http://www.manager.c...D=9570000024635
![blank.gif](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
เช่นเดียวกับ นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ ที่ถูกวิพากษ์ว่าเป็นนักวิชาการเสื้อแดง ขณะที่เจ้าตัวยืนยันว่าเขาไม่ใช่นักวิชาการเสื้อแดงแต่อย่างใด และมองว่าประเด็นการแบ่งแยกดินแดนนั้น ไม่รู้ว่าคนพูด พูดด้วยวัตถุประสงค์ความคึกคะนอง หรือนักข่าวเข้าใจผิด แต่ว่าเป็นประเด็นทางด้านสังคมที่คนพูดที่เป็นระดับแกนนำเสื้อแดงจะต้องออกมารับผิดชอบ ด้วยการขอโทษสังคม
“การที่มีใครคนใดคนหนึ่งเสนอแบ่งแยกดินแดน ตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแล้ว ถึงแม้ประชาชนจะมีเสรีภาพในการแสดงออก แต่ต้องมีขอบเขต คือต้องรับผิดชอบด้วย โดยเฉพาะหากกรณีที่พูดเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมแตกตื่น”
จำเป็นจะต้องออกมาทำความเข้าใจกับสังคมด้วยว่าการพูดนั้นเป็นการพูดที่เกิดจากความคึกคะนอง หรือว่านักข่าวเข้าใจผิด จะต้องออกมาชี้แจงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นประเด็นของการสื่อสาร ที่เชื่อมต่อกับประเด็นทางสังคม คือ เวลานี้บ้านเมืองมีความแตกแยกสูงอยู่แล้ว เวลาใครจะทำอะไร โดยเฉพาะคนระดับแกนนำ จำเป็นจะต้องคำนึงถึงผลกระทบทางสังคม ถ้ารู้ว่าการพูดของตัวเองทำให้เกิดความแตกแยกรุนแรงมากขึ้น ก็ควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการ “ขอโทษ”
ยังไงก็ต้องขอโทษ!
สำหรับประเด็นทางด้านกฎหมาย อาจารย์วีรพัฒน์มองว่า การพูดด้วยความคึกคะนอง แม้จะเป็นการพูดในเรื่องของการแบ่งแยกดินแดนนั้น จะกระทำฟ้องร้องไม่ได้ เพราะยังไม่ผิด โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 ที่เป็นความผิดฐานกบฏ
โดย อาจารย์วีรพัฒน์ กล่าวว่า การกระทำผิดจะต้องมีการกระทำในลักษณะมีการใช้กำลังขู่เข็นประทุษร้ายเพื่อแบ่งแยกดินแดน ไม่ว่าจะเป็นการขู่ หรือการใช้กำลัง หรือการเตรียมการที่จะมีกำลังประทุษร้าย เช่น มีการชักชวนตระเตรียมกำลังเพื่อชักชวนกันให้จับอาวุธไปใช้กำลังข่มขู่ หรือเตรียมการ ก็ถือว่ามีความผิด แต่ถ้าพูดอย่างเดียว พูดพล่อยๆ พูดลอยๆ ยังไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
“เหมือนกับ กปปส.หากคนที่มาขึ้นเวทีพูดอะไรโดยเฉพาะประเด็นไม่เอาสภาผู้แทนราษฎร แล้วบอกว่าเป็นสภาฯ ทาส จะเอาสภาฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก็ถือเป็นเรื่องที่ผิดรัฐธรรมนูญ แต่เพราะเป็นแค่พูดตามความคึกคะนอง และยังไม่มีการข่มขู่ ใช้กำลัง หรือเตรียมการประทุษร้าย จึงไม่ใช่ความผิดทางกฎหมาย แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณสุเทพบอกว่า วันนี้ ให้ทุกคนจับอาวุธ จะไปข่มขู่ บังคับให้มีสภาประชาชน อันนี้ถือว่าเป็นความผิดแล้ว เพราะมีการเตรียมการใช้กำลังประทุษร้าย”
ฟ้องมาตรา 68-โยงเข้าการเมืองยาก
อย่างไรก็ดี สำหรับประเด็นการฟ้องร้องตามรัฐธรรมนูญในมาตรา 1 และโดยเฉพาะการฟ้องร้องในมาตรา 68 นั้น เห็นว่าการฟ้องร้องดังกล่าว จะต้องหาความเชื่อมโยงของคนในพรรคเพื่อไทยและนายเพชรวรรตให้ได้ หลักฐานจะต้องแน่น แต่เชื่อว่าหลักฐานในเรื่องนี้ยากที่จะแน่นหนา ดังนั้น คนฟ้องมีโอกาสหน้าแตกได้
แม้แต่การประกาศรับสมัครประชาชนเข้าร่วมการชุมนุม ก็ยังบอกไม่ได้อยู่ดีว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งแยกดินแดนหรือไม่ เพราะไม่มีการใช้กำลัง หรือตระเตรียมด้านกำลัง หากแต่เป็นการรวมตัวเพื่อคุยเรื่องความคิดนั้นถือว่าไม่เข้าข่ายความผิด หรือเป็นเพียงการชุมนุมโดยสงบซึ่งกระทำได้
แต่ที่แน่ๆ คือเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อสังคมที่แตกแยกอยู่แล้วให้สับสนวุ่นวายมากกว่าเดิม
การจัดการเรื่องการนำเสนอการแบ่งแยกดินแดงนี้ จึงควรใช้กลไกทางด้านสังคม ความรับผิดชอบทางสังคมเข้ามาจัดการจะดีกว่า
เห็นว่าการที่กองทัพจะเป็นผู้ที่แสดงท่าทีด้านความมั่นคงในเวลานี้นั้น ถูกต้องแล้วที่จะเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง แต่ไม่ควรรีบจนเกินไป ควรหาหลักฐานสืบสวนเรื่องราวปัญหาเบื้องต้นให้ชัดเจนก่อน