Jump to content


Photo
- - - - -

เอ่เอ๊ทีวี เอาอีกแล้วนะ กับบทความ สามัคคี “ปาหี่ถั่งเช่า” “เทือก-ประยุทธ์-อดุลย์”


  • Please log in to reply
34 replies to this topic

#1 ctpk05

ctpk05

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

Posted 1 March 2014 - 19:30

ไม่ขอออกความเห็นใดๆ เชิญทุกท่านทัศนาครับ

 

 

http://manager.co.th...D=9570000023692

  สามัคคี “ปาหี่ถั่งเช่า” “เทือก-ประยุทธ์-อดุลย์”
 
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลังโศกนาฏกรรมอันนำมาซึ่งความสะเทือนใจของผู้คนทั้งแผ่นดินกับการเสียชีวิตของ “น้องเค้ก-น้องเคน” จากฝีมือ “***” ที่หน้าห้างบิ๊กซี สาขาราชดำริและ “น้องขิม-น้องฟิก” จากน้ำมือของ “******” ในเวทีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. จังหวัดตราด ทำให้ราชสีห์ผู้ที่ถนัดแต่การคำรามจนคอแหบคอแห้งชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบก มีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 2 ปฏิกิริยาด้วยกัน
       
       ปฏิกิริยาแรกคือ การออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557
       
        และปฏิกิริยาที่สองคือการลงนามในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(ผอ.รมน.) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะรอง ผอ.รมน.จังหวัดช่วยกันติดตามสอดส่องการยุยงการปลุกปั่นให้คนในสังคมเพิ่มความเกลียดชัง แบ่งฝ่าย และบางครั้งเลยเถิดถึงการพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ ในวันถัดมาคือวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 
       
       หลายคนมองว่า ทั้งสองปฏิกิริยา โดยเฉพาะปฏิกิริยาหลังในฐานะ ผอ.รมน.คือ “การแผลงฤทธิ์” ที่มีนัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่กำลังเชี่ยวกรากและทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที เนื่องเพราะเป็นการใช้คำสั่งที่ข้ามหน้าข้ามตา “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็น ผอ.รมน.โดยตำแหน่ง
       
       ขณะที่อีกจำนวนไม่น้อย ก็ยังคงมอง พล.อ.ประยุทธ์ด้วยสายตาเดิมๆ เพราะพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็สรุปได้ว่า เป็นแค่เพียง “การคำราม” ที่ไม่ได้บังเกิดผลในทางปฏิบัติแต่ประการใด รวมถึงมองเห็นเป็นเพียง “การแก้เกี้ยว” หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่ใยดีต่อสถานการณ์บ้านเมือง กระทั่งมีเด็กต้องเสียชีวิต ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอีกต่อไป
       
       อย่างไรก็ตาม รหัสนัยที่เกิดขึ้นมิได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น หากยังมีความเคลื่อนไหวของ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการ กปปส.ที่ออกโรงชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์อย่างออกนอกหน้า รวมถึงปรากฏการณ์พิสดารที่มวลมหาประชาชนสับสนและงุนงงกับการที่นายสุเทพทำท่าประหนึ่งหวานชื่นและคืนดีกับ “พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” หลังยกขบวนไปบุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ด่ากราดกันชนิดที่เรียกว่าผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ
       นี่คือ ความเคลื่อนไหวที่ต้องถอดรหัสว่า แท้ที่จริงแล้วมีวัตถุประสงค์อะไร ใช่เป็น “สามัคคีปาหี่ถั่งเช่า” อย่างที่สังคมกำลังตั้งข้อสงสัยและกล่าวหากันหรือไม่?
       
       **เมื่อคนดีของลุงกำนัน
       อยากให้มีการเจรจา
       
       ความจริงต้องบอกว่า ชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ได้ตกหล่นไปจากเศษเสี้ยวแห่งความทรงจำดีๆ เมื่อครั้งแรกรับตำแหน่งใหม่ๆ ไปตั้งนมนานกาเลแล้ว และยิ่งนานวัน สังคมก็สัมผัสได้ถึงตัวตนที่แท้จริง จนแทบไม่มีใครเชื่อถือหรือฝากความหวังเอาไว้กับผู้ชายที่มีชื่อเล่นว่า “ตู่” เสียด้วยซ้ำไป
       
       กระนั้นก็ดีด้วยความที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็น “ทหารเสือราชินี” ที่ประดับสัญลักษณ์ “หัวใจสีม่วง” ภายใต้พระปรมาภิไธยย่อ “สก.” เอาไว้ที่หน้าอก ก็ยังทำให้หลายคนอดที่จะแอบหวังเล็กๆ ไม่ได้ว่า สุดท้ายแล้ว ทหารใหญ่ผู้นี้จะเปลี่ยนใจ
       
       หลังความเศร้าสลดใจเกิดขึ้นทั้งแผ่นดินจากการเสียชีวิตของเด็กน้อยทั้ง 4 คนจาก 2 เหตุการณ์ ทุกสายตาจับจ้องมองไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ว่าจะมีปฏิกิริยาอะไรหรือไม่ และในที่สุดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 ก็ปรากฏข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะแถลงการณ์แสดงจุดยืนของกองทัพบกผ่านช่อง 5 ซึ่งผู้คนที่แอบมีหวังลึกๆ ว่า คราวนี้ทหารเสือจอมคำรามคงจะเหลืออดถึงกับต้องใช้เวลาของช่อง 5 ในการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ
       
       และในวันนั้น สิ่งที่ผู้คนได้ยินได้ฟังพร้อมกันทั่วประเทศก็มีอยู่ว่า......
       
       “ในนามของ ผบ.ทบ. และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่บาดเจ็บ และสูญเสียชีวิต ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ในการปฏิบัติหน้าที่ วันนี้ทางกองทัพบกพยายามหารือไปยังนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) และทุกกลุ่มผู้ชุมนุม ในการจะร่วมกันยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นให้ได้ รวมถึงหาตัวผู้กระทำความผิด ใช้อาวุธสงครามอย่างอุกอาจ ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐและเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ทุกภาคส่วนที่ต้องพิสูจน์ทราบ เพื่อดำเนินการป้องกันปราบปราม ตามกระบวนการทางกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากยังคงมีอยู่ นับวันสถานการณ์จะมีความรุนแรงมากขึ้น จนไม่สามารถควบคุม หรือ ยุติได้ และจะทำให้เกิดความสูญเสียต่อประเทศชาติอย่างมหาศาลในโอกาสต่อไป”
       
       แปลความได้ว่า กองทัพบกพยายามหารือนายกฯ ปู พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศรส. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขา กปปส. และคนเสื้อแดงเพื่อร่วมกันยุติความรุนแรง
       
       คำถามมีอยู่ว่า คนระดับผู้บัญชาการทหารบกเชื่อได้อย่างไรว่าการหารือกับบุคคลดังมีรายนามข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาล ตำรวจและคนเสื้อแดงจะช่วยยุติความรุนแรงได้จริง เพราะนับตั้งแต่เกิดเหตุความรุนแรงที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงมาจนถึงปัจจุบัน ตำรวจยังไม่สามารถจับตัวผู้ก่อเหตุได้แม้แต่รายเดียว เว้นแต่คดีนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรที่จับได้เร็วจนเหลือเชื่อ
       
       นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังตอกย้ำด้วยชุดข้อมูลเดิมๆ ว่า ...
       
       “สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง จากข้อมูลงานด้านการข่าว พบว่า มีหลายกลุ่มด้วยกัน ส่วนใหญ่จะมีส่วนกับการชุมนุมในปี 2553 ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ทราบ และหาหลักฐานให้ชัดเจน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้เร็วที่สุด กองทัพไม่กลัวการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ แต่เกรงว่า จะเกิดการบาดเจ็บ สูญเสีย ของประชาชนเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เนื่องจากยังมีหลายพวก หลายฝ่ายไม่เข้าใจ และยังต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร”
       
       แปลความได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้ว่า ใครเป็นคนทำ และรู้ด้วยว่าเกี่ยวข้องกับการชุมนุมในปี 2553 ซึ่งก็คือการชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองของคนเสื้อแดง แต่ยังไม่มีปัญญาหรือใช้คำที่สุภาพกว่านี้ว่า กำลังพยายามหาหลักฐานมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
       
       ที่น่าสนใจคือ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำคลอดชุดข้อมูลดังกล่าวออกมา แต่เวลาที่ล่วงเลยไปมิได้ช่วยทำให้อะไรกระจ่างแจ้งขึ้น แถมยังไม่สามารถสกัดกั้นการใช้ความรุนแรงได้ ทั้งๆ ที่ทหารออกมาเพ่นพ่านทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ในขณะนี้
       
       ที่สำคัญกว่านั้นอยู่ตรงที่ พล.อ.ประยุทธ์รู้อยู่เต็มอกว่า การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในขณะนี้เลยเถิดไปไกลถึงขั้นประกาศชัดเจนว่าจะออกมาปกป้องรัฐบาลและจะสู้เต็มที่โดยไม่คำนึงถึงวิธีการที่ใช้ รวมทั้งจะตั้งกองกำลังและต่อสู้ด้วยอาวุธ โดยสุดท้ายหากไม่สำเร็จก็จะมีการแบ่งแยกดินแดนกันเลยทีเดียว ซึ่งหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้คือการประกาศบนเวที นปช.ที่จังหวัดนครราชสีมาของ “นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เด็กรับใช้ตัวเอ้ของระบอบทักษิณที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะนำข้อเสนอการแบ่งแยกประเทศ พร้อมทั้งให้ประชาชนจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ มาปฏิวัติ รวมถึงคำให้ สัมภาษณ์ของนายวิสุทธ์ ไชยณรุณ อดีต ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทยและรองประธานสภาที่ยืนยันว่า แนวความคิดแบ่งแยกประเทศของคนเสื้อแดงเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ข่าวโคมลอย
       
       แต่สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศจะดำเนินการคือ “ให้ทุกพวก ทุกกลุ่ม มาพูดคุย หารือกันเพื่อให้เชื่อได้ว่า จะได้รับความเป็นธรรม ความชอบธรรมอย่างเท่าเทียม และช่วยกันก้าวเดินนำพาไปสู่การแก้ปัญหาที่เป็นระบบอย่างสันติวิธี การแก้ไขดังกล่าว ต้องอาศัยประชาชนทั้งประเทศเรียกร้องให้เกิดขึ้น อย่าคิดว่า ธุระไม่ใช่ หรือการถือพวก ถือฝ่าย ต้องเอาผลประโยชน์ของชาติ ทั้งปัจจุบันและอนาคต มาเป็นหลักในการแก้ปัญหาวิกฤติการณ์ในปัจจุบันให้ได้ จนได้รับการยอมรับในข้อเท็จจริงจากคู่ขัดแย้ง และประชาชนทุกหมู่เหล่าที่เป็นคนไทย และเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง”
       
       พล.อ.ประยุทธ์ปรารถนาที่จะให้มีการเจรจาเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าสถานการณ์ ณ ขณะนี้เลยจุดนั้นไปเรียบร้อยแล้ว เพราะนายใหญ่ของคนเสื้อแดงส่งสัญญาณแล้วว่า นับจากนาทีนี้ไปให้สู้แบบ “ล้มกระดาน” โดยจะไม่ยอม “นอนรอความตาย” และสั่งการให้มีการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ
       
       พล.อ.ประยุทธ์คิดถึงประเด็นเหล่านี้ก่อนที่จะพูดหรือแถลงการณ์หรือไม่ เพราะถ้าไม่คิดก็มิอาจตีความเป็นอย่างอื่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการปัดสวะให้พ้นไปจากตัวเองและแถลงการณ์เพื่อสร้างภาพเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นเท่านั้น แล้วก็พร่ำบ่นอยู่ตลอดเวลาว่า “สิ่งที่กองทัพดำเนินการในเวลานี้ จำเป็นต้องยึดถือกฎหมายรัฐธรรมนูญ” ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ประชาชนรับรู้อยู่แล้ว และไม่มีใครปรารถนาให้ทหารทำการรัฐประหารโดยฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง แถมยังส่งสัญญาณว่าเห็นด้วยและสนับสนุนการเปิดเวทีเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างรัฐบาลและ กปปส.อีกต่างหาก ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากสิ่งที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการณ์นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์เสียด้วยซ้ำไป ราวกับนัดล่วงหน้ากันมาก่อนอย่างนั้น
       
       26 กุมภาพันธ์ 2557 นางสาวยิ่งลักษณ์ที่กำลังใช้ชีวิตเป็นสัมภเวสีไปต่างจากผู้เป็นผู้ชายให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาระบุว่า หากความขัดแย้งยังไม่ยุติและหันหน้ามาสู่การเจรจากัน อาจจะส่งผลให้เกิดคามรุนแรงทางการเมืองว่า ส่วนตัวเห็นด้วยและอยากให้เกิดการเจรจา อยากเห็นบ้านเมืองแก้ปัญหาด้วยความสงบ ไม่อยากเห็นบ้านเรามีความแตกแยกไปเรื่อยๆ และนำไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสีย
       
       แถมมีข้อมูลยืนยันอีกต่างหากว่า ก่อนที่จะมีการแถลงการณ์ออกไป นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์จะต่อสายไปยังผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพแล้ว ยังได้มีการทำความเข้าใจกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.) เพื่อเป็นการป้องกันการเข้าใจผิด เพราะแถลงการณ์ครั้งนี้มีเป้าประสงค์ประการเดียวคือ การเตือนสติทุกฝ่ายให้ระวังการเกิดสงครามการเมือง
       
       **สั่งผู้ว่าฯ รายงานตรง
       บิ๊กตู่ “แผลงฤทธิ์” หรือแค่ “แก้เกี้ยว”
       
       และผลของการปัดสวะที่เกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 นั้นเอง ได้นำมาสู่ปฏิกิริยาที่สอง ซึ่งอาจตีความได้ว่าเป็นการแก้ตัวหลังจากพบว่า การแถลงข่าวผ่านช่อง 5 นอกจากจะไม่ได้มีความหมายอะไร แถมยังทำให้ภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ติดลบไปกว่าเดิมอีกหลายเท่า นั่นก็คือการออกคำสั่งในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะ ผอ.รมน.จังหวัดช่วยกันติดตามสอดส่องการยุยงปลุกปั่นให้คนในสังคมเพิ่มความเกลียดชัง แบ่งฝ่าย จนเลยเถิดพาดพิงสถาบัน ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามขยายวงกว้าง
       
       ฉับพลันทันทีที่ตกเป็นข่าว เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังตามมาอื้ออึงว่าเกิดอะไรขึ้น การสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ในนาม รอง ผอ.รมน. เป็นไปโดยพละการหรือผ่านความเห็นชอบจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในฐานะ ผอ.รมน. โดยตำแหน่งหรือไม่ หรือมีผีอันใดเข้าสิงจึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ที่เล่นบทลอยตัวมาโดยตลอดถึงเกิดความกล้าหาญชาญชัยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเยี่ยงนี้
       
       บ้างก็ว่า นี่คือสัญญาณแตกหักอย่างเป็นทางการกับรัฐบาล
       
       บ้างก็ว่า นี่คือการแสดงให้เห็นว่า ทหารปฏิเสธรัฐบาลยิ่งลักษณ์และต้องการท้าทายอำนาจด้วยทดลองสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง
       
       บ้างก็ว่า นี่คือความเคลื่อนไหวเพื่อสกัดกั้นขบวนการโจรเสื้อแดงที่กำลังประกาศแบ่งแยกดินแดนของราชอาณาจักรไทยมิให้เป็นหนึ่งเดียวอีกต่อไป
       
       เพราะนี่คือการออกคำสั่ง “ครั้งแรก” ในประวัติศาสตร์ที่ รอง ผอ.รมน.ใช้อำนาจข้ามหัว ผอ.รมน.คือนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ต่างอะไรจาก “การรัฐประหารเงียบ”
       
       แต่...บ้างก็ว่า นี่เป็นแค่ละครอีกฉากหนึ่งที่เกิดขึ้นโดยหาสาระสำคัญอันใดไม่ได้
       
       และเมื่อตรวจสอบเสียงสะท้อนจากเจ้าของตำแหน่งหมายเลข 1 คือนางสาวยิ่งลักษณ์ในฐานะ ผอ.รมน.ก็มิได้พบเห็นอารมณ์ตัดพ้อต่อว่าหรือตำหนิออกมาประการใด
       
       นายกฯ รัฐมนตรีคนสวยกล่าวว่า “การตรวจสอบคงต้องดูในทุกๆ ฝ่ายเพื่อไม่ให้มีความรุนแรง” แถมหยอดคำหวานเข้าใส่ด้วยว่า “อยากให้ใช้โอกาสนี้ โดยเฉพาะ ผบ.ทบ.ในฐานะ ผอ.รมน.ได้ช่วยกันอำนวยความสะดวกการเลือกตั้งเพื่อให้ทุกพื้นที่มีความปลอดภัย”
       สอดรับกับคำให้สัมภาษณ์ของนายจารุพงศ์ที่สนับสนุนการแยกประเทศว่า “เชื่อทหารไม่ปฏิวัติเพราะเข็ดแล้ว คุมไม่อยู่ คนปฏิวัติก็กลายเป็นหมาหัวเน่า พล.อ.ประยุทธ์ก็เคยอยู่ในพื้นที่ เห็นแล้วว่ารุ่นพี่เป็นอย่างไร เขาก็จะเกษียณอยู่แล้ว เขาก็ไม่เอา นายกฯ ก็ไม่ล้ม แค่อ่อนแอ ที่สุดแล้วเกิดการปะทะกัน มีเสียงระเบิดก็เหมือนสงครามย่อยๆ ซึ่งตรงนี้จะระงับได้คือการหันหน้ามาคุยกัน”
       
       สุดท้ายคำถามจึงมาขมวดลงอยู่ตรงที่ว่า คำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะรอง ผอ.รมน.นั้นจะมีผลในการปฏิบัติจริงหรือไม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศจะเชื่อ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ เพราะว่ากันตามตรง ทุกวันนี้ผู้ว่าฯ ก็ใช่ว่าจะมีน้ำยาอะไรสักกี่มากน้อย แถมส่วนใหญ่ก็เป็นคนของระบอบทักษิณอีกต่างหาก ซึ่งแปลว่า คำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์จะกลายเป็นคำสั่งขี้มูกที่ไม่มีใครสนใจ เพราะผู้ว่าฯ จะทำหรือไม่ทำก็ไม่มีผลต่อการแต่งตั้งโยกย้ายอันใดทั่วประเทศ
       
       และจบลงตรงที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์เชื่อได้อย่างไรว่า คนเสื้อแดงจะเชื่อผู้ว่าฯ มากกว่าเชื่อนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตร
       
       นอกจากนั้น สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องตระหนักให้มากในฐานะรอง ผอ.รมน.ก็คือ ความคิดเครื่องการแบ่งแยกประเทศที่ลุกลามบานปลายในกลุ่มคนเสื้อแดง ถึงขนาดมีการนำแผ่นป้ายไวนิลที่มีข้อความว่า “ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม กู ขอแยกเป็นประเทศล้านนา” ที่จังหวัดพะเยาและพิษณุโลก ซึ่งจวบจนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีความเห็นออกมาจากผู้บัญชาการทหารบกให้ได้ยินเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่นี่คือเรื่องใหญ่และสำคัญที่สุด แถมยังเป็นหน้าที่โดยตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ที่จะปกป้องราชอาณาจักรไทยให้เป็นหนึ่งเดียวตามรัฐธรรมนูญ
       
       ทั้งนี้ เชื่อว่า การเคลื่อนไหวในการแบ่งแยกดินแดนนั้น นอกจากเป็นไปตามสัญชาตญาณดิบของนายใหญ่แล้ว ยังหวังผลอีก 2 ประการคือ เพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดการเจรจา ซึ่งก็ตรงกับเป้าประสงค์ของ พล.อ.ประยุทธ์และนางสาวยิ่งลักษณ์ รวมถึงต้องการยั่วให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำการรัฐประหารซึ่งก็จะเข้าทางคนเสื้อแดงในการปลุกระดมมวลชนออกมาเผาบ้านเผาเมืองอีกครั้ง แต่ประการหลังนี้ ดูเหมือนว่าจะมีโอกาสเป็นไปได้น้อยเมื่อเทียบกับเป้าประสงค์ที่สร้างเงื่อนไขให้เกิดการเจรจา
       
       ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ออกคำสั่งในฐานะรอง ผอ.รมน.เพื่อหยุดยั้งคนเสื้อแดง ก็ต้องประกาศออกมาให้ชัดเจน มิใช่เลียบค่ายริมเมืองเช่นนี้ เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ มิใช่เรื่องเล็กๆ ดังที่ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์นิดา ให้ความเห็นเอาไว้ว่า “การที่กลุ่มเสื้อแดงกล้าเขียนป้ายแบ่งแยกประเทศติดประกาศในที่สาธารณะย่อมแสดงให้เห็นว่า ความคิดและการปฏิบัติการแยกประเทศของพวกเขาต้องมีการดำเนินงานอย่างเข้มข้นและมีการวางแผนอย่างดีเป็นระบบพอสมควร มิใช่เกิดจากอารมณ์โกรธหรือไม่พอใจชั่ววูบแต่อย่างใด”
       
       ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังจะให้มีการเจรจาเกิดขึ้นกับกลุ่มคนที่ประกาศจะใช้ความรุนแรงและปรารถนาจะให้มีการแบ่งแยกดินแดนอีกหรือ
       
       **“เทือก-ตู่-อู๋”
       สัมพันธ์อันซับซ้อนซ่อนเงื่อน
       
       ถัดจากปฏิกิริยาของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้อีกประการหนึ่งก็คือ ความเคลื่อนไหวของนายสุเทพในฐานะเลขาธิการ กปปส. ซึ่งเป็นผู้นำมวลมหาประชาชนในปัจจุบัน ที่มีต่อบุคคลสำคัญ 2 คนคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกและ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
       
       หลังเหตุการณ์การเสียชีวิตของเด็กทั้ง 4 คน เวลา 20.15 น. ของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 ที่เวทีปทุมวัน นายสุเทพ ขึ้นปราศรัยตอนหนึ่งว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ออกมาประกาศออกมาเลือกข้างประเทศ ไม่เลือกข้างรัฐบาล ทั้งๆที่เป็นข้าราชการ ตนในนามของมวลมหาประชาชนขอใช้เวทีนี้แสดงความขอบคุณที่ได้ออกมาทำหน้าที่ สมแล้วที่คนไทยทั้งหลายคาดหวัง
       
       “หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้ดูถ่ายทอดสดอยู่ เชื่อมาตลอดว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความจงรักภักดีไม่มีวันทรยศต่อประชาชน ดังนั้นจึงขอยกย่องชื่นชมและขอขอบคุณที่ได้ออกมาทำหน้าที่ในฐาน ผอ.กอ.รมน.รักษาความมั่นคงของประเทศไทย และผมรู้ว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาพูดแบบนี้ ฝ่ายระบอบทักษิณต้องเล่นงานเต็มที่ ดังนั้นจึงขอเป็นกำลังใจให้ที่เลือกอยู่ข้างเดียวกับประชาชน ทั้งนี้อยากให้พี่น้องประชาชนพยายามระมัดระวังด้วยการให้เกียรติทหาร”
       
       พร้อมแก้ตัวด้วยว่าการที่ตนเองไม่นำมวลมหาประชาชนไปไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ไปประชุม ครม.ที่กองทัพอากาศก็เพราะ “ให้เกียรติทหาร จึงไม่ตามไปไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์”
       
       การประกาศชมอย่างออกนอกหน้าทำให้เกิดคำถามว่า นายสุเทพเชื่อมั่นได้อย่างไรว่า กองทัพยืนอยู่เคียงข้างประชาชนจริงๆ ทั้งๆ ที่เมื่อไล่เรียงข้อมูลจากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์เองก็เห็นได้ว่า โดยข้อเท็จจริง พล.อ.ประยุทธ์มีข้อมูลเรื่องกลุ่ม “***” ที่ใช้ความรุนแรงอยู่ในมืออยู่แล้ว แต่ก็มิได้กระทำการหรือจัดการกำราบเดรัจฉานเหล่านั้นให้สิ้นซาก
       
       พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังคงทำเป็น “โลกสวย” อยู่อย่างไม่อนาทรร้อนใจ แล้วก็ปล่อยให้เกิดเหตุร้ายรายวันกับผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง แถมยังแบะท่าว่ายินดีที่ทั้งสองฝ่ายจะเจรจากัน ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าคนเสื้อแดงมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อการแบ่งแยกประเทศ
       
       นี่หรือคือท่าทีของเหล่าทัพที่นายสุเทพชื่นชม นายสุเทพกับ พล.อ.ประยุทธ์มีอะไรในกอไผ่หรือไม่
       
       สำหรับท่าทีต่อตำรวจก็ต้องถือว่ามีความผิดปกติไม่น้อย ประหนึ่งว่า อาจจะมีการเจรจาความเมืองกันล่วงหน้าก่อนที่นายสุเทพจะนำมวลมหาประชาชนไปทวงถามความคืบหน้าของคดีที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุม โดยเฉพาะคดีการเสียชีวิตของเด็กๆ ทั้ง 4 คน
       
       ทั้งนี้ นายสุเทพกล่าวชื่นชม พล.ต.อ.อดุลย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของ ศรส.โดยยึดคำสั่งของศาลแพ่งที่ได้คุ้มครองและห้ามสลายการชุมนุม และได้ขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา โดยหลังจากี้ กปปส.ยินดีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งเครื่องแบบเข้าไปตรวจสอบอาวุธในทุกเวทีการชุมนุม พร้อมกันนี้นายสุเทพยังได้อ่านจดหมายถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยสรุปใจความสำคัญได้ว่า ขอให้ตั้งคณะทำงานพิเศษ เรียกร้องให้ติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุบริเวณเวที กปปส.จ.ตราดและหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ
       
       จากนั้น พล.ต.อ.อดุลย์ได้ลงมาพบและรับช่อดอกไม้จากตัวแทน กปปส.ด้วยตัวเอง พร้อมยืนยันว่า ทาง สตช.มิได้นิ่งนอนใจและจัดทีมคลี่คลายคดีเฉพาะกิจ ซึ่งมี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร.รับผิดชอบทุกคดี ซึ่งนายสุเทพได้ขึ้นเวทีปราศรัยขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกครั้งและยืนยันว่าจะไม่หนีไปไหน แต่ขอเวลาต่อสู้เพื่อทวงคืนประชาธิปไตยเคียงข้างพี่น้องประชาชน
       
       นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างนายสุเทพและ พล.ต.อ.อดุลย์ ซึ่งเป็นที่กังขาว่าอะไรเป็นจุดทำให้นายสุเทพถึงกลับหลังหัน 360 องศาต่อตำรวจได้จากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้
       
       หรือจะเป็นเพราะคำสั่งของ พล.ต.อ.อดุลย์ที่มีถึงลูกน้องตำรวจทั่วประเทศให้งดการใช้อำนาจตามประกาศและคำสั่ง ศรส.ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็มิได้มิได้หมายความว่า ตำรวจจะเปลี่ยนใจไม่รับใช้รัฐบาลและนายใหญ่แห่งดูไบ หากแต่เป็นเพราะต้องการ “เอาตัวรอด” ในสถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนไปจากศาลมีคำสั่งคุ้มครองการชุมนุม รวมถึงปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า ตำรวจใช้อาวุธและกระสุนจริงยิงผู้ชุมนุม หลังจากที่ฝ่ายรัฐบาลและ ศรส.ต่างพากันลอยตัวว่า ไม่ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กระสุนจริงหรือระเบิดกับผู้ชุมนุม
       
       มิใช่ดวงตาเห็นธรรมแต่ประการใด
       
       ดังนั้น ท่าทีที่เปลี่ยนไปของทั้งนายสุเทพและ พล.ต.อ.อดุลย์ในวันที่มวลชน กปปส.บุก สตช.จึงมีความน่าสงสัยว่ามีอะไรในกอไผ่หรือไม่เช่นกัน
       
       และด้วยเหตุดังกล่าว ปรากฏการณ์ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นระหว่างนายสุเทพกับ พล.อ.ประยุทธ์ และนายสุเทพกับ พล.ต.อ.อดุลย์จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามเพราะนำมาซึ่งคำถามว่า ใช่เป็น “สามัคคีปาหี่ถั่งเช่า” หรือไม่
       
        กาลเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์
       

"ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า"


#2 GKTH

GKTH

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 243 posts

Posted 1 March 2014 - 19:37

เสี้ยมตลอด... สงสัยกลัวหมดความสำคัญ
เพราะครั้งนี้เมื่อชนะแล้ว ลิ้มทีวีจะไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ เหลืออีกเลย

#3 DarkSwan

DarkSwan

    Reporter Activated

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,689 posts

Posted 1 March 2014 - 20:07

อ่านดูแล้ว เกือบๆ จะมโนเอาเองหมดเลยนะนี่

B)


ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม

ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า

อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน


#4 ซัมยอง

ซัมยอง

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 122 posts

Posted 1 March 2014 - 20:13

1 มีนาคม 2557 หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ ว่า รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและเสียดายที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศยุบเวทีไปรวมอยู่ที่สวนลุมพินีเพียงแห่งเดียว เพราะกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ พี่น้องที่ร่วมชุมนุมต้องบาดเจ็บและสูญเสียไปมาก
 
           อย่างไรก็ตาม หลวงปู่พุทธะอิสระ ก็เคารพการตัดสินใจของนายสุเทพครั้งนี้ และเตรียมจะหารือกันต่อไปว่าจะปรับยุทธศาสตร์อย่างไร เพราะหากมองอีกมุมหนึ่งการยุบเวทีก็ช่วยลดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในบริเวณใกล้เคียงได้ แต่ส่วนเวทีแจ้งวัฒนะนั้นจะไม่มีการยุบรวมหรือย้ายไปจุดอื่นเด็ดขาด เพราะมั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะภายในเดือนนี้
 
            ทั้งนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ยังเปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 3 มีนาคมนี้ มวลชนจากเวทีแจ้งวัฒนะจะพาชาวนาเดินทางไปสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อยื่นเรื่องให้ช่วยตรวจสอบเหตุผลที่รัฐบาลไม่นำเงินมาใช้หนี้ชาวนา พร้อมกับจะเดินทางไปอีกจุดหนึ่ง เพื่อกดดันธุรกิจตระกูลชินวัตร แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าจะไปที่ใด
 
kapook


#5 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

Posted 2 March 2014 - 01:03

*
POPULAR

กำนันก็ยังให้เกียรติละเคารพการตัดสินใจของแนวร่วมท่านอื่นๆ

ไม่ยุ่งกับหลวงปู่ที่แจ้งวัฒนะ

ไม่บังคับ คปท และกองทัพธรรม

ไม่ว่าทุกคนจะรู้สึกอย่างไร ผมก็เชื่อว่าแต่ละกลุ่ม จะสามารถตัดสินใจได้อย่างเป็นอิสระ

นี่คือเหตุผลเนื่องด้วยประชาธิปไตยในความหมายของผมนะครับ

 

ส่วนการไม่แตกหักกับกองทัพและอดุลย์

ผมเชื่อว่าเพื่อนสมาชิกทุกท่านน่าจะเข้าใจในเหตุผลกันบ้างแล้วจากในบางกระทู้

 

นั่นเป้นสิ่งหนึง ที่กลุ่มเอเอสทีวีไม่มีวันจะเข้าใจ

นั่นเป็นเหตุผลที่กลุ่มเอเอสทีวีไม่มีวันจะยอมรับ

 

เพราะหูของกลุ่มเอเอสทีวี อื้ออึงไปด้วยเสียงที่เปร่งตะโกนจากปากของตัวเอง

จึงไม่มีวันจะได้ยินเสียงของใคร


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#6 charlie24

charlie24

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,017 posts

Posted 2 March 2014 - 04:17

ไม่เคยรู้จักหลวงปู่พุทธะอิสระ และเคยคิดว่าพระไม่ควรมายุ่งการเมือง

แต่ตอนนี้นับถือท่านมากแล้วครับผม



#7 55555

55555

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,795 posts

Posted 2 March 2014 - 06:50

หมดราคา

 

:D 



#8 Moo3storey

Moo3storey

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,284 posts

Posted 2 March 2014 - 06:55

ก็ถึงว่าปฏิกิริยาของพธม.ช่วงนี้มันดูเกลียดกปปส.กันจัง เพื่อนผมเดี๋ยวนี้ไม่สนแล้วว่ายิ่งลักษณ์จะชนะจะกลับมาไหม มันสนแต่กำนันสุเทพ มันด่าๆๆๆ หน้าดำค่ำเคร่ง เฮ้อ! พธม.นี่แป๊ะสั่งซ้ายหันขวาหันได้จริงๆ จากเคยหนุนกปปส. ตอนนี้หลายคนไม่เอาแล้ว เชื่อตามที่แป๊ะบอกอย่างเดียว

#9 IFai

IFai

    รักในหลวง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,782 posts

Posted 2 March 2014 - 06:57

    ข้อความทั้งหมด

    หมายถึง ไม่พอใจการกระทำของทุกคน ที่ถูกเอ่ยถึง??

 

    มือไม่พาย เอาตีนราน้ำ ...มันสบายกว่าคนพาย

    ติเรือทั้งโกลน ...เรือยังไม่เสร็จ ก็ติทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเรือจะออกมารูปร่างอย่างไร?

 

    สบายจริงๆ


ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ


#10 หนูอ้อย

หนูอ้อย

    นักเขียนหน่อมแน้ม

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,215 posts

Posted 2 March 2014 - 07:16

*
POPULAR

ไม่เห็นแม่ทัพแบบลุงกำนันด่าใคร นอกจากขี้ข้าในระบอบทักษิณ

การเติบโตมาจากระบบที่รู้ลึกเรื่องนักการเมืองและระบบราชการ ..

เป็นข้อต่างของแม่ทัพมวลมหาประชาชน กับแม่ทัพของเอเอสทีวี


 AMAZING  coup d'etat  , THAILAND ONLY ..  :ph34r:  


#11 baboon

baboon

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,801 posts

Posted 2 March 2014 - 07:24

หรือว่าเราต้องโค่นระบอบปิ๊ลิ้มก่อนระบอบทักษิณ การกระทำของปิ๊ลิ้มหลายๆครั้งทำให้ผมเชื่อว่ามันคือคนในระบอบทักษิณแฝงตัวมาลอบทำลายเรา



#12 เรื่อยๆเอื่อยๆ

เรื่อยๆเอื่อยๆ

    There is a face beneath this mask, but it isn't me.

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,223 posts

Posted 2 March 2014 - 08:11

คติเดิม ทักษิณเลว แต่ขอด่ามาร์ก 

คติปัจจุบัน ปูเลว แต่ขอด่าเทือก



#13 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

Posted 2 March 2014 - 09:43

..... เพื่อน ๆ ในกรมฯ คุยกัน เมื่อวาน บอกว่า

 

 

... คิดถึง จอมพลสฤทธิ์ ธนะรัตน์..และ ม. ๑๗...



#14 SINANJU

SINANJU

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 683 posts

Posted 2 March 2014 - 09:52

มาตรการเสี้ยมต่อไปครับ

 

http://manager.co.th...D=9570000023696



#15 ปุถุชน

ปุถุชน

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 27,531 posts

Posted 2 March 2014 - 09:53

 

ไม่ขอออกความเห็นใดๆ เชิญทุกท่านทัศนาครับ

 

 

http://manager.co.th...D=9570000023692

  สามัคคี “ปาหี่ถั่งเช่า” “เทือก-ประยุทธ์-อดุลย์”
 
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลังโศกนาฏกรรมอันนำมาซึ่งความสะเทือนใจของผู้คนทั้งแผ่นดินกับการเสียชีวิตของ “น้องเค้ก-น้องเคน” จากฝีมือ “***” ที่หน้าห้างบิ๊กซี สาขาราชดำริและ “น้องขิม-น้องฟิก” จากน้ำมือของ “******” ในเวทีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. จังหวัดตราด ทำให้ราชสีห์ผู้ที่ถนัดแต่การคำรามจนคอแหบคอแห้งชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบก มีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 2 ปฏิกิริยาด้วยกัน
       
       ปฏิกิริยาแรกคือ การออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557
       
        และปฏิกิริยาที่สองคือการลงนามในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(ผอ.รมน.) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะรอง ผอ.รมน.จังหวัดช่วยกันติดตามสอดส่องการยุยงการปลุกปั่นให้คนในสังคมเพิ่มความเกลียดชัง แบ่งฝ่าย และบางครั้งเลยเถิดถึงการพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ ในวันถัดมาคือวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 
       
       หลายคนมองว่า ทั้งสองปฏิกิริยา โดยเฉพาะปฏิกิริยาหลังในฐานะ ผอ.รมน.คือ “การแผลงฤทธิ์” ที่มีนัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่กำลังเชี่ยวกรากและทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที เนื่องเพราะเป็นการใช้คำสั่งที่ข้ามหน้าข้ามตา “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็น ผอ.รมน.โดยตำแหน่ง
       
       ขณะที่อีกจำนวนไม่น้อย ก็ยังคงมอง พล.อ.ประยุทธ์ด้วยสายตาเดิมๆ เพราะพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็สรุปได้ว่า เป็นแค่เพียง “การคำราม” ที่ไม่ได้บังเกิดผลในทางปฏิบัติแต่ประการใด รวมถึงมองเห็นเป็นเพียง “การแก้เกี้ยว” หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่ใยดีต่อสถานการณ์บ้านเมือง กระทั่งมีเด็กต้องเสียชีวิต ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอีกต่อไป
       
       อย่างไรก็ตาม รหัสนัยที่เกิดขึ้นมิได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น หากยังมีความเคลื่อนไหวของ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการ กปปส.ที่ออกโรงชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์อย่างออกนอกหน้า รวมถึงปรากฏการณ์พิสดารที่มวลมหาประชาชนสับสนและงุนงงกับการที่นายสุเทพทำท่าประหนึ่งหวานชื่นและคืนดีกับ “พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” หลังยกขบวนไปบุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ด่ากราดกันชนิดที่เรียกว่าผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ
       นี่คือ ความเคลื่อนไหวที่ต้องถอดรหัสว่า แท้ที่จริงแล้วมีวัตถุประสงค์อะไร ใช่เป็น “สามัคคีปาหี่ถั่งเช่า” อย่างที่สังคมกำลังตั้งข้อสงสัยและกล่าวหากันหรือไม่?
       
       **เมื่อคนดีของลุงกำนัน
       อยากให้มีการเจรจา
       
       ความจริงต้องบอกว่า ชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ได้ตกหล่นไปจากเศษเสี้ยวแห่งความทรงจำดีๆ เมื่อครั้งแรกรับตำแหน่งใหม่ๆ ไปตั้งนมนานกาเลแล้ว และยิ่งนานวัน สังคมก็สัมผัสได้ถึงตัวตนที่แท้จริง จนแทบไม่มีใครเชื่อถือหรือฝากความหวังเอาไว้กับผู้ชายที่มีชื่อเล่นว่า “ตู่” เสียด้วยซ้ำไป
       
       กระนั้นก็ดีด้วยความที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็น “ทหารเสือราชินี” ที่ประดับสัญลักษณ์ “หัวใจสีม่วง” ภายใต้พระปรมาภิไธยย่อ “สก.” เอาไว้ที่หน้าอก ก็ยังทำให้หลายคนอดที่จะแอบหวังเล็กๆ ไม่ได้ว่า สุดท้ายแล้ว ทหารใหญ่ผู้นี้จะเปลี่ยนใจ
       
       หลังความเศร้าสลดใจเกิดขึ้นทั้งแผ่นดินจากการเสียชีวิตของเด็กน้อยทั้ง 4 คนจาก 2 เหตุการณ์ ทุกสายตาจับจ้องมองไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ว่าจะมีปฏิกิริยาอะไรหรือไม่ และในที่สุดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 ก็ปรากฏข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะแถลงการณ์แสดงจุดยืนของกองทัพบกผ่านช่อง 5 ซึ่งผู้คนที่แอบมีหวังลึกๆ ว่า คราวนี้ทหารเสือจอมคำรามคงจะเหลืออดถึงกับต้องใช้เวลาของช่อง 5 ในการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ
       
       และในวันนั้น สิ่งที่ผู้คนได้ยินได้ฟังพร้อมกันทั่วประเทศก็มีอยู่ว่า......
       
       “ในนามของ ผบ.ทบ. และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่บาดเจ็บ และสูญเสียชีวิต ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ในการปฏิบัติหน้าที่ วันนี้ทางกองทัพบกพยายามหารือไปยังนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) และทุกกลุ่มผู้ชุมนุม ในการจะร่วมกันยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นให้ได้ รวมถึงหาตัวผู้กระทำความผิด ใช้อาวุธสงครามอย่างอุกอาจ ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐและเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ทุกภาคส่วนที่ต้องพิสูจน์ทราบ เพื่อดำเนินการป้องกันปราบปราม ตามกระบวนการทางกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากยังคงมีอยู่ นับวันสถานการณ์จะมีความรุนแรงมากขึ้น จนไม่สามารถควบคุม หรือ ยุติได้ และจะทำให้เกิดความสูญเสียต่อประเทศชาติอย่างมหาศาลในโอกาสต่อไป”
       
       แปลความได้ว่า กองทัพบกพยายามหารือนายกฯ ปู พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศรส. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขา กปปส. และคนเสื้อแดงเพื่อร่วมกันยุติความรุนแรง
       
       คำถามมีอยู่ว่า คนระดับผู้บัญชาการทหารบกเชื่อได้อย่างไรว่าการหารือกับบุคคลดังมีรายนามข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาล ตำรวจและคนเสื้อแดงจะช่วยยุติความรุนแรงได้จริง เพราะนับตั้งแต่เกิดเหตุความรุนแรงที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงมาจนถึงปัจจุบัน ตำรวจยังไม่สามารถจับตัวผู้ก่อเหตุได้แม้แต่รายเดียว เว้นแต่คดีนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรที่จับได้เร็วจนเหลือเชื่อ
       
       นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังตอกย้ำด้วยชุดข้อมูลเดิมๆ ว่า ...
       
       “สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง จากข้อมูลงานด้านการข่าว พบว่า มีหลายกลุ่มด้วยกัน ส่วนใหญ่จะมีส่วนกับการชุมนุมในปี 2553 ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ทราบ และหาหลักฐานให้ชัดเจน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้เร็วที่สุด กองทัพไม่กลัวการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ แต่เกรงว่า จะเกิดการบาดเจ็บ สูญเสีย ของประชาชนเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เนื่องจากยังมีหลายพวก หลายฝ่ายไม่เข้าใจ และยังต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร”
       
       แปลความได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้ว่า ใครเป็นคนทำ และรู้ด้วยว่าเกี่ยวข้องกับการชุมนุมในปี 2553 ซึ่งก็คือการชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองของคนเสื้อแดง แต่ยังไม่มีปัญญาหรือใช้คำที่สุภาพกว่านี้ว่า กำลังพยายามหาหลักฐานมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
       
       ที่น่าสนใจคือ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำคลอดชุดข้อมูลดังกล่าวออกมา แต่เวลาที่ล่วงเลยไปมิได้ช่วยทำให้อะไรกระจ่างแจ้งขึ้น แถมยังไม่สามารถสกัดกั้นการใช้ความรุนแรงได้ ทั้งๆ ที่ทหารออกมาเพ่นพ่านทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ในขณะนี้
       
       ที่สำคัญกว่านั้นอยู่ตรงที่ พล.อ.ประยุทธ์รู้อยู่เต็มอกว่า การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในขณะนี้เลยเถิดไปไกลถึงขั้นประกาศชัดเจนว่าจะออกมาปกป้องรัฐบาลและจะสู้เต็มที่โดยไม่คำนึงถึงวิธีการที่ใช้ รวมทั้งจะตั้งกองกำลังและต่อสู้ด้วยอาวุธ โดยสุดท้ายหากไม่สำเร็จก็จะมีการแบ่งแยกดินแดนกันเลยทีเดียว ซึ่งหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้คือการประกาศบนเวที นปช.ที่จังหวัดนครราชสีมาของ “นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เด็กรับใช้ตัวเอ้ของระบอบทักษิณที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะนำข้อเสนอการแบ่งแยกประเทศ พร้อมทั้งให้ประชาชนจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ มาปฏิวัติ รวมถึงคำให้ สัมภาษณ์ของนายวิสุทธ์ ไชยณรุณ อดีต ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทยและรองประธานสภาที่ยืนยันว่า แนวความคิดแบ่งแยกประเทศของคนเสื้อแดงเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ข่าวโคมลอย
       
       แต่สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศจะดำเนินการคือ “ให้ทุกพวก ทุกกลุ่ม มาพูดคุย หารือกันเพื่อให้เชื่อได้ว่า จะได้รับความเป็นธรรม ความชอบธรรมอย่างเท่าเทียม และช่วยกันก้าวเดินนำพาไปสู่การแก้ปัญหาที่เป็นระบบอย่างสันติวิธี การแก้ไขดังกล่าว ต้องอาศัยประชาชนทั้งประเทศเรียกร้องให้เกิดขึ้น อย่าคิดว่า ธุระไม่ใช่ หรือการถือพวก ถือฝ่าย ต้องเอาผลประโยชน์ของชาติ ทั้งปัจจุบันและอนาคต มาเป็นหลักในการแก้ปัญหาวิกฤติการณ์ในปัจจุบันให้ได้ จนได้รับการยอมรับในข้อเท็จจริงจากคู่ขัดแย้ง และประชาชนทุกหมู่เหล่าที่เป็นคนไทย และเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง”
       
       พล.อ.ประยุทธ์ปรารถนาที่จะให้มีการเจรจาเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าสถานการณ์ ณ ขณะนี้เลยจุดนั้นไปเรียบร้อยแล้ว เพราะนายใหญ่ของคนเสื้อแดงส่งสัญญาณแล้วว่า นับจากนาทีนี้ไปให้สู้แบบ “ล้มกระดาน” โดยจะไม่ยอม “นอนรอความตาย” และสั่งการให้มีการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ
       
       พล.อ.ประยุทธ์คิดถึงประเด็นเหล่านี้ก่อนที่จะพูดหรือแถลงการณ์หรือไม่ เพราะถ้าไม่คิดก็มิอาจตีความเป็นอย่างอื่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการปัดสวะให้พ้นไปจากตัวเองและแถลงการณ์เพื่อสร้างภาพเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นเท่านั้น แล้วก็พร่ำบ่นอยู่ตลอดเวลาว่า “สิ่งที่กองทัพดำเนินการในเวลานี้ จำเป็นต้องยึดถือกฎหมายรัฐธรรมนูญ” ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ประชาชนรับรู้อยู่แล้ว และไม่มีใครปรารถนาให้ทหารทำการรัฐประหารโดยฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง แถมยังส่งสัญญาณว่าเห็นด้วยและสนับสนุนการเปิดเวทีเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างรัฐบาลและ กปปส.อีกต่างหาก ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากสิ่งที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการณ์นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์เสียด้วยซ้ำไป ราวกับนัดล่วงหน้ากันมาก่อนอย่างนั้น
       
       26 กุมภาพันธ์ 2557 นางสาวยิ่งลักษณ์ที่กำลังใช้ชีวิตเป็นสัมภเวสีไปต่างจากผู้เป็นผู้ชายให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาระบุว่า หากความขัดแย้งยังไม่ยุติและหันหน้ามาสู่การเจรจากัน อาจจะส่งผลให้เกิดคามรุนแรงทางการเมืองว่า ส่วนตัวเห็นด้วยและอยากให้เกิดการเจรจา อยากเห็นบ้านเมืองแก้ปัญหาด้วยความสงบ ไม่อยากเห็นบ้านเรามีความแตกแยกไปเรื่อยๆ และนำไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสีย
       
       แถมมีข้อมูลยืนยันอีกต่างหากว่า ก่อนที่จะมีการแถลงการณ์ออกไป นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์จะต่อสายไปยังผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพแล้ว ยังได้มีการทำความเข้าใจกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.) เพื่อเป็นการป้องกันการเข้าใจผิด เพราะแถลงการณ์ครั้งนี้มีเป้าประสงค์ประการเดียวคือ การเตือนสติทุกฝ่ายให้ระวังการเกิดสงครามการเมือง
       
       **สั่งผู้ว่าฯ รายงานตรง
       บิ๊กตู่ “แผลงฤทธิ์” หรือแค่ “แก้เกี้ยว”
       
       และผลของการปัดสวะที่เกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 นั้นเอง ได้นำมาสู่ปฏิกิริยาที่สอง ซึ่งอาจตีความได้ว่าเป็นการแก้ตัวหลังจากพบว่า การแถลงข่าวผ่านช่อง 5 นอกจากจะไม่ได้มีความหมายอะไร แถมยังทำให้ภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ติดลบไปกว่าเดิมอีกหลายเท่า นั่นก็คือการออกคำสั่งในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะ ผอ.รมน.จังหวัดช่วยกันติดตามสอดส่องการยุยงปลุกปั่นให้คนในสังคมเพิ่มความเกลียดชัง แบ่งฝ่าย จนเลยเถิดพาดพิงสถาบัน ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามขยายวงกว้าง
       
       ฉับพลันทันทีที่ตกเป็นข่าว เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังตามมาอื้ออึงว่าเกิดอะไรขึ้น การสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ในนาม รอง ผอ.รมน. เป็นไปโดยพละการหรือผ่านความเห็นชอบจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในฐานะ ผอ.รมน. โดยตำแหน่งหรือไม่ หรือมีผีอันใดเข้าสิงจึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ที่เล่นบทลอยตัวมาโดยตลอดถึงเกิดความกล้าหาญชาญชัยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเยี่ยงนี้
       
       บ้างก็ว่า นี่คือสัญญาณแตกหักอย่างเป็นทางการกับรัฐบาล
       
       บ้างก็ว่า นี่คือการแสดงให้เห็นว่า ทหารปฏิเสธรัฐบาลยิ่งลักษณ์และต้องการท้าทายอำนาจด้วยทดลองสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง
       
       บ้างก็ว่า นี่คือความเคลื่อนไหวเพื่อสกัดกั้นขบวนการโจรเสื้อแดงที่กำลังประกาศแบ่งแยกดินแดนของราชอาณาจักรไทยมิให้เป็นหนึ่งเดียวอีกต่อไป
       
       เพราะนี่คือการออกคำสั่ง “ครั้งแรก” ในประวัติศาสตร์ที่ รอง ผอ.รมน.ใช้อำนาจข้ามหัว ผอ.รมน.คือนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ต่างอะไรจาก “การรัฐประหารเงียบ”
       
       แต่...บ้างก็ว่า นี่เป็นแค่ละครอีกฉากหนึ่งที่เกิดขึ้นโดยหาสาระสำคัญอันใดไม่ได้
       
       และเมื่อตรวจสอบเสียงสะท้อนจากเจ้าของตำแหน่งหมายเลข 1 คือนางสาวยิ่งลักษณ์ในฐานะ ผอ.รมน.ก็มิได้พบเห็นอารมณ์ตัดพ้อต่อว่าหรือตำหนิออกมาประการใด
       
       นายกฯ รัฐมนตรีคนสวยกล่าวว่า “การตรวจสอบคงต้องดูในทุกๆ ฝ่ายเพื่อไม่ให้มีความรุนแรง” แถมหยอดคำหวานเข้าใส่ด้วยว่า “อยากให้ใช้โอกาสนี้ โดยเฉพาะ ผบ.ทบ.ในฐานะ ผอ.รมน.ได้ช่วยกันอำนวยความสะดวกการเลือกตั้งเพื่อให้ทุกพื้นที่มีความปลอดภัย”
       สอดรับกับคำให้สัมภาษณ์ของนายจารุพงศ์ที่สนับสนุนการแยกประเทศว่า “เชื่อทหารไม่ปฏิวัติเพราะเข็ดแล้ว คุมไม่อยู่ คนปฏิวัติก็กลายเป็นหมาหัวเน่า พล.อ.ประยุทธ์ก็เคยอยู่ในพื้นที่ เห็นแล้วว่ารุ่นพี่เป็นอย่างไร เขาก็จะเกษียณอยู่แล้ว เขาก็ไม่เอา นายกฯ ก็ไม่ล้ม แค่อ่อนแอ ที่สุดแล้วเกิดการปะทะกัน มีเสียงระเบิดก็เหมือนสงครามย่อยๆ ซึ่งตรงนี้จะระงับได้คือการหันหน้ามาคุยกัน”
       
       สุดท้ายคำถามจึงมาขมวดลงอยู่ตรงที่ว่า คำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะรอง ผอ.รมน.นั้นจะมีผลในการปฏิบัติจริงหรือไม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศจะเชื่อ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ เพราะว่ากันตามตรง ทุกวันนี้ผู้ว่าฯ ก็ใช่ว่าจะมีน้ำยาอะไรสักกี่มากน้อย แถมส่วนใหญ่ก็เป็นคนของระบอบทักษิณอีกต่างหาก ซึ่งแปลว่า คำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์จะกลายเป็นคำสั่งขี้มูกที่ไม่มีใครสนใจ เพราะผู้ว่าฯ จะทำหรือไม่ทำก็ไม่มีผลต่อการแต่งตั้งโยกย้ายอันใดทั่วประเทศ
       
       และจบลงตรงที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์เชื่อได้อย่างไรว่า คนเสื้อแดงจะเชื่อผู้ว่าฯ มากกว่าเชื่อนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตร
       
       นอกจากนั้น สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องตระหนักให้มากในฐานะรอง ผอ.รมน.ก็คือ ความคิดเครื่องการแบ่งแยกประเทศที่ลุกลามบานปลายในกลุ่มคนเสื้อแดง ถึงขนาดมีการนำแผ่นป้ายไวนิลที่มีข้อความว่า “ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม กู ขอแยกเป็นประเทศล้านนา” ที่จังหวัดพะเยาและพิษณุโลก ซึ่งจวบจนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีความเห็นออกมาจากผู้บัญชาการทหารบกให้ได้ยินเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่นี่คือเรื่องใหญ่และสำคัญที่สุด แถมยังเป็นหน้าที่โดยตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ที่จะปกป้องราชอาณาจักรไทยให้เป็นหนึ่งเดียวตามรัฐธรรมนูญ
       
       ทั้งนี้ เชื่อว่า การเคลื่อนไหวในการแบ่งแยกดินแดนนั้น นอกจากเป็นไปตามสัญชาตญาณดิบของนายใหญ่แล้ว ยังหวังผลอีก 2 ประการคือ เพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดการเจรจา ซึ่งก็ตรงกับเป้าประสงค์ของ พล.อ.ประยุทธ์และนางสาวยิ่งลักษณ์ รวมถึงต้องการยั่วให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำการรัฐประหารซึ่งก็จะเข้าทางคนเสื้อแดงในการปลุกระดมมวลชนออกมาเผาบ้านเผาเมืองอีกครั้ง แต่ประการหลังนี้ ดูเหมือนว่าจะมีโอกาสเป็นไปได้น้อยเมื่อเทียบกับเป้าประสงค์ที่สร้างเงื่อนไขให้เกิดการเจรจา
       
       ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ออกคำสั่งในฐานะรอง ผอ.รมน.เพื่อหยุดยั้งคนเสื้อแดง ก็ต้องประกาศออกมาให้ชัดเจน มิใช่เลียบค่ายริมเมืองเช่นนี้ เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ มิใช่เรื่องเล็กๆ ดังที่ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์นิดา ให้ความเห็นเอาไว้ว่า “การที่กลุ่มเสื้อแดงกล้าเขียนป้ายแบ่งแยกประเทศติดประกาศในที่สาธารณะย่อมแสดงให้เห็นว่า ความคิดและการปฏิบัติการแยกประเทศของพวกเขาต้องมีการดำเนินงานอย่างเข้มข้นและมีการวางแผนอย่างดีเป็นระบบพอสมควร มิใช่เกิดจากอารมณ์โกรธหรือไม่พอใจชั่ววูบแต่อย่างใด”
       
       ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังจะให้มีการเจรจาเกิดขึ้นกับกลุ่มคนที่ประกาศจะใช้ความรุนแรงและปรารถนาจะให้มีการแบ่งแยกดินแดนอีกหรือ
       
       **“เทือก-ตู่-อู๋”
       สัมพันธ์อันซับซ้อนซ่อนเงื่อน
       
       ถัดจากปฏิกิริยาของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้อีกประการหนึ่งก็คือ ความเคลื่อนไหวของนายสุเทพในฐานะเลขาธิการ กปปส. ซึ่งเป็นผู้นำมวลมหาประชาชนในปัจจุบัน ที่มีต่อบุคคลสำคัญ 2 คนคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกและ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
       
       หลังเหตุการณ์การเสียชีวิตของเด็กทั้ง 4 คน เวลา 20.15 น. ของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 ที่เวทีปทุมวัน นายสุเทพ ขึ้นปราศรัยตอนหนึ่งว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ออกมาประกาศออกมาเลือกข้างประเทศ ไม่เลือกข้างรัฐบาล ทั้งๆที่เป็นข้าราชการ ตนในนามของมวลมหาประชาชนขอใช้เวทีนี้แสดงความขอบคุณที่ได้ออกมาทำหน้าที่ สมแล้วที่คนไทยทั้งหลายคาดหวัง
       
       “หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้ดูถ่ายทอดสดอยู่ เชื่อมาตลอดว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความจงรักภักดีไม่มีวันทรยศต่อประชาชน ดังนั้นจึงขอยกย่องชื่นชมและขอขอบคุณที่ได้ออกมาทำหน้าที่ในฐาน ผอ.กอ.รมน.รักษาความมั่นคงของประเทศไทย และผมรู้ว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาพูดแบบนี้ ฝ่ายระบอบทักษิณต้องเล่นงานเต็มที่ ดังนั้นจึงขอเป็นกำลังใจให้ที่เลือกอยู่ข้างเดียวกับประชาชน ทั้งนี้อยากให้พี่น้องประชาชนพยายามระมัดระวังด้วยการให้เกียรติทหาร”
       
       พร้อมแก้ตัวด้วยว่าการที่ตนเองไม่นำมวลมหาประชาชนไปไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ไปประชุม ครม.ที่กองทัพอากาศก็เพราะ “ให้เกียรติทหาร จึงไม่ตามไปไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์”
       
       การประกาศชมอย่างออกนอกหน้าทำให้เกิดคำถามว่า นายสุเทพเชื่อมั่นได้อย่างไรว่า กองทัพยืนอยู่เคียงข้างประชาชนจริงๆ ทั้งๆ ที่เมื่อไล่เรียงข้อมูลจากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์เองก็เห็นได้ว่า โดยข้อเท็จจริง พล.อ.ประยุทธ์มีข้อมูลเรื่องกลุ่ม “***” ที่ใช้ความรุนแรงอยู่ในมืออยู่แล้ว แต่ก็มิได้กระทำการหรือจัดการกำราบเดรัจฉานเหล่านั้นให้สิ้นซาก
       
       พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังคงทำเป็น “โลกสวย” อยู่อย่างไม่อนาทรร้อนใจ แล้วก็ปล่อยให้เกิดเหตุร้ายรายวันกับผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง แถมยังแบะท่าว่ายินดีที่ทั้งสองฝ่ายจะเจรจากัน ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าคนเสื้อแดงมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อการแบ่งแยกประเทศ
       
       นี่หรือคือท่าทีของเหล่าทัพที่นายสุเทพชื่นชม นายสุเทพกับ พล.อ.ประยุทธ์มีอะไรในกอไผ่หรือไม่
       
       สำหรับท่าทีต่อตำรวจก็ต้องถือว่ามีความผิดปกติไม่น้อย ประหนึ่งว่า อาจจะมีการเจรจาความเมืองกันล่วงหน้าก่อนที่นายสุเทพจะนำมวลมหาประชาชนไปทวงถามความคืบหน้าของคดีที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุม โดยเฉพาะคดีการเสียชีวิตของเด็กๆ ทั้ง 4 คน
       
       ทั้งนี้ นายสุเทพกล่าวชื่นชม พล.ต.อ.อดุลย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของ ศรส.โดยยึดคำสั่งของศาลแพ่งที่ได้คุ้มครองและห้ามสลายการชุมนุม และได้ขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา โดยหลังจากี้ กปปส.ยินดีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งเครื่องแบบเข้าไปตรวจสอบอาวุธในทุกเวทีการชุมนุม พร้อมกันนี้นายสุเทพยังได้อ่านจดหมายถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยสรุปใจความสำคัญได้ว่า ขอให้ตั้งคณะทำงานพิเศษ เรียกร้องให้ติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุบริเวณเวที กปปส.จ.ตราดและหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ
       
       จากนั้น พล.ต.อ.อดุลย์ได้ลงมาพบและรับช่อดอกไม้จากตัวแทน กปปส.ด้วยตัวเอง พร้อมยืนยันว่า ทาง สตช.มิได้นิ่งนอนใจและจัดทีมคลี่คลายคดีเฉพาะกิจ ซึ่งมี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร.รับผิดชอบทุกคดี ซึ่งนายสุเทพได้ขึ้นเวทีปราศรัยขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกครั้งและยืนยันว่าจะไม่หนีไปไหน แต่ขอเวลาต่อสู้เพื่อทวงคืนประชาธิปไตยเคียงข้างพี่น้องประชาชน
       
       นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างนายสุเทพและ พล.ต.อ.อดุลย์ ซึ่งเป็นที่กังขาว่าอะไรเป็นจุดทำให้นายสุเทพถึงกลับหลังหัน 360 องศาต่อตำรวจได้จากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้
       
       หรือจะเป็นเพราะคำสั่งของ พล.ต.อ.อดุลย์ที่มีถึงลูกน้องตำรวจทั่วประเทศให้งดการใช้อำนาจตามประกาศและคำสั่ง ศรส.ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็มิได้มิได้หมายความว่า ตำรวจจะเปลี่ยนใจไม่รับใช้รัฐบาลและนายใหญ่แห่งดูไบ หากแต่เป็นเพราะต้องการ “เอาตัวรอด” ในสถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนไปจากศาลมีคำสั่งคุ้มครองการชุมนุม รวมถึงปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า ตำรวจใช้อาวุธและกระสุนจริงยิงผู้ชุมนุม หลังจากที่ฝ่ายรัฐบาลและ ศรส.ต่างพากันลอยตัวว่า ไม่ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กระสุนจริงหรือระเบิดกับผู้ชุมนุม
       
       มิใช่ดวงตาเห็นธรรมแต่ประการใด
       
       ดังนั้น ท่าทีที่เปลี่ยนไปของทั้งนายสุเทพและ พล.ต.อ.อดุลย์ในวันที่มวลชน กปปส.บุก สตช.จึงมีความน่าสงสัยว่ามีอะไรในกอไผ่หรือไม่เช่นกัน
       
       และด้วยเหตุดังกล่าว ปรากฏการณ์ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นระหว่างนายสุเทพกับ พล.อ.ประยุทธ์ และนายสุเทพกับ พล.ต.อ.อดุลย์จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามเพราะนำมาซึ่งคำถามว่า ใช่เป็น “สามัคคีปาหี่ถั่งเช่า” หรือไม่
       
        กาลเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์
       

 

 

 

อยากถามไปที่ผู้วิเคราะห์ที่ astv ว่า...

ถ้ากำนันสุเทพ พล.อ.ประยุทธ์ พล.ต.อ.อดุลย์คุยกันรู้เรื่อง มันเสียหายกับการปฏิรูปการเมือง ประโยชน์ของประเทศไทยอย่างไร....?


เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...


#16 ปุถุชน

ปุถุชน

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 27,531 posts

Posted 2 March 2014 - 09:59

ก็ถึงว่าปฏิกิริยาของพธม.ช่วงนี้มันดูเกลียดกปปส.กันจัง เพื่อนผมเดี๋ยวนี้ไม่สนแล้วว่ายิ่งลักษณ์จะชนะจะกลับมาไหม มันสนแต่กำนันสุเทพ มันด่าๆๆๆ หน้าดำค่ำเคร่ง เฮ้อ! พธม.นี่แป๊ะสั่งซ้ายหันขวาหันได้จริงๆ จากเคยหนุนกปปส. ตอนนี้หลายคนไม่เอาแล้ว เชื่อตามที่แป๊ะบอกอย่างเดียว

 

 

Moo3storey....

อย่าเหมารวม 'พันธมิตรฯ'งมงายกับสนธิ ลิ้มฯและ astv ทั้งหมด....

 

นักรบหน้าจอบางคนบอกว่าเข้าร่วมมหามวลชน กปปส. ไม่ใช่ชอบกำนันสุเทพ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ .....ฯลฯ

แต่กำนันสุเทพและมหามวลชน กปปส.ชนะ ขอชนะด้วย ขอมีเสียงว่าจัดการปฏิรูปและสภาประชาชนด้วย......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...


#17 Moo3storey

Moo3storey

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,284 posts

Posted 2 March 2014 - 10:42


ก็ถึงว่าปฏิกิริยาของพธม.ช่วงนี้มันดูเกลียดกปปส.กันจัง เพื่อนผมเดี๋ยวนี้ไม่สนแล้วว่ายิ่งลักษณ์จะชนะจะกลับมาไหม มันสนแต่กำนันสุเทพ มันด่าๆๆๆ หน้าดำค่ำเคร่ง เฮ้อ! พธม.นี่แป๊ะสั่งซ้ายหันขวาหันได้จริงๆ จากเคยหนุนกปปส. ตอนนี้หลายคนไม่เอาแล้ว เชื่อตามที่แป๊ะบอกอย่างเดียว


Moo3storey....
อย่าเหมารวม 'พันธมิตรฯ'งมงายกับสนธิ ลิ้มฯและ astv ทั้งหมด....

นักรบหน้าจอบางคนบอกว่าเข้าร่วมมหามวลชน กปปส. ไม่ใช่ชอบกำนันสุเทพ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ .....ฯลฯ
แต่กำนันสุเทพและมหามวลชน กปปส.ชนะ ขอชนะด้วย ขอมีเสียงว่าจัดการปฏิรูปและสภาประชาชนด้วย......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
พวกเพื่อนผมที่เป็นพธม.มันก็เคยไปร่วมชุมนุมกับกำนันนะครับ ยกพวกไปเลย แต่ตอนนั้นแป๊ะไม่ยุ่งอ่ะครับ แต่ตอนนี้คงไม่แล้ว เพราะแป๊ะด่ากปปส. (พวกนี้เคยไปเป็นการ์ดพธม.) คือถ้าไม่มีแป๊ะคอยเสี้ยมแล้วมันคิดกันเองนะครับ พวกนี้ออกมาต้านแดงกันอยู่แล้ว เป็นหน้ากากก็เป็น ลุยกับแดงเชียงใหม่พวกนี้ยังไม่กลัวเลย ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องฟังแป๊ะ

แต่อารมณ์มันก็เหมือนคุณปุถุชนว่าแหละครับ พวกนี้มันก็พูดกันอยู่ว่าถ้าไม่มีพธม.ช่วย กปปส.มาไม่ได้ถึงขนาดนี้ ประมาณว่ากรูไปช่วยชุมนุมให้แล้วไง ทุกวันนี้ก็อ้างว่ามีแกนนำพธม.อยู่บนเวทีด้วย พธม.เป็นกุนซือวางแผนให้สุเทพ สุเทพคิดเองไม่ได้แบบนี้ บลาๆๆ

Edited by Moo3storey, 2 March 2014 - 10:44.


#18 ลุงเชย

ลุงเชย

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 249 posts

Posted 2 March 2014 - 11:53

ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่ขอไม่แสดงความเห็นครับ

 

ก่อนอื่นออกตัวก่อนเลย ผมคนหนึ่งละที่เป็น พธม มาก่อนและตอนนี้ก็เป็น กปปส ด้วย

ดังนั้นบางครั้งก็เข้าข้าง พธม ฝุดๆ บางครั้งก็เข้าข้าง กปปส เช่นกันดั่งกับคนหลายใจ

กรณีนี้ เอเอสทีวี คิดว่าเขาคงคลางแคลงใจเลยตีปลาหน้าไซไว้ก่อนเหมือนคนระแวง

ซึ่งก็ดีแล้วที่ลงท้ายบทความว่า..กาลเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์  ทำให้จริงไม่จริงก็ต้องคอยดูกัน

ส่วน สามัคคีถั่งเช่า ที่เขากล่าวหานั้นเป็นดั่ง กลยุทธ์ชนะโดยไม่รบ อันเป็นสิ่งที่ พธม ไม่ถนัด แต่กำนันเหนือกว่า

ไม่ว่าจะรุก รับ ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ มีหลักฐาน ไม่มีหลักฐาน ทีมยุทธศาสตร์กำนันเด็ดจริงๆ เพราะทำให้เกิดสิ่งที่ดี คือ ไม่สูญเสียมากนัก

และสุดท้ายบทเรียนที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของ กปปส เที่ยวนี้ทำให้ผมอยากบอก พธม มากๆว่า เมื่อชีวิตคนอื่นอยู่ในกำมือท่าน ท่านต้องระวังและคิดให้มากดั่งคนๆนั้นเป็นมารดาท่านเอง ...จนถึงตอนนี้ทำให้ กปปส เดินเกมได้ดีกว่าครับ



#19 temp

temp

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,682 posts

Posted 2 March 2014 - 11:55

250px-Colugo.jpg

http://th.wikipedia.org/wiki/บ่าง

??? :ph34r:

 

สามัคคี “ปาหี่ถั่งเช่า” “เทือก-ประยุทธ์-อดุลย์”

http://www.manager.c...D=9570000023692


ควายตัวนี้สีขาว


#20 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

Posted 2 March 2014 - 12:06

เอเอสทีวี มันไม่เข้าใจ คำว่าปฎิรูปประชาชน มันจึงคิดว่าต้องตัดควายแดงออกไป เมื่อทำแบบนี้ ยิ่งปฎิรูปไม่ได้เลย การที่กำนันเปิดรับทุกส่วน เข้ามาเป็นมิตร ไม่เว้นแม้แต่เสื้อแดง ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ เข้ามาปฎิรูปประเทศร่วมกัน จึงเป็นเรื่องที่ลุุงกำนันพูดมาเสมออยู่แล้ว



#21 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

Posted 2 March 2014 - 12:14

สงสารลุงกำนันจริงๆ เหนื่อยก็เหนื่อย ต้องมีคดีติดตัว ต้องเสียเงินเสียทอง ทำเพืื่อชาติบ้านเมือง แต่กลับโดนพวกมือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ มาป้ายสี จะบอกว่า การสร้างมิตรกับอับดุล ไม่มีอะไรเสีย อย่างน้อยก็ทำให้ภาพความเกลียดชังมันลดลงไปได้บ้าง แม้จะไม่มีผลกับพวกเห็นแก่ได้ เห็นแก่เงิน แต่ก็ต้องทำ ส่วนทหารเรายิ่งต้องผูกมิตร เพราะพวกทหารช่วยดูแลพวกเราอยู่ และเป็นกลุ่มเดียวที่เราจะพึ่งพิงได้ เพราะมวลชนไม่มีอาวุธ เอเอสทีวี ควรอย่ามาเสี้ยม ถ้าตราบใดพวกคุณไม่ได้ไปลุยกระสุน หรือเจ็บตาย เหมือนมวลชน กปปส



#22 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

Posted 2 March 2014 - 16:11

กำนันก็ยังให้เกียรติละเคารพการตัดสินใจของแนวร่วมท่านอื่นๆ

ไม่ยุ่งกับหลวงปู่ที่แจ้งวัฒนะ

ไม่บังคับ คปท และกองทัพธรรม

ไม่ว่าทุกคนจะรู้สึกอย่างไร ผมก็เชื่อว่าแต่ละกลุ่ม จะสามารถตัดสินใจได้อย่างเป็นอิสระ

นี่คือเหตุผลเนื่องด้วยประชาธิปไตยในความหมายของผมนะครับ

 

ส่วนการไม่แตกหักกับกองทัพและอดุลย์

ผมเชื่อว่าเพื่อนสมาชิกทุกท่านน่าจะเข้าใจในเหตุผลกันบ้างแล้วจากในบางกระทู้

 

นั่นเป้นสิ่งหนึง ที่กลุ่มเอเอสทีวีไม่มีวันจะเข้าใจ

นั่นเป็นเหตุผลที่กลุ่มเอเอสทีวีไม่มีวันจะยอมรับ

 

เพราะหูของกลุ่มเอเอสทีวี อื้ออึงไปด้วยเสียงที่เปร่งตะโกนจากปากของตัวเอง

จึงไม่มีวันจะได้ยินเสียงของใคร

 

เสรีไทย-ฟังเสียงตัวเอง.jpg
 
 

ไม่เคยรู้จักหลวงปู่พุทธะอิสระ และเคยคิดว่าพระไม่ควรมายุ่งการเมือง

แต่ตอนนี้นับถือท่านมากแล้วครับผม

 

ใจเดียวกับผมเป๊ะเลยครับ


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#23 nf9

nf9

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 588 posts

Posted 2 March 2014 - 17:05

ในเมื่อตำรวจติดหล่มคำสั่งศาลแพ่ง  แถมยังโดนรัฐบาลหักหลัง 

 

การที่กำนันหาทางลงให้สวยๆ ถือเป็นเรื่องดีซะอีก

 

ดึงศัตรูมาเป็นมิตร  นอกจากแดงกองกำลังติดอาวุธถูกกฏหมายจะไม่มีแล้ว 

 

คดีต่างๆก็เดินหน้า

 

ศัตรูลดลง  ได้มิตรเพิ่มขึ้น ประณีประนอมแบบนี้..เสียหายตรงไหน 



#24 อู๋ ฮานามิ

อู๋ ฮานามิ

    สมาชิกหน้าเก่า

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,018 posts

Posted 2 March 2014 - 17:11

ปกหนังสือรายสัปดาห์ของเจ้านั้น นึกว่าเป็นหนังสือของเสื้อแดง ตัดต่อล้อเลียนอะไรกันเยอะแยะ ยังกับโลกวันนี้วันสุข 


ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด

 

เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ


#25 aukkara

aukkara

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 110 posts

Posted 2 March 2014 - 18:29

สรุปว่าพันธมิตร แค่หายใจก็ยังผิด เฮ้อ.. ผิดถูกก็คุยกันด้วยเหตุ ด้วยผลสิครับ

 

อันนี้มันเป็นบทความไม่ใช่ข่าว ไม่แปลกที่ผู้เขียนจะคิดและมโนเองด้วย

 

หรือว่าใครติกำนัน ถือว่าเป็นศัตรูหมด ปชป.ทำอะไรก็ไม่ผิด



#26 ซัมยอง

ซัมยอง

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 122 posts

Posted 2 March 2014 - 18:35

สรุปว่าพันธมิตร แค่หายใจก็ยังผิด เฮ้อ.. ผิดถูกก็คุยกันด้วยเหตุ ด้วยผลสิครับ

 

อันนี้มันเป็นบทความไม่ใช่ข่าว ไม่แปลกที่ผู้เขียนจะคิดและมโนเองด้วย

 

หรือว่าใครติกำนัน ถือว่าเป็นศัตรูหมด ปชป.ทำอะไรก็ไม่ผิด

1891000_282864361871260_1952767166_n.png

 

1623647_281231562034540_1096077588_n.png



#27 hinotori

hinotori

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,899 posts

Posted 2 March 2014 - 18:36

มาแนวเดียวกับชูวิทย์ รายนั้นทำเป็นเท่แต่คนเขาไม่เล่นด้วย เลยผูกใจเจ็บ

 

ส่วนราย เอ เอ๊ว ทีวี พยายามจะขอเกาะกระแส แต่คนเขาเอือมมาตั้งแต่ตั้งป้อมด่ามาร์คแล้ว ขึ้นเวทีเองก็บ้อท่า กลายเป็นหมาหัวเน่า

 

เลยขอเป็นหอกข้างแคร่ ทิ่มแทง ยุยง เสี้ยม ส่อเสียด

 

อีกหน่อยก็ไร้ค่าในที่สุด



#28 baboon

baboon

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,801 posts

Posted 2 March 2014 - 18:37

อยากทราบว่าตอนนี้ "พันธมิตร" คือคนกลุ่มใหน ใครบ้างครับ ระบุตัวตนได้หรือไม่ เอาแบบที่เป็นพันธมิตรภายใต้การควบคุมของสนธิจริงๆเลยนะครับ



#29 Bayonet

Bayonet

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,235 posts

Posted 3 March 2014 - 06:35

อย่าเรียกว่า  พันธมิตร  เลยครับ  เพราะผมในฐานะพันธมิตรรุ่นแรก ๆ  ไม่อนุญาตให้ ไอ้หรือกลุ่มไหน เอาคำนี้ไปหาแด๊ก เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น

 

คงต้องเรียกพวกประเภทนี้ว่า   สาวกลิ้มดักดาน  คือลิ้มว่า นกเป็นไม้ก็ว่าไม้ไปตามวาจา 

 

ในนี้เห็นอยู่ 2 ตัวคือ  ไอ้หน้าขนอ่อน phat21 กับ SKIDA  ที่เก่งแต่เห่าอยู่หน้าแป้น เที่ยวยุคนโน้นคนนี้ออกไปลุย  พอบอกให้ออกมาช่วยลุยบ้างดิ  แ ม่งหายหัวไปทุกที  จั ญไรจริง ๆ -_-

 

 

แล้วโปรดสังเกตุให้ดี  ไอ้ลิ้ม จิตอนาถา และ ปานผี  จะออกมาเห่าทุกครั้งที่ รัฐบาลนอมินีทักษิณ กำลังเพลี่ยงพล้ำหูรูด   ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ !!!  :angry:

 

 

อย่างตอนเรื่อง พลังงานก็ทีนึงล่ะ    ทำยังกับว่าถ้าเวที กปปส. ไม่พูดเรื่องพลังงานทั้งวันทั้งคืนตลอด 24 ชม.  ไอ้ลิ้มกับสาวกดักดาน  จะลงไปชักดิ้นชักงอน้ำลายฟูมปากตาย ซะเดี๋ยวนั้น



#30 zeus

zeus

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,212 posts

Posted 3 March 2014 - 06:50

ตอนนี้พธม พยายามจะยุให้หลวงปู่แตกคอกับกำนัน ก็อยากจะบอกว่า เมิงไม่เข้าใจหรอ เค้าแบ่งแยกกันตี พธม ไม่มีวันเข้าใจหรอก อีกอย่างกรณีนี้ก็เหมือนสามก๊ก เจ้าเมืองคนหนึ่งฆ่าลูกโจโฉ โจโฉ ก็เคยเกือบไม่รอด ต่อมาโจโฉจะบุกทางเหนือ ก็เกรงว่าเจ้าเมืองคนนี้จะบุกตีด้านหลังฉวยโอกาสที่โจโฉไปรบ โจโฉยอมเจรจาสงบศึกเจ้าเมืองคนนี้ ลืมความบาดหมาง ซื้อใจเจ้าเมืองคนนี้ จนสุดท้ายเจ้าเมืองคนนี้ยอมเป็นพวก สุดท้าย โจโฉก็บุกทางเหนือ พิชิตดินแดนได้กำลังพลเพิ่มมากมาย หัดฉลาดซัดบ้างน่ะ แป๊ะ เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องทำตามสถานการณ์

#31 GKTH

GKTH

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 243 posts

Posted 3 March 2014 - 07:43

ถ้าแป๊ะยังคิดจะเป็นผู้นำอยู่ แป๊ะต้องมีชั้นเชิงและเฉียบคมทางการเมืองมากกว่านี้

สิ่งที่กำนันสร้าง surprise ได้แบบทุกวันนี้ (จากมีแต่คนเกลียดกลายเป็นคนสนับสนุนขึ้นมากมาย) ก็เพราะแกมีชั้นเชิงทางการเมือง

ตื่นลึกหนาบางแกเคยผ่านมาหมด ถ้าจะกำจัดให้สิ้นซากต้องมีความสามารรถนี้ ไม่ใช่เป็น "สื่อการเมือง"

 

อย่าลืมว่าสมัยพันธมิตร 49 (ผมก็เคยเป็นอดีตพันธมิตร) ไม่ได้ชนะโดยประชาชนเอง

แต่เกิดจากการยึดอำนาจของ คปค. นะครับ แป๊ะลิ้มไม่ควรลำเริกบุญคุณ (ที่ไม่น่าใช่) ว่าตนเองเคยเป็นผู้นำการล้มทักษิณมาก่อน

เพราะมันเกิดจากสถานการณ์ที่มีแนวโน้มหนักและรุนแรง ณ ขณะนั้นที่ทำให้พันธมิตรไม่เสียเลือดเนื้อ และไม่นับสมัยการนองเลือด ปี 51

ซึ่งนั้นก็เกิดจากความดื้อรั้น และความพยายามพลิกขั้วเพราะหมากทางการเมืองของกำนันสมัยนั้นเช่นกัน

 

จากเหตุการณ์ทั้งหมด ผมเลยไม่คิดว่าเป็นบญคุณอะไรของแป๊ะลิ้มทั้งหมด เพราะมันเกิดขึ้นตาม "สถานการณ์" ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตามก็ต้องขอบคุณแกที่จุดติด ณ ขณะนั้นขึ้นมาได้ เท่านั้น



#32 butadad

butadad

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,119 posts

Posted 3 March 2014 - 08:01

ASTV ผมดูเวลา พี่โสภณ จัดรายการ   ถ้าเป็นปานเทวี กับ ชัชวาล เปลี่ยนช่องได้เลย



#33 Ender

Ender

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 247 posts

Posted 3 March 2014 - 08:31

สื่อเป็นเหมือนกล้องถ่ายรูป ที่ถ่ายตัวเรา 

บางคนชอบ Nikon เพราะ สีสด  

บางคนชอบ Cannon เพราะ skin tone 

บางคนชอบ iPhone เพราะ App หน้าใส 

 

กล้อง ASTV ก็เช่นกัน มี บุคลิกของตัวเอง ไม่เหมือน  กล้อง BlueSky ที่ถ่าย กปปส ออกมายังไงก็หน้าใส  หน้าขาว ไร้สิว 

คำถามคือ เราอยากเห็นตัวเราที่คนอื่นเค้าเห็น หรือ อยากเห็นตัวเราที่เราอยากเห็น

 

ถ้าเราจับเอา คนที่ไม่เห็นด้วย หรือ ตำหนิเราไปเป็นฝ่ายตรงข้ามหมด   เราจะต่างอะไรกับ อิปู หรือ เสื้อแดง หรือ แม้แต่ ASTV พธม เอง

ที่ ถูกอยู่คนเดียว และถูกมาตลอด   

 

ไม่น่ากลัวหรือครับ  ฝ่ายที่ทำอะไรก็ถูก แม้จะเป็นฝ่ายเรา 



#34 nf9

nf9

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 588 posts

Posted 3 March 2014 - 08:54

ไอ้ที่ปานเทวีออกมาแหล ว่าเหตุการณ์โยนหมามุ่ยใส่ม็อบที่อุรุพงษ์ 

 

เป็นการสร้างสถานการณ์ ของปชป.ล่ะ  เค้าเรียกว่าอะไร

 

ติเพื่อก่องั้นเหรอ..ประหลาดแล้ว !!!

 

 

ที่ผ่านมาอุตส่าห์เก็บปากเก็บคำ  เรื่องตอแหลเรื่องแล้วเรื่องเล่า ที่ใส่ไคล้ ปชป.

 

ทั้งที่รู้ว่าผิด  เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบ  ขอโทษขอโพยบ้างรึเปล่า

 

 

ยิ่งไอ้พวกที่รับจ้างพูดในรายการนี่ล่ะ   พี่ พธม. ที่เคยเป็นผู้ประสานงาน เวที ตจว.มาด่าให้ฟัง

 

เวที พธม.ในตจว.หาเงินได้ไม่มาก  ไอ้นี่พูดเสร็จตดไม่ทันหายเหม็น  มายิกๆขอค่าพูดแระ

 

บางงานคนจัดต้องควักเนื้อ  ทั้งตั๋วเครื่องบิน  ทั้งค่าโรงแรมอีก...เจริญล่ะ

 



#35 blue

blue

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,979 posts

Posted 3 March 2014 - 15:18

สื่อสำนักนี้ มีพฤติกรรมอย่างนี้มานานแล้ว พฤติกรรมของเขาคือ หยิบจับคำพูด หรือพฤติกรรม

ของ คนบางคนบางกลุ่มมาเป็นประเด็นส่วนรายละเอียดใช้จินตนาการของตนเองเขียนทั้งนั้น

 

มันเป็นพฤติกรรมของสื่อรุ่นเก่า ที่เขียนเพื่อ ตบทรัพย์นักการเมือง หรือข้าราชการ โดยใช้วิธี

เดาเอาว่า คนนี้พูดอย่างนี้ หมายความว่าอย่างไร คนนี้ไปพบคนนี้แสดงว่ามีพฤติกรรมอย่างไร

ถ้าเดาผิดก็แล้วไป แต่ถ้าเดาถูกนี่ เป็นเรื่อง เพราะโอกาสตบทรัพย์รออยู่ข้างหน้า

 

สื่อประเภทนี้มันหมดไปในยุคทักษิณแล้ว เพราะทักษิณไม่ยอมเป็นทาสสื่อ ตรงกันข้ามกลับทำตัว

เป็นนายของสื่อเสียเอง ทำให้สื่อที่มีพฤติกรรมตบทรัพย์หมดโอกาสไป แต่เปลี่ยนพฤติกรรมเป็นสื่อ

รับใช้นายกันอย่างหน้าชื่นตาบาน

 

ASTV เป็นสื่อที่ปรับตัวเองไม่ได้ เพราะไปหลงว่าแนวทางความคิดที่ตนเองยึดมั่นอยู่คืออุดมการณ์

ของสื่อ ถึงกับออกสโลแกนของตนเองว่า เราไม่เป็นกลางแต่เราเลือกข้างความถูกต้อง

 

สโลแกนแบบนี้ เหมือนกับจะบอกคนอื่นว่า ข้าคือความถูกต้องนั่นแหละ เพราะฉะนั้น ข้าจะเขียนอะไร

พูดอะไร ก็คือความถูกต้องทั้งนั้น ใครที่ไม่ทำตามที่ข้าเขียน ไม่ทำตามที่ข้าพูด คนนั้นคือความไม่ถูกต้อง

ข้านึกจะด่าใคร จะตำหนิติเตียนใคร ก็ได้ เพราะข้าคือความถูกต้อง แม้เรื่องที่ข้าตำหนิติเตียนไปนั้นมัน

จะผิดหรือไม่เข้าท่า แต่ข้าก็ถือว่า ข้าติเพื่อก่อ มันจึงเป็นความถูกต้องอยู่ดี ชาตินี้ทั้งชาติ ข้าจึงไม่เคย

ทำอะไรผิด ที่ผิดน่ะ คนอื่นทั้งนั้น

 

เมื่อเข้าใจกันแล้ว อย่าลืมช่วยกันบริจาคนะ เดี๋ยวจอดับ






1 user(s) are reading this topic

0 members, 1 guests, 0 anonymous users