พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์
การปรับย้ายนายทหารของกองทัพบกในช่วงกลางปี ส่งสัญญาณเย็นยะเยือกไปถึงระบอบทักษิณมีข่าวว่า พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) เตรียมขยับขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และคนที่จะขยับเข้ามาแทนที่ในตำแหน่ง ผบ.พล.1 รอ. ไม่ใช่ใครที่ไหน
ชื่อ “พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 15 เพชรบุรีอดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 11 ซึ่งเคยเป็นศูนย์บัญชาการปักหลักสู้กับกองกำลังติดอาวุธของระบอบทักษิณในช่วงปี 2553 นั่นเอง!
1)พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์เป็นลูกชายคนโตของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์อดีตหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.)
2)พล.ต.อภิรัชต์หรือ “ผู้การแดง”เป็นนายทหารที่มีบทบาทในการต่อสู้กับกองกำลังของระบอบทักษิณเมื่อปี 2553 โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมไทยคม เมื่อวันที่9 เม.ย.2553
ในเหตุการณ์ดังกล่าว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เคยนำมาเล่าขานบนเวทีการชุมนุม กปปส. ระบุว่า ตนเป็นคนสั่งให้ตัดสัญญาณโทรทัศน์ช่องเสื้อแดงต้องทำที่สถานีไทยคมส่งเจ้าหน้าที่ทหารไปรักษาการสถานีไทยคมพร้อมสั่งไม่ให้ถืออาวุธ เลยถูกคนเสื้อแดงที่มีนายจตุพร นายณัฐวุฒิแกนนำนปช. ปลุกระดมให้มวลชนไปรุมล้อมทุบตีทหารบาดเจ็บ ต้องล่าถอยไปเกือบหมด
นายสุเทพเล่าว่า ทหารส่วนใหญ่ถอนหมด เหลือ 20 คนอยู่ในอาคารไทยคม ออกมาไม่ได้ ขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้ามีนายตำรวจขึ้นไปเกลี้ยกล่อมบอกให้วางอาวุธแล้วเดินลอดขาคนเสื้อแดงออกมาจะปล่อยให้มีชีวิตรอดบังเอิญหัวหน้าทหารที่ติดข้างบนนั้นคือ พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 เพื่อนของพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม
“พล.อ.ร่มเกล้าเดินมาบอกผมว่า พี่เป็นผู้บังคับบัญชาที่นี่พี่โปรดอย่าสั่งให้เพื่อนผมวางอาวุธ พวกผมเป็นทหารมีศักดิ์ศรีให้เดินลอดหว่างขาเสื้อแดงกลับบ้าน ให้พวกผมตายดีกว่า ขอตายด้วยศักดิ์ศรีแล้วผมขอให้พล.อ.ร่มเกล้าต่อโทรศัพท์ถึง พ.อ.อภิรัชต์ ผมบอกว่าแดงไหวไหมไม่มีคนเข้าไปช่วยได้นะ มันกลางคืนแล้ว เขาตอบว่าพี่ครับพี่ทำตามที่ร่มเกล้าเขาแนะพี่เถอะให้ผมอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีดีกว่าเดินลอดขาคนเสื้อแดงออกมาโชคดีที่ทั้งหมดนั้นรอด เพราะเขาไม่ยอม และไม่มีใครกล้าปลดอาวุธพวกเขา”
หลังการเปิดเผยของนายสุเทพ สำนักข่าวอิศราได้สัมภาษณ์พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์เขาบอกเพียงสั้นๆ ว่า“ผมไม่อยากพูดอะไรมาก ช่วงนี้ก็รู้อยู่ว่าทหารถูกจับจ้องแต่เหตุการณ์ที่ไทยคมเราจะเดินไปยอมแพ้กับพวกมันคงไม่ได้เราเป็นทหารถ้าเดินไปยอมแพ้คงไม่ใช่ทหาร”
3) ระหว่างต่อสู้กับระบอบทักษิณ ขณะนั้น “เสธ.แดง”-พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผลกำลังห้าวเป้ง ออกมาพูดจากดูถูกดูหมิ่นกองทัพรายวัน หยามเหยียดผู้บัญชาการทหารบก โอหังสุดๆ
วันที่ 28 ม.ค.2553 พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ พร้อมนายทหารระดับผู้บังคับหน่วยของกองทัพบก อาทิ พ.อ.นัฐวัฒน์อัครนิบุตร ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์, พ.อ.กฤษณ์ดนัย อิทธิมณฑล ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์,พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์, พ.อ.บรรยง ทองน่วม ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 13 เป็นต้น ออกมาแถลงข่าวตอบโต้ เสธ.แดง อย่างดุดัน ต่อหน้านายทหารระดับผู้บังคับกองพันและผู้บังคับกองร้อยในกรุงเทพและปริมณฑลกว่า 17 กองพัน
วันนั้น พ.อ.อภิรัชต์บอกว่า “...สุดท้ายอยากขอความกรุณาให้พี่แดง หรือ พล.ต.ขัตติยะให้ยุติบทบาทที่แสดงออกมาทั้งหมด ผมได้หารือและคุยกันว่าผมเชื่อว่าพี่แดงไม่ได้มีเจตนาพูดหรือโจมตีกองทัพในลักษณะนั้นอาจจะทำด้วยอารมณ์โกรธและอารมณ์โมโห เพราะถูกพักราชการผมเชื่อว่าหากพี่แดงยุติบทบาท หรือหยุดกระทำก้าวร้าวเช่นนั้นก็ยังสามารถเป็นรุ่นพี่ที่ดีเป็นฮีโร่หรือเป็นนักรบอย่างที่ท่านชอบพูดไว้กับกลุ่มคนบางคนได้ต่อไปขณะนี้คนจ้องกฐินพล.ต.ขัตติยะมากหากยังดื้อดึงทำเช่นนี้อยู่ คนที่ไม่พอใจคงไม่ใช่แค่พวกเราที่จบจาก รร.จปร.คงมีกำลังพลหลายคนไม่พอใจ หากเกิดอะไรขึ้นตรงไหนแล้วโทษเป็นฝีมือคนในกองทัพคงไม่ใช่”
พ.อ.อภิรัชต์ยังประกาศด้วยว่าพวกเรายังได้ปฏิญาณตนแน่วแน่แล้วว่า ต่อไปนี้หากมีสิ่งใดหรือการกระทำจากบุคคลใดก็ตามที่จะกระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เราจะออกมาตอบโต้ทันที เป็นสิ่งเดียวที่เราไม่ยอมโดยเด็ดขาดในฐานะของทหารรักษาพระองค์ ในฐานะทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพวกเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นนายทหาร นายสิบ และพลทหารอย่ามีสิ่งใดระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เราจะไม่ยอมเด็ดขาด
4) มาพ.ศ.นี้ พล.ต.อภิรัชต์เตรียมขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) หน่วยคุมกำลังสำคัญกลางกรุงเทพมหานครฯ ที่กำลังรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่ในขณะนี้
ที่ผ่านมานั้น พล.1 รอ.ทหารรักษาพระองค์ถือเป็นกองพลหลักในภารกิจรักษาความสงบภายใน ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ว่ากันว่า หน่วยนี้พร้อมปฏิบัติภารกิจเบ็ดเสร็จได้ทันทีภายใน 1 ชั่วโมง หลังมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
5)ภารกิจของทหาร ณ พ.ศ.นี้ ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ คงไม่ใช่การรัฐประหาร
แต่เป็นการจัดการอย่างเด็ดขาดกับขบวนการโจรผู้ร้ายที่ใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าและทำร้ายประชาชนผู้ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ จัดการกับขบวนการแบ่งแยกดินแดง ดูหมิ่นจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงมีการพูดถึงการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งเป็นอำนาจของฝ่ายทหารโดยตรง
มีเสียงเรียกร้องให้ทหารออกมาประกาศยืนอยู่เคียงข้างมวลมหาประชาชน ไม่ยอมรับอำนาจจากนักการเมืองในรัฐบาลรักษาการที่หมดสิ้นความชอบธรรมทั้งทางการเมืองและกฎหมาย กระทำผิดรัฐธรรมนูญร้ายแรง ร่วมมือกับแกนนำเสื้อแดงที่ปลุกระดมใช้ความรุนแรง ประกาศจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ แบ่งแยกประเทศ ตั้งเมืองหลวงใหม่ ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ข่มขู่คุกคามศาลยุติธรรมและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
ประชาชนพลเรือนได้แสดงความกล้าหาญ ออกมาชุมนุมต่อสู้กับระบอบทักษิณร้อยกว่าวัน เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ต้องคอยดูว่าเลือดทหารของกองทัพไทยยุคนี้จะหาญกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง พิทักษ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปกป้องและเทิดทูนไว้ซึ่ง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติย์ทรงเป็นประมุขอย่างไร?
สารส้ม