(ขอตัดความมาเฉพาะที่เกี่ยวข้องนะครับ)
แต่ก็ต้องขอบคุณ "รัฐบาลขี้โกง" ยิ่งลักษณ์!
การโกงค่าจำนำข้าวชาวนาซึ่งๆ หน้าครั้งนี้ สอนชาวนาครึ่ง-ค่อนประเทศสู่ภาวะบัวพ้นน้ำ ด้วยเข้าใจและรู้จักว่าแบบไหนคือ ประชาธิปไตย ของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน
และแบบไหนคือ โจรปล้นแผ่นดินซุกคราบประชาธิปไตยเคลื่อนไหว ของระบอบทักษิณ โดยระบอบทักษิณ เพื่อระบอบทักษิณ!
ส่วนพวกนักการเมืองเพื่อไทย และนักวิชาการเพื่อระบอบทักษิณ ผมหดหู่-สังเวช ไม่ใช่เพราะเขาคิดไม่เหมือนผม และผมคิดไม่เหมือนเขา
หากแต่หดหู่-สังเวชเพราะ ด้วยการศึกษา ด้วยโลกทัศน์ ด้วยการกล่อมเกลาความเป็นคนในโลกที่ตั้งอยู่ด้วยแกนเอียงก็จริง
แต่หมุนอยู่ได้โดยไม่ล้ม เพราะ "สมดุล" ด้วยน้ำหนักอันไม่เข้าใคร-ออกใคร ของสิ่งที่เรียกว่า "ความเป็นจริงโดยธรรม" คือธรรมชาติ
สรรพสิ่ง ไม่ว่าทรงกลม หรือทรงเหลี่ยม ย่อมมีมากกว่า ๑ ด้าน ๑ มุม เสมอ
แต่ทำไมล่ะ...?
สรรพสิ่งที่สะท้อนตัวตนทักษิณ ระบอบทักษิณ นักวิชาการกลุ่มหนึ่ง กลับมองเห็นด้านเดียว มุมเดียวตลอด!?
เห็นต่าง "ทางวิชาการ" ไม่มีใครว่า นั่นคือปัญญาต่อยอด!
แต่การแสร้งมองไม่เห็น "พฤติกรรมกินชาติและสันดานโกง" ของทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์
นี่คือโมหะบังตานักวิชาการต่อเขา!
อะไรที่ศาลก็ดี องค์กรอิสระก็ดีตัดสิน หรือมีมติเป็นคุณต่อทักษิณ ต่อรัฐบาลเพื่อไทย ต่อระบอบทักษิณ กระทั่งต่อคนเสื้อแดง
ไม่ใช่ว่าไม่มี ด้วยความเป็นจริงโดยธรรม มีหลายต่อหลายคดี และนักวิชาการกลุ่มนี้ก็เห็นด้วย ยกย่องว่าถูกต้องตามครรลองธรรม
แต่เรื่องไหน คดีไหน ที่ส่งผลลบต่อทักษิณ ต่อรัฐบาลเพื่อไทย ต่อระบอบทักษิณ และต่อ นปช.เสื้อแดง
นักวิชาการกลุ่มนี้ จะเป็นเณรคำคาบคัมภีร์ในทันที และทุกเรื่อง!?
อ้างศาลไม่มีอำนาจบ้าง ศาลทำเกินอำนาจบ้าง ศาลสมคบขบวนการโค่นล้มรัฐบาลบ้าง ศาลมีธงบ้าง ศาล ๒ มาตรฐานบ้าง
สารพัดจะพูดขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว อิงคราบนักวิชาการมหาวิทยาลัยให้คนที่ไม่รู้ถึงกำพืดสันดานหลงเชื่อ
ก็ไม่ว่ากัน....
ในร้อยเรื่อง ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เพื่อไทย นปช.เสื้อแดง เขาทำถูก ทำดี ก็ต้องมีบ้าง
แต่ที่ผิด ซึ่งเห็นกันคาตา คาบ้าน-คาเมือง ทำไมนักวิชาการกลุ่มนี้ไม่เคยมองเห็น และไม่เคยหยิบมาพูด-มาวิจารณ์ตามครรลองธรรมเลย?
เอากันในยุคนี้แหละ ไม่ต้องเท้าความไปไกล นักวิชาการนิติราษฎร์ หรือปัจเจกบุคคลจากมหาวิทยาลัยต่างๆ บางท่าน ถามจริงๆ เถอะ
ไม่รู้เลยหรือว่า โครงการน้ำ ๓.๕ แสนล้านก็ดี โครงการกู้ ๒ ล้านล้านก็ดี โครงการรับจำนำข้าวก็ดี แฝงโกงซึ่งๆ หน้า รวมแล้วเป็นล้านล้านบาท?
แล้วท่านเคยสัมมนาวิชาการชี้โกง ชี้ไม่โกงให้ชาวบ้านได้รู้บ้างมั้ย?
และไม่รู้เลยหรือว่า....
โครงการรับจำนำข้าว ใช้งบที่ตั้งไว้หมดไปแล้วร่วม ๘ แสนล้าน จนไม่เหลือเงินจ่ายค่าข้าวชาวนาซักบาท
ทำให้เกิดปรากฏการณ์แรกของโลก "รัฐบาลโกงชาวนา" พากันเดินขบวนมาทวงถึงทำเนียบรัฐบาล
แต่นายกฯ "ลูกหนี้" หนีชาวนา "เจ้าหนี้" จนถึงขณะนี้!
แล้วท่านนักวิชาการใช้ความรู้กฎหมายช่วยชาวนา ช่วยถล่มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ชาวนา อย่างที่ใช้วิชากฎหมายช่วยถล่มศาล ถล่มองค์กรอิสระให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์เช่นในเวลานี้หรือเปล่า?
ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เลือกตั้ง ๒ ก.พ.๕๗ โมฆะ ...โอ้โฮ..เรียกว่าเข้าทางตีนนักวิชาการกฎหมาย
ก็ว่ากันไป กฎหมายเป็นเรื่องของแต่ละคนยลตามช่อง แต่คำตอบต้องเป็นคำตอบ "ตามครรลองธรรม"
แต่ขณะนี้ ฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทยปั้นวาทกรรม "๒๐ ล้านเสียง" ที่ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ๒ ก.พ. โดยเคลมว่า ๒๐ ล้านเสียงนั้น เป็นเสียงส่วนใหญ่ที่ออกมาสนับสนุนเพื่อไทย
และสรุป การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เลือกตั้งโมฆะ นั่นเป็นการไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่....!?
ตะแบงแพลงพลิกกันไปได้ ไม่รู้จักอายบ้างเลย!
ลำพัง นปช.นำไปพลิกแพลงมอมเมาคนเสื้อแดง นั่นก็ถือว่าเป็นคณิตศาสตร์สูตรควายนับ
แต่เมื่อวาน ดูโทรทัศน์เสื้อแดงเห็นแวบๆ มีนักวิชาการยก ๒๐ ล้านเสียงเคลมเป็นเสียงส่วนใหญ่ออกมาเลือกพรรคเพื่อไทย อดปลงด้วยอเนจอนาถไม่ได้ว่า...
ขนาดดอกเตอร์ สอนนักศึกษามหาวิทยาลัยระดับมาตรฐานยังใช้คณิตศาสตร์สูตรควายนับยกมาสนับสนุนคำโต้แย้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
เลือกตั้ง ๒ ก.พ.ภาพรวมเป็นดังนี้ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ๔๔,๖๔๙,๗๔๒ คน มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ๒๐,๔๖๘,๖๔๖ คน คิดเป็น ๔๕.๘๔%
๒๐ กว่าล้านคนนั้น ตีขลุมว่าคนออกมาเลือกพรรคเพื่อไทยไม่ได้ หรือสรุปว่าเป็นคนที่สนับสนุนการเลือกตั้ง ๒ ก.พ.ก็ไม่ตรงความเป็นจริง
คนมีสิทธิ์ ๔๔ ล้านกว่า ออกมาแค่ ๒๐ ล้านกว่า แสดงว่า ๒๐ ล้านที่ออกมาไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่
คนที่ไม่ออกมากว่า ๕๔% คือประมาณ ๒๔ ล้านนั่นตะหาก คือเสียงส่วนใหญ่ และเป็นเสียงส่วนใหญ่สะท้อนถึงไม่สนับสนุนเลือกตั้ง ๒ ก.พ.
และใน ๒๐ ล้านเสียงนั้น อาจารย์สิริพรรณ นกสวน ซึ่งว่าไปแล้วท่านเป็นนักวิชาการนิยมระบอบทักษิณด้วยซ้ำ ยังแยกไว้ว่า
บัตร "ไม่ประสงค์ลงคะแนน" คือโหวตโน ๑๖.๖๙%
บัตรเสีย ๑๑.๙๗%
อาจารย์สิริพรรณบอก บัตรเสียนี้ "น่าจะเป็นการจงใจ" ก็อย่างที่เห็น เข้าคูหาไปเขียนด่ายิ่งลักษณ์ลงในบัตรนั่นแหละ
รวมบัตรเสีย-บัตรโหวตโน เข้ากับ ๕๔% ที่ไม่ออกมาใช้สิทธิ์ ที่อ้างว่า "เสียงส่วนใหญ่ ๒๐ ล้านเสียง" ก็เหลือแค่ ๑๔ ล้านกว่าเสียง ที่พอใจไปเลือกตั้ง ๒ ก.พ.จากในจำนวนผู้มีสิทธิ์ ๔๔ ล้านกว่าเสียง
และ ๑๔ ล้านเสียงนี้ ไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทยอย่างที่ตีขลุม หากแต่เลือกทุกพรรคที่ลงแข่งขัน มองคร่าวๆ เดิมเพื่อไทยคุยว่าคน ๑๕ ล้านเสียงเลือก เมื่อ ๒ ก.พ. เหลือแค่ ๑๐ กว่าล้านเสียง!
ฉะนั้น หยุดใช้คณิตศาสตร์ควายนับเถอะท่านอาจารย์ทั้งหลาย ให้ นปช.เขาอ้าง ๒๐ ล้านเสียงสนับสนุนเพื่อไทยหลอกควายไปเถอะ
ถ้าจะยกตัวเลข "เสียงส่วนใหญ่" จากเลือกตั้ง ๒ ก.พ.มาอ้าง ก็ต้องยกตัวเลข ๒๔ ล้านเสียงที่ไม่เลือกเพื่อไทย และทั้งไม่สนับสนุนการเลือกตั้งก่อนปฏิรูปขึ้นพูดถึงจะถูก
จริงมั้ย?
Source : http://www.thaipost.net/news/240314/87966