...หากกล่าวถึงความมั่นคง ก็ต้องมี ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ (ประเทศไทย) เป็นไปไม่ได้เลยหากไม่มี 3 สิ่งนี้
...สาธิต เซกัล นักธุรกิจสิ่งพิมพ์ชาวอินเดีย ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งประธานหอการค้าอินเดีย-ไทย และประธานสมาคมนักธุรกิจอินเดีย-ไทย เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่อายุ 5 ปี ประกาศตนเองว่า “รักในหลวง” เป็นผู้ให้คำปรึกษากับรัฐบาลไทยมาหลายยุค ดึงเงินจากต่างชาติเข้าประเทศไทยกว่าหมื่นล้าน และเป็นหนึ่งในชาวต่างชาติซึ่งวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ก่อนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในการประท้วงของกลุ่ม กปปส. จนถูกดำเนินการทางกฎหมาย สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทำการเนรเทศ นายสาธิต ออกจากประเทศไทย โดยอ้างว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
...จากสิ่งที่กล่าวข้างต้น จนถึงการกระทำของ สาธิต เซกัลป์ ทำให้แปลกใจว่าสิ่งที่ สาธิต ทำนั้นเป็นการทำลายความมั่นคงของประเทศไทยได้อย่างไร อาทิ การบอกว่า “…รักในหลวงมากที่สุด และในหลวงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุดในโลก...” และการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ก่อนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
...หากเปรียบเทียบในมาตรฐานเดียวกัน การที่นักวิชาการกลุ่มคนเสื้อแดงหลายคนไม่ว่าจะเป็น นายสมศักดิ์ เจียมฯ, นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์, นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์, นายปิยบุตร แสงกนกกุล, นายเกษียร เตชะพีระ ที่ชอบและหลงรักกับการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เสียดสีสถา/#นฯ โจมตีกฎหมายอาญามาตรา 112 โจมตีผู้เห็นต่างทางการเมือง ไม่เคยเลยที่จะออกมาวิจารณ์การคอร์รัปชั่นของนักการเมืองที่ส่งผลต่อความเสียหายของชาติ และยังมองไม่ออกว่า นายสมศักดิ์ เจียมฯ, นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์, นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์, นายปิยบุตร แสงกนกกุล, นายเกษียร เตชะพีระ ทำประโยชน์ให้ประเทศไทยในเรื่องอะไรบ้าง นอกจากดีแต่ติ ดีแต่วิจารณ์ เน้นทฤษฎีแต่ปฏิบัติไม่เป็น ทำไมถึงไม่มีการเนรเทศบุคคลเหล่านี้อีกนอกประเทศบ้างละทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานมากมายแต่กลับไม่ทำ ???
...อย่าเรียกร้องมาตรฐานเดียวเลยหากทุกสิ่งทุกอย่างมันขัดแย้ง และเป็นสองมาตรฐานเห็น ๆ สุดท้ายก็แค่ทำลายคนเห็นต่างทางการเมืองเท่านั้นเอง ???? แต่ผู้หมิ่นสถาบันฯ ที่ทำลายความมั่นคงของประเทศชาติกลับลอยนวล....