นี่ไง ตรงเป๊ะกับที่น้องโลกสวยพูด
คนกลางต้องเป็น UN
ใครบางคนมันทำจม.เชิญแล้ว
บอกแล้วไงว่าแดงแอ๊บขาว
http://www.bangkokbi...ิญบันคีมูน.html
กรุณาเปิดเผยเนื้อหา จดหมายเชิญบันคีมูน
ผมอ่าน “จดหมายเปิดผนึกถึงผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ”
พร้อมลายเซ็นของกลุ่ม“ข้าราชการที่สำนึกในหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ” แล้ว
ต้องแสดงความชื่นชมในความกล้าหาญที่แสดงจุดยืนให้ปรากฏต่อสาธารณชน
ตอนหนึ่งของจดหมายเปิดผนึกนี้ บอกว่า
“...การที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะเชิญเลขาธิการสหประชาชาติมาเยือนไทย เพื่อพิจารณาหนทางในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันนั้น ยังขาดการพิจารณาถึงผลประโยชน์ของประเทศอย่างถี่ถ้วน รวมทั้งควรมีการหารือ สอบถาม และ พิจารณาร่วมกับข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้รับข้อคิดเห็นที่สะท้อนมุมมองอย่างครอบคลุมเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงการขาดความรับผิดชอบ และข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ขอตั้งคำถามเกี่ยวกับความชอบธรรมของการกระทำดังกล่าว...”
และเสริมต่อว่า
“ไม่ว่า เลขาธิการสหประชาชาติ จะเยือนไทยด้วยตนเองหรือส่งผู้แทนหรือผู้แทนพิเศษ ในท้ายที่สุดแล้ว ตามคำเชิญที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นล้วนเป็นการเยือนตามคำเชิญของรัฐบาลไทย ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการติดตามผลในกรอบสหประชาชาติ และการมีข้อเสนอแนะต่อสถานการณ์ในไทย ซึ่งข้อเสนอแนะอาจมิได้ถูกร่างโดยผู้ที่ยึดมั่นต่อผลประโยชน์ของไทย หรือมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย รวมทั้งไทยอาจจะตกอยู่ภายใต้การประเมินความพึงพอใจในการอนุวัติข้อเสนอแนะดังกล่าว โดยฝ่ายเลขาธิการของสหประชาชาติ หรือประเทศสมาชิกอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่แรงกดดันและการดำเนินมาตรการอื่นๆ ต่อไทยในภายหลัง...”
“นอกจากนี้ การดึงสหประชาชาติเข้ามามีส่วนร่วมในสถานการณ์การเมืองภายในประเทศดังกล่าว อาจบั่นทอนแนวทางที่ไทยยึดถือมาตลอด ในการแก้ปัญหาสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยกระบวนการภายในประเทศ รวมทั้งเป็นการคาดการณ์ได้ว่าคำเชิญลักษณะดังกล่าวอาจนำไปสู่การดึงประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการและกรอบการหารือใหม่ ที่ไทยอาจไม่สามารถควบคุมทิศทางหรือปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทยได้...”
จดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ เสนอให้รัฐมนตรีฯ ถอนคำเชิญเลขาธิการสหประชาชาติ “และพิจารณาอย่างถ้วนถี่หากจะกระทำการใดๆ ต่อไปในอนาคต”
คุณสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล โต้วันต่อมาว่า “ข้าราชการเหล่านั้นไม่เข้าใจ” เพราะสิ่งที่ตั้งใจคือเมื่อประเทศไทยเกิดความวุ่นวาย ไม่สงบ และถ้าเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น “สุดท้ายสหประชาชาติก็ต้องเข้ามาอยู่ดี”
รักษาการรัฐมนตรีการต่างประเทศ บอกต่อว่า “ผมตั้งใจจะนำประเทศให้หลุดพ้นจากบ่วงกรรม โดยไม่ต้องสูญเสียอะไร พวกที่คิดหนักคือพวกที่กลัว กลัวความจริงจะปรากฏ กลัวบัน คี มูน จะมาล้วงความลับตัวเองหรืออย่างไร ทำไมเราต้องปิดบังโลก แล้วให้ยูเอ็นเข้าไปทีหลัง อย่างประเทศยูเครน ซีเรีย ทำไมไม่รู้จักเอาเขามาใช้ก่อน ต้องรอให้เด็กตีกันแล้วครูออกมาห้ามหรือ?”
คุณสุรพงษ์ บอกว่า บัน คี มูน ยังไม่ได้ตอบจดหมายเชิญของรัฐบาลไทย ทำให้รู้ว่าได้มีการทำจดหมายเชิญไปอย่างเป็นทางการจริงๆ
ยิ่งทำให้น่าตกใจ เพราะว่ารัฐบาลรักษาการไม่ควรจะมีสิทธิ หรือหน้าที่ที่จะทำจดหมายเชิญเลขาธิการสหประชาชาติ มาทำหน้าที่เกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งในประเทศแม้แต่น้อย
จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องเปิดเผยข้อความในจดหมายเชิญฉบับนี้ เพราะว่าภาษาที่ใช้และจุดประสงค์การเชิญคนที่มีตำแหน่งนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมีผลผูกพันต่อประเทศไทยในหลายๆ ด้าน ที่อาจจะมีผลกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยในวันข้างหน้าก็ได้
เราต้องการรู้ว่าจดหมายฉบับนี้เขียนว่าอย่างไร...เชิญ เลขาฯ ยูเอ็น มาเมืองไทย มาทำอะไร?
ถ้า...กระทรวงการต่างประเทศ ไม่เปิดเผยเนื้อหาของจดหมายฉบับนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งมีหน้าที่ที่จะต้องไปขอให้กระทรวงนี้ เอาเนื้อหาของจดหมายเชิญฉบับนี้ มาเปิดเผยต่อประชาชนคนไทย เพราะว่าเราคือเจ้าของประเทศ ใครอนุญาตให้รัฐมนตรีรักษาการทำเรื่องนี้แทนคนไทย...ทั้งประเทศ?