Jump to content


Photo
- - - - -

ปูกับน้ำท่วมปี 2554


This topic is in the process of being archived.
126 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 18:35

หลังจากไต้ฝุ่นลูกแรกจากนอกฝั่งตะวันตกแปซิฟิกพัดเข้าประเดิมเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2554
ใต้ฟ้าเมืองไทยไล่มาจากภาคเหนือตอนล่างลงมาภาคกลางทั้งหมด ภาคอีสาน และตะวันออก
ต่างชุ่มฉ่ำเกินพิกัด
เนื่องจากหลายพื้นที่ประสบกับกระแสน้ำหลากไหลเชี่ยว และมีน้ำท่วมฉับพลัน
มีดินโคลนถล่มบริเวณที่อยู่เชิงเขา ฯลฯ

เมื่อรวมไต้ฝุ่นได้เบ็ดเสร็จ 5 ลูก (ปิดท้ายด้วย "นกเต็น" ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2554)
มากกว่าถัวเฉลี่ยปีละ 3 ลูกจากสถิติในรอบ 70 ปี
ข่าวและภาพน้ำท่วมเมืองไทยถูกจัดอันดับจากนิตสารไทม์ให้เป็น 10 เหตุการณ์สุดยอดของโลกในปี 2554 ทันที
ประเด็นที่ว่าน้ำท่วมใหญ่ปี 2485 ซึ่งไม่ทราบว่ามีไต้ฝุ่นเข้ามากน้อยกว่าปี 2554 หรือไม่ประการใด
ไม่สำคัญเท่ากับว่า...
หลังจากเมืองไทยมีเขื่อนเอนกประสงค์ "ภูมิพล" ที่ความจุ 13,600 ล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2507 และยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการทำนายล้มฟ้าอากาศที่มีความแม่นยำด้วยเช่นนี้
ต่อให้ปีที่ผ่านมามีไต้ฝุ่นเข้าถึง 6-7 ลูก หากรัฐมีการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ
รวมทั้งมีการประสานข้อมูลกับฝ่ายอุตุนิยมวิทยาอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง
เชื่อว่าความร้ายแรงของภัยพิบัติจะไม่มีมากเท่าที่เกิดขึ้น

แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่เข้ามาบริหารประเทศเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 กลับปล่อยให้คนไม่มีอำนาจในรัฐบาลตามกฎหมาย เช่น นายบรรหารบังอาจสั่งการเมื่อเดือนกันยายน 2554 ว่า “ใครจะเปิดน้ำจากเขื่อนถามผมก่อน”

และนั่นคือปฐมเหตุของมหาอุทกภัยที่ไม่เคยมีครั้งใดในประวัติศาสตร์รุนแรงเท่า
แต่นั่นอาจมิใช่ครั้งสุดท้าย …

Edited by อารยะ, 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 18:37.


#2 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 18:41

เพราะกว่าจะมีการเปิดเขื่อนภูมิพลให้ระบายน้ำออกได้ ก็ล่วงมาถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2554
ทุกอย่างสายเกินกว่าจะทำอะไรได้มากกว่าทะลักน้ำออกมาท่วมผสมกับน้ำท่าและน้ำทุ่ง
ส่วนหนึ่งจะมิดหลังคาบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้าง โรงงาน ริมฝั่งน้ำเจ้าพระยาและท่าจีน
อีกส่วนท่วมเรือกสวนไร่นาและท้องทุ่งในบริเวณกว้างนับสิบล้านไร่ที่อยู่ใต้เขื่อนจาก


เพราะขณะนั้น น้ำปริ่มขอบอ่างยักษ์ที่จุถึง 1.36 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว
และช้ากว่านั้น ก้เสี่ยงที่จะเกิด "สึนามิน้ำจืด" ที่รุนแรงและกินพื้นที่กว้างขวาง

กว่าที่เกิดในเมืองมิยากิของญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม 2554 หลายเท่านัก

Edited by อารยะ, 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 18:49.


#3 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 19:00

ถ้าเติ้งเมื่อเดือนกันยายนรู้เรื่องการบริหารจัดการน้ำท่าที่ขณะนั้นระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลสูงไม่น้อยกว่า 9 พันล้านลูกบาศก์เมตร
จะไม่พูดอะไรไม่ฉลาดปานนั้น
เพราะน้ำระดับนั้น เกินครึ่งของความจุ 1.36 หมื่นล้านลบ.ม. ของอ่างน้ำยักษ์
แถมกรมอุตุฯบอกว่า ไต้ฝุ่นยังกำลังจะมาอีก นั่นแปลว่ารัฐบาลละเลยระบายน้ำออกจากเขื่อนมาเดือนกว่า
ในขณะที่เขื่อนเริ่มจะไม่มีที่ว่างรองรับน้ำฝนขากไต้ฝุ่นที่กำลังทยอยมา

ที่ยอดแย่คือ เติ้งเป็นเพียงหลงจู๊ในพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีอำนาจตามกฎหมายให้พูดแทนนายกฯนกแก้วยิ่งลักษณ์

#4 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 19:04

เติ้งคงมีเหตุผลสิน่า
และเมื่อเติ้งพูด รัฐมนตรีสังกัดพรรคเติ้งที่ดูแลกรมชลประทานย่อมจะใคร่สนองประกาศิต
และคงแอบสนองบัญชานี้มาตั้งแต่วันที่รัฐบาลเพื่อไทยโดยยิ่งลักษณ์
รับโปรดเกล้าเป็นนายกฯเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 แล้ว
ซึ่งขณะนั้น ระดับน้ำเหนือเขื่อนยังอยู่ที่ 8 พันล้านลูกบาศก์เมตร
ซึ่งก็ควรได้ระบายออกให้เหลือสัก 6 พันล้านลบ.ม. (ครึ่งหนึ่งของ 1.36 หมื่นล้านลบ.ม.)

แต่ก็หาได้มีการระบายออกแต่อย่างใดไม่!
พอไต้ฝุ่นนกเต็นเข้าในต้นเดือนตุลาคม 2554 ขอบอ่างยักษ์ของเขื่อนภูมิพล
ก็พลันปริ่มน้ำเกินความจุ 100%
เขื่อนภูมิพลขณะนั้นมีสภาพไม่ต่างจาก “ระเบิดอุทกปรมาณู”
พร้อมที่จะสลายตัวเป็น “สึนามิน้ำจืด” ได้ทุกขณะ

#5 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 19:11

8 ตุลาคม 2554 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ตั้ง ศปภ. เมื่อทุกอย่างสายไปแล้ว
เพื่อลดความเสี่ยงที่เขื่อนภูมิพลอาจปริแตก กรมชลฯสั่งทะลักน้ำ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรวันที่ 14 ตุลาคม 2554
ปกติ เขื่อนภูมิพลระบายน้ำเฉลี่ยที่ 20 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ต่างกัน 5 เท่าในกรณีที่ไม่เคยเกิดมาก่อนตั้งแต่มีเขื่อนี้เมื่อ 48 ปีก่อน
เขื่อนเจ้าพระยาที่ชัยนาท ปกติผันน้ำจากเขื่อนยักษ์นี้ไม่เกิน 2,800 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
แต่งานนี้ เขื่อนเจ้าพระยาต้องเปิดประตูให้น้ำจากเขื่อนยักษ์ ทยอยออกลงอ่าวไทยด้วยอัตราถึงกว่า 4,000 ลูกบาศกเมตร/วินที


แน่นอนว่าทางกรมชลฯรู้แล้วว่า จังหวัดที่อยู่ใต้เขื่อนที่ตาก
และประตูระบายน้ำที่ชัยนาทจะมีอันฉิบหายวายวอดอย่างที่เห็น
ไม่ว่านตรสวรรค์ สิงห์บุรี สระบุรี พิษณุโลก ละบุรี ชัยนาท อยุธยา ปทุม นนท์ ฯลฯ
ก่อนถึงกรุงเทพฯ สมุทรปราการ สมุทรสาคร แล้วลงทะเล

#6 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 19:25

น่าสังเกตว่าเติ้งหุบปากเงียบตลอดเดือนน้ำท่วมหนักจนสิ้นปี จะเป็นเพราะสำนึกได้
หรือป่านนี้ผูกคอตายไปแล้วมิอาจทราบได้
ข่าวคราวที่ทำให้เชื่อมต่อเหตุที่เติ้งสั่งเมื่อเดือนกันยายน 2554 ห้ามเปิดเขื่อน
มาเปิดเผยชัดเจนเมื่อรัฐมนตรีเกษตรสารภาพในต้นเดือนธันวาคมต่อมาว่า เพื่อมิให้นาข้าวบางที่ถูกน้ำท่วมก่อนเก็บเกี่ยว
ก็ฟันธงโดยไม่ต้องคิดให้ปวดหัวว่า เป็นนาแถวสุพรรณ ส่วนจะเป็นส่วนที่แขกซาอุฯมาซื้อปลูกข้าวไว้กินเองหรือขาย ก็ไม่ใช่สาระสำคัญ
แม้จะน่าเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับกรณีที่ทักษิณเคยต้อนรับอาคันตุกะนายทุนจากชาติอาหรับมาดูงานปลูกข้าวที่สุพรรณเมื่อปี 2547

#7 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 19:36

ลิ่วล้อจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังคงตะแบงว่า เหตุที่น้ำท่วมปีที่แล้วเป็นเพราะรัฐบาลก่อนหน้านี้ไม่ปล่อยน้ำออกมาเอง
คือพูดเหมือนกับว่า ถ้ารัฐบาลที่แล้วไม่เคยสั่งระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลมาก่อน
กรมชลฯในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่เข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2554 มีเหตุขัดข้องที่จะเปิดเขื่อนได้
จนเพิ่งเปิดได้ในเดือนตุลาคม 2554
น่ากลัวหากเรื่องนี้เข้าสู่วาระอภิปรายในสภส นายกฯนกแก้วคงพูดแบบแผ่นเสียตกร่องว่า รัฐบาลจะไม่แทรกแซงค่า

เป็นไปตามขั้นตอนค่า หน่วยงานที่รับนโยบายไปแล้วเข้าใจเจตนาของรัฐบาลให้พี่น้องมีความสุขค่า
ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ค่า เราทำงานอย่างเข้าใจมีเอกภาพค่า
ทุกคนในรัฐบาลนี้อยากให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้าค่า ลงท้ายทุกเรื่องว่า “เอาอยู่คร่า”

#8 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 19:37

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าให้หล่อนกล่าวสุนทรพจน์เป็นอันขาด เพราะหมอยังหาสาเหตุยังไม่ได้ว่า
ทำไมแค่อ่านจากที่เขียนให้มันยากเย็นแสนเข็ญอะไรนักหรือถึงต้องพูดออกมาให้มันฟังพิสดารพิการพิกล
เช่น “พฤศจิกาคม”
ห้าหมื่นสามแสนล้านบาท (350,000 ล้านบาท)
หรือ “May I overcome Madame Clinton…”

ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้เมืองไทยมีผู้นำรัฐบาล
ที่ความรู้ภาษาไทยต่ำกว่าประถม 4 เข้ามาบริหารประเทศอีกเลย
สาธุ

#9 JUR1ST

JUR1ST

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,803 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 19:40

เข้ามาอ่านครับ ลำดับเวลาชัดเจนมากว่าใครเป็นผู้มีหน้าที่ในขณะนั้น และที่แสบก็คือคนชอบล้วงลูกทั้งที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย
แต่ที่เห็นตัวแสบเงียบไปคงไม่ได้ไปผูกคอตายหรอกครับ ดูข่าวเมื่อตอนเย็นยังเดินกระย่องกระแย่งไปเยี่ยมคนเจ็บจากพลุระเบิดอยู่เลย

ขออย่าเรียกเตี้ยสุพรรณว่าเติ้งเลยครับ คนๆ นี้ไม่มีคุณูปการใดๆ ที่ใกล้เคียงเติ้งเสี่ยวผิงได้เลย

#10 ไทพวน

ไทพวน

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 10 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 19:48

[28 กันยายน] น้ำท่วมเชียงใหม่ ทะลักตัวเมืองแล้ว - ดินถล่ม ตาย 5
[29 กันยายน] ตัวเมืองเชียงใหม่อ่วม! แม่น้ำปิงเอ่อล้น
[30 กันยายน] ประมวลภาพน้ำท่วมเชียงใหม่ คาดอีก 2 วันตัวเมืองกลับสู่ปกติ
[1 ตุลาคม] เมืองเชียงใหม่น้ำลดแล้ว ชาวบ้านเร่งเก็บกวาด

ปีนี้เชียงใหม่น้ำก้อลดเร็ว ครับ

#11 plunk

plunk

    สลิปงินเดือนอยู่ไหนอ่ะ ไอ้คางครูด?

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,862 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 20:02

น่าสังเกตว่าเติ้งหุบปากเงียบตลอดเดือนน้ำท่วมหนักจนสิ้นปี จะเป็นเพราะสำนึกได้
หรือป่านนี้ผูกคอตายไปแล้วมิอาจทราบได้
ข่าวคราวที่ทำให้เชื่อมต่อเหตุที่เติ้งสั่งเมื่อเดือนกันยายน 2554 ห้ามเปิดเขื่อน
มาเปิดเผยชัดเจนเมื่อรัฐมนตรีเกษตรสารภาพในต้นเดือนธันวาคมต่อมาว่า เพื่อมิให้นาข้าวบางที่ถูกน้ำท่วมก่อนเก็บเกี่ยว
ก็ฟันธงโดยไม่ต้องคิดให้ปวดหัวว่า เป็นนาแถวสุพรรณ ส่วนจะเป็นส่วนที่แขกซาอุฯมาซื้อปลูกข้าวไว้กินเองหรือขาย ก็ไม่ใช่สาระสำคัญ
แม้จะน่าเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับกรณีที่ทักษิณเคยต้อนรับอาคันตุกะนายทุนจากชาติอาหรับมาดูงานปลูกข้าวที่สุพรรณเมื่อปี 2547




เมื่อวานนี้ สุพรรณก็ประสบความเดือดร้อน จนต้องมีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือ หลังจากเกิดพลุแตก ไปแล้ว
ทำได้ทันที ไม่ต้องกู้ พรรคไหนเห่าไว้ตอนหาเสียงวะ?และกระทู้ในตำนานของ คนขี้โกหก http://webboard.seri...้สลิปเงินเดือน/

#12 metaleka

metaleka

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,655 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 20:06

อาจารย์อารยาสรุป
สั้น
เข้าใจง่ายดีครับ

#13 pooyong

pooyong

    สมาชิกขั้นไม่สูง แต่สูงอายุ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,292 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 20:15

ลองเรียบเรียงน้ำท่วมภาคใต้ ปี 54 กับความช่วยเหลือของรัฐบาลให้ดูหน่อยครับ
การรับใช้แผ่นดิน คือความเบิกบาน

#14 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 20:45

เข้ามาอ่านครับ ลำดับเวลาชัดเจนมากว่าใครเป็นผู้มีหน้าที่ในขณะนั้น และที่แสบก็คือคนชอบล้วงลูกทั้งที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่ที่เห็นตัวแสบเงียบไปคงไม่ได้ไปผูกคอตายหรอกครับ ดูข่าวเมื่อตอนเย็นยังเดินกระย่องกระแย่งไปเยี่ยมคนเจ็บจากพลุระเบิดอยู่เลย ขออย่าเรียกเตี้ยสุพรรณว่าเติ้งเลยครับ คนๆ นี้ไม่มีคุณูปการใดๆ ที่ใกล้เคียงเติ้งเสี่ยวผิงได้เลย

ขอบคุณคุณ Jurist ครับผมขอสัญญาว่าจะไม่เรียกอดีตอาตี๋ส่งกาแฟกรมโยธาธิการแถวผ่านฟ้าว่าเติ้งอีกต่อไป ทั้งนร้เพราะมีความยินดีที่จะได้เรียกว่า "เตี้ยสุพรรณ" ครับ
ผมก็ภาวนาให้ไปผูกคอตายวันละสามเวลาหลังอาหาร ยังอยู่อีกหรือครับ
น่าจะไปพร้อมพลุระเบิดซะตั้งแต่คืนวาน ดูคลิปแล้ว เห็นแสงไฟระเบิดเหมือนเกิดสงครามเลยครับ

#15 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 20:47

[28 กันยายน] น้ำท่วมเชียงใหม่ ทะลักตัวเมืองแล้ว - ดินถล่ม ตาย 5 [29 กันยายน] ตัวเมืองเชียงใหม่อ่วม! แม่น้ำปิงเอ่อล้น [30 กันยายน] ประมวลภาพน้ำท่วมเชียงใหม่ คาดอีก 2 วันตัวเมืองกลับสู่ปกติ [1 ตุลาคม] เมืองเชียงใหม่น้ำลดแล้ว ชาวบ้านเร่งเก็บกวาด ปีนี้เชียงใหม่น้ำก้อลดเร็ว ครับ

ภูมิประเทศอย่างเชียงใหม่ขึ้นเร็วลงเร็วครับ
แต่โคราช ทำไมท่วมนานก็ไม่ทราบนะครับทั้งๆที่เป็นที่ราบสูงแท้ๆ

#16 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 20:51

น่าสังเกตว่าเติ้งหุบปากเงียบตลอดเดือนน้ำท่วมหนักจนสิ้นปี จะเป็นเพราะสำนึกได้ หรือป่านนี้ผูกคอตายไปแล้วมิอาจทราบได้ ข่าวคราวที่ทำให้เชื่อมต่อเหตุที่เติ้งสั่งเมื่อเดือนกันยายน 2554 ห้ามเปิดเขื่อน มาเปิดเผยชัดเจนเมื่อรัฐมนตรีเกษตรสารภาพในต้นเดือนธันวาคมต่อมาว่า เพื่อมิให้นาข้าวบางที่ถูกน้ำท่วมก่อนเก็บเกี่ยว ก็ฟันธงโดยไม่ต้องคิดให้ปวดหัวว่า เป็นนาแถวสุพรรณ ส่วนจะเป็นส่วนที่แขกซาอุฯมาซื้อปลูกข้าวไว้กินเองหรือขาย ก็ไม่ใช่สาระสำคัญ แม้จะน่าเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับกรณีที่ทักษิณเคยต้อนรับอาคันตุกะนายทุนจากชาติอาหรับมาดูงานปลูกข้าวที่สุพรรณเมื่อปี 2547

เมื่อวานนี้ สุพรรณก็ประสบความเดือดร้อน จนต้องมีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือ หลังจากเกิดพลุแตก ไปแล้ว

ครับ คุณ plunk ผมเองคิดทีแรกเหมือนกันว่าจะตั้งกระทู้ว่า บาปเสี่ยวหาร เหมือนกันครับ
แบบนี้คงต้องมีวิบากกรรมที่ต้องชดใช้อีกมาก
พลุระเบิดนี่แค่เป็นสัญญาณเตรียมตัวซะละมั๊งครับ

#17 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 20:56

อาจารย์อารยาสรุป สั้น เข้าใจง่ายดีครับ

สวัสดีครับ คุณ metaleka ยินดีมากที่พบกันอีกครั้ง สบายดีนะครับ
ยังนึกว่า เอ จะเจอคุณหรือเปล่าหนอ แล้วผมก็โชคดีได้เจอจริงๆ
บางท่านอาจแปลกใจว่าผมรู้จักคุณ metaleka ด้วยหรือ
ขอเรียนว่า เราหอบหิ้วกันมาตั้งแต่สมัย "อารยาฟอรั่ม" แล้วครับ

#18 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 21:00

ลองเรียบเรียงน้ำท่วมภาคใต้ ปี 54 กับความช่วยเหลือของรัฐบาลให้ดูหน่อยครับ

คุณปู่ยงให้โจทย์ยากจังเลยครับ
ปู่ยงลองขยับก่อนสิครับ
เริ่มจากเล่าตอนท่วมบ้านปู่ยงก่อนก็ได้ครับ อิ อิ

#19 Majestic

Majestic

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,509 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 21:09

[28 กันยายน] น้ำท่วมเชียงใหม่ ทะลักตัวเมืองแล้ว - ดินถล่ม ตาย 5 [29 กันยายน] ตัวเมืองเชียงใหม่อ่วม! แม่น้ำปิงเอ่อล้น [30 กันยายน] ประมวลภาพน้ำท่วมเชียงใหม่ คาดอีก 2 วันตัวเมืองกลับสู่ปกติ [1 ตุลาคม] เมืองเชียงใหม่น้ำลดแล้ว ชาวบ้านเร่งเก็บกวาด ปีนี้เชียงใหม่น้ำก้อลดเร็ว ครับ

ภูมิประเทศอย่างเชียงใหม่ขึ้นเร็วลงเร็วครับ
แต่โคราช ทำไมท่วมนานก็ไม่ทราบนะครับทั้งๆที่เป็นที่ราบสูงแท้ๆ


เท่าที่จำได้ เกิดฝนตกหนักติดต่อกัน 3-4 วัน ในบริเวณนั้น
ประกอบกับการที่มีถนนและหมู่บ้านสร้างใหม่กีดขวางทางน้ำที่จะระบายลงสู่แม่น้ำ ทำให้น้ำระบายช้ากว่าในอดีต

#20 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 21:38

ตอนนี้คนกำลังวิตกว่า ที่คุณปอดประสบ มาบอกว่าน้ำจะมากกว่าปีที่แล้วสามเท่า

เค้าพูดทำไมกัน

ต้องการอะไร

หรือว่าอยากได้งบฟื้นฟูน้ำท่วมกันอีกรอบคะ

ปล สามเดือนที่ไม่บริหารจัดการน้ำ ทั้งๆที่ควรจะทำ

แปลกที่ไม่มีใครตีฆ้องร้องป่าวเลยค่ะ

#21 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 21:50

ไม่รู้ไม่เห็น เอากับผัวอยู่ค่าาา

If you try hard enough, you can be whatever you want to be.


#22 plunk

plunk

    สลิปงินเดือนอยู่ไหนอ่ะ ไอ้คางครูด?

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,862 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 22:00

สารภาพตามตรง ว่ายังไม่ได้ขนของกลับไว้ที่เดิมเลยครับ กลัวครับ
ทำได้ทันที ไม่ต้องกู้ พรรคไหนเห่าไว้ตอนหาเสียงวะ?และกระทู้ในตำนานของ คนขี้โกหก http://webboard.seri...้สลิปเงินเดือน/

#23 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

ตอบ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 - 22:34


อย่าทำร้าย ฉัน


เสรีประเมินปี55แล้งหนัก-ฝนมาเร็ว


"เสรี"ประเมินปี55ไทยเผชิญภัยแล้งหนัก-ฤดูฝนมาเร็ว ฟันธงมวลน้ำเท่าเดิมท่วมแน่ แต่แบบไหนขึ้นอยู่กับการจัดการ

“ปี 2555 จะเกิดน้ำท่วมอีกหรือไม่? ถ้ามวลน้ำเท่าเดิมน้ำท่วมแน่ๆ แต่จะท่วมแบบไหนนั้นอยู่ที่การบริหารจัดการ” เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธรและคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารทรัพยากรน้ำ หรือ กยน.กล่าวในวงเสวนา “เรียนรู้ สู้น้ำ”

เสรี ระบุถึงการพยากรณ์อากาศและการเตือนภัยว่า ด้วยเทคโนโลยีขึ้นสูงสุดที่มีอยู่ในขณะนี้สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้เพียง 7 วัน โดยการพยากรณ์จะต้องการสร้างแบบจำลองที่ใช้เงื่อนไขของสภาพอากาศ ณ ปัจจุบันที่มีการคำนวณ การพยากรณ์ล่วงหน้าจึงไม่มีความแม่นยำและคลาดเคลื่อนได้ เพราะสภาพการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเป็นสิ่งข้อจำกัดที่ไม่สามารถควบคุมได้ การจะบอกว่าน้ำจะท่วมปี 2555 อีกหรือไม่ จึงไม่สามารถบอกได้ ณ ขณะนี้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำได้คือ การใช้ข้อมูลทางสถิติมาสร้างแบบจำลอง ซึ่งเมื่อลองศึกษาและสร้างแบบจำลองตามข้อมูลตามสถิติแล้ว ถ้ามีมวลน้ำเท่าเดิมน้ำจะท่วมแน่ๆ แต่จะท่วมแบบไหนนั้นอยู่ที่การบริหารจัดการว่าจะมีการผันน้ำไปในทิศทางใด จะเก็บกักน้ำไว้ที่ใดบ้าง รวมทั้งการบริหารจัดการความเสี่ยงของเขื่อนก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะต้องมีการตัดสินใจว่าจะปล่อยน้ำหรือไม่ หากปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่เหนือระดับน้ำควบคุม(Rule Curve)

ดังนั้น กยน.จึงเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลในส่วนนี้ โดยการตัดสินใจปล่อยน้ำหรือไม่นั้น ต้องมีการประเมินผลกระทบของผู้ที่อยู่กับชุมชนที่อยู่ท้ายน้ำและจังหวัดใกล้เคียงด้วย

นอกจากนี้ ในปีนี้มีการคาดการณ์ไว้ว่าฝนจะมาเร็ว สิ่งที่อาจจะเห็นใน 2 เดือนข้างหน้าคือ ปริมาณน้ำในแม่น้ำจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปล่อยน้ำของเขื่อนเพื่อการทำนาปรังครั้งที่ 1 จำนวนพื้นที่ทั้งสิ้น 10 ล้านไร่ ทำให้ฤดูข้าวนาปีต้องเริ่มขึ้นในเดือน พ.ค. และต้องเก็บเกี่ยวให้เสร็จในเดือน ส.ค.-ก.ย. เพราะในเดือนต.ค.เขื่อนจะเก็บน้ำอย่างเต็มพิกัดและจะต้องเอาให้อยู่ เพื่อไม่ให้น้ำท่วมกรุงเทพ ดังนั้นกรมชลประทานจึงต้องทำความเข้าใจและร่วมมือกับเกษตรกรให้มีการเก็บเกี่ยวตามเดือนดังกล่าว

ขณะเดียวกันหลายแบบจำลองพบว่า กลางปี 2555 มีแนวโน้มอาจจะเกิดภัยแล้ง เนื่องจากมีปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เปลี่ยนไปจากลานิญาไปเป็นเอลนีโญมากขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งที่กรมชลฯ จะต้องบริหารความเสี่ยงนี้ให้ได้ เพราะเชื่อว่าปัญหาการขาดน้ำจะสร้างความเสียหายที่หนักหนายิ่งกว่าน้ำท่วมอีก ดังนั้น การแก้ปัญหาจึงต้องรับฟังข้อมูลและตัดสินใจว่าจะมีการบริหารความเสี่ยงอย่างไร

เช่นเดียวกัน การแก้ไขปัญหาภัยพิบัติในระยะยาวด้วยการสร้างอ่างเก็บน้ำก็จำเป็นต้องนำข้อมูลต่างๆ ไปคิดประกอบ เช่น การกระจายของน้ำฝน อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นอาจจะไม่ได้รองรับน้ำทั้งหมดเพราะฝนมีการกระจายตัวในหลายพื้นที่ และไม่มีทิศทางที่แน่นอน ข้อมูลหรือแนวโน้มที่ได้จากแบบจำลองจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างหนึ่งในอนาคต

นอกจากนี้ อาจารย์เสรีได้ชี้บทเรียนที่ได้รับผ่านมหาอุทกภัยเมื่อปีก่อน ดังนี้

1.ข้อมูลไม่ไปถึง จึงควรมีการแปรข้อมูลไปสู่ภาคประชาชนให้เกิดความตระหนัก ซึ่งจะนำไปสู่ความตระหนักของชุมชนและประเทศต่อไป

2.ขาดระบบการสนับสนุนการตัดสินใจ ต้องมีแผนรองรับ โดยมีการประเมินผลกระทบของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียว่าเป็นอย่างไร ต้องประเมินทันทีและสื่อสารในทันทีในภาวะปกติ

3.Floodway หรือ Flood all ways ต้องสื่อสารให้ชัดเจนว่าทางผ่านน้ำไม่ใช่น้ำผ่านทุกทาง เพื่อประกอบการตัดสินใจและสามารถวางแผนได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ

4.นิคมอุตสาหกรรมจมน้ำ สิ่งที่ประเมินแล้วว่าโครงการต่างๆ ทำแล้วมีประสิทธิผล ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมใช้วิธีการสร้างผนังกั้นน้ำ 2 ชั้น สูง 4 – 6 เมตร เพื่อสร้างความเชื่อมั่น แต่สิ่งสำคัญคือชุมชนเพราะโรงงานต้องมีแรงงานคน การสร้างความเชื่อมั่นจึงต้อง สร้างจากชุมชนให้มีความเข้มแข็งและสามารถเดินต่อไปได้

5.จุดอพยพ เกิดการย้ายแล้วย้ายอีก เช่น ศูนย์อพยพมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ย้ายไปดอนเมืองและย้ายต่อไปกระทรวงพลังงาน ทั้งนี้เกิดจากการขาดระบบประเมินที่ไม่สามารถประเมินเหตุการณ์ได้ทั้งก่อนและขณะเกิดเหตุ จึงต้องมีการหาระบบในการตัดสินใจต่อไป

6.ผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถสื่อไปยังประชาชนได้ เนื่องจากขาดระบบการประเมินนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเองก็มี พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ที่ถือว่าเป็นกฎหมายที่ดีฉบับหนึ่งอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ไม่เคยได้ประกาศใช้ เช่นกันกับกฎหมายให้ชุมชนมีส่วนร่วมระบุว่าในชุมชนมีหมู่บ้าน หน่วยงานเอกชน ฯลฯ เท่าไหร่ แล้วไปต่อกับชุมชนอื่นเหมือนการต่อจิ๊กซอว์ โดยมีภาครัฐดูแลให้เป็นภาพรวม

“สุดท้าย ในเมื่อแผนต่างๆ ของรัฐยังคงต้องใช้ระยะเวลา สิ่งสำคัญที่สุดจึงเป็นท้องถิ่นที่ต้องมีแผนรับมือภัยพิบัติ โดยสามารถบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐได้ แต่ระยะยาวคงหนีไม่พ้นการสร้างฟลัดเวย์” เสรี ระบุ


#24 Majung

Majung

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 403 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 02:52

สารภาพตามตรง ว่ายังไม่ได้ขนของกลับไว้ที่เดิมเลยครับ กลัวครับ


เตรียมตัวสู้ๆค่ะ :D หลายบ้านคนรู้จักก็เป็นอย่างนี้นะคะ ยังไม่ขนของเข้าที่เลย
ขยาดกับ อีป้าที่มาบอกว่า "เอาอยู่"
ธมฺมจารี สุขํ เสติ

#25 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 03:43

Posted Image

Edited by อารยะ, 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 04:33.


#26 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 03:44

สองภาพล่างนี้เพียงเปรียบเทียบระดับน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล
ภาพซ้ายเป็นช่วงฤดุกาลปกติที่ต้องปรับระดับให้ได้ประมาณครึ่งของความจุ
จะทำอย่างไรเป็นเรื่องเทคนิคที่มีข้อมูลพยากรณ์อากาศ และการขึ้นลงของน้ำทะเลเข้าประยุกต์

ทั้งนี้เพื่อจะได้รับมือเมื่อเข้าฤดูมรสุมหรือเมื่อมีไต้ฝุ่นเข้า การระบายออกก็จะไม่เกิดอุปสรรค
ถึงขั้นน้ำเต็มเขื่อนอย่างในภาพขวา ที่สะท้อนความล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำ
ภาพอย่างนี้ คือของปีที่แล้วในเดือนตุลาคมถือเป็นภาพที่น่าเกลียด
ไม่เคยมีมาก่อนไม่ว่ายุคของรัฐบาลใดนับแต่มีเขื่อนภูมิพลในปี 2507
และไม่แปลกที่ทำให้ต้องผันน้ำออกถึงวันละ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร
เพราะถึงอย่างไรก้ไม่น่าจะเกิน 40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันซึ่งก็เสี่ยงไม่น้อยแล้ว

อย่าลืมว่าประตูระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาชัยนาทมิได้มีไว้รับน้ำมาเท่าไรก็ส่งออกลงใต้เขื่อนเท่านั้น
ตรงนี้มีหน้าที่สนองการชลประทานเพื่อเกษตรกรรม จะว่าไปมิใช่สำหรับการเพาะปลูกในพื้นที่ใต้น้ประตูน้ำนี้ำเท่านั้น
ยังต้องปรับระดับให้กับพิ้นที่เหนือน้ำด้วย

นั่นแปลว่า ถ้าเขื่อนภูมิพลปล่อยมวลน้ำมาอย่างมโหฬาร ก็ต้องมีปัญหากับพื้นที่ทั้งเหนือและใต้เขื่อชัยนาททันที
ปล่อยมากเกิน 3,500 ลบ.ม./วินาที ข้างล่างก็อ้วกแน่ แต่น้อยกว่านั้นข้างบนก็จมน้ำตายก่อน
ดังนั้นก็ต้องดูระดับทั้งปีที่สัมพันธ์กับที่มาของน้ำตามฤดูกาล
และวัตถุประสงค์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและการระบายให้มีน้ำเพาะปลูกกันได้ทั้งนาปีและนาปรัง
และเพื่อสนองการเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่ต้องปลูกมากกว่า 2 ครั้งก็ยิ่งต้องมีการจัดการบริหารน้ำที่เป็นระบบและมีการประสานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

Posted Image

Edited by อารยะ, 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 06:19.


#27 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 05:18

Posted Image
มาดูภาพบนกันอีกครั้งครับ
เส้นกราฟสามสีบอกชัดเจนว่า การจัดการบริหารน้ำในปี 2552 และ 2553 มีความคงเส้นคงว่าในสถานการณ์ทางการเมืองปกติ
คือมีการกำกับนโยบายเพื่อการบริหารจัดการน้ำโดยรัฐมนตรีเกษตรฯที่เข้าใจภารกิจ
ผ่านประสบการณ์ระหว่างเป็นข้าราชการประจำในกรมที่เกี่ยวข้องโดยตรงมาก่อน คือคุณธีระ วงศ์สมุทร

ปี 2554 เป็นกรณีที่มีความผิดปกติของฤดูกาลในช่วงมรสุมเมื่อมีไต้ฝุ่นเข้ามามากกว่าปีก่อนหน้าสองสามลูก
กรมอุตุต้องรู้ก่อน แต่จะก่อนถึง 3-4 เดือนหรือไม่ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเครื่องไม้เครื่องมือ
ซึ่งยังมิเป็นประเด็นสำคัญเท่ากับที่กรมชลต้องรู้แน่นอนว่าระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลสูงกว่าปีที่ผ่านมามากพอสมควร
แต่ไม่ถือว่าผิดปกติแม้ในเดือนที่มีการยุบสภาพฤษภาคม 2554 นี่ผมหมายถึงคุณธีระ วงศ์สมุทรที่รู้ว่าจะเตรียมการระบายน้ำอย่างไร เพราะเท่าที่ผ่านมาในปี 2552, 2553 รัฐบาลอภิสิทธิ์ถือเป็นเรื่องปกติที่จะแจ้งให้เกษตรกรในบางพื้นที่
งดปลูกข้าวในบางช่วงของปี

อย่างไรก็ดี ปี 2554 จนถึงเดือนพฤษภาคม ผมไม่พบว่ามีการแจ้งให้ชาวนางดทำนาปรังช่วงใด
แต่อาจเป็นเรืองภายในที่ไม่ยากจะตกข่าว

อย่างที่กล่าวแล้ว ทางกรมชลฯโดยการประสานกับกรมอุตุนิยมวิทยาย่อมทราบว่า
ระหว่างปลายเดือนกรกฏาคมถึงตุลาาคมปี 2554 จะมีไต้ฝุ่นเข้าอ่วมแน่
เผอิญใครอยู่ใต้เขื่อนหรือประตูระบายน้ำชัยนาทแล้วปลูกนอกฤดูกาลช่วงนั้นคงลำบากแน่
เพราะคงถูกน้ำท่วมก่อนเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จปลายเดือนกันยายน ประมาณนั้น
แต่คงช่วยได้ หากทางรัฐมนตรีเกษตรคนเดิมในรัฐบาลปูจะออกนโยบายผ่านอธิบดีกรมชลฯให้มีการแจ้งงดงดปลูกข้าว
ในภาคกลางทันที เพราะในทางการเมืองน่าจะรู้ตัวว่าจะดำรงตำแหน่งเดิม

การเมืองมีสุญญากาศในเดือนมิถุนายน 2554 ที่เป็นช่วงหาเสียงหลังยุบสภาวันที่ 28 พฤษภาคม 2554 เท่านั้น

ประเด็นที่ว่ารัฐบาลที่แล้วมิได้ระบายน้ำออกจากเขื่อนภูมิพลมิได้เป็นเหตุผลที่ฟังได้
เนื่องจากรัฐบาลปัจจุบันเข้ามามีอำนาจสั่งการได้โดยพฤตินัยตั้งแต่เดือนกรกฏาคม หรือสิงหาคม
อย่าลืมว่า เมื่อนายกฯปูรับโปรดเกล้าวันที่ 5 ระดับน้ำในเขื่อนสูงถึง 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตรเข้าไปแล้ว
รัฐมนตรีเกษตรก็ถูกวางตัวให้เป็นคนเดิม ไม่มีปัญหาในการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนภูมิพลผ่านกรมชลฯแต่ประการใด
ถือเป็นงาน "routine" (รูตีน) โดยมีอำนาจรัฐของรับบาลใหม่รองรับ

ส่วนการคาดหมายให้รัฐบาลเก่าแจ้งงดปลูกข้าวในบางพื้นที่ใด ต้องแน่ใจถึงระดับรับประกันผลของนโยบายนี้ในรัฐบาลใหม่
ซึ่งคงไม่มีผู้นำรัฐบาลที่ไหนประกาศให้เกษตกรงดทำนาพร้อมๆกับประกาศยุบสภา

อีกครั้ง พอเลือกตั้งเสร็จวันที่ 2 กรกฏาคม 2554 รัฐบาลยิ่งลักษณ์มีอำนาจพอ
ที่จะขอตรวจสอบกับกรมชลประทานว่าเออ ระดับน้ำเหนือเขื่อนภูมิพลสูงกว่าปกติแล้ว
ควรระบายได้สักวันละ 20 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร เริ่มระบายทุกวัน
เพราะขณะนั้นรู้แล้วว่าเดือนนั้น ไม่วันใดวันหนึ่งไต้ฝุ่นเข้าแน่ๆ

Edited by อารยะ, 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 05:50.


#28 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 05:57


สารภาพตามตรง ว่ายังไม่ได้ขนของกลับไว้ที่เดิมเลยครับ กลัวครับ


เตรียมตัวสู้ๆค่ะ :D หลายบ้านคนรู้จักก็เป็นอย่างนี้นะคะ ยังไม่ขนของเข้าที่เลย
ขยาดกับ อีป้าที่มาบอกว่า "เอาอยู่"

มิน่า รัฐบาลถึงนอนใจไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจนป่านนี้ ที่บางเลน นครปฐมติดนนท์ด้านตะวันตกย่านคลองมหาสวัสดิ์ยังจมเหมือนเดิม แค่คิดจะส่งปั๊มไปสูบให้ก็ยังไม่เห็นมีใครในรัฐบาลไปดูเลย

หลังจากออกแผนยุทธศาสตร์ 8 ข้อแล้ว รัฐบาลนี้ก็หันกลับไปทำแผนซุกหนี้ เพื่อจะได้เพดานกู้สูงขึ้น
จะได้มาสวาปามกัน
ผมว่ามันมาปล้นบ้านเมืองกันอย่างไร้ข้อกังขาใดๆแล้วครับ

Edited by อารยะ, 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 06:00.


#29 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 06:03

มันมากับไฟก็สมควรไปกับน้ำเน๊ออะ

#30 pooyong

pooyong

    สมาชิกขั้นไม่สูง แต่สูงอายุ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,292 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 06:08

มันมากับไฟก็สมควรไปกับน้ำเน๊ออะ

ส่วนหนึ่งเป็นน้ำลายจากพวกมันเองด้วยครับ
การรับใช้แผ่นดิน คือความเบิกบาน

#31 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 08:06

น้ำลายพวกนั้นอันตรายกว่าน้ำทุ่งกับน้ำท่ารวมกันในช่วงมรสุมแน่นอนอยู่แล้วครับ

ไปพบบทความเกี่ยวกับเขื่อนที่น่าสนใจ ลงในมติชนช่วงที่น้ำกำลังไหลโกรกท่วมภาคกลางเรียบร้อย
จึงขออนุญาตนำมาฝากประกอบกระทู้ได้เหมาะเจาะพอดีครับ



เขื่อนมีก็ดี แต่พอแล้ว



เขื่อน “เอนกประสงค์” ที่ปั่นไฟก็ได้ ผันน้ำเข้านาก็ดี ขนาดความจุกว่าหมื่นล้านลูกบาศก์เมตรเปิดตัวเป็นแห่งแรกที่จังหวัดตาก
เมื่อปี 2507 จากนั้นไม่ถึงสองทศวรรษ เมืองไทยมีเขื่อนประเภทนี้ต่างขนาดกันเกือบ 40 แห่งทั่วทุกภาค

แต่คงไม่มีเพิ่มอีกในประเทศ หลังจากรัฐหันไปลงทุนสร้างในลาว (ลุ่มแม่น้ำโขง) จีน (มณฑลยุนนาน) และพม่า (โครงการสาละวิน)
จำยอมซื้อกระแสไฟฟ้าจากโรงงานของตัวเอง แปลกดี!

แต่รัฐคงคิดว่าสุดคุ้ม ที่ไม่ต้องมาเสียเวลาปวดหัวกับกระแสต่อต้านเขื่อนแบบที่ประชาสังคมและชาวบ้าน
บริเวณเขื่อนแก่งเสือเต้น ปากมูล และราศีไศลเมื่อ 20 กว่าปีก่อนเคยเรียกร้องให้เลิกสร้าง
วยเหตุผลที่ว่าเขื่อนทำลายแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ลำธาร ป่าเขาเพียงเพื่อเปลี่ยนสภาพมาเป็นอ่างเก็บน้ำยักษ์
ไม่คุ้มกับการที่ห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศจากต้นน้ำลำธารเหนือเขื่อนถูกตัดขาด ปริมาณสัตว์ น้ำหลากหลายชนิดที่รอวันสูญพันธุ์
กระทบเต็มๆต่อการดำรงชีพของชาวบ้านในพื้นที่ทับซ้อน

กลุ่มคัดค้านขอให้รัฐบาลเลือกว่าจะเอาเขื่อนหรือเอาคน

ฟังดูก็มีเมล็ดความจริง อย่างน้อย ถึงไม่มีเขื่อน น้ำท่าที่ตกมาจากฟ้าก็น่าจะมีพอปลูกข้าวอยู่
แต่หากรัฐจะเอาเขื่อน ก็ต้องมีมาตรการรองรับผลกระทบ ตั้งแต่ขั้นตอนอพยพชุมชนที่พลัดที่นาคาที่อยู่ออกจากบริเวณพื้นที่สร้างอ่างเก็บน้ำ
เช่น หากชาวบ้านเคยเลี้ยงปศุสัตว์ ที่อยู่ใหม่ก็ควรเป็นทุ่งหญ้า หรือหากถนัดจับปลา ก็ไม่ควรเอาไปไว้บนดอย
ประสบการณ์จาก “เขื่อนเจ้าเณร” ระหว่างผู้เขียนร่วมสำรวจหาแหล่งที่อยู่ใหม่ให้ชาวบ้านที่ประสบชะตากรรมเดียวกัน
ทำให้ต้องตระหนักว่า หากปล่อยให้พวกเขาไปตายเอาดาบหน้า ถ้าไม่กลายเป็นผู้บุกรุกป่าซ้ำ ก็คงแห่กันไปเพิ่มสลัมในเมือง

อีกอย่าง มีเขื่อนแล้ว หากไม่มีการชลประทานที่วางโครงสร้างอย่างมีระบบพอ หรือมีการบริหารจัดการน้ำที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ถึงอยู่ใต้เขื่อนก็อาจต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพาะปลูกได้
ซ้ำอาจต้องถูกน้ำท่วมทั้งๆที่ก่อนมีเขื่อนอาจไม่เคยประสบมาก่อน
ไม่ต้องพูดถึงชุมชนเหนือเขื่อนที่ย่อมจมอยู่ใต้อ่างเก็บน้ำไปแล้ว

เขื่อนจึงมีประโยชน์แน่นอนถ้าบริหารจัดการดี แต่หลักการอยู่ที่ยุทธศาสตร์
กรณีของไทยออกจะเน้นด้านพลังงานมากกว่าอาหาร
ทำให้ฉุกคิดถึงคำกล่าวของ ม.จ. สิทธิพร กฤดากรที่ว่า “เงินทองของมายา ข้าวปลาสิของจริง”

ดังนั้น เมื่อจะมีเขื่อนเอนกประสงค์และได้อานิสงส์โดยแท้ ผู้บริหารจัดการน้ำต้องรู้เท่าทันจริตร้อยแปดของน้ำ
ตั้งแต่ น้ำฝน ที่ลมหอบมาตกเหนือเขื่อนและไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ
น้ำท่า ในลำอุทกที่จะมากน้อยปกติกขึ้นกับอิทธิพลของการขึ้นลงของน้ำทะเล
และ น้ำทุ่ง ที่บ่ายหน้าไหลลงทะเลลูกเดียว
เหล่านี้มีบุคลิกต่างกันที่ต้องเรียนรู้ หากจะบริหารจัดการที่ต้อง "เอาอยู่"
เพราะหาไม่แล้วเขื่อนจะเป็นดาบสองคม และเสี่ยงต่อการเกิดโศกนาฏกรรม

ผู้หาญกล้าต่อกรกับจริตของน้ำต้องคอยเฝ้าสังเกต ระวัง และหมั่นอัพเดทปฏิกิริยาของน้ำ
ผ่านความเปลี่ยนแปลงของลมฟ้าอากาศ ภูมิประเทศ เหตุการณ์ ฤดูกาล
มีระบบตรวจสอบเพื่อการตัดสินใจที่ผิดพลาดน้อยที่สุด ยกตัวอย่าง เมื่อต้องบริหารมวลน้ำสนองมาตรการเพิ่มผลผลิตในฤดูแล้ง
ก็จะต้องมั่นใจว่าพอได้เวลาเปิดน้ำจะมีน้ำพอให้พร่อง มิใช่เผลอปล่อยให้น้ำแทบจะแห้งขอดอ่างเก็บน้ำไปเสียแล้ว
แต่ความผิดพลาดอย่างนี้ยังตรวจสอบได้ไม่ยาก แก้ไขได้
อาจปรับความเป็นเอกภาพระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้กระชับขึ้น เป็นต้น

แต่บางกรณีที่เป็นผลมาจากการจัดคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์มาทำการบริหารจัดการน้ำมักจะพลาดแล้วพลาดเลย
เสียระบบควบคุม ผลพวงหายนะจะตามมาเป็นลูกโซ่ ดังมหาอุทกภัยที่กำลังกลืนชีวิตและทรัพย์สินคนไทยไปครึ่งค่อนประเทศในขณะนี้

เขื่อนไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่เท่าที่มีอยู่ ก็เพียงพอแล้ว
………………………….
ธีรเวทย์ ประมวญรัฐการ
มติชน หน้า 6
10 พฤศจิกายน 2554

#32 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 08:29


บทความพูดถึง "จริตของน้ำ" ฟังดูแล้วก็สมจริงว่า กริยาของน้ำนี้ช่้างมีหลากหลายประบวนท่า
พอดีผมเคยคิดเล่นๆแล้วลองรวบรวมไว้ ไม่ทราบว่าจะครบถ้วนหรือไม่อย่างไร


เริ่มตั้งแต่ น้ำ...

ไหล (จากที่สูงไปที่ต่ำ)

หลาก
ล้าง

ซึม

หยด

หล่อ

เชี่ยว

โอบ

เดิน

หก

ตก

ทะลัก

เอ่อ (มีระดับสูงขึ้นต่อเนื่อง)

ปริ่ม (ใกล้ล้น)

เท้อ (หลังจากปล่อยให้เอ่อจนปริ่มขอบเขื่อนจะไหลวนกลับเอื่อยๆ)

ท้น (เอ่อย่างเร็ว)

ล้น (หลังจากปริ่มแล้วปล่อยให้ท้น)

บ่า (ไหลข้ามสิ่งกีดขวาง)

เจิ่ง (ไหลมากระจายเป็นบริเวณกว้างกว่านอง)

นอง (ไหลมาแล้วหยุดบนพื้นที่เฉพาะ)

ปะทะ (ทางน้ำไหลมากกว่าสองเส้นพบกัน)

หัก (บ้าน “บางหัก” ใน อ. บางบาล อยุธยา อยู่ตรงจุดที่แม่น้ำสองสายน้ำไหลมาปะทะกันอย่างจัง น้ำเจิ่งเอ่ไปทั่ว)

ค้าง (น้ำบนยอดหญ้าแพรก นัยว่าจิ้งหรีดกินเป็นบาบำำรุงเสียงให้ไพเราะจับใจ)

คั่ง

วน

ท่วม

ขัง

ฉีด

กระจาย

กระเซ็น

กระฉอก

สาด

ซัด

เซาะ

ซึม

พุ่ง

พุ

แตก

บุก

โจมตี

ลด

รั่ว

ขึ้น

ลง

กัด

ชะ

เหือด

แห้ง

พร่อง

ระบาย

อาละวาด

เดินทาง (ท่องไปในมหาสมุทร)

ดัน (มีคนบอกว่าเรือยนต์ติดเครื่องใช้ดันน้ำได้)

เล่น (งูกินหาง คือไหลข้ามไปข้ามมาบนถนนสายเอเชีย)

ตาย (คุณปราโมทย์ ไม้กลัด เอ่ยคำว่า “พฤติกรรมน้ำตาย” เพราะระบบท่อระบายน้ำไม่ดี)


ท่านใดเห็นเพิ่มกรุณาเติมด้วย ขอบคุณครับ


#33 metaleka

metaleka

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,655 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 08:33

อาจารย์อารยาสรุป สั้น เข้าใจง่ายดีครับ

สวัสดีครับ คุณ metaleka ยินดีมากที่พบกันอีกครั้ง สบายดีนะครับ
ยังนึกว่า เอ จะเจอคุณหรือเปล่าหนอ แล้วผมก็โชคดีได้เจอจริงๆ
บางท่านอาจแปลกใจว่าผมรู้จักคุณ metaleka ด้วยหรือ
ขอเรียนว่า เราหอบหิ้วกันมาตั้งแต่สมัย "อารยาฟอรั่ม" แล้วครับ

สวัสดีครับอาจารย์อารยา
ผมสบายดีครับ
ผมก็ยังไปเยือนแอบอ่าน อารยาฟอรั่มตลอดครับ
เว้นไปก็ช่วงอภิมหาโปรเจ็คน้ำท่วมของ อิปูเอาอยู่ :ph34r:

#34 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 08:39

บางคำก้ำกึ่งระหว่างกริยากับคุณศัพท์ หรือกริยาวิเศษ เช่น เมื่อพูดว่า น้ำนิ่ง น้ำเข้า น้ำออก
ยังไม่นับที่ใช้กับนามธรรม เช่น น้ำใจ น้ำคำ
"น้ำแตก" นำมาอธิบายได้อย่างเห็นไม่มีคำใดเหมาะในกรณีของลพบุรีที่ถูกบุกแล้วลพบุรี "แตก" ในที่นี้ "แตก" จึงไม่ใช่กริยาวิเศษ



คุณสมบัติของน้ำยังใช้อุปมากับคุณค่าต่างๆ อาทิ “น้ำใสใจริง” หรือ “น้ำอดน้ำทน” ฯลฯ
และในบรรดาธาตุทั่ง 4 น้ำดูจะโอนอ่อนผ่อนปรนให้กับทุกฝ่ายจนไม่เป็นตัวของตัวเอง จะมีรูปทรงอย่างไรก็ขึ้นกับภาชนะที่บรรจุ
ขนาดยอมให้ลมหอบไปตกคลายร้อนได้ ให้มนุษย์เก็บกักอยู่ในอ่างขนาดไหนได้ทั้งสิ้น จะดับไฟก็ใช้น้ำ
แต่ก็พร้อมจะเดือด ถ้าเอาไปตั้งไฟ
น้ำเท่านั้นที่ซึมในดินในทรายได้ ลมหรือไฟทำไม่ได้
น้ำอ่อนยังชัดเซาะตลิ่งให้หายไปได้ด้วย ยิ่งถ้ามีลมเป็นใจ (กรณี "storm surge")
น้ำอดทนได้เป็นพันๆปีเพียงจะหยดบนหินให้กร่อน
น้ำมีชีวิต และชีวิตมีไม่ได้ถ้าขาดน้ำ...

Edited by อารยะ, 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 08:52.


#35 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 08:55

ลำดับเหตุกาณ์ตามภาพข้างล่างบอกอะไรได้มากมายทีเดียว
Posted Image

ภาพล่างเป็นที่มาของวลีวินาศ "เอาอยู่ค่า" ช่วงที่เป็ดตัว ศปภ. ต้นเดือนตุลาคม 2554
Posted Image

#36 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 09:26

Posted Image
ภาพนี้คือไต้ฝุ่นลูกสุดท้าย "นกเต็น" นาซ่าถ่ายเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2554 (ลูกแรก "ไหหม่า" เข้าเมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม 2554)

หลังจากไต้ฝุ่นเข้ามาครบ 5 ลูกแล้ว รัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงได้ตั้ง ศปภ.
ศปภ. ที่ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2554 ไม่สร้างคุณูปการในการป้องกัน กู้ภัย หรือเยียวยาอะไรที่จะคลายทุกข์ได้ดีไปกว่าเอกชนและประชาสังคมช่วยกันเอง
ไม่อยากจะบอกว่า ศปภ. กลับมีมาตรการที่สร้างข้อจำกัดให้ประชาชนได้ช่วยตัวเองยากขึ้นด้วย
เช่น การประเดิมออกประกาศให้ทุกฝ่ายนำถุงยังชีพไปให้ ศปภ. ที่ดอนเมืองเพื่อจะนำไปแจกจ่าย
แต่กลับพบภายหลังว่า กักตุนไว้ จนเมื่อดอนเมืองแตก จึงเห็นไส้ของคณะทำงาน ศปภ.
เพราะข้าวของช่วยชีวิตผู้ประสบความเดือดร้อนที่กักตุนไว้ให้พวกเสื้อแดงเอาออกไปช่วยเอาหน้าเอาตาลอยเสียของเกลื่อน

จุดอ่อนของ ศปภ. มาจากการใช้นักการเมืองที่ไม่มีความรู้เรื่อง "Water Management" มานั่งแถวหน้า
แต่นักวิชาการที่เชิญมาช่วยงานแบบขอไปทีไม่มีบทบาทให้คำแนะนำ หรือมีก้ไม่มีใครใน ศปภ. ฟัง
จนกระทั่งมีการตั้งเป็นคณะที่ปรึกษาก็สายไปแล้ว เมื่อต้องเริ่มปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพล
ถึงวันละ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรในวันที่ 14 ตุลาคม 2554
และที่กลายเป็นเรื่องตลกอย่างที่ทราบกันก็คือ ทันทีมี่นกยกฯปูพุดว่าเอาอยู่ค่า ก็ตามมาด้วยน้ำทาวมมิดหลังคาบ้านทุกครั้ง ไม่ว่าที่ใด
นั่นสะท้อนให้เห็นความไม่พร้อมในเชิงบริหารที่ทางการไม่เคยประสานกับภาคประชาสังคม
โถ กับ กทม. ยังประสานกันไม่ได้ นับประสาอะไรกับประชาสังคมชาวบ้าน

เพราะหากรัฐบาลไม่ทิ้งพวกเขา การเตรียมพร้อมต่างๆจะมีได้ทันท่วงที และมหา
ดไทยน่าจะเป็นตัวเชื่อม แต่ก็รัฐมนตรีมหาดไทยก็บ้าพอที่จะทิ้งงานของกระทรวง
มาพายเรือให้ยิ่งลักษณ์นั่งเอาเครดิตกับนายห้างดูไบห่อเสียฉิบ
เครื่อข่ายของมหาดไทยที่เคยมีใช้ในเหตุการณ์ฉุกเฉินจากผู้ว่าฯถึงกำนันผู้ใหญ่บ้าน
จึงถูกตัดตอนออกไปจากระบบบริหารของศปภ. อย่างสิ้นเชิง

#37 Gop

Gop

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,450 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 09:29

ลำดับเหตุกาณ์ตามภาพข้างล่างบอกอะไรได้มากมายทีเดียว Posted Image


มองอีกด้าน ผมเห็นใจรัฐบาลนะ ผมดูข่าวช่วงนั้นจำได้ว่า ตั้งแต่เดือนสิงหาน้ำก็เริ่มท่วมหลายพื้นที่แล้ว เขื่อนก็พยายามปล่อยน้ำให้น้อยเข้าไว้ ไม่อยากซ้ำเติมภาวะอุทกภัยที่มีอยู่แล้ว จำได้ว่าช่วงเดือนสิงหาคม เขื่อนภูมิพลปล่อยน้ำประมาณ ๑๐ ล้าน ลบ.ม. ต่อวันเท่านั้น มันเหมือนแทงหวยน่ะครับ ตอนนั้นต้องตัดสินใจ ว่าจะปล่อยน้ำเพิ่มเพื่อลดปปริมาณน้ำในเขื่อน แต่ถ้าทำอย่างนั้น ก็จะซ้ำเติมความเสียหายให้ชาวบ้าน อีกทางหนึ่ง ถ้าเก็บน้ำเอาไว้ก็จะลดความเสียหายเฉพาะหน้าได้ แต่ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงว่า อาจจะมีน้ำเข้ามาในเขื่อนเพิ่มอีกก็ได้ ซึ่งผลปรากฏว่าเป็นอย่างหลัง คืออั้นไว้ไม่นาน ก็มีพายุเข้ามาซ้ำเติม สถานการณ์อุทกภัยก็ไม่ดีขึ้น และจำเป็นต้องปล่อยน้ำแบบไม่คิดชีวิตออกมาเพราะอันตรายต่อเขื่อน และได้ฉิบหายกันถ้วนหน้าในที่สุด

ในสายตาผม เรื่องปล่อยน้ำนั้น ผมไม่ค่อยโกรธเท่าไหร่ แต่โกรธมากเรื่องการบริหารจัดการอุทกภัยมากกว่าครับ ทั้งเรื่องการช่วยเหลือ การให้ข้อมูลต่างๆที่ห่วยแตก จนทำให้นิคมวอดวายไปเจ็ดแห่ง ประเทศชาติเสียหายนับล้านๆบาท

หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.

 


#38 ธงไชยคนเขียนโพย

ธงไชยคนเขียนโพย

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,288 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 09:44

วรรคทองเลยฮะ

น้ำเท่านั้นที่ซึมในดินในทรายได้ ลมหรือไฟทำไม่ได้
น้ำอ่อนยังชัดเซาะตลิ่งให้หายไปได้ด้วย ยิ่งถ้ามีลมเป็นใจ (กรณี "storm surge")
น้ำอดทนได้เป็นพันๆปีเพียงจะหยดบนหินให้กร่อน
น้ำมีชีวิต และชีวิตมีไม่ได้ถ้าขาดน้ำ...

Edited by อารยะ, วันนี้, 08:52

ใครอยู่เบื้องหลังการอุ้มฆ่าเอกยุทธ์ อัญชัญบุตร


#39 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 09:55

ก็ไหนว่า
ตอนหาเสียงจะจัดการเรื่องน้ำท่วม

พอได้เป็นรัฐบาล
กลับปล่อยไปจนสามเดือน คิดอะไรกัน หรือไม่ได้คิด คะ

#40 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 09:57

ที่คุณ Gop ว่ามาผมเข้าใจได้ว่าเป็นคำอธิบายที่ไม่ต่างจากการรักษาของแพทย์ที่พยายามแก้ไขอาการ (symptom)
คือคุณ Gop ไม่ควรมองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่า หลังจากไต้ฝุ่นลูกสุดท้าย "นัลแก" (ขออภัยไม่ใช่ นกเต็น") เข้ามาแล้ว
ศปภ.จึงไปปล่อยน้ำจากเขื่อภูมิพลถึง 10 เท่าจาก 10 ล้านลูกบาศก์เมตร (ตามที่คุณกรุณาบอกมา) เป็น 100 ลบ.ม. ต่อวัน (เมื่อ 14 ตุลาคม 2554 เป็นวันแรกจากข้อมูลที่ผมบันทึกไว้ส่วนตัว)
ตอนนั้นทรัพย์สินเสียหายยิ่งกว่าเกิดสึนามิเลยครับ อีก 4 วันต่อมา บางบัวทองแตกฝุ่งตะวันตกของเจ้าพระยา ฝฝั่งตะวันออกประตูน้ำจุฬาลงกร์พยายามผันน้ำออกเจ้าพระยาแต่น้ำทะเลขึ้นสูงสุดพอดี (18 ตุลาคม 2554)
ที่ผมเรียนมานี้เพื่อชี้ว่าเกิดความล้มเหลวในส่วนของการบริหารจัดการแล้ว เพราะราต้องรวมส่วนที่ต้องจัดการกับเขื่อน
ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ยิ่งลักษณ์และคณะรัฐบาลไม่ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวในขณะที่ "ไหหม่า" มันเข้ามาแล้ว
ซึ่งตอนนั้นหมูมากที่จะพาน้องน้ำท่องทะเล
หาจังหวะช่วงน้ำทะเลลงได้ 2 ครั้งในเดือนนั้น แยังไม่ต้องพูดถึงกันยายนที่ทำได้อีก
ไม่ใช่คิดได้แค่ปล่อยน้ำเพียง 10 ล้าน ลบ.ม. ต่อวันครับ นั่นสำหรับวันมาน้อยครับ

คือการบริหารจัดการต้องทำทั้งด้านป้องกัย และหลังเอาไม่อยู่
แต่ตอนเอสอยู่ดันไม่ทำ
พอเอาไม่อยู่แล้วมาทำเหมือนปากแข็งว่ากำลังเอาอยู่

ควรต้องพิเคราะห์ที่เหตุจากแระเด็นป้องกันซึ่งมีเวลาเหลือเฟือตั้งแต่เดือนสิงหาคมครับ

ถ้าดุเพียงอาการ ก็แก้ได้ไม่ขาด
เหมือนขี้มูกไหล ถ้าคนไข้ยังไม่หยุดเดินตากฝนที่เป็นสาเหตุ (cause) หมอให้ยามาเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหายได้ครับ

#41 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 10:04

วรรคทองเลยฮะ น้ำเท่านั้นที่ซึมในดินในทรายได้ ลมหรือไฟทำไม่ได้ น้ำอ่อนยังชัดเซาะตลิ่งให้หายไปได้ด้วย ยิ่งถ้ามีลมเป็นใจ (กรณี "storm surge") น้ำอดทนได้เป็นพันๆปีเพียงจะหยดบนหินให้กร่อน น้ำมีชีวิต และชีวิตมีไม่ได้ถ้าขาดน้ำ... Edited by อารยะ, วันนี้, 08:52

ให้ภาพนี้เป็นกำนัลแก่คุณ Dog Someman ครับ Posted Image

#42 pooyong

pooyong

    สมาชิกขั้นไม่สูง แต่สูงอายุ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,292 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 10:09

สงสัยปูไม่ค่อยได้ดูหนังฝรั่ง ถ้าดูจะเห็นว่า
เวลาเกิดวิกฤต คนที่ผู้นำจะเรียกหา จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ
อย่างกรณีน้ำท่วมนี่ ถ้าเป็นฝรั่ง เค้าจะเรียกผู้เชี่ยวชาญด้านจัดการน้ำอันดับแรก
คนวางผังเมือง หรือสถาปนิกที่รู้เรื่องเขื่อน ถนน คู คลองต่างๆ
การรับใช้แผ่นดิน คือความเบิกบาน

#43 wewe

wewe

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,005 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 10:39

มาทบทวนเหตุการณ์ด้วยคนค่ะ :)

ความเท็จแม้นเร้นได้ในปัจจุบัน  แต่ก็เหมือนซ่อนสุริยันไว้หลังเมฆ

อย่านึกถึงแต่ความผิดพลาด  จงระลึกถึงต้นเหตุของความผิดพลาด


#44 Gop

Gop

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,450 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 10:57

ที่คุณ Gop ว่ามาผมเข้าใจได้ว่าเป็นคำอธิบายที่ไม่ต่างจากการรักษาของแพทย์ที่พยายามแก้ไขอาการ (symptom)
คือคุณ Gop ไม่ควรมองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่า หลังจากไต้ฝุ่นลูกสุดท้าย "นัลแก" (ขออภัยไม่ใช่ นกเต็น") เข้ามาแล้ว
ศปภ.จึงไปปล่อยน้ำจากเขื่อภูมิพลถึง 10 เท่าจาก 10 ล้านลูกบาศก์เมตร (ตามที่คุณกรุณาบอกมา) เป็น 100 ลบ.ม. ต่อวัน (เมื่อ 14 ตุลาคม 2554 เป็นวันแรกจากข้อมูลที่ผมบันทึกไว้ส่วนตัว)
ตอนนั้นทรัพย์สินเสียหายยิ่งกว่าเกิดสึนามิเลยครับ อีก 4 วันต่อมา บางบัวทองแตกฝุ่งตะวันตกของเจ้าพระยา ฝฝั่งตะวันออกประตูน้ำจุฬาลงกร์พยายามผันน้ำออกเจ้าพระยาแต่น้ำทะเลขึ้นสูงสุดพอดี (18 ตุลาคม 2554)
ที่ผมเรียนมานี้เพื่อชี้ว่าเกิดความล้มเหลวในส่วนของการบริหารจัดการแล้ว เพราะราต้องรวมส่วนที่ต้องจัดการกับเขื่อน
ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ยิ่งลักษณ์และคณะรัฐบาลไม่ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวในขณะที่ "ไหหม่า" มันเข้ามาแล้ว
ซึ่งตอนนั้นหมูมากที่จะพาน้องน้ำท่องทะเล
หาจังหวะช่วงน้ำทะเลลงได้ 2 ครั้งในเดือนนั้น แยังไม่ต้องพูดถึงกันยายนที่ทำได้อีก
ไม่ใช่คิดได้แค่ปล่อยน้ำเพียง 10 ล้าน ลบ.ม. ต่อวันครับ นั่นสำหรับวันมาน้อยครับ

คือการบริหารจัดการต้องทำทั้งด้านป้องกัย และหลังเอาไม่อยู่
แต่ตอนเอสอยู่ดันไม่ทำ
พอเอาไม่อยู่แล้วมาทำเหมือนปากแข็งว่ากำลังเอาอยู่

ควรต้องพิเคราะห์ที่เหตุจากแระเด็นป้องกันซึ่งมีเวลาเหลือเฟือตั้งแต่เดือนสิงหาคมครับ

ถ้าดุเพียงอาการ ก็แก้ได้ไม่ขาด
เหมือนขี้มูกไหล ถ้าคนไข้ยังไม่หยุดเดินตากฝนที่เป็นสาเหตุ (cause) หมอให้ยามาเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหายได้ครับ


ถูกของคุณนะ ผมดูตารางเปรียบเที่ยบกับการปล่อยน้ำแล้ว ตอนกลางเดือนกันยายน น่าจะเริ่มปล่อยน้ำได้แล้ว แต่ปรากฏว่ายังไม่ปล่อย รอจนถึงต้นเดือนตุลาคมถึงปล่อยอย่างมหาศาล แก้ให้นิดนึงครับ ที่เรื่มปล่อยระดับ 100 ล้านนั้นคือช่วง 5-11 ตุลาคมครับ

Posted Image

เห็นได้ว่าช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนนั้น ไม่มีการปล่อยน้ำเกิน 40 ล้าน ลบ.ม. เลย แล้วกราฟก็มาพุ่งเอาต้นเดือนตุลาคม เพราะเอาไม่อยู่จริงๆ

หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.

 


#45 plunk

plunk

    สลิปงินเดือนอยู่ไหนอ่ะ ไอ้คางครูด?

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,862 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 13:52

อีก 8 ปี เดี๋ยวก็ชินครับ
ทำได้ทันที ไม่ต้องกู้ พรรคไหนเห่าไว้ตอนหาเสียงวะ?และกระทู้ในตำนานของ คนขี้โกหก http://webboard.seri...้สลิปเงินเดือน/

#46 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 13:55

เชื่อว่า
กระทู้นี้น่าจะเป็นกระทู้ที่คนไม่เชื่อฝีมือรัฐบาล

จะมามุงขอความรู้ ให้รู้ทันการจัดการน้ำของรัฐบาลในปีนี้

แบบว่ามีมาตราการตรวจสอบความจริงใจและกึ๋นของรัฐ

โดยมีข้อมูล ตรวจสอบ เพื่อกระจายให้คนสามารถรอดจากความพินาศโดยไม่ล้มละลายต้อง ขายตัวแบบสส.

รัฐบาลนี้คน ไม่เชื่อมั่นแล้วว่า จะ เอาอยู่ ตามสโลแกน บ้าๆบอ พินาศขนาดนี้ยังมาห่วงวาทะกรรมอยู่อีก

จะบ้าตาย จริงๆ

Edited by overtherainbow, 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 13:57.


#47 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 14:02

ดีใจและขอบคุณรุณ Gop มากที่ช่วยกันตรวจสอบจากข้อมูลและข้อเท็จจริง
Nalgae Typhoon เข้าวันที่ 2 ครับแถวๆตะวันออกของฟิลิปปินส์ กว่าจะถึงไทยราววันที่ 8
หลายคนคิด แม้แต่ผมเองคิดว่าเป็นเพราะลูกนี้ที่ทำให้ระบายย้ำออก 100 ล้านลูกบาวก์เมตร
แต่ถ้าเป็น nalgae จะต้องเปิดน้ำหลังวันที่ 8-9
แต่ความจริงคือ น้ำในเขื่อนมีระดับสูงเกิน 13,600 ล้านคิวบิดเมตรตั้งแต่ 1 ตุลาคม หรืออาจก่อนนั้นกี่วันผมไม่ทราบ
ประเด็นคือ ไม่มีใครตัดสินใจ
ต้องกลับไปที่ "เตี้ยสุพรรณ" (ผมสัญญาว่าจะเรียกชื่อนี้แทนเติ้งไว้ครับ) เรื่องแบบนี้มองข้าใไม่ได้
ไม่ยากเลยที่ธีระจะต้องเชื่อเตี้ยสุพรรณมากกว่าใคร เพราะอยู่ในสังกัดพรรคเขา
ผมถึงกล้าขึ้นกระทู็ด้วยสมมถติฐานนี้ครับ
ไม่ใช่เอาอยู่หรือเอาไม่อยู่น่ะครับ

#48 อารยะ

อารยะ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 125 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 14:04

ที่เรียนข้างบน เป็นกล่าวถึงข้อมูลในเดือนตุลาคม 2554
หมายถึง

#49 hentai

hentai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,046 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 14:10

เก่งจังครับ ... เอาอดีตมา เล่าเป็นฉากๆ ทีหลัง เล่าตอนเดือนกันยาปีที่แล้วนะครับ ไม่ใช่ ตอนนี้...

ถามง่ายๆ แค่ว่า พวกที่ บอกว่า น้ำในเขื่อนเยอะ ต้องปล่อยน้ำออก ตอน กันยา อะ ... ตอนนั้นเคยออกมา เห่าหอนไหมว่า ต้อง ปล่อยน้ำออกได้แล้ว??

ไปขุดกระทู้ เดือนกันยา หรือ ก่อนหน้า มาหน่อย นะครับ ว่า มีท่านไหนบาง ตอนนั้น มี ภูมิปัญญาเหนือ มนุษย์ คาดการณ์ล่วงหน้าได้ ว่า เราควรปล่อย
น้ำ จากเขื่อน เดือนกันยา... ถ้ามีผมจะยกย่อง เป็น เทพแห่งการจัดการน้ำประจำ สรท เลยแล้วจะไม่โต้แย้งเรื่องน้ำกับท่านนั้น เพราะ เทพจริง ไม่ใช่
เทพจากการ เอาอดีตมาเล่า...

เหอๆ พอผ่านมาแล้ว มีเวลาขุดข้อมูล เก่งกันใหญ่... พอๆกับพวกที่ พอหวยออก 60 แล้วบอกว่า กุว่าแล้วว่า ต้อง 60... เพราะ แมลงสาบ อยู่มา 60ปี ไปนั่น

เรียนรู้จาก อดีตไม่ใช่สิ่งผิดครับ ควรทำด้วย แต่ ต้องเข้าใจว่า ถ้าคุณอยู่ตอนนั้น คุณรู้เท่าที่เค้ารู้ คุณทำได้ดีกว่าหรือปล่าว...
ไม่ใช้เอาข้อมูล อนาคต ที่ น้ำท่วมไปแล้ว มา ย้อนกลับไปหาว่า ทำไมตอนนั้นไม่ทำโน่นไม่ทำนี่...
วิเคราะห์เอาไว้เรียนรู้อะได้ครับ แต่เอามาเป็นข้อมูล ด่ากันนี่น่าละอาย เพราะ จริงๆแล้ว พวกที่ เห่าหอนว่าไม่นำโน่นนี่นั้น
จริงๆ ตอนนั้น ก็ clueless เหมือนกัน...

ไม่เหมือนบางท่านครับ คนเค้าบอกให้ทำอย่างนั้นสิ อย่าทำแบบนั้น ... แต่เค้าดื้อ เค้ากลัวหน้าเค้าเสีย เค้ากลัวว่าเค้าหาว่าเป็นคนทำร้ายประชาชน...
สุดท้าย เค้าก็ได้ ฉายานั้น อยู่ดี... ด้วยความเขลาของเค้าเอง

สุดท้าย ก่อนจะไปว่าเค้าว่าทำไมไม่ปล่อยน้ำ ก็ต้องถาม ศาสดาท่านว่า ทำไมไม่ปล่อยเช่นกัน คำตอบของศาสดาท่าน ก็เป็นคำตอบของรัฐบาลนี้เช่นกัน...

"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"

"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"

"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"


#50 ใจหมาอำมหิต`

ใจหมาอำมหิต`

    อำมาตย์Hard Core !!

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,449 posts

ตอบ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 14:20

กูเตือนไม่ฟังนะ

บอกว่าอย่าทำ 2มาตร ฐาน

กระทู้ดับชีพ Hentai

http://webboard.seri...467#entry114467

:D :D :D :D

"ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน”

                                   "กลุ่มชาวพุทธหูรุนแรง"