อย่าไปถือสาหาความอะไรกับคอมเมนต์ในโลกไซเบอร์ โดยเฉพาะในเว็บแมเนเจอร์กับพันทิปบางห้อง เช่น ราชดำเนิน หว้ากอ และเฉลิมไทย
(ห้องอื่นไม่เป็นแบบ 3 ห้องนี้ครับ 3 ห้องนี้เต็มไปด้วยพวกความคิดเป็นพิษ
คือแบบมองโลกแง่ลบ อวดฉลาด รู้มาก รู้ท่วมหัว รู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องจริง)
เพราะมันเต็มไปด้วยคนที่มีความคิดแบบ "ขยะ"
ขยะ ไม่ได้หมายถึง "ไม่ดี"
ขยะหมายถึง garbage-อะไรก็ตามที่นอกจากไม่เกิดประโยชน์ ไม่มีสาระ แล้วยังเป็นพิษ เน่าเหม็น
ดังนั้นเอามาวัดคนทั้งสังคมไม่ได้ครับ
สำหรับเรื่องการทำแบบคนในโฆษณา
ผมโชคดีมากที่ผมโตมากับพ่อที่เป็นคนแบบในโฆษณาเลยครับ และพ่อผมทำทุกวัน ทำให้ดู
ขอทาน
เวลาพ่อผมพาผมเดินเที่ยวบนถนน ถ้าขึ้นสะพานลอยหรือเดินบนทางเท้าแล้วเจอขอทาน
พ่อผมจะเอาเหรียญให้ผมแล้วให้ผมวิ่งไปหยอดเหรียญลงขัน ทุกครั้งที่เจอ (คิดดู เจอทุกวันก็หยอดเงินทุกวันอ้ะครับ)
พ่อสอนผมว่าเวลาหยอดเหรียญให้อธิษฐานว่า "ขอให้เขาเกิดมาชาติใหม่มีชีวิตที่ดีกว่านี้"
ผมก็ท่องตามพ่อไป จนมาตอนโตมากแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมถึงนึกได้....
พ่อผมไม่ได้สอนให้ผมอธิษฐาน "ขอให้ตัวเองได้บุญ รวย ประสบความสำเร็จ" หรืออะไรเพื่อตัวเองเลยนะเนี่ย
พ่อผมสอนให้ผมอธิษฐานให้คนที่มีความทุกข์ ขอให้เขามีชีวิตที่ดีกว่านี้
โห ผมทึ่งพ่อมากๆ
แม่ผมเซ็งพ่อมากเวลาให้เงินขอทาน แม่ผมเชื่อเหมือนในคอมเมนต์น่ะแหละครับ ว่าให้ทำไม พวกนี้มาหลอกเอาเงินเปล่าๆ
แต่พ่อผมตอบ และผมได้ยินพ่อพูดจนจำแม่น "ไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นขอทานหรอกนะ ลองไปถามเด็กทุกคนสิ โตขึ้นอยากเป็นอะไร"
เรื่องสัตว์
พ่อพาไปกินข้าวนอกบ้าน พ่อจะบอกผมทุกครั้งว่าถ้ากินไม่หมด ให้รวมของที่เหลือเอาไปเทใส่กระดาษให้หมาแมวข้างถนนได้อิ่ม
บางที เวลาพอไปซื้อขาหมู แถวนั้นมีหมาแมวจรจัด พ่อจะขอซื้อกระดูกหรือกากๆเนื้อหมูที่ร้านเขาไม่เอาแล้ว ซื้อเป็นเศษมา
ผมก็สงสัยมาก พ่อเอาไปทำอะไร ปรากฏว่าพ่อผมเอาถุงเดินเข้าซอยไปเรียกหมาแมวแถวนั้นมากินกับข้าวที่พ่อผมซื้อครับ!
คนตาบอด
พ่อผมถ้าเดินไปเจอ พ่อจะหยุด แล้วถามเขาว่าขึ้นรถสายอะไร พ่อจะรอจนรถเมล์สายนั้นมาแล้วพาเขาขึ้น
แม่เซ็งอีกแล้ว แอบบ่นว่าเสียเวลา แต่พ่อหาได้ฟังไม่ ฮี่ๆ
รถเสีย ฝนตก
พ่อผมจอดรถลงไปช่วยทุกครั้งที่เจอครับ เป็นภาพชินตาของผมเลย
เพราะพ่อผมชอบพาแม่กับผมนั่งรถกินลมเที่ยวเล่นไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็ขับรถกลับบ้านตั้งแต่เด็กๆ
หรือฝนตก แล้วพ่อขับรถพาพวกเราไปไหน แล้วเจอคนเดินตากฝน พ่อจะหยุดถามว่าไปลงที่ไหน ติดรถไปไหม
พ่อไม่เคยคิดว่าพวกเขาคือคนแปลกหน้า พ่อชอบพูดกับผมคำนี้จนผมติดมาใช้จนปัจจุบันเลยครับ
พ่อพูดว่า "พวกเขาคือเพื่อนร่วมโลก"
(หมายถึงทั้งคน และสัตว์ด้วย พ่อทำให้หมด ไม่แยกสปีชี่ครับ)
นี่คือสาเหตุว่าผมไม่เคยคิดเลยว่าการทำความดีเล็กๆทุกวันเป็นเรื่อง "ดัดจริต ใครจะไปทำได้ทุกวัน"
เพราะผมโตมากับพ่อ ผมเห็นพ่อผมทำทุกวัน โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ผมจึงเชื่อว่าคนแบบนี้มีจริง
ผมทำไม่ได้เท่าครึ่งนึงของที่พ่อผมทำเลยครับ
คำว่า ปริจจาคะ แปลว่า สละรอบ ซึ่งหมายถึง การให้ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกื้อกูลด้วยวัตถุสิ่งของ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน กับคำว่า จาคะ แปลว่า การเสียสละ คือ สละความไม่ดีงามออกไปจากใจของตนเอง สละประโยชน์สุขส่วนตน เพื่อประโยชน์สุขของสังคมส่วนรวม อธิบายได้ ดังนี้
๑ . ปริจจาคะ หมายถึง การให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
๒ . ปริจจาคะ หมายถึง การมีใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่นได้
๓ . ปริจจาคะ หมายถึง การสละความสุขสบายส่วนตน เพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมือง
๔ . ปริจจาคะ หมายถึง การสละสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เพื่อประโยชน์ที่ดีกว่ามากกว่า
ซึ้งมากมายครับ