุนใดๆ ในเอกสารมาด้วย ทั้งที่เป็น “ประเด็นสำคัญ” ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่สำคัญเงื่อนไขของ กทค. ในการให้ใบอนุญาตกับบริษัทไทยคมฯ ยังอาจสร้างเงื่อนไขให้ตลาดผู้ให้บริการดาวเทียมของไทย “ไร้การแข่งขัน” ต่อไป เพราะระบุว่าบริษัทไทยคมฯ สามารถขอต่ออายุใบอนุญาตที่มีอายุ 20 ปี ไปอีกได้แต่ต้องไม่เกิน 10 ปี พร้อมเปิดให้เอกชนรายนี้ สามารถยื่นเอกสารของสิทธิใช้งานวงโคจรเพิ่มเติม ทั้งๆ ที่วงโคจรซึ่งไทยได้รับจัดสรรจาก ITU มีอยู่อย่างจำกัดจากเรื่องราวที่ปรากฏข้างต้น แสดงให้เห็นว่า กสทช.ไม่ได้พยายามส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันในกิจการดาวเทียมแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่เทคโนโลยีการสื่อสารสามารถสร้างประโยชน์มหาศาล ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ดังนั้น กสทช. จึงควรใช้อำนาจตามกฎหมายในการปลดแอกกิจการดาวเทียมออกจากระบบสัมปทาน และสนับสนุนให้มีการแข่งขันกันอย่างจริงจัง
Edited by Bookmarks, 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:24.
#16
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:28
ขายไปแล้ว จริงหรือเปล่า
บริษัทชื่อชิน แต่ทักษินขายหุ้นชินไปหมดแล้วนะครับ เท่าที่รู้ ถ้ายังคิดว่ายังมีนอมินีของทักษินอยู่ ควรช่วยกันหาหลักฐานดีกว่า ไม่อยากมโนไปเองจนเชื่อว่าเป็นจริง
ใช่ครับ จะพูดจะเขียนอะไรต้องมีหลักฐาน ไม่งั้นใครจะมโนไปเองยังไงก็ได้
- NightMare likes this
#17
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:33
ถ้าสมมติหาหลักฐานมาได้จริง ๆ แล้ว ทักษิณยังถือหุ้น AIS อยู่ในรูปแบบอื่น
ควายแดงจะแถต่อเรื่องอื่น เชื่อผมเถอะ
ทักษิณ พรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง และการเลือกตั้ง คือส่วนผสมที่ลงตัวของ ...
ประชาธิปไตยแบบทรราช
#18
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:36
ถ้าสมมติหาหลักฐานมาได้จริง ๆ แล้ว ทักษิณยังถือหุ้น AIS อยู่ในรูปแบบอื่น
ควายแดงจะแถต่อเรื่องอื่น เชื่อผมเถอะ
ควายแดงอยากจะแถอะไรก็ให้มันแถไปเลยครับ ไม่ได้สนใจ แต่อย่างน้อยถ้ามีหลักฐานชัดเจน พวกเราจะได้มั่นใจว่าทำสิ่งที่ถูกต้องและไม่ได้คิดไปเอง
#19
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:15
นายวิเชียร ไม่ปฏิเสธตั้งแต่ครั้งแรก ว่าไม่เกี่ยวกับชินคอร์ป
ยังคงยะโสว่ามีสมาชิก 41 ล้านคน
แสดงว่าทักษิณน่าจะยังคงถือหุ้นอยู่
ดูพฤตินัยแล้วทักษิณยังคงมีเอี่ยวใน เอไอเอส แน่นอน
#20
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:20
นายวิเชียร ไม่ปฏิเสธตั้งแต่ครั้งแรก ว่าไม่เกี่ยวกับชินคอร์ป
ยังคงยะโสว่ามีสมาชิก 41 ล้านคน
แสดงว่าทักษิณน่าจะยังคงถือหุ้นอยู่
ดูพฤตินัยแล้วทักษิณยังคงมีเอี่ยวใน เอไอเอส แน่นอน
ขายหมดหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นแล้วครับ แต่ถ้าบอกว่าเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ป จนป่านนี้ ก็ยังทำอยู่
Edited by Bookmarks, 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:22.
#21
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:43
เห็นว่าจะเล่นงานกลุ่มธุรกิจทักษินและพุ่งเป้าไปที่ ais ผมก็สงสัยว่าจะได้ผลจริงหรือไม่ จากที่เข้าใจ ทักษินขายหุ้นชินไปหมดแล้วซึ่งเป็นบริษัทแม่ของหลายๆบริษัท เช่น ais ไทยคม
สู้ไปเล่นงานกลุ่ม sc asset ไม่ดีกว่าเหรอ บริษัทนี้ รู้แน่นอนของใคร
ไปถามสถาบันการเงิน"นอมินี"ในสิงคโปร์ซิ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
Edited by ปุถุชน, 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:44.
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#22
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 15:21
อ้าว แล้วที่ที่บอกว่ามีคนใช้ 41 ล้าน ไม่มีปัญหาเมื่อวานละ
ไม่เข้าใจพวกนี้ออกมาปากหมา ยะโสโอหังกันได้ทุกวันทุกคนอย่างกำนันว่าจริงๆ
พนักงานกว่าหมื่นคนหรือน้อยกว่านั้นในเวลาเริ่มต้น....
มีส่วนสนับสนุนรับใช้เจ้าของบริษัท ทักษิณค้ากำไรเกินควรจากราคาเครื่องและการใช้บริการ.....
อย่าเอาแต่รับชอบ รู้จักรับผิดบ้าง.....!
ผู้ บริหารและพนักงานต้องแสดงความรับผิดชอบไม่ให้องค์กรรับใช้ทักษิณ นักโทษหนีคุกและพรรคพวกให้ประชาชนเข้าใจมากกว่าจะพูดแค่นี้......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ปล.พนักงาน ธนาคารออมสินแต่งชุดดำเพื่อคัดค้าน ประท้วงผู้บริหารธนาคารที่ปล่อยกู้ให้ธนาคาร ธกส.และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทั้งที่รู้ว่าผิดกฏหมาย....!
สหภาพแรงงานของธนาคารของรัฐบาลอื่นๆ ก็แสดงการคัดค้าน ประท้วงผู้บริหารของธนาคารด้วย....
ดังนั้นผู้บริหารและพนักงาน ais .....
อย่า"รับชอบ"อย่างเดียว ต้อง"รับผิด" รับใช้ประชาชนด้วย.....!
อย่าลืม.....!!!
เวลานี้บริษัทนี้ยังอาศัยการแก้ไขกฏหมาย เงื่อนไข กติกา ผลประโยชน์ที่ได้รับระหว่างที่ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจเป็นธรรม !
ดังนั้นสิทธิประโยชน์ ผลประโยชน์นั้น กลับคืนอย่างเดิม หรือแก้ไขให้เป็นประโยชน์กับประเทศไทย.....!
ผู้ถือหุ้น ผู้บริหาร และพนักงานต้องรับผิดชอบแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
Myst.....
บริษัทนี้และบริษัทในเครือ เคยได้รับประโยชน์จาก'รัฐบาลทักษิณ'มากมาย ตั้งแต่การแก้ไขกฏหมายให้เป็นประโยชน์กับบริษัท....
บริษัทได้สิทธิพิเศษทางภาษี การปฏิบัติการอื่นๆ รวมทั้งให้ข้าราชการใช้"มือถือ"ยี่ห้อของเขา ฯลฯ....
ผู้ที่ปฏิบัติ คือผู้บริหาร พนักงานบริษัท.....!
วันนี้บริษัทนี้ต้องรับผิด แก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกต้องด้วย เข้าใจไหม ?
ราคาหุ้นที่มาถึงวันนี้ เพราะเหตุใด เป็นไปตามธรรมชาติหรือได้รับสิทธิพิเศษ....?
Edited by ปุถุชน, 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 15:22.
- จาจา likes this
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#24
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 16:04
ไอ้แม้วมันขายให้ เทมาเส็คแบบเอาผลประโยชน์ชาติ ไปเอื้อประโยชน์ให้ โดนแบบนี้ ก็ถูกแล้วไง เมื่อสิงคโปร์เล่นไม่ซื่อ สมรู้ร่วมคิดมาเอาผลประโยชน์ของไทย มันก็ต้องโดนแบบนี้แหละ ประเทศไหนค้าขายกับไอ้แม้ว แบบไม่ซื่อ มันก็ต้องทำให้เจ๊ง เวลามันเอาผลประโยชน์อะไรให้ จะได้คิดมากขึ้น
กุหลาบแก้ว ใครถือหุ้น??
นอกจากนั้นกรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังตรวจสอบพบว่า ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินในบัญชีธนาคารของบริษัท กุหลาบแก้ว บริษัท ซีดาร์ฯ และบริษัท ไซเพรสฯเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน คือบุคคล 2 ใน 3 คือ นายเอส ไอสวาราน (S. Isawaran) น.ส.ตัน ไอ ชิง (Tan Ai Ching) และ น.ส.ไช ยู จู (Chie Yuo Jeo) ซึ่งไม่มีชื่อของนายพงส์ สารสิน ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริษัทกุหลาบแก้วและเป็น 1 ใน 3 ของกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทกุหลาบแก้ว (กรรมการอีก 2 คน คือนาย เอส ไอสวาราน และ น.ส.ไช ยู จู)แม้ต่อมานายสุรินทร์จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการเป็นนายเอส ไอสวาราน นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และนางสุธีรา อุปพัทธางกูร และเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท ก็ไม่มีการเปลี่ยนผู้มีอำนาจลงนามจ่ายเงินในบัญชีของบริษัทกุหลาบแก้ว บริษัทซีดาร์ฯคำถามคือ ทำไมทั้งนายพงส์และนายสุรินทร์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และเป็นกรรมการที่มีอำนาจทำการแทนบริษัท จึงไม่มีชื่อเป็นผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงิน จากบัญชีธนาคารของบริษัท ทั้งๆ ที่เรื่องการเงินเป็นสิ่งสำคัญในทางธุรกิจ โดยกลุ่มบุคคลที่มีอำนาจสั่งจ่ายเงินจากธนาคารทั้ง 3 คน เป็นคนของเทมาเส็กทั้งหมด
นางศิริเพ็ญ สีตสุวรรณ กรรมการบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN แจ้งผลการประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 2/2549 วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2549 ว่า ที่ประชุมมีมติรับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2549 ประชุมเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 อนุมัติการแต่งตั้ง นายพงส์ สารสิน เข้าดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ รวมทั้งอนุมัติการแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนชุดใหม่ ดังมีรายชื่อดังนี้ 1. Mr.S Iswaran ประธานคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน 2.นายบุญคลี ปลั่งศิริ 3.ดร.โอฬาร ไชยประวัติ และ 4.นายวิทิต ลีนุตพงษ์ เป็นกรรมการ นอกจากนี้ อนุมัติการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาชุดใหม่ โดยมีรายชื่อดังนี้ นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานคณะกรรมการสรรหา 2. Mr.S Iswaran 3.นายบุญคลี ปลั่งศิริ และ 4.นายวิทิต ลีนุตพงษ์ เป็นกรรมการ และรับทราบการแต่งตั้ง JP Morgan Securities (Thailand) Limited เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการ
#25
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 16:07
บริษัทพวกนี้ยังเช่าสำนักงานอยู่ในตึกของตระกูลชินวัตร
ผู้ใช้ 3 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 3 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน