----------------------------------------------------------------------------------------------------------
หรือว่า ยาวเกิน 3 บรรทัดมากเกินไป ?...
Posted 25 February 2014 - 09:44
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
หรือว่า ยาวเกิน 3 บรรทัดมากเกินไป ?...
Posted 25 February 2014 - 09:51
เห็นมั้ย นี่คือหลักฐานที่ว่า กปปส ชุมนุมอย่างไม่สงบ ในบรรทัดที่ 18-20 (3 บรรทัดพอดี)
เป็นไงล่ะไอ้พวกแมลงวาป ชัดเจนรึยัง
Edited by -3-, 25 February 2014 - 09:52.
Posted 25 February 2014 - 10:23
อย่างน้อย ก็น่าจะมีไอ้หมอนี่หนึ่งแหล่ะ ที่น่าจะอ่าน
และไม่เข้าใจเหมือนบทความข้างบน...
เลยออกมาเขียนบ่น เป็นน้ำท่วมทุ่งแบบนี้...
เกี่ยวแต่เรื่องสามัญสำนึกเท่านั้นเองครับ
ผมจะไม่ย้อนอดีตถึงการชุมนุมของพันธมิตรฯ
ผมจะไม่ย้อนกลับไปถึงการทำรัฐประหารเมื่อปี 49
และผมจะไม่ย้อนกลับไปถึงการเข่นฆ่าประชาชนกลางกรุงเมื่อปี 53
แต่ผมกำลังจะพูดถึงการชุมนุมของ กปปส.ในปัจจุบันนี้ จากสามัญสำนึกของผมเพียงอย่างเดียวครับจากสามัญสำนึก มันบอกผมว่า ถ้าการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้การชุมนุมของ กปปส.เป็นการชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ มันจะกลายเป็นบรรทัดฐานให้กับการชุมนุมกลุ่มอื่นๆที่จะมีขึ้นในอนาคตว่า
การชุมนุมสามารถที่จะปิดสถานที่ราชการได้ทุกแห่ง
การชุมนุมสามารถที่จะปิดโรงเรียนต่างๆได้ทุกที่
การชุมนุมสามารถที่จะปิดถนนสายไหนก็ได้ในประเทศนี้
การชุมนุมสามารถที่จะมีอาวุธสงครามไว้ป้องกันตัวเองได้
การชุมนุมสามารถที่จะไปกดดันคุกคามสื่อได้ทุกเมื่อ
การชุมนุมสามารถที่จะประกาศไล่ล่าใครก็ได้ที่ไม่เห็นด้วย
การชุมนุมสามารถที่จะไประรานธุรกิจของฝ่ายตรงข้ามได้
การชุมนุมยังสามารถไปกดดันไม่ให้สถาบันการเงินต่างๆทำธุรกรรมใดๆที่กลุ่มชุมนุมไม่เห็นด้วย
และการชุมนุมยังสามารถประกาศจุดยืนให้ชัดเจนว่า ต้องการตั้งรัฎฐาธิปัตย์ขึ้นมาบริหารประเทศได้เองด้วยเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว อย่าหวังว่าประเทศไทยจะมีความสงบสุขได้อีกต่อไป เมื่อกลุ่มหนึ่งแย่งอำนาจได้จากการชุมนุม ย่อมมีอีกกลุ่มที่จะเข้ามาแย่งอำนาจกลับคืนด้วยวิธีแบบเดียวกัน
สุดท้ายผู้ที่ได้รับเคราะห์กรรมจากการกระทำเหล่านี้ ไม่ใช่แค่ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่เป็นเคราะห์กรรมของประเทศด้วยนะครับ ทั้งหมดนี้จะโทษใครไม่ได้ นอกจากการวินิจฉัยที่กลายเป็นบรรทัดฐานไปเสียแล้วแต่ถ้ามันไม่ใช่บรรทัดฐาน มันเป็นเพียงการวินิจฉัยตามสถานการณ์เท่านั้น นั่นกลับกลายเป็นการไร้หลักการ มันกลับกลายเป็นการวินิจฉัยแบบไร้มาตรฐาน นั่นกลับยิ่งสร้างความขัดแย้งให้เพิ่มมากขึ้น สร้างความเกลียดชังให้เพิ่มมากขึ้น
แล้วสุดท้ายศาลก็จะไม่เป็นที่พึ่งของประชาชนอีกต่อไป เพราะความวิกฤติศรัทธาที่ตัวศาลสร้างขึ้นเอง นี่คือเค้ารางแห่งความยุ่งยากวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างไม่มีสิ้นสุดจากสามัญสำนึก มันบอกผมว่า การห้ามใช้ พรก.ฉุกเฉินถึง 9 ข้อ ของศาลแพ่งนั้น มันจะกลายเป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคตสำหรับรัฐบาลชุดต่อๆไป
รัฐบาลจากนี้ไป คงไม่มีใครกล้าสั่งให้เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม ต่อให้ผู้ชุมนุมจะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั่วไปอย่างแสนสาหัสแค่ไหนก็ตามรัฐบาลจากนี้ไป คงไม่กล้าสั่งการให้เจ้าหน้าที่ อายัดสินค้า อุปโภคบริโภคที่ใช้ในการก่อความวุ่นวายให้กับประเทศอีกต่อไป ไม่ว่าสินค้าและอุปโภคบริโภคเหล่านั้นจะถูกกฎหมายหรือไม่ก็ตาม
รัฐบาลจากนี้ไป คงไม่กล้าสั่งเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจค้นและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของผู้ชุมนุม แม้ว่าจะมีผู้ไม่หวังดีขนสิ่งกฎหมายเข้าที่ชุมนุม หรือแม้กระทั่งผู้ชุมนุมจะไปปลูกสร้างปิดทางเข้าออกของศาลก็ตามรัฐบาลจากนี้ไป คงไม่กล้าสั่งเจ้าหน้าที่ ไปห้ามผู้ชุมนุมซื้อขายสินค้า เครื่องอุปโภคบริโภคที่ใช้ในการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กีฬาอย่างไม้เบสบอล หรือแม้จะเป็นมีดขนาดต่างๆที่ใช้การทำครัวหรือใช้สำหรับปลูกสร้างก็ตาม
รัฐบาลจากนี้ไป คงไม่กล้าสั่งเจ้าหน้าที่ปิดการจราจรเส้นทางคมนาคมต่างๆอีกต่อไป ไม่ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะตั้งทีมไล่ล่าใคร จะเดินขบวนไปปิดสถานที่ราชการใดๆ ธุรกิจของเอกชนใดๆ หรือแม้กระทั่งศาลต่างๆก็ตามรัฐบาลจากนี้ไป คงไม่กล้าสั่งห้ามการชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ดังนั้นต่อไปนี้ จะชุมนุมกันแค่หลักหลายสิบ หลักหลายร้อย หรือหลักหลายพันก็ตาม ล้วนแต่สามารถปิดถนน ยึดสถานที่ราชการได้ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น เพียงแค่อ้างรัฐบาลทุจริต ขาดความชอบธรรม
รัฐบาลจากนี้ไป คงไม่กล้ากำหนดห้ามใช้เส้นทางคมนาคมอีกต่อไป ต่อให้เส้นทางเหล่านั้น จะเป็นเส้นทางสำคัญที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมากมายหรือความเสียหายอื่นๆก็ตามรัฐบาลจากนี้ไป คงไม่กล้าสั่งห้ามการใช้อาคารของผู้ชุมนุมต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นอาคารรัฐสภา อาคารสถานที่ราชการต่างๆ อาคารของศาลต่างๆหรือแม้กระทั่งอาคารของประชาชนต่างๆก็ตาม
รัฐบาลจากนี้ไป คงไม่กล้าห้ามบุคคลเข้าและออกพื้นที่การชุมนุมอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นพวกทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นพวกมีหมายจับ ไม่ว่าจะเป็นพวกก่อการกบฏก็ตามสิ่งเหล่านี้เมื่อเป็นบรรทัดฐานเสียแล้ว เพราะในที่ชุมนุมกลายเป็นพื้นที่เอกสิทธิ์เฉพาะที่รัฐบาลยากจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้ แล้วประชาชาชนธรรมดาอย่างพวกเราจะไปหวังพึ่งพารัฐบาลมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากการชุมนุมที่ไม่คำนึงถึงกฎหมายได้อย่างไรกันครับ
แต่ถ้าไม่ใช่บรรทัดฐานเฉกเช่นเดียวกับปี 53 ที่ไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจฝ่ายบริหารได้ล่ะก้อ ยิ่งทำให้ประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งหมดหวังจะพึ่งพากฎหมาย มันจึงอาจกลายเป็นชนวนให้ประชาชนที่รักสิทธิของตัวเอง ปกป้องประชาธิปไตยให้คงอยู่ ต้องลุกขึ้นมาใช้วิธีการกฎหมู่เข้ามาปกป้องอำนาจของตัวเองด้วยพวกเขาเองแทนแล้วถึงเวลานั้น สามัญสำนึกบอกผมว่า ประเทศไทยอันเป็นที่รักของพวกเราอาจถึงกาลต้องแตกแยกถึงขั้นแบ่งชาติแบ่งแผ่นดิน เพราะประชาชนสองฝ่ายต้องลุกขึ้นมาจับอาวุธประหัตประหารกันเอง
ดังนั้นจากสามัญสำนึก คอยเตือนผมว่า ก่อนที่จะสายเกินไป เรายังพอมีเวลาแก้ไข
เพียงแค่บังคับกฎหมายด้วยมาตรฐานเดียว
เพียงแค่บังคับใช้กฎหมายที่ตราขึ้นเป็นกฎหมายเท่านั้น
เพียงแค่เห็นคนไทยทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพเท่ากันในทุกมิติ
และเพียงแค่บังคับให้ทุกคนเคารพกฎหมายและทำตามกติกาที่กำหนดเท่านั้นเอง ความหายนะที่จะเกิดขึ้น คงได้ผ่อนหนักเป็นเบาเป็นแน่แท้ครับ
โดย: ทวดเอง
http://forum.banrasd...d.php?tid=34768
Posted 25 February 2014 - 11:32
อย่างน้อย ก็น่าจะมีไอ้หมอนี่หนึ่งแหล่ะ ที่น่าจะอ่าน
และไม่เข้าใจเหมือนบทความข้างบน...
เลยออกมาเขียนบ่น เป็นน้ำท่วมทุ่งแบบนี้...
เพียงแค่เห็นคนไทยทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพเท่ากันในทุกมิติ
โดย: ทวดเอง
ทุกมิตินี่รวมถึงการกินข้าว การทำงานด้วยรึเปล่าครับ
เราเรียกร้องประชาธิปไตยนะครับ แต่อ้างชาวนา คนจน และชนชั้นไพร่-อำมาตย์เสมอๆ
Posted 25 February 2014 - 11:36
โดย: ทวดเอง
แต่อีทวดเองคนเดียวนี้แหละ ปี 53 ยึดถนนการค้าเป็นเดือนๆ ปล้นอาวุธทหาร ทำร้ายประชาชนและทหาร
มันบอกทำได้ ไม่ผิด เป็นสิทธิที่จะล้มล้างรัฐบาลในค่ายทหาร
คนมันชั่ว มันก็สำนึกชั่วเช่นนี้แหละครับ
0 members, 0 guests, 0 anonymous users