เผยประวัติ ดร. วรเจตน์ หัวหน้ากลุ่มนิติราษฎร์ รับทั้งทุนภูมิพลและทุนอานันทมหิดล จนจบเอก
#1
Posted 25 January 2012 - 11:58
ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ได้รับการศึกษาในชั้นอนุบาลจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ที่โรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนหอวัง เมื่อสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นแล้ว ได้ศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โดยศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ และปีที่ ๕ และได้สอบเทียบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ได้ขณะที่ศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕
จากนั้นได้สอบเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาใน พ.ศ.๒๕๓๐โดยเลือกคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นอันดับหนึ่งและอันดับเดียว
ในขณะที่ศึกษาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ได้รับรางวัลเรียนดีในฐานะนักศึกษาที่ได้คะแนนสูงสุดของชั้นปีในทุกปีการศึกษา และได้เข้าร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัย โดยเคยเป็นรองประธานสภานักศกษาเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๑ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ สำเร็จการศึกษาเป็นนิติศาสตร์บัณฑิตในปีการศึกษา ๒๕๓๓
และได้รับรางวัลเรียนดีทุนภูมิพลในฐานะบัณฑิตที่สอบได้คะแนนสูงสุดของคณะนิติศาสตรในปีการศึกษานั้น
หลังจากสำเร็จการศึกษาแล้ว ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ได้เข้าทำงานเป็นนิติกร ที่สำนักงานกฎหมาย บริษัทปูนซิเมนต์ไทย และได้สำเร็จการศึกษาเป็นเนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ต่อมาใน พ.ศ.๒๕๓๕
ได้รับพระราชทุนมูลนิธิอานันทมหิดลให้ไปศึกษาวิชานิติศาสตร์ เน้นหนักทางด้านกฎหมายมหาชน ณ ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีในระดับชั้นปริญญาโทและปริญญาเอก ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ได้เลือกศึกษาที่คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย Goettingen ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
และสำเร็จการศึกษานิติศาสตรมหาบัณฑิต (Magister Iuris) ด้วยคะแนนดีมาก (sehr gut) ซึ่งเป็นคะแนนสูงสุดตามหลักสูตร Magister Iuris ของมหาวิทยาลัย โดยเขียนวิทยานิพนธ์เรื่อง “หลักกฎหมาย clausula rebus sic stantibus
ในสัญญาทางปกครอง”
หลังจากนั้นได้กลับมารับราชการเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นเวลาหกเดือน และได้กลับไปศึกษาต่อในชั้นปริญญาเอก สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาเอกทางกฎหมายเป็น “Doktor der Rechte” ได้รับคะแนนระดับ “summa cum laude” ซึ่งเป็นคะแนนสูงสุดสำหรับการศึกษาในระดับปริญญาเอกทางกฎหมายในประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี. โดยเขียนวิทยานิพนธ์เรื่อง “วิวัฒนาการทางทฤษฎีของสัญญาทางปกครองในระบบกฎหมายเยอรมัน” วิทยานิพนธ์เล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่โดยสำนักพิมพ์ Dunker & Humblot (Berlin)
หลังจากสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาเอกใน พ.ศ.๒๕๔๒ แล้ว ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ได้กลับมารับราชการที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ โดยเป็นหัวหน้าภาควิชากฎหมายมหาชน
ที่มา https://www.facebook...&type=1
เป็นเห็บเกาะไข่ระบบรัฐประหาร
#2
Posted 25 January 2012 - 12:01
#3
Posted 25 January 2012 - 15:53
#4
Posted 25 January 2012 - 16:07
#5
Posted 25 January 2012 - 16:07
#6
Posted 25 January 2012 - 16:09
#7
Posted 25 January 2012 - 16:11
เนรคุณ
เนรคุณ
เนรคุณ
เนรคุณ
เ ฉ ี ้ ยยยยยยยยยยยยยย วอเจต
#8
Posted 25 January 2012 - 16:14
#9
Posted 25 January 2012 - 16:22
อย่างนี้ผมก็ทำได้เหมือนกันสิ ... ถ้าเจอหน้ามันเอาเท้าไปแปะที่หน้ามันแล้วบอกว่า สวัสดีอาจารย์ที่เคารพ
#10
Posted 25 January 2012 - 16:26
อีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่าคนดีกับคนฉลาดไม่จำเป็นต้องไปด้วยกัน
แต่ก็มีคนพิสูจน์ไว้ เรื่อง เลว และ โง่ สามารถไปในทิศทางเดียวกันได้แล้วนะครับ
#11
Posted 25 January 2012 - 16:30
และ คนอย่างวรเจตน์ ชัดเจนในพฤติกรรม อยู่แล้ว ..
The most valuable things in life are not measured in monetary terms.
The really important things are not houses and lands, stocks and bonds, automobiles and real estate,
but friendships, trust, confidence, empathy, mercy, love and faith.
#12
Posted 25 January 2012 - 16:36
ผบ.ตร.ลั่นพร้อมปกป้องสถาบันใครหน้าไหนทำผิดเข้าข่าย ม.112 ต้องจัดการ ชี้ การเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์หากเข้าข้อกฎหมายต้องดำเนินการเช่นกัน ด้านโฆษก ตร.เผย สันติบาลจับตา “นิติราษฎร์” และความเคลื่อนไหวทุกกลุ่ม ชี้ การแสดงความเห็นทำได้ แต่อย่าล้ำเส้น
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอันดับ 1 ของ ตร.ที่รับผิดชอบปกป้องสถาบัน เพราะฉะนั้นเรื่องมาตรา 112 นั้น ไม่ต้องพูดเลย ถ้าเกิดผิดดำเนินคดีแน่นอนไม่ว่าเป็นใคร ซึ่งตนไม่ได้เน้นว่าเป็นใคร กลุ่มไหน ถ้าทำผิดมาตรา 112 ต้องดำเนินการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มนิติราษฎร์ออกมาเคลื่อนไหวแก้ไขกฎหมายมาตรานี้ ถือว่าผิดหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ตรงนี้เป็นกฎหมาย หากเข้าข้อกฎหมายก็ต้องดำเนินการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความคิดเห็นต่อกรณีนี้เช่นไร เนื่องจากดูเหมือนว่ากำลังเป็นประเด็นขัดแย้งในสังคม ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนว่าเรื่องนี้อย่าไปมองว่าเป็นเรื่องขัดแย้ง ซึ่งเรื่องนี้พูดไปยิ่งมากยิ่งไม่ดี โดยเอาเป็นว่าหากทำผิดกฎหมายข้อนี้ก็ต้องดำเนินการ
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ รวมทั้งกลุ่มนิติราษฎร์ในกรณีแก้กฎหมายข้อนี้ โดยขณะนี้เท่าที่ดูยังเป็นการแสดงความเห็นกันในเชิงวิชาการ อย่างไรก็ตาม ตำรวจสันติบาลจับตามองความเคลื่อนไหวอยู่ทุกกลุ่ม โดยการแสดงความเห็นนั้นสามารถทำได้ แต่อย่าล้ำเส้น แต่หากล้ำเส้นกฎหมายในปัจจุบันเมื่อไหร่ถือว่าผิดกฎหมายต้องดำเนินคดี ทั้งนี้ จากการจับตาความเคลื่อนไหวของเว็บไซต์ที่เข้าข่ายกระทบความมั่นคง ยังไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติในช่วงนี้
จำชื่อนายวรเจตน์ จอมแถไว้ให้ดีครับ นี่คือบทสัมภาษณ์ ล่าสุด นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวทีนิวส์ถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ข้อ เสนอให้ พระมหากษัตริย์ต้องทำพิธีสาบานพระองค์ก่อนขึ้นครองราชย์ว่า ก็เป็นสิทธิ์ตนยินดีรับฟัง แต่ยอมรับว่ามีความรู้สึกสะเทือนใจ ต่อคำวิจารณ์อย่างรุนแรงของ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานมูลนิธิสถาบันพระปกเกล้าที่ระบุว่า ตนเนรคุณและทรยศต่อทุนมหิดลที่ส่งเสียให้ได้เล่าเรียนจนจบปริญญาเอก " ผมมีความรู้สึกนะเพราะเป็นคนที่ได้รับทุนมหิดล แต่ขอยืนยันว่าข้อเสนอของเราเพื่อต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่ผ่านมา " นายวรเจตน์ กล่าวและว่า ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ รัชกาลที่ 7 ก็เคยทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาก่อนขึ้นครองราชย์ ซึ่งเป็นพระราชประเพณีธรรมเนียมปฏิบัติของพระมหากษัริย์ไทยในอดีต แต่ไม่เคยมีการบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ในข้อเท็จจริงนั้นเป็นการแถของนายวรเจตน์ เพราะ........................ พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา จากข้อความที่ตราไว้ในกฎมณเฑียรบาล ศักราช ๗๒๐ ความว่า “ลูกขุนผู้ใดขาด ถือน้ำโทษถึงตาย” เป็นส่วนหนึ่งของหลักฐานที่แสดงว่า นับแต่สมัยกรุงศรีอยุธยามาแล้วที่มีพระราชพิธีใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของแผ่นดิน นั่นคือ การถือน้ำ หรือ พิธีดื่มน้ำกระทำสัตย์สาบานต่อพระเจ้าแผ่นดิน เรียกว่า พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา น้ำพระพิพัฒน์สัตยาเป็นน้ำอธิษฐานโดยพราหมณ์ทำพิธีชุบพระแสง อ่านโองการแช่งน้ำ อาลักษณ์อ่านคำสาบาน และพระสงฆ์สวดคาถา สัจจัง เว อมตาวาจา ขอให้มีฤทธิ์อำนาจให้เป็นไปตามคำสาบานแก่ผู้ซึ่งคิดคดทรยศ ไม่ซื่อตรงและให้พร แก่ผู้ตั้งอยู่ในความกตัญญูสุจริต รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงพระราชดำริว่า การถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ต้องรักษาด้วยกันทั้งสองฝ่าย น้ำพระพิพัฒน์สัตยาจึงจะศักดิ์สิทธิ์ จึงทรงกระทำสัตย์รับน้ำพระพิพัฒน์สัตยาเป็นพระองค์แรก นับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๕ พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาได้ว่างเว้นการปฏิบัติไปนาน เกือบ ๔๐ ปี จนถึงพุทธศักราช ๒๕๑๒ ในโอกาสที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์ รามาธิบดีแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันพระราชอาณาจักร และโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้บรรดาผู้ได้รับพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีต้องถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาด้วย ในการพระราชพิธีนี้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รักษาส่วนที่เป็นโบราณราชประเพณี คือการสวดพระพุทธมนต์ พราหมณ์อ่านฉันท์สดุดีพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร และการเสกทำน้ำพระพิพัฒน์สัตยา อันเป็นขั้นตอนเตรียมการ ซึ่งทำใน พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วันรุ่งขึ้น หลังจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีแล้ว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม การพระราชพิธีสำคัญเริ่มด้วย การที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พราหมณ์อ่านโองการแช่งน้ำแล้ว เชิญพระแสงสำคัญ แทงน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ในขณะที่พราหมณ์แทงน้ำพระพิพัฒน์สัตยา พระสงฆ์เจริญพุทธมนต์สัจจคาถาพร้อมกัน เมื่อสุดเสียงประโคม ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณสาบานตน ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ยกร่าง คำสาบานใหม่ให้เหมาะสมตามกาลเวลาว่า จะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ ต่อประชาชนและต่อหน้าที่จะเสียสละเพื่อความไพบูลย์ของชาติ เป็นต้น การถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับน้ำพระพิพัฒน์สัตยาที่พราหมณ์เชิญมา ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วทรงดื่มพระองค์แรก ตามราชประเพณี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริเริ่มไว้ จากนั้นผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยาตามลำดับ อนึ่งในพระราชพิธีสถาปนาเฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาเป็นโอกาสพิเศษอีกคราวหนึ่งด้วย อ้างอิงจาก สำนักงานส่งเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ
Sirichok Sopha
ข้อแตกต่าง และข้อเหมือนของนิติราษฎร์ กับ แกนนำ นปช
Sirichok Sopha
“เฉลิม” ซัดนิติราษฎร์กินยาผิดซอง แนะเลิกทำข่าว อ้างทีวีแดงไม่ใช่สื่อ พท.
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.45น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จนมีหลายฝ่ายออกมาแสดงความไม่พอใจ จะมีการปรามบ้างหรือไม่ว่า ตนยกตัวอย่างไปแล้วว่าพวกปลากัดขวดติดกัน ถ้าผู้สื่อข่าวไม่ดึงกระดาษกั้นขวดออก ปลาก็ไม่พอง ถ้าเขาไปแถลงแล้วสื่อไม่เอามาลงข่าว อีกสองวันก็เลิก ตนไม่มีวันเห็นด้วยเด็ดขาด ถ้าจะแก้ประมวลกฎมายอาญามาตรา 112 และตนจะเป็นคนคัดค้าน เมื่อถามว่า แต่การเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ดูจะเป็นเนื้อเดียวกับกลุ่มเสื้อแดง บางกลุ่มและเชื่อมโยงมาถึงรัฐบาล รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มีทาง รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยไม่มีทางไปทำเรื่องแก้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เวลากลุ่มนิติราษฎร์เขานั่งแถลง ใครก็ใส่เสื้อสีอะไรได้ อย่าไปแปลความเหมารวม ไม่มีด้วยเด็ดขาด แค่คิดก็ตกนรกแล้ว เมื่อถามว่าการที่มีความเป็นห่วงจะป้องกันการนำมาตรา 112 มากลั่นแกล้งกันได้อย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนไม่แสดงความเห็นเรื่องนี้ แต่ตนเห็นว่ามาตรา 112 ที่มีอยู่ดีอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า การถึงขั้นเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์ เป็นการเกินเลยไปหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า “ก็กินยาผิดซอง พวกเพ้อ ไม่มีใครเขาเอาด้วยหรอก โถ บ้านเมืองร่มเย็นมาได้นับร้อยนับพันปีก็เพราะพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น จริงๆ เพราะพระปรีชาสามารถ ทุกอย่างดีหมดแล้ว แต่ไอ้พวกกินยาผิดซอง ร้องเพลงยิ่งยง ยอดบัวงาม ที่นึกว่าตัวเองหล่ออย่างนั้นอย่างนี้ พวกนี้คิดอะไรอยู่ ไม่เข้าท่า ผมพูดไม่กลัวเป็นศัตรูกับพวกนิติราษฎร์ แต่ไม่มีสิทธิ์ไปปราม ถ้าผิดกฎหมายก็ว่ากันไป พวกนี้บางครั้งคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น เก่งกว่าคนอื่น ก็เรียนกฎหมายมาด้วยกัน เพียงแต่ผมไม่ใช้ด็อกเตอร์เมืองนอกเท่านั้น มันไปคิดอะไร จะรื้อหมวดนั้นหมวดนี้ พวกกินยาผิดซอง ทำไม่ได้หรอก ไม่มีใครเอาด้วย” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีสื่อมวลชนในทำเนียบรัฐบาล โพสต์ข้อความมิบังควรลงในเฟซบุ๊ก ได้ตรวจสอบหรือยัง รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ สื่อทำเนียบฯ ก็ต้องดูแลกันเองด้วย เมื่อถามว่ามีการระบุว่าเชื่อมโยงกับพรรคเพื่อไทยด้วย และ น.ต.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที เป็นผู้ก่อตั้งสื่อต้นสังกัดของนักข่าวคนดังกล่าว ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่มี พรรคเพื่อไทยไม่มีสื่อ ไม่มีเฉพาะส่วน ต้องเข้าใจว่าวันนี้เวลาใครจะแกล้งใครได้ก็บอกว่าใส่เสื้อแดง เวลาใครอยากแกล้งพรรคเพื่อไทยก็มาบอกอย่างนี้มันง่ายไป อย่าไปเหมารวม อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นสถาบันที่ตนทำงานอยู่ดีมาก แต่ตนเน้นไม่ประชาสัมพันธ์ แต่เน้นปฏิบัติการ เพราะเรื่องอย่างนี้ไม่ควรพูด แต่ควรทำ ตนมีโอเปอเรชันรูมอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
เมื่อถามถึงกรณีที่ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินรับตรวจสอบการแต่งตั้งนางนลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกฯ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ อาจเข้าข่ายผิดประมวลจริยธรรม โดยจะทำหนังสือให้นายกฯ และเลขาธิการ ครม.ชี้แจง พร้อมจะเสนอให้รัฐบาลทบทวนการแต่งตั้งใหม่ มีนัยอะไรเป็นพิเศษหรือไม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนไม่กล้าแสดงความคิดเห็นข้ามฝั่ง ให้ตนปราบปรามยาเสพติดเถอะ กำลังสนุก เป็นเรื่องของเลขาธิการ ครม. เจ้าตัวเขาชี้แจงได้ เมื่อไปร้องท่านก็ต้องเรียก
'หม่อมอุ๋ย' ปัดร่วมลงชื่อจม.ราชนิกูลแก้ม.112
http://www.bangkokbi...31944/news.html
หม่อมอุ๋ย" ปัดร่วมลงชื่อจม.ราชนิกูล แก้ม.112 ยอมรับ แนวคิดส่วนตัวไม่ตรงกับคุณปลื้ม แต่ยืนยันลูกชายรักสถาบัน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวในรายการอินไซค์ไทยแลนด์ ทางสถานีวิทยุ 97.0 โดยปฏิเสธกรณีมีหนังสือจากราชนิกูล ที่ส่งถึงนายกฯให้แก้มาตรา112 ว่า ตนขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และตนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจดหมายหรือแถลงการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่ามีหนึ่งในสมาชิกราชนิกูลได้มาติดต่อขอให้ตนร่วมลงรายชื่อจริง แต่ก็ปฏิเสธไป เพราะตนไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายอย่างลึกซึ้้ง และไม่รู้ว่าเป้าหมายของเนื้อหาในจดหมายดังกล่าวคืออะไรกันแน่
ส่วนที่มีการเชื่อมโยงถึงอุดมการณ์ของ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือคุณปลื้ม บุตรชายตนนั้น ก็ไม่เกี่ยวข้องกัน ลูกกับตนคิดคนละอย่าง แต่ยืนยันว่า ม.ล.ณัฏฐกรณ์รักสถาบัน และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัติริย์ทรงเป็นประมุข แต่เนื่องจากได้ส่งม.ล.ณัฏฐกรณ์ไปเรียนที่อเมริการตั้งแต่เด็ก การพูดจึงอาจขัดกับนิสัยคนไทยไปอยู่บ้าง
อ้าววว!!!!อย่างนี้ นิธิเรี้ยราด ก้อเป็หมาหัวเน่านะสิ ....???? @^%@!$$%$
#13
Posted 25 January 2012 - 17:18
ความซวยอยู่ที่วรเจตน์
สมัครเคยมีสัญญาใจกับแม้ว "ขอเรื่องเดียว ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น อย่าทิ้งกัน"
ผลคือแม้วหักหลังสมัคร
#14
Posted 29 January 2012 - 10:16
เชี่ยนี่เก่ง
พอๆกับความระยำกับเนรคุณ
Edited by metaleka, 29 January 2012 - 10:17.
#16
Posted 30 January 2012 - 11:35
#17
Posted 30 January 2012 - 12:23
#18
Posted 30 January 2012 - 13:05
เผื่อมีคนอยากได้....
#19
Posted 30 January 2012 - 13:25
#20
Posted 30 January 2012 - 13:41
#21
Posted 30 January 2012 - 14:12
ถ้ามีคุณธรรมเพิ่มสักนิด วรเจตต์จะไม่ต้องมาสะเทือนใจกับสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไป
#23
Posted 30 January 2012 - 21:54
^
^
^
แจ่ม....แท้ๆ
ลูกหลานที่รัก จงจำปฏิปทานี้ไว้ “ถ้ามีความจำเป็นเราต้องเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทย แม้แต่ชีวิตก็ต้องยอม”
#24
Posted 9 February 2012 - 11:42
ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อดำเนินการเคลื่อนไหวเสวนาทางวิชาการเรื่อง ม.112
อนึ่ง กองทุนการกุศลเพื่อพัฒนาการเมืองการประชาธิปไตย แห่ง ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
เคยเข้ามาสนับสนุน เงินทุน เพื่อการพัฒนาการเมืองการประชาธิปไตย แก่ องค์กรอิสระในเมืองไทย มานานแล้ว เช่น
ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
#25
Posted 9 February 2012 - 12:14
เปลี่ยนให้ใหม่ครับ
เหมาะสมกว่า
อิอิอิ
เป็นเห็บเกาะไข่ระบบรัฐประหาร
#26
Posted 9 February 2012 - 20:35
#27
Posted 9 February 2012 - 20:56
'หม่อมอุ๋ย' ปัดร่วมลงชื่อจม.ราชนิกูลแก้ม.112
http://www.bangkokbi...31944/news.html
หม่อมอุ๋ย" ปัดร่วมลงชื่อจม.ราชนิกูล แก้ม.112 ยอมรับ แนวคิดส่วนตัวไม่ตรงกับคุณปลื้ม แต่ยืนยันลูกชายรักสถาบัน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวในรายการอินไซค์ไทยแลนด์ ทางสถานีวิทยุ 97.0 โดยปฏิเสธกรณีมีหนังสือจากราชนิกูล ที่ส่งถึงนายกฯให้แก้มาตรา112 ว่า ตนขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และตนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจดหมายหรือแถลงการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่ามีหนึ่งในสมาชิกราชนิกูลได้มาติดต่อขอให้ตนร่วมลงรายชื่อจริง แต่ก็ปฏิเสธไป เพราะตนไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายอย่างลึกซึ้้ง และไม่รู้ว่าเป้าหมายของเนื้อหาในจดหมายดังกล่าวคืออะไรกันแน่
ส่วนที่มีการเชื่อมโยงถึงอุดมการณ์ของ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือคุณปลื้ม บุตรชายตนนั้น ก็ไม่เกี่ยวข้องกัน ลูกกับตนคิดคนละอย่าง แต่ยืนยันว่า ม.ล.ณัฏฐกรณ์รักสถาบัน และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัติริย์ทรงเป็นประมุข แต่เนื่องจากได้ส่งม.ล.ณัฏฐกรณ์ไปเรียนที่อเมริการตั้งแต่เด็ก การพูดจึงอาจขัดกับนิสัยคนไทยไปอยู่บ้าง
อ้าววว!!!!อย่างนี้ นิธิเรี้ยราด ก้อเป็หมาหัวเน่านะสิ ....???? @^%@!$$%$
ไอ้ตาปลาดุกเนี่ยนะ รักสถาบัน จะปกป้องลูกมากเกินไปแล้วครับ คิดให้ดีๆนะครับ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หม่อมกล้าก้อมลงกราบสมเด็จทักษินของลูกหม่อมได้ไหม
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#28
Posted 9 February 2012 - 22:15
สวดยอดเปลี่ยนให้ใหม่ครับ
เหมาะสมกว่า
ชอบๆๆๆ
#29
Posted 10 February 2012 - 03:34