กลัวน้ำท่วมเลยปล่อยน้ำซะเยอะ ปีนี้เลยเหลือน้ำในเขื่อนน้อยมาก ทำให้ปีน้ำน้ำเค็มเข้ามาเร็ว
เดือน ก.พ. น้ำเค็มเข้าแม่น้ำเจ้าพระยา100กว่ากิโลเมตรแล้ว ทั้งๆที่ปรกติกว่าน้ำเค็มจะเข้ามาลึกขนาดนี้ก็เดือนเมษา
ประกอบกับ นาปรังที่จะเก็บเกี่ยวเดือน พ.ค. ทำให้ชาวนาที่หวังเงินจากจำนำข้าว15000 ปลูกข้าวกันเยอะมากเป็นประวัติศาสตร์ แย่งสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา
ผลคือ คนกทม.อาจต้องแดกน้ำเค็มเดือนเมษา
นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาน้ำทะเลหนุนเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา จนเป็นต้นเหตุให้น้ำประปาในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเค็มนั้น ล่าสุด วันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ค่าความเค็มที่บริเวณสถานีสูบน้ำดิบคลองสำแล จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นต้นทางนำน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไปทำน้ำประปา ค่าความเค็มอยู่ที่ 1.39 กรัมเกลือต่อลิตร ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง แม้จะลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ค่าความเค็มสูงถึง 1.92 กรัมเกลือต่อลิตร
ทั้งนี้ กรมชลฯได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนต่างๆ เพื่อผลักดันน้ำเค็มลงไป โดยบริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ระบายเพิ่มจากเดิมในอัตราวันละ 70 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที ขึ้นเป็นวันละ 75 ลบ.ม.ต่อวินาที และกำลังพิจารณาให้มีการระบายน้ำจากประตูระบายน้ำพระราม 6 เข้ามาเพิ่มเติมอีก 5 ลบ.ม.ต่อวินาที แต่เนื่องจากขณะนี้อยู่ในฤดูแล้งน้ำในแม่น้ำมีอยู่น้อยกว่าน้ำจืดจากเขื่อนในภาคเหนือจะไหลลงมาบริเวณ จ.ปทุมธานี ต้องใช้เวลามากกว่า 10 วัน จึงต้องรอดูผลช่วงต้นเดือนหน้าว่าจะลดความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาลงไปได้มากน้อยเพียงใด
“ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่า แม้จะเร่งระบายน้ำจืดเพิ่มเติมแล้วค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาจะลดลงจากปัจจุบันมากน้อยเพียงใด เพราะระหว่างทางกว่าที่น้ำจืดจะไหลลงมา ชาวนาที่ปลูกนาปรัง และนาปรังรอบที่ 2 ในขณะนี้ก็จะดักน้ำเข้านาไปใช้ทำนาปรัง จึงต้องขอร้อง เน้นย้ำอีกครั้งว่าให้ชาวนางดการทำนาปรังรอบ 2 เพราะขณะนี้มีการปลูกนาปรังเกินจากแผนที่กำหนดไว้ถึง 202% แล้ว แต่ถ้าจากการประมาณการอีก 10 วันน้ำจืดจากเขื่อนลงมาถึง จ.ปทุมธานี ต้นเดือน มี.ค. ปัญหาน้ำประปาเค็มน่าจะลดลงแล้ว”.
ไทยรัฐออนไลน์