Jump to content


Photo
- - - - -

เวลาจะทำความดี เราต้องคิดเยอะขนาดไหนครับ


  • Please log in to reply
73 ความเห็นในกระทู้นี้

#51 Grimmy

Grimmy

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,178 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 10:32

ไม่รู้จะเรียกว่าทำความดีหรือเปล่า ผมเคยขับรถแล้วโดนลุงคนนึงขับรถกระบะเก่าๆมาชน แกลงมายกมือไหว้ บอกว่าไม่มีเงิน ไม่มีประกัน (ของผมมีประกัน) จริงๆผมจะทำความดีโดยที่ไม่เอาเรื่องแก ต่างคนต่างซ่อมแล้วผมไปบอกประกันว่าชนรั้ว ชนอะไรไปก็ได้ เพราะแผลไม่ได้ใหญ่มาก

 

แต่อีกใจนึงก็อยากให้แกเข็ด เพราะตอนแกมาขับชนรถผม แกบอกว่าแกไม่ได้ดูรถทางตรงเลย มัวแต่ระวังมอเตอร์ไซที่ตามหลังแกมา ทั้งๆที่ผมบีบแตรเสียงดังลั่น แต่แกก็ยังไหลมาชน

 

ผมก็เลยเรียกประกัน แล้วให้แกไปจ่ายค่าปรับข้อหาขับรถประมาท ไป 400 บาท เพือ่ให้แกไม่ประมาทขับรถไม่ระวังอีก

 

กว่าประกันจะไปไล่เบี้ยเอากับแกก็คงจะหลายปี เพราะแผลไม่ไหญ่ ราคาค่าซ่อม ทำสีไม่มาก

 

ก็เห็นใจแกเหมือนกัน ว่าจะออกค่าปรับให้ แต่กลัวว่าแกจะไม่เข็ด



#52 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 11:07

 

ถ้าการสั่งสอนเลี้ยงดูอบรมจากครอบครัวและสถานศึกษาที่ได้รับการกล่อมเกลามาตั้งแต่เด็ก .....ได้ผลจริง ย่อมเกิดตกผลึก ฝังลึกเข้าสู่จิตสำนึก

 

เราจะทำสิ่งที่เรียกว่า  "ความดี"  ไปตามสัญชาติญาณโดยอัตโนมัติ   ไม่ต้องเสียเวลามาขบคิด คำนวณ วิเคราะห์และบวกลบคูณหารใด ๆ เลย -_-

 

 

เห็นด้วยมากๆเลยครับ

 

 

 

 

มาเพิ่มครับเพิ่งอ่านเจอ

 

 

ถ้าจะทำเรื่องเหล่านี้ต้องคิดเยอะไหม มันก็อยู่ที่ลักษณะนิสัยเรานั่นแหละครับว่าเราเป็นคนอย่างไร 

ถ้าเราเป็นคนมีเมตตาต่อสัตว์สูง เห็นสัตว์ตกทุกข์ได้ยาก มันก็ช่วยเหลือโดยสัญชาติญาณตามที่

คุณสัยวาทีบอกนั่นแหละ หรือถ้าเมตตาคนมาก ชอบช่วยสังคมมาก มันก็จะทำไปโดยสัญชาติญาณ

โดยไม่ต้องคิดอะไร แต่สิ่งเหล่านี้มันอาจมีอยู่ในตัวเราแค่บางเรื่องบางอย่าง อาจไม่ทุกเรื่องอย่าง

ในคลิปหรอกครับ

 

 

 

ใช่มากๆเลย

ถ้าทำโดยสัญชาตญาณ มันก็ไม่ต้องคิด

บางคนเป็นคนเอาตัวเองมาก่อนคนอื่น ชอบเอาตัวเองรอด  มันก็ทำโดยไม่คิด

บางคนสัญชาตญาณขี้หมั่นไส้ ขวางโลก มันก็ทำตัวขวางโลกแบบไม่ต้องคิดเหมือนกันครับ


Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 18:22.

gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#53 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 12:54

....... นี่เลย  ฟังทางนี้ เลยยยย .....

 



#54 blue

blue

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,979 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 15:13

ผมว่า คำถามของคุณ akincana น่าสนใจครับ

 

คำถามคือ ขอทานที่เอาเงินจากความสงสาร (ไม่ได้คิดอะไรเลย) ไปซื้อเหล้ากินนั้น

มีผลลบล้างความดีของเพื่อนผมหรือไม่

 

ผมมองว่ามันอยู่ที่เจตนาของเขาครับ เขาให้เงินขอทานเพราะสงสาร นั่นเป็นลักษณะนิสัย

ของเขาที่อาจเป็นคนขี้สงสาร แต่คนเรามันไม่ใช่จะเที่ยวไปสงสารใครต่อใครเขาไปหมดได้

มันต้องมีเหตุที่ทำให้เกิดความสงสาร เช่นเห็นสารรูปขอทานแล้วเกิดสงสาร หรือจินตนาการ

เอาเองว่าขอทานคนนี้คงอดอยากมาหลายวันแล้ว ก็เกิดความสงสาร ซึ่งความสงสารแบบนี้

มันเป็นความสงสารที่เห็นว่าเขามีทุกข์ และอยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์ที่เรามองตามความรู้สึก

ของเรา เราจะมองทุกข์ของขอทานผิด หรือถูกก็แล้วแต่ แต่มันเป็นเจตนาที่ดีครับ เพราะฉะนั้น

เมื่อเจตนาของเราดี การให้เงินขอทานไปมันก็ดี

 

แต่ถ้าเขารู้อยู่แล้วว่า ถ้าให้เงินขอทานไป ขอทานก็จะเอาไปซื้อเหล้ากิน แต่เขาก็สงสารที่ขอทาน

ไม่มีเงินซื้อเหล้ากิน ก็เลยให้เงินไป อันนี้ความสงสารมันมีเจตนาที่ไม่ดีครับ เพราะฉะนั้นเมื่อเริ่มต้น

มีเจตนาไม่ดี การให้เงินไปมันก็ไม่ดีตามนั่นแหละ

 

แต่ประเด็นที่ท่าน akincana ยกมานั้น ท่านไปพูดภายหลังที่เพื่อนให้เงินไปแล้ว ทำให้มองไม่เห็น

เจตนาที่เขาให้เงินขอทานได้ชัดเจนว่า เขาให้เพราะสงสารขอทานเรื่องอะไร แต่เมื่อท่านบอกเขาแล้ว

เขาก็ยังพูดว่า ไม่เป็นไร สงสาร และแม้กระทั่งเดินออกมาแล้วเห็นขอทานนั่งกินเหล้าอยู่ เขาก็ยังบอกว่า

ไม่เป็นไร สงสาร มันแสดงให้เห็นคุณธรรมในตัวของเพื่อนท่าน akincana ได้เหมือนกันในเรื่องการทำ

ความดีที่เสมอต้นเสมอปลาย ไม่หวั่นไหวในสิ่งที่ตนเองทำไปแล้ว อันนี้ผมหมายถึงว่า ถ้าเขาไม่รู้แต่แรก

ว่าขอทานจะเอาเงินไปซื้อเหล้ากิน และเมื่อมารู้ภายหลังเขาก็มิได้แสดงอาการโกรธเคืองอะไร ยังคงมั่นคง

ในการให้ของเขาเหมือนเดิม ผมว่าคุณธรรมเขาเยอะครับ เพราะถ้าเป็นผมนี่ คงหูร้อนตั้งแต่ท่านบอกในร้าน

กาแฟแล้วครับ ยิ่งเดินออกมาเจอกำลังนั่งซดเหล้าอยู่ อาจถึงขั้นเอาเท้าเสยปลายคางให้หงายไปเลยก็ได้

ผมมองว่า เพื่อของท่าน akincana มีคุณธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจคน คือ สังควัตถุ 4 อยู่นะครับ คือ

ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา

 

เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่า ขอทานเอาเงินไปซื้อเหล้ากิน จะลบล้างความดีของเพื่อนที่ให้เงินขอทานหรือไม่นั้น

ก็ขึ้นอยู่กับเจตนาที่เขาให้เงินขอทานไปครับ ถ้าเขาให้ด้วยเจตนาที่ดี ความดีที่เขาทำมันจบแล้วครับ ส่วน

ขอทานจะเอาเงินไปทำไม่ดี ก็เป็นความไม่ดีของขอทานครับ แม้ถ้าเป็นผมที่ไปเสยปลายคางขอทานเพราะดัน

เอาเงินไปซื้อเหล้ากิน มันก็เป็นความเลวของผมเพิ่มขึ้นที่ไปเสยปลายคางขอทาน แต่ความดีที่ผมให้เงินขอทาน

ก็ยังมีอยู่ครับ 



#55 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 15:43

ความเห็นคุณ blue คงคล้ายชายหนุ่ม
การให้ของเขา จบไปตั้งแต่ยื่นเงินให้ขอทาน
เขาได้รับความสุขจากการให้ไปแล้ว
เด็กแต่งชุดนักเรียนเป็นของแถมด้วยซ้ำ
และผมเชืีอว่า ต่อให้ผู้หญิงคนนั้น ขโมยเด็กมาขอทาน
ชายหนุ่มก็ได้บุญไปแล้วครับ
มันเป็นเรื่องของเจตนา
ถ้าเรามองไปที่ผลเสมอๆ อาจได้ไม่สมดังใจเราทุกครั่งไป

ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#56 kairyuramon

kairyuramon

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 336 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 15:43

ผมขอตอบแค่ในหัวข้อกระทู้นะครับ

 

ผมว่ามันอยู่ที่การฝึกฝนน่ะครับ คนที่ทำดีบ่อย ๆ เขาก็เคยชินกับการทำดี เวลาเขาทำดีมันก็ง่าย สบาย ไม่ต้องฝืนอะไร ทำไปตามปกติ

 

ในทางกลับกัน คนทำชั่วบ่อย ๆ เขาก็ชินกับการทำชั่ว เวลาทำชั่วเขาก็ทำง่าย สบาย ไม่ต้องฝืนอะไร

 

 

การกระทำของตัวคุณมันสะท้อนถึงที่สะสมมาครับ อย่างเช่นถ้าคนรักสะอาด เวลาอยู่บ้านแล้วเก็บกวาดห้องตัวเองตลอด เวลาไปอยู่ที่ไหนเขาก็มีแนวโน้มที่จะรักสะอาด

 

ช่วยดูแลความสะอาดของสถานที่เหล่านั้น เขาก็มีแนวโน้มที่จะทำความดี (ทำความสะอาดสถานที่) ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก

 

แต่ถ้าคนรักสกปรก อยู่ในบ้านตัวเองก็สกปรก แต่พอไปอยู่นอกบ้านเกิดอยากสร้างภาพว่าตัวเองรักสะอาด พยายามเก็บกวาดสถานที่ มันก็ดีนะครับ แต่ว่ามันลำบาก

 

เขาจะรู้สึกว่าทำแล้วมันเหนื่อยยาก ต้องคิดนู่นคิดนี่ บางทีต้องมานั่งคำนวณว่าทำแล้วมันคุ้มค่าหรือเปล่า

 

พอทำไปแล้วก็ไม่รู้จะทำได้นานแค่ไหน เพราะตัวเขาไม่ได้สะสมอุปนิสัยเหล่านี้มา

 

 

สำหรับประเด็นว่าทำไปแล้วมันดีจริงหรือเปล่านี่อีกประเด็นนะครับ อันนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัญญาของแต่ละคนแล้วว่าเขาพิจารณาถึงผลลัพธ์ของการกระทำตัวเองแค่ไหน

 

สรุปว่าถ้าคนทำดีบ่อย ๆ การทำดีมันก็ง่าย สบาย ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ถ้านาน ๆ ทำทีมันก็จะลำบาก ต้องคิดเยอะหน่อย ผมมองแบบนี้นะ



#57 akincana

akincana

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 255 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 15:55

ผมว่า คำถามของคุณ akincana น่าสนใจครับ

 

คำถามคือ ขอทานที่เอาเงินจากความสงสาร (ไม่ได้คิดอะไรเลย) ไปซื้อเหล้ากินนั้น

มีผลลบล้างความดีของเพื่อนผมหรือไม่

 

ผมมองว่ามันอยู่ที่เจตนาของเขาครับ เขาให้เงินขอทานเพราะสงสาร นั่นเป็นลักษณะนิสัย

ของเขาที่อาจเป็นคนขี้สงสาร แต่คนเรามันไม่ใช่จะเที่ยวไปสงสารใครต่อใครเขาไปหมดได้

มันต้องมีเหตุที่ทำให้เกิดความสงสาร เช่นเห็นสารรูปขอทานแล้วเกิดสงสาร หรือจินตนาการ

เอาเองว่าขอทานคนนี้คงอดอยากมาหลายวันแล้ว ก็เกิดความสงสาร ซึ่งความสงสารแบบนี้

มันเป็นความสงสารที่เห็นว่าเขามีทุกข์ และอยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์ที่เรามองตามความรู้สึก

ของเรา เราจะมองทุกข์ของขอทานผิด หรือถูกก็แล้วแต่ แต่มันเป็นเจตนาที่ดีครับ เพราะฉะนั้น

เมื่อเจตนาของเราดี การให้เงินขอทานไปมันก็ดี

 

แต่ถ้าเขารู้อยู่แล้วว่า ถ้าให้เงินขอทานไป ขอทานก็จะเอาไปซื้อเหล้ากิน แต่เขาก็สงสารที่ขอทาน

ไม่มีเงินซื้อเหล้ากิน ก็เลยให้เงินไป อันนี้ความสงสารมันมีเจตนาที่ไม่ดีครับ เพราะฉะนั้นเมื่อเริ่มต้น

มีเจตนาไม่ดี การให้เงินไปมันก็ไม่ดีตามนั่นแหละ

 

แต่ประเด็นที่ท่าน akincana ยกมานั้น ท่านไปพูดภายหลังที่เพื่อนให้เงินไปแล้ว ทำให้มองไม่เห็น

เจตนาที่เขาให้เงินขอทานได้ชัดเจนว่า เขาให้เพราะสงสารขอทานเรื่องอะไร แต่เมื่อท่านบอกเขาแล้ว

เขาก็ยังพูดว่า ไม่เป็นไร สงสาร และแม้กระทั่งเดินออกมาแล้วเห็นขอทานนั่งกินเหล้าอยู่ เขาก็ยังบอกว่า

ไม่เป็นไร สงสาร มันแสดงให้เห็นคุณธรรมในตัวของเพื่อนท่าน akincana ได้เหมือนกันในเรื่องการทำ

ความดีที่เสมอต้นเสมอปลาย ไม่หวั่นไหวในสิ่งที่ตนเองทำไปแล้ว อันนี้ผมหมายถึงว่า ถ้าเขาไม่รู้แต่แรก

ว่าขอทานจะเอาเงินไปซื้อเหล้ากิน และเมื่อมารู้ภายหลังเขาก็มิได้แสดงอาการโกรธเคืองอะไร ยังคงมั่นคง

ในการให้ของเขาเหมือนเดิม ผมว่าคุณธรรมเขาเยอะครับ เพราะถ้าเป็นผมนี่ คงหูร้อนตั้งแต่ท่านบอกในร้าน

กาแฟแล้วครับ ยิ่งเดินออกมาเจอกำลังนั่งซดเหล้าอยู่ อาจถึงขั้นเอาเท้าเสยปลายคางให้หงายไปเลยก็ได้

ผมมองว่า เพื่อของท่าน akincana มีคุณธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจคน คือ สังควัตถุ 4 อยู่นะครับ คือ

ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา

 

เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่า ขอทานเอาเงินไปซื้อเหล้ากิน จะลบล้างความดีของเพื่อนที่ให้เงินขอทานหรือไม่นั้น

ก็ขึ้นอยู่กับเจตนาที่เขาให้เงินขอทานไปครับ ถ้าเขาให้ด้วยเจตนาที่ดี ความดีที่เขาทำมันจบแล้วครับ ส่วน

ขอทานจะเอาเงินไปทำไม่ดี ก็เป็นความไม่ดีของขอทานครับ แม้ถ้าเป็นผมที่ไปเสยปลายคางขอทานเพราะดัน

เอาเงินไปซื้อเหล้ากิน มันก็เป็นความเลวของผมเพิ่มขึ้นที่ไปเสยปลายคางขอทาน แต่ความดีที่ผมให้เงินขอทาน

ก็ยังมีอยู่ครับ 

 

ขอบคุณท่าน blue สำหรับความเห็น

เพื่อนผมคนนี้ศึกษาพุทธศาสนาและปฏิบัติธรรมมาพอสมควร (เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอกันแล้ว)

จำได้ว่า หลังจากวันนั้น ผมมีโอกาสได้ถามไถ่ในเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

เพื่อนผมขยายความว่า สำหรับมัน "ความดีสิ้นสุดในตัวเอง"

ดีก็คือดี

ทันทีที่ให้เงินขอทานเพราะสงสาร ความดีก็ได้เกิดขึ้นและจบสิ้นสมบูรณ์ในตัวแล้ว

ส่วนเงินที่ให้จะถูกขอทานเอาไปทำอะไรนั้นไม่เกี่ยวกับความดีที่ทำไป (และสุดวิสัยที่มันจะรู้ได้จริงๆ)

^_^


Edited by akincana, 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 16:00.


#58 กีรเต้

กีรเต้

    เราเป็นอย่างไร เรารู้ตัวเอง

  • Validating
  • PipPipPipPipPip
  • 6,208 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 16:01

 

ผมว่า คำถามของคุณ akincana น่าสนใจครับ

 

คำถามคือ ขอทานที่เอาเงินจากความสงสาร (ไม่ได้คิดอะไรเลย) ไปซื้อเหล้ากินนั้น

มีผลลบล้างความดีของเพื่อนผมหรือไม่

 

ผมมองว่ามันอยู่ที่เจตนาของเขาครับ เขาให้เงินขอทานเพราะสงสาร นั่นเป็นลักษณะนิสัย

ของเขาที่อาจเป็นคนขี้สงสาร แต่คนเรามันไม่ใช่จะเที่ยวไปสงสารใครต่อใครเขาไปหมดได้

มันต้องมีเหตุที่ทำให้เกิดความสงสาร เช่นเห็นสารรูปขอทานแล้วเกิดสงสาร หรือจินตนาการ

เอาเองว่าขอทานคนนี้คงอดอยากมาหลายวันแล้ว ก็เกิดความสงสาร ซึ่งความสงสารแบบนี้

มันเป็นความสงสารที่เห็นว่าเขามีทุกข์ และอยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์ที่เรามองตามความรู้สึก

ของเรา เราจะมองทุกข์ของขอทานผิด หรือถูกก็แล้วแต่ แต่มันเป็นเจตนาที่ดีครับ เพราะฉะนั้น

เมื่อเจตนาของเราดี การให้เงินขอทานไปมันก็ดี

 

แต่ถ้าเขารู้อยู่แล้วว่า ถ้าให้เงินขอทานไป ขอทานก็จะเอาไปซื้อเหล้ากิน แต่เขาก็สงสารที่ขอทาน

ไม่มีเงินซื้อเหล้ากิน ก็เลยให้เงินไป อันนี้ความสงสารมันมีเจตนาที่ไม่ดีครับ เพราะฉะนั้นเมื่อเริ่มต้น

มีเจตนาไม่ดี การให้เงินไปมันก็ไม่ดีตามนั่นแหละ

 

แต่ประเด็นที่ท่าน akincana ยกมานั้น ท่านไปพูดภายหลังที่เพื่อนให้เงินไปแล้ว ทำให้มองไม่เห็น

เจตนาที่เขาให้เงินขอทานได้ชัดเจนว่า เขาให้เพราะสงสารขอทานเรื่องอะไร แต่เมื่อท่านบอกเขาแล้ว

เขาก็ยังพูดว่า ไม่เป็นไร สงสาร และแม้กระทั่งเดินออกมาแล้วเห็นขอทานนั่งกินเหล้าอยู่ เขาก็ยังบอกว่า

ไม่เป็นไร สงสาร มันแสดงให้เห็นคุณธรรมในตัวของเพื่อนท่าน akincana ได้เหมือนกันในเรื่องการทำ

ความดีที่เสมอต้นเสมอปลาย ไม่หวั่นไหวในสิ่งที่ตนเองทำไปแล้ว อันนี้ผมหมายถึงว่า ถ้าเขาไม่รู้แต่แรก

ว่าขอทานจะเอาเงินไปซื้อเหล้ากิน และเมื่อมารู้ภายหลังเขาก็มิได้แสดงอาการโกรธเคืองอะไร ยังคงมั่นคง

ในการให้ของเขาเหมือนเดิม ผมว่าคุณธรรมเขาเยอะครับ เพราะถ้าเป็นผมนี่ คงหูร้อนตั้งแต่ท่านบอกในร้าน

กาแฟแล้วครับ ยิ่งเดินออกมาเจอกำลังนั่งซดเหล้าอยู่ อาจถึงขั้นเอาเท้าเสยปลายคางให้หงายไปเลยก็ได้

ผมมองว่า เพื่อของท่าน akincana มีคุณธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจคน คือ สังควัตถุ 4 อยู่นะครับ คือ

ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา

 

เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่า ขอทานเอาเงินไปซื้อเหล้ากิน จะลบล้างความดีของเพื่อนที่ให้เงินขอทานหรือไม่นั้น

ก็ขึ้นอยู่กับเจตนาที่เขาให้เงินขอทานไปครับ ถ้าเขาให้ด้วยเจตนาที่ดี ความดีที่เขาทำมันจบแล้วครับ ส่วน

ขอทานจะเอาเงินไปทำไม่ดี ก็เป็นความไม่ดีของขอทานครับ แม้ถ้าเป็นผมที่ไปเสยปลายคางขอทานเพราะดัน

เอาเงินไปซื้อเหล้ากิน มันก็เป็นความเลวของผมเพิ่มขึ้นที่ไปเสยปลายคางขอทาน แต่ความดีที่ผมให้เงินขอทาน

ก็ยังมีอยู่ครับ 

ขอบคุณท่าน blue สำหรับความเห็น

เพื่อนผมคนนี้ศึกษาพุทธศาสนาและปฏิบัติธรรมมาพอสมควร (เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอกันแล้ว)

จำได้ว่า หลังจากวันนั้น ผมมีโอกาสได้ถามไถ่ในเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

เพื่อนผมขยายความว่า สำหรับมัน "ความดีสิ้นสุดในตัวเอง"

ทันทีที่ให้เงินขอทานเพราะสงสาร ความดีก็ได้เกิดขึ้นและจบสิ้นสมบูรณ์ในตัวแล้ว

ส่วนเงินที่ให้จะถูกขอทานเอาไปทำอะไรนั้นไม่เกี่ยวกับความดีที่ทำไป (และสุดวิสัยที่มันจะรู้ได้จริงๆ)

^_^

 

 

 

ตรงกับความคิดของเราเลย

เมื่อเราทำอะไรหรือให้อะไรใครแล้ว  ก็สิ้นสุด ณ ตรงนั้น เพราะถือว่าได้ทำแล้ว และให้แล้ว

ไม่คิดสงสัยว่า ผู้ที่ได้รับไป จะเอาไปทำอะไร

:)


ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ "   https://www.facebook...akwarakfromyala   https://www.facebook.com/NARAPEACE

 

 


#59 akincana

akincana

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 255 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 16:04

 

 

ผมว่า คำถามของคุณ akincana น่าสนใจครับ

 

คำถามคือ ขอทานที่เอาเงินจากความสงสาร (ไม่ได้คิดอะไรเลย) ไปซื้อเหล้ากินนั้น

มีผลลบล้างความดีของเพื่อนผมหรือไม่

 

ผมมองว่ามันอยู่ที่เจตนาของเขาครับ เขาให้เงินขอทานเพราะสงสาร นั่นเป็นลักษณะนิสัย

ของเขาที่อาจเป็นคนขี้สงสาร แต่คนเรามันไม่ใช่จะเที่ยวไปสงสารใครต่อใครเขาไปหมดได้

มันต้องมีเหตุที่ทำให้เกิดความสงสาร เช่นเห็นสารรูปขอทานแล้วเกิดสงสาร หรือจินตนาการ

เอาเองว่าขอทานคนนี้คงอดอยากมาหลายวันแล้ว ก็เกิดความสงสาร ซึ่งความสงสารแบบนี้

มันเป็นความสงสารที่เห็นว่าเขามีทุกข์ และอยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์ที่เรามองตามความรู้สึก

ของเรา เราจะมองทุกข์ของขอทานผิด หรือถูกก็แล้วแต่ แต่มันเป็นเจตนาที่ดีครับ เพราะฉะนั้น

เมื่อเจตนาของเราดี การให้เงินขอทานไปมันก็ดี

 

แต่ถ้าเขารู้อยู่แล้วว่า ถ้าให้เงินขอทานไป ขอทานก็จะเอาไปซื้อเหล้ากิน แต่เขาก็สงสารที่ขอทาน

ไม่มีเงินซื้อเหล้ากิน ก็เลยให้เงินไป อันนี้ความสงสารมันมีเจตนาที่ไม่ดีครับ เพราะฉะนั้นเมื่อเริ่มต้น

มีเจตนาไม่ดี การให้เงินไปมันก็ไม่ดีตามนั่นแหละ

 

แต่ประเด็นที่ท่าน akincana ยกมานั้น ท่านไปพูดภายหลังที่เพื่อนให้เงินไปแล้ว ทำให้มองไม่เห็น

เจตนาที่เขาให้เงินขอทานได้ชัดเจนว่า เขาให้เพราะสงสารขอทานเรื่องอะไร แต่เมื่อท่านบอกเขาแล้ว

เขาก็ยังพูดว่า ไม่เป็นไร สงสาร และแม้กระทั่งเดินออกมาแล้วเห็นขอทานนั่งกินเหล้าอยู่ เขาก็ยังบอกว่า

ไม่เป็นไร สงสาร มันแสดงให้เห็นคุณธรรมในตัวของเพื่อนท่าน akincana ได้เหมือนกันในเรื่องการทำ

ความดีที่เสมอต้นเสมอปลาย ไม่หวั่นไหวในสิ่งที่ตนเองทำไปแล้ว อันนี้ผมหมายถึงว่า ถ้าเขาไม่รู้แต่แรก

ว่าขอทานจะเอาเงินไปซื้อเหล้ากิน และเมื่อมารู้ภายหลังเขาก็มิได้แสดงอาการโกรธเคืองอะไร ยังคงมั่นคง

ในการให้ของเขาเหมือนเดิม ผมว่าคุณธรรมเขาเยอะครับ เพราะถ้าเป็นผมนี่ คงหูร้อนตั้งแต่ท่านบอกในร้าน

กาแฟแล้วครับ ยิ่งเดินออกมาเจอกำลังนั่งซดเหล้าอยู่ อาจถึงขั้นเอาเท้าเสยปลายคางให้หงายไปเลยก็ได้

ผมมองว่า เพื่อของท่าน akincana มีคุณธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจคน คือ สังควัตถุ 4 อยู่นะครับ คือ

ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา

 

เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่า ขอทานเอาเงินไปซื้อเหล้ากิน จะลบล้างความดีของเพื่อนที่ให้เงินขอทานหรือไม่นั้น

ก็ขึ้นอยู่กับเจตนาที่เขาให้เงินขอทานไปครับ ถ้าเขาให้ด้วยเจตนาที่ดี ความดีที่เขาทำมันจบแล้วครับ ส่วน

ขอทานจะเอาเงินไปทำไม่ดี ก็เป็นความไม่ดีของขอทานครับ แม้ถ้าเป็นผมที่ไปเสยปลายคางขอทานเพราะดัน

เอาเงินไปซื้อเหล้ากิน มันก็เป็นความเลวของผมเพิ่มขึ้นที่ไปเสยปลายคางขอทาน แต่ความดีที่ผมให้เงินขอทาน

ก็ยังมีอยู่ครับ 

ขอบคุณท่าน blue สำหรับความเห็น

เพื่อนผมคนนี้ศึกษาพุทธศาสนาและปฏิบัติธรรมมาพอสมควร (เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอกันแล้ว)

จำได้ว่า หลังจากวันนั้น ผมมีโอกาสได้ถามไถ่ในเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

เพื่อนผมขยายความว่า สำหรับมัน "ความดีสิ้นสุดในตัวเอง"

ทันทีที่ให้เงินขอทานเพราะสงสาร ความดีก็ได้เกิดขึ้นและจบสิ้นสมบูรณ์ในตัวแล้ว

ส่วนเงินที่ให้จะถูกขอทานเอาไปทำอะไรนั้นไม่เกี่ยวกับความดีที่ทำไป (และสุดวิสัยที่มันจะรู้ได้จริงๆ)

^_^

 

 

 

ตรงกับความคิดของเราเลย

เมื่อเราทำอะไรหรือให้อะไรใครแล้ว  ก็สิ้นสุด ณ ตรงนั้น เพราะถือว่าได้ทำแล้ว และให้แล้ว

ไม่คิดสงสัยว่า ผู้ที่ได้รับไป จะเอาไปทำอะไร

:)

 

อนุโมทนาสาธุครับ

:) :)



#60 RiDKuN_user

RiDKuN_user

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,167 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 16:32

พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องนาบุญไว้ 2500 กว่าปีแล้ว ก็ยังใช้ได้อยู่

จะทำความดีพึงระลึกว่าเราได้ทำดีกับคนที่สมควรได้หรือไม่

แทนที่จะได้บุญได้ช่วยเหลือสังคม กลับกลายเป็นช่วยส่งเสริมคนชั่วคนเลว

การทำดีไม่ได้จบห้วนๆ ที่การมีเจตนาดี แต่ต้องมองโลกตามความเป็นจริง

เล็งเห็นชัดเจนว่าสิ่งที่เราทำจะเป็นสิ่งดีและเกิดประโยชน์ตามที่เราหวังอย่างแท้จริง

มิเช่นนั้นเราคงเรียกคนที่บริจาคให้อลัชชีเยอะๆ โดยเจตนาดีว่าเป็นการทำความดีได้เหมือนกัน


" ชีวิตผมไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น ผมกลัวอย่างเดียว...กลัวจะถูกมองว่า 'ขายชาติ' " - The Last Tycoon

~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~

#61 วันศุกร์

วันศุกร์

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 518 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 20:47

เรื่องขอทานเนี่ยเราคิดนานเหมือนกัน แล้วก็สรุปว่าจะไม่ให้ขอทานอีก เพราะนั่นคือปลายเหตุ เราเอาเงินนั้น ไปสนับสนุนโครงการที่เราดูแล้วมาช่วยให้ขอทานเปลี่ยนอาชีพมีการพยายามทำอย่างอื่น ถ้าขายของเราก็จะช่วยซื้อ เพราะเค้าได้แสดงให้เห็นว่าพยายาม(ยกเว้นคนพิการหนัก) แต่โคงการช่วยเหลือต่างๆมีอยู่ เอาเงินที่จะให้ขอทานที่อาจเป็นการส่งเสริมในสิ่งที่ผิดไปให้โครงการที่ช่วยคนที่ต้องการและยอมรับความช่วยเหลือดีกว่า

 

 

ตอนแรกก็ช่วยให้ขอทานทุกคน แต่ต่อมาไม่ใหวละเอาเด็กเล็กๆมาอุ้มให้ยากินให้นอนตลอดทรมานเด็กแล้วอาจส่งผลถึงการพัฒนาร่างกายและสมองเด็กด้วย เราทนไม่ได้จริงๆเห็นแบบนั้นแล้วอยากไปเอาเด็กมาเพื่อจะได้ไม่เป็นเครื่องมือหากิน เด็กที่ปกติจะไม่นอนเป็นตายตลอดอย่างนั้น


You can't fix stupid - Ron White

 

You can have your own opinion, but not your own facts - Daniel Patrick Moynihan

 

"A society is judged by how it treats its animals and elderly"


#62 zutto

zutto

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,385 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 21:01

อย่าไปถือสาหาความอะไรกับคอมเมนต์ในโลกไซเบอร์  โดยเฉพาะในเว็บแมเนเจอร์กับพันทิปบางห้อง เช่น ราชดำเนิน หว้ากอ และเฉลิมไทย

(ห้องอื่นไม่เป็นแบบ 3 ห้องนี้ครับ  3 ห้องนี้เต็มไปด้วยพวกความคิดเป็นพิษ

คือแบบมองโลกแง่ลบ อวดฉลาด รู้มาก รู้ท่วมหัว รู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องจริง)

เพราะมันเต็มไปด้วยคนที่มีความคิดแบบ "ขยะ"

 

ขยะ ไม่ได้หมายถึง "ไม่ดี"  

ขยะหมายถึง garbage-อะไรก็ตามที่นอกจากไม่เกิดประโยชน์ ไม่มีสาระ แล้วยังเป็นพิษ เน่าเหม็น

ดังนั้นเอามาวัดคนทั้งสังคมไม่ได้ครับ

 

 

สำหรับเรื่องการทำแบบคนในโฆษณา

ผมโชคดีมากที่ผมโตมากับพ่อที่เป็นคนแบบในโฆษณาเลยครับ และพ่อผมทำทุกวัน ทำให้ดู

 

ขอทาน  

เวลาพ่อผมพาผมเดินเที่ยวบนถนน ถ้าขึ้นสะพานลอยหรือเดินบนทางเท้าแล้วเจอขอทาน

พ่อผมจะเอาเหรียญให้ผมแล้วให้ผมวิ่งไปหยอดเหรียญลงขัน ทุกครั้งที่เจอ  (คิดดู เจอทุกวันก็หยอดเงินทุกวันอ้ะครับ)

พ่อสอนผมว่าเวลาหยอดเหรียญให้อธิษฐานว่า "ขอให้เขาเกิดมาชาติใหม่มีชีวิตที่ดีกว่านี้"

ผมก็ท่องตามพ่อไป  จนมาตอนโตมากแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมถึงนึกได้....

พ่อผมไม่ได้สอนให้ผมอธิษฐาน "ขอให้ตัวเองได้บุญ รวย ประสบความสำเร็จ" หรืออะไรเพื่อตัวเองเลยนะเนี่ย

พ่อผมสอนให้ผมอธิษฐานให้คนที่มีความทุกข์ ขอให้เขามีชีวิตที่ดีกว่านี้  

โห ผมทึ่งพ่อมากๆ

แม่ผมเซ็งพ่อมากเวลาให้เงินขอทาน แม่ผมเชื่อเหมือนในคอมเมนต์น่ะแหละครับ ว่าให้ทำไม พวกนี้มาหลอกเอาเงินเปล่าๆ

แต่พ่อผมตอบ และผมได้ยินพ่อพูดจนจำแม่น  "ไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นขอทานหรอกนะ  ลองไปถามเด็กทุกคนสิ โตขึ้นอยากเป็นอะไร"

 

เรื่องสัตว์

พ่อพาไปกินข้าวนอกบ้าน พ่อจะบอกผมทุกครั้งว่าถ้ากินไม่หมด ให้รวมของที่เหลือเอาไปเทใส่กระดาษให้หมาแมวข้างถนนได้อิ่ม

บางที เวลาพอไปซื้อขาหมู แถวนั้นมีหมาแมวจรจัด พ่อจะขอซื้อกระดูกหรือกากๆเนื้อหมูที่ร้านเขาไม่เอาแล้ว ซื้อเป็นเศษมา

ผมก็สงสัยมาก พ่อเอาไปทำอะไร  ปรากฏว่าพ่อผมเอาถุงเดินเข้าซอยไปเรียกหมาแมวแถวนั้นมากินกับข้าวที่พ่อผมซื้อครับ!

 

คนตาบอด  

พ่อผมถ้าเดินไปเจอ พ่อจะหยุด แล้วถามเขาว่าขึ้นรถสายอะไร  พ่อจะรอจนรถเมล์สายนั้นมาแล้วพาเขาขึ้น

แม่เซ็งอีกแล้ว แอบบ่นว่าเสียเวลา แต่พ่อหาได้ฟังไม่ ฮี่ๆ

 

รถเสีย ฝนตก

พ่อผมจอดรถลงไปช่วยทุกครั้งที่เจอครับ  เป็นภาพชินตาของผมเลย 

เพราะพ่อผมชอบพาแม่กับผมนั่งรถกินลมเที่ยวเล่นไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็ขับรถกลับบ้านตั้งแต่เด็กๆ

หรือฝนตก แล้วพ่อขับรถพาพวกเราไปไหน แล้วเจอคนเดินตากฝน พ่อจะหยุดถามว่าไปลงที่ไหน ติดรถไปไหม

พ่อไม่เคยคิดว่าพวกเขาคือคนแปลกหน้า  พ่อชอบพูดกับผมคำนี้จนผมติดมาใช้จนปัจจุบันเลยครับ

พ่อพูดว่า "พวกเขาคือเพื่อนร่วมโลก"

(หมายถึงทั้งคน และสัตว์ด้วย พ่อทำให้หมด ไม่แยกสปีชี่ครับ)

 

 

นี่คือสาเหตุว่าผมไม่เคยคิดเลยว่าการทำความดีเล็กๆทุกวันเป็นเรื่อง "ดัดจริต ใครจะไปทำได้ทุกวัน"

เพราะผมโตมากับพ่อ ผมเห็นพ่อผมทำทุกวัน โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน  ผมจึงเชื่อว่าคนแบบนี้มีจริง

 

 

ผมทำไม่ได้เท่าครึ่งนึงของที่พ่อผมทำเลยครับ  

 

 

 

 

คำว่า ปริจจาคะ แปลว่า สละรอบ ซึ่งหมายถึง การให้ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกื้อกูลด้วยวัตถุสิ่งของ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน กับคำว่า จาคะ แปลว่า การเสียสละ คือ สละความไม่ดีงามออกไปจากใจของตนเอง สละประโยชน์สุขส่วนตน เพื่อประโยชน์สุขของสังคมส่วนรวม อธิบายได้ ดังนี้

๑ . ปริจจาคะ หมายถึง การให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
๒ . ปริจจาคะ หมายถึง การมีใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่นได้ 
๓ . ปริจจาคะ หมายถึง การสละความสุขสบายส่วนตน เพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมือง 
๔ . ปริจจาคะ หมายถึง การสละสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เพื่อประโยชน์ที่ดีกว่ามากกว่า

 

 

 

ซึ้งมากมายครับ

 

ขอบอกคุณผึ้งน้อยนิดนึงเรื่องการให้กระดูกกับสัตว์ หมา-แมว

 

กระดูกมันจะย่อยไม่ได้ ทำให้ลำไส้สัตว์อุดตัน

 

โดยเฉพาะกระดูกไก่ มันอาจจะทิ่มลำไส้ หมา-แมว ทะลุได้นะ

 

...........



#63 แสงดาวแห่งศรัทธา

แสงดาวแห่งศรัทธา

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 951 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 22:11

ถ้าจะช่วยเหลือใครครั้งแรกที่พบไม่เคยคิดเลยค่ะ แค่อยากให้เค้าเหล่านั้นสบายกายสบายใจขึ้น แต่พออายุมากขึ้น เห็นอะไรมากขึ้นยอมรับว่าต้องคิดมากขึ้น. การช่วยเหลือในเรื่องเดิมๆกับคนเดิมๆหลายๆครั้งมันจะกลายเป็นว่าเราทําให้เค้าไม่มีความพยายามจะช่วยเหลือตัวเอง. มันก็เหมือนกับการให้อภัยในความผิดที่เดิมซํ้าแล้วซํ้าเล่า
หลายครั้งเห็นขอทานแม่ลูกอ่อนแล้วมันปวดหัวใจ. แต่ไม่เคยให้เงิน. เพราะรู้ว่ามันทําเป็นแก๊งค์ทําเป็นขบวนการ. ก็เลยต้องไปหาซื้อนมกล่องพร้อมขวดแบบจุกเพื่อให้ทารกดูด แต่เหนื่อยกว่าเยอะ. เพราะสงสารเด็กล้วนๆ
เพื่อความสบายใจก็เลยไม่ค่อยทําทานกับขอทานสักเท่าไหร่ ยกเว้นกรณีรันทดมากๆ. แต่ทุกหกเดือนจะจัดสรรเงินไปบ้านสงเคราะห์เด็กติดเชื้อHIV และตามโรงพยาบาลเพื่อผู้ป่วยอนาถา. คิดว่าแบบนี้ได้ช่วยคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ

#64 blue

blue

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,979 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 22:21

ความเห็นคุณ blue คงคล้ายชายหนุ่ม การยื่นเงินของเขาจบตั้งแต่ยื่นเงินให้ขอทาน

 

ใช่ครับ ผมมองว่า การให้ลักษณะนี้ มันเกิดจากความรู้สึกของแต่ละคน ซึ่งมีทั้งเมตตา

และกรุณา คือปรารถนาดีต่อผู้อื่น และอยากช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์ ซึ่งทุกข์ของขอทานที่เขามอง

อาจแตกต่างจากเรา เพราะเราอาจมองว่า คนพวกนี้ไม่ได้มีทุกข์อะไร ขี้เกียจหลังยาวไม่ทำงาน

มานั่งงอมืองอเท้าขอทานเขา แต่ก็มีคนอีกเยอะครับที่มองด้วยใจเมตตา และมีความกรุณาช่่วย

โดยไม่หวังผลตอบแทนอะไร หรือคิดอะไรมากมายเหมือนเรา 

 

ถ้าเขาให้เงินไปแล้วเขาก็รู้สึกสบายใจ เพราะคิดว่าได้ช่วยเหลือคนที่มีทุกข์ได้แล้ว ตรงกันข้าม

ถ้าเขาไม่ได้ช่วย อาจจะกลับไปบ้านแล้วนอนไม่หลับทั้งคืนก็ได้

 

ความจริงแล้วตามหลักศาสนารู้สึกว่าเรื่องแบบนี้เขาจะพูดถึงวัติถุทาน มากกว่า คือ เขาไม่มีข้าวกิน

เราหาข้าวให้เขากิน เขาไม่มีน้ำกินเราหาน้ำให้เขากิน มันเป็นลักษณะแบ่งปัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ไม่โลภเก็บไว้เป็นของตนเองจนมากมายเกินความจำเป็นแบบทักษิณ  

 

แต่พอมันมีเงินเข้ามาเป็นตัวกลาง มันก็เลยยุ่งเพราะเงินมันนำไปซื้อได้ทุกอย่าง บางครั้งเราเจตนา

อย่างหนึ่ง แต่เขาเอาไปทำอีกอย่างหนึ่ง ก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตาม

 

ถ้าเจตนาเราต้องการให้เงินเขาไปซื้อข้าว หรือซื้อน้ำ มันก็เป็นเจตนาดี ก็ถือว่าได้ทำดีแล้ว

 

ถ้าเจตนาเราให้เงินเขาไปซื้อเหล้า ก็เป็นเจตนาไม่ดี ถือว่าทำไม่ดี

 

ถ้าเจตนาเราให้เงินเขาไปซื้อข้าว แต่เขาดันเอาไปซื้อเหล้าแบบนี้เราเจตนาดีและได้ทำดีแล้ว

แต่เขาเจตนาไม่ดีและทำไม่ดีเพราะเอาเงินไปซื้อเหล้า 

 

ความดีความชั่วมันเป็นเรื่องเฉพาะตัว อย่างที่พูดกันว่าใครทำดีก็ได้ดี ใครทำชั่วก็ได้ชั่วนั่นแหละครับ 



#65 แสงธูป

แสงธูป

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 753 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 22:28

ผมไม่คิดมากหรอกครับ อยากจะทำก็ทำ ส่วนทำหรือให้ใครไปแล้วไม่ได้สนใจว่าเขาจะเอาไปทำอะไร เพราะผมคิดว่า สิ่งแรกที่ผมได้รับจากการทำบุญคือความเมตตาได้บังเกิดขึ้นในใจผมแล้ว 



#66 RiDKuN_user

RiDKuN_user

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,167 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 22:56

ถ้าจะช่วยเหลือใครครั้งแรกที่พบไม่เคยคิดเลยค่ะ แค่อยากให้เค้าเหล่านั้นสบายกายสบายใจขึ้น แต่พออายุมากขึ้น เห็นอะไรมากขึ้นยอมรับว่าต้องคิดมากขึ้น. การช่วยเหลือในเรื่องเดิมๆกับคนเดิมๆหลายๆครั้งมันจะกลายเป็นว่าเราทําให้เค้าไม่มีความพยายามจะช่วยเหลือตัวเอง. มันก็เหมือนกับการให้อภัยในความผิดที่เดิมซํ้าแล้วซํ้าเล่า
หลายครั้งเห็นขอทานแม่ลูกอ่อนแล้วมันปวดหัวใจ. แต่ไม่เคยให้เงิน. เพราะรู้ว่ามันทําเป็นแก๊งค์ทําเป็นขบวนการ. ก็เลยต้องไปหาซื้อนมกล่องพร้อมขวดแบบจุกเพื่อให้ทารกดูด แต่เหนื่อยกว่าเยอะ. เพราะสงสารเด็กล้วนๆ
เพื่อความสบายใจก็เลยไม่ค่อยทําทานกับขอทานสักเท่าไหร่ ยกเว้นกรณีรันทดมากๆ. แต่ทุกหกเดือนจะจัดสรรเงินไปบ้านสงเคราะห์เด็กติดเชื้อHIV และตามโรงพยาบาลเพื่อผู้ป่วยอนาถา. คิดว่าแบบนี้ได้ช่วยคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ

 

ความจริงก็ช่วยได้ บางคนมีขอทานมาขอเงินบอกจะไปกินข้าว เขาก็พาไปเลี้ยงข้าว

บางคนมาขอตามสี่แยก ก็ให้น้ำให้ขนมก็เห็นกันบ่อย

การไม่ให้เป็นตัวเงิน ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่จะหลีกเลี่ยงการสนับสนุนมิจฉาชีพได้

แต่ก็ไม่ใช่ทุกกรณีครับ


" ชีวิตผมไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น ผมกลัวอย่างเดียว...กลัวจะถูกมองว่า 'ขายชาติ' " - The Last Tycoon

~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~

#67 แสงดาวแห่งศรัทธา

แสงดาวแห่งศรัทธา

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 951 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 23:20

ถ้าจะช่วยเหลือใครครั้งแรกที่พบไม่เคยคิดเลยค่ะ แค่อยากให้เค้าเหล่านั้นสบายกายสบายใจขึ้น แต่พออายุมากขึ้น เห็นอะไรมากขึ้นยอมรับว่าต้องคิดมากขึ้น. การช่วยเหลือในเรื่องเดิมๆกับคนเดิมๆหลายๆครั้งมันจะกลายเป็นว่าเราทําให้เค้าไม่มีความพยายามจะช่วยเหลือตัวเอง. มันก็เหมือนกับการให้อภัยในความผิดที่เดิมซํ้าแล้วซํ้าเล่า
หลายครั้งเห็นขอทานแม่ลูกอ่อนแล้วมันปวดหัวใจ. แต่ไม่เคยให้เงิน. เพราะรู้ว่ามันทําเป็นแก๊งค์ทําเป็นขบวนการ. ก็เลยต้องไปหาซื้อนมกล่องพร้อมขวดแบบจุกเพื่อให้ทารกดูด แต่เหนื่อยกว่าเยอะ. เพราะสงสารเด็กล้วนๆ
เพื่อความสบายใจก็เลยไม่ค่อยทําทานกับขอทานสักเท่าไหร่ ยกเว้นกรณีรันทดมากๆ. แต่ทุกหกเดือนจะจัดสรรเงินไปบ้านสงเคราะห์เด็กติดเชื้อHIV และตามโรงพยาบาลเพื่อผู้ป่วยอนาถา. คิดว่าแบบนี้ได้ช่วยคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ

 
ความจริงก็ช่วยได้ บางคนมีขอทานมาขอเงินบอกจะไปกินข้าว เขาก็พาไปเลี้ยงข้าว
บางคนมาขอตามสี่แยก ก็ให้น้ำให้ขนมก็เห็นกันบ่อย
การไม่ให้เป็นตัวเงิน ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่จะหลีกเลี่ยงการสนับสนุนมิจฉาชีพได้
แต่ก็ไม่ใช่ทุกกรณีครับ


เคยเสนอแบบเลี้ยงข้าวแต่เค้าจะเอาตัวเงินอะค่ะ บางคนมีกลิ่นเหล้าหึ่ง. ลืมบอกว่าที่ไม่ค่อยทําทานกับขอทานหมายถึงเงิน และตัวขอทานก็ไม่ได้พิการแต่อย่างไร แต่คนแก่กับคนพิการก็อีกกรณีน่ะค่ะ. แต่ที่เห็นแล้วแพ้มักจะให้ทั้งตังค์กับเสื้อผ้าแก่คนไร้บ้านที่เค้าไม่ได้ขอ. เพราะคิดว่าคงไม่ค่อยมีใครให้. บอกแล้วว่าคิดเยอะนิ. ^_^. งบมันมีจํากัดอะ

#68 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 - 23:55

ในชีวิตจริง เด็กที่นั่งขอทาน เผลอๆ ถูกขโมยมา เพื่อเอามานั่งขอทาน และในชีิวิตจริงถ้าเราเห็นป้ายแบบนี้ เพื่อการศึกษา ผมว่าจะหลอกซะมากกว่า ให้โดยไม่คิด ไม่ได้หวังตอบแทน มันก็ดีครับ แต่เราอาจจะเป็นหนึ่งของวงจรอุบาทก์ให้พวกนี้ใช้หากิน และทำร้ายครอบครัวที่ลูกเค้าโดนขโมย โฆษณานี้ อาจจะเป็นดาบสองคม ให้เกิดขบวนการขอทานมากขึ้นนะครับ 



#69 เสือยิ้มยาก

เสือยิ้มยาก

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,695 posts

ตอบ 12 เมษายน พ.ศ. 2557 - 00:58

1926888_308415975980087_7027463_n.jpg

แฉเด็กขอทาน นั่งBTS รายได้ไม่ต่ำกว่า500 จี้ คนหยุดให้เงิน

 

วันนี้(11 เม.ย.)โครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงา ได้เผยข้อมูลผ่านเฟซบุ๊คว่า ทางโครงการได้ลงพื้นที่สำรวจ

และสังเกตพฤตกรรมของเด็กขอทานคนหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายเด็กกัมพูชา อายุประมาณ 12ปี นั่งขอทานที่บริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้า

กับห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่อยู่ย่าน ชานเมือง http://news.mthai.co...ews/322301.html

 

 

พูดยังไม่ขาดคำเลย

 

// อ่อ อีกนิดนึง ผมจอดรถติดไฟแดงสีแยกรัชดา/พหลโยธิน(ไม่แน่ใจว่าที่เขาเรียกแยกรั๙โยธินหรือเปล่า)

เจอเด็ก(เด็กโต) มาขายพวกมาลัย และเช็คกระจก(เป็นแก็งค์) เขาเดินมาจะฉีดน้ำเช็ดกระจกรถ ผมบอกไม่ต้อง เท่านั้นแหละ มันเอาแปรงตีกระจกรถมันดังโป๊ะเลย

เป็นไง สุดยอดไหม เลวชาติจริงๆ// ก็รถผมพึ่งขัดเคลือบเงาออกจากคาร์แคร์ พูดแล้วโมโห :angry:


        shotgun.gif       d444.gif        cheesy.gif

 


#70 RTASF91

RTASF91

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 257 posts

ตอบ 12 เมษายน พ.ศ. 2557 - 01:12

1926888_308415975980087_7027463_n.jpg

แฉเด็กขอทาน นั่งBTS รายได้ไม่ต่ำกว่า500 จี้ คนหยุดให้เงิน

 

วันนี้(11 เม.ย.)โครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงา ได้เผยข้อมูลผ่านเฟซบุ๊คว่า ทางโครงการได้ลงพื้นที่สำรวจ

และสังเกตพฤตกรรมของเด็กขอทานคนหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายเด็กกัมพูชา อายุประมาณ 12ปี นั่งขอทานที่บริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้า

กับห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่อยู่ย่าน ชานเมือง http://news.mthai.co...ews/322301.html

 

 

พูดยังไม่ขาดคำเลย

 

// อ่อ อีกนิดนึง ผมจอดรถติดไฟแดงสีแยกรัชดา/พหลโยธิน(ไม่แน่ใจว่าที่เขาเรียกแยกรั๙โยธินหรือเปล่า)

เจอเด็ก(เด็กโต) มาขายพวกมาลัย และเช็คกระจก(เป็นแก็งค์) เขาเดินมาจะฉีดน้ำเช็ดกระจกรถ ผมบอกไม่ต้อง เท่านั้นแหละ มันเอาแปรงตีกระจกรถมันดังโป๊ะเลย

เป็นไง สุดยอดไหม เลวชาติจริงๆ// ก็รถผมพึ่งขัดเคลือบเงาออกจากคาร์แคร์ พูดแล้วโมโห :angry:

 

ยังดีมีแค่เสียงเคาะ  ถ้า ครืดดดดด  รับรอง ท่านพี่คงได้ไล่อัดเด็กๆพวกนั้นยับเลย 


พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล  

 

ทหารทุกนายผ่านพิธีนั้นแล้ว  พึงเพียรปฏิบัติให้ครบตามคำสัตย์ปฏิญาณทุกข้อนั้น


#71 เรื่อยๆเอื่อยๆ

เรื่อยๆเอื่อยๆ

    There is a face beneath this mask, but it isn't me.

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,223 posts

ตอบ 12 เมษายน พ.ศ. 2557 - 01:36

 

อย่าไปถือสาหาความอะไรกับคอมเมนต์ในโลกไซเบอร์  โดยเฉพาะในเว็บแมเนเจอร์กับพันทิปบางห้อง เช่น ราชดำเนิน หว้ากอ และเฉลิมไทย

(ห้องอื่นไม่เป็นแบบ 3 ห้องนี้ครับ  3 ห้องนี้เต็มไปด้วยพวกความคิดเป็นพิษ

คือแบบมองโลกแง่ลบ อวดฉลาด รู้มาก รู้ท่วมหัว รู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องจริง)

เพราะมันเต็มไปด้วยคนที่มีความคิดแบบ "ขยะ"

 

ขยะ ไม่ได้หมายถึง "ไม่ดี"  

ขยะหมายถึง garbage-อะไรก็ตามที่นอกจากไม่เกิดประโยชน์ ไม่มีสาระ แล้วยังเป็นพิษ เน่าเหม็น

ดังนั้นเอามาวัดคนทั้งสังคมไม่ได้ครับ

 

 

สำหรับเรื่องการทำแบบคนในโฆษณา

ผมโชคดีมากที่ผมโตมากับพ่อที่เป็นคนแบบในโฆษณาเลยครับ และพ่อผมทำทุกวัน ทำให้ดู

 

ขอทาน  

เวลาพ่อผมพาผมเดินเที่ยวบนถนน ถ้าขึ้นสะพานลอยหรือเดินบนทางเท้าแล้วเจอขอทาน

พ่อผมจะเอาเหรียญให้ผมแล้วให้ผมวิ่งไปหยอดเหรียญลงขัน ทุกครั้งที่เจอ  (คิดดู เจอทุกวันก็หยอดเงินทุกวันอ้ะครับ)

พ่อสอนผมว่าเวลาหยอดเหรียญให้อธิษฐานว่า "ขอให้เขาเกิดมาชาติใหม่มีชีวิตที่ดีกว่านี้"

ผมก็ท่องตามพ่อไป  จนมาตอนโตมากแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมถึงนึกได้....

พ่อผมไม่ได้สอนให้ผมอธิษฐาน "ขอให้ตัวเองได้บุญ รวย ประสบความสำเร็จ" หรืออะไรเพื่อตัวเองเลยนะเนี่ย

พ่อผมสอนให้ผมอธิษฐานให้คนที่มีความทุกข์ ขอให้เขามีชีวิตที่ดีกว่านี้  

โห ผมทึ่งพ่อมากๆ

แม่ผมเซ็งพ่อมากเวลาให้เงินขอทาน แม่ผมเชื่อเหมือนในคอมเมนต์น่ะแหละครับ ว่าให้ทำไม พวกนี้มาหลอกเอาเงินเปล่าๆ

แต่พ่อผมตอบ และผมได้ยินพ่อพูดจนจำแม่น  "ไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นขอทานหรอกนะ  ลองไปถามเด็กทุกคนสิ โตขึ้นอยากเป็นอะไร"

 

เรื่องสัตว์

พ่อพาไปกินข้าวนอกบ้าน พ่อจะบอกผมทุกครั้งว่าถ้ากินไม่หมด ให้รวมของที่เหลือเอาไปเทใส่กระดาษให้หมาแมวข้างถนนได้อิ่ม

บางที เวลาพอไปซื้อขาหมู แถวนั้นมีหมาแมวจรจัด พ่อจะขอซื้อกระดูกหรือกากๆเนื้อหมูที่ร้านเขาไม่เอาแล้ว ซื้อเป็นเศษมา

ผมก็สงสัยมาก พ่อเอาไปทำอะไร  ปรากฏว่าพ่อผมเอาถุงเดินเข้าซอยไปเรียกหมาแมวแถวนั้นมากินกับข้าวที่พ่อผมซื้อครับ!

 

คนตาบอด  

พ่อผมถ้าเดินไปเจอ พ่อจะหยุด แล้วถามเขาว่าขึ้นรถสายอะไร  พ่อจะรอจนรถเมล์สายนั้นมาแล้วพาเขาขึ้น

แม่เซ็งอีกแล้ว แอบบ่นว่าเสียเวลา แต่พ่อหาได้ฟังไม่ ฮี่ๆ

 

รถเสีย ฝนตก

พ่อผมจอดรถลงไปช่วยทุกครั้งที่เจอครับ  เป็นภาพชินตาของผมเลย 

เพราะพ่อผมชอบพาแม่กับผมนั่งรถกินลมเที่ยวเล่นไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็ขับรถกลับบ้านตั้งแต่เด็กๆ

หรือฝนตก แล้วพ่อขับรถพาพวกเราไปไหน แล้วเจอคนเดินตากฝน พ่อจะหยุดถามว่าไปลงที่ไหน ติดรถไปไหม

พ่อไม่เคยคิดว่าพวกเขาคือคนแปลกหน้า  พ่อชอบพูดกับผมคำนี้จนผมติดมาใช้จนปัจจุบันเลยครับ

พ่อพูดว่า "พวกเขาคือเพื่อนร่วมโลก"

(หมายถึงทั้งคน และสัตว์ด้วย พ่อทำให้หมด ไม่แยกสปีชี่ครับ)

 

 

นี่คือสาเหตุว่าผมไม่เคยคิดเลยว่าการทำความดีเล็กๆทุกวันเป็นเรื่อง "ดัดจริต ใครจะไปทำได้ทุกวัน"

เพราะผมโตมากับพ่อ ผมเห็นพ่อผมทำทุกวัน โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน  ผมจึงเชื่อว่าคนแบบนี้มีจริง

 

 

ผมทำไม่ได้เท่าครึ่งนึงของที่พ่อผมทำเลยครับ  

 

 

 

 

คำว่า ปริจจาคะ แปลว่า สละรอบ ซึ่งหมายถึง การให้ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกื้อกูลด้วยวัตถุสิ่งของ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน กับคำว่า จาคะ แปลว่า การเสียสละ คือ สละความไม่ดีงามออกไปจากใจของตนเอง สละประโยชน์สุขส่วนตน เพื่อประโยชน์สุขของสังคมส่วนรวม อธิบายได้ ดังนี้

๑ . ปริจจาคะ หมายถึง การให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
๒ . ปริจจาคะ หมายถึง การมีใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่นได้ 
๓ . ปริจจาคะ หมายถึง การสละความสุขสบายส่วนตน เพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมือง 
๔ . ปริจจาคะ หมายถึง การสละสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เพื่อประโยชน์ที่ดีกว่ามากกว่า

 

 

 

ซึ้งมากมายครับ

 

ขอบอกคุณผึ้งน้อยนิดนึงเรื่องการให้กระดูกกับสัตว์ หมา-แมว

 

กระดูกมันจะย่อยไม่ได้ ทำให้ลำไส้สัตว์อุดตัน

 

โดยเฉพาะกระดูกไก่ มันอาจจะทิ่มลำไส้ หมา-แมว ทะลุได้นะ

 

...........

 

 

แล้วอย่างนี้เราควรให้หรือไม่ให้ดีครับ 



#72 blue

blue

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,979 posts

ตอบ 12 เมษายน พ.ศ. 2557 - 02:12

ผมมองว่า การแก้ปัญหาโดยบอกให้คนหยุด ให้เงินขอทานนี่ คงไม่สำเร็จแน่

เพราะสังคมไทยมันผูกพันธ์กับศาสนามานานมาก โดยเฉพาะเรื่องให้ทานนี่

รู้สึกว่าจะคู่กับศาสนาพุทธเลย ยิ่งงานวัดดัง ๆ ในต่างจังหวัดด้วยแล้ว คือแหล่ง

ชุมนุมขอทานเลย เพราะคนที่ไปทำบุญมักจะคิดว่า เมื่อทำบุญแล้วก็ต้องทำทาน

 

จะอาศัยพระช่วยบอกชาวบ้านเรื่องการทำทานที่ถูกหลักศาสนา ก็ดูจะยากเพราะ

พระเองก็ไม่เบาเหมือนกัน มันก็เลยดูเหมือนว่าขอทานนี่จะต้องอยู่คู่กับสังคมไทย

ไปอีกนานแน่ ถ้าภาครัฐไม่มีนโยบายอะไรที่มันจริงจัง

 

ผมว่ามันต้องแก้ปัญหาแบบช้างครับ คือภาครัฐต้องจริงจังในการปราบปราม ไม่งั้น

เอาไม่อยู่ ขนาดผมนี่ ไม่เคยให้เงินขอทานเลย แต่เจอช้างทีไร เสร็จทุกที ยิ่งเป็น

ลูกช้างด้วยแล้ว บางทีถึงกับเหมากล้วยของควาญช้างหมดเลย เพราะสงสารมัน

อยากให้ควาญช้างพากลับไปเร็ว ๆ ไม่ต้องมาพาเดินตามถนน และมันก็เป็นประเพณี

ละครับ ซื้อกล้วยเลี้ยงช้างเมื่อใด เพื่อนฝูงที่นั่งอยู่ด้วยกันก็รุมด่ากันเช็ดเลย ไอ้ที่เป็น

คำด่าประจำก็คือ

 

"ไอ้โง่เอ้ย เอ็งนึกหรือว่าเหมากล้วยหมดแล้วมันจะพาช้างกลับ มันก็เอากล้วยที่เอ็งเหมา

ไปขายคนอื่นต่ออีกนั่นแหละ" 

 

แต่มันก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเราก็ได้แต่หวังว่าเขาจะพาช้างกลับตามที่รับปากกับเราเท่านั้น

มันเป็นเหมือนจุดอ่อนของเรานั่นแหละ



#73 RTASF91

RTASF91

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 257 posts

ตอบ 12 เมษายน พ.ศ. 2557 - 02:52

 

 

อย่าไปถือสาหาความอะไรกับคอมเมนต์ในโลกไซเบอร์  โดยเฉพาะในเว็บแมเนเจอร์กับพันทิปบางห้อง เช่น ราชดำเนิน หว้ากอ และเฉลิมไทย

(ห้องอื่นไม่เป็นแบบ 3 ห้องนี้ครับ  3 ห้องนี้เต็มไปด้วยพวกความคิดเป็นพิษ

คือแบบมองโลกแง่ลบ อวดฉลาด รู้มาก รู้ท่วมหัว รู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องจริง)

เพราะมันเต็มไปด้วยคนที่มีความคิดแบบ "ขยะ"

 

ขยะ ไม่ได้หมายถึง "ไม่ดี"  

ขยะหมายถึง garbage-อะไรก็ตามที่นอกจากไม่เกิดประโยชน์ ไม่มีสาระ แล้วยังเป็นพิษ เน่าเหม็น

ดังนั้นเอามาวัดคนทั้งสังคมไม่ได้ครับ

 

 

สำหรับเรื่องการทำแบบคนในโฆษณา

ผมโชคดีมากที่ผมโตมากับพ่อที่เป็นคนแบบในโฆษณาเลยครับ และพ่อผมทำทุกวัน ทำให้ดู

 

ขอทาน  

เวลาพ่อผมพาผมเดินเที่ยวบนถนน ถ้าขึ้นสะพานลอยหรือเดินบนทางเท้าแล้วเจอขอทาน

พ่อผมจะเอาเหรียญให้ผมแล้วให้ผมวิ่งไปหยอดเหรียญลงขัน ทุกครั้งที่เจอ  (คิดดู เจอทุกวันก็หยอดเงินทุกวันอ้ะครับ)

พ่อสอนผมว่าเวลาหยอดเหรียญให้อธิษฐานว่า "ขอให้เขาเกิดมาชาติใหม่มีชีวิตที่ดีกว่านี้"

ผมก็ท่องตามพ่อไป  จนมาตอนโตมากแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมถึงนึกได้....

พ่อผมไม่ได้สอนให้ผมอธิษฐาน "ขอให้ตัวเองได้บุญ รวย ประสบความสำเร็จ" หรืออะไรเพื่อตัวเองเลยนะเนี่ย

พ่อผมสอนให้ผมอธิษฐานให้คนที่มีความทุกข์ ขอให้เขามีชีวิตที่ดีกว่านี้  

โห ผมทึ่งพ่อมากๆ

แม่ผมเซ็งพ่อมากเวลาให้เงินขอทาน แม่ผมเชื่อเหมือนในคอมเมนต์น่ะแหละครับ ว่าให้ทำไม พวกนี้มาหลอกเอาเงินเปล่าๆ

แต่พ่อผมตอบ และผมได้ยินพ่อพูดจนจำแม่น  "ไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นขอทานหรอกนะ  ลองไปถามเด็กทุกคนสิ โตขึ้นอยากเป็นอะไร"

 

เรื่องสัตว์

พ่อพาไปกินข้าวนอกบ้าน พ่อจะบอกผมทุกครั้งว่าถ้ากินไม่หมด ให้รวมของที่เหลือเอาไปเทใส่กระดาษให้หมาแมวข้างถนนได้อิ่ม

บางที เวลาพอไปซื้อขาหมู แถวนั้นมีหมาแมวจรจัด พ่อจะขอซื้อกระดูกหรือกากๆเนื้อหมูที่ร้านเขาไม่เอาแล้ว ซื้อเป็นเศษมา

ผมก็สงสัยมาก พ่อเอาไปทำอะไร  ปรากฏว่าพ่อผมเอาถุงเดินเข้าซอยไปเรียกหมาแมวแถวนั้นมากินกับข้าวที่พ่อผมซื้อครับ!

 

คนตาบอด  

พ่อผมถ้าเดินไปเจอ พ่อจะหยุด แล้วถามเขาว่าขึ้นรถสายอะไร  พ่อจะรอจนรถเมล์สายนั้นมาแล้วพาเขาขึ้น

แม่เซ็งอีกแล้ว แอบบ่นว่าเสียเวลา แต่พ่อหาได้ฟังไม่ ฮี่ๆ

 

รถเสีย ฝนตก

พ่อผมจอดรถลงไปช่วยทุกครั้งที่เจอครับ  เป็นภาพชินตาของผมเลย 

เพราะพ่อผมชอบพาแม่กับผมนั่งรถกินลมเที่ยวเล่นไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็ขับรถกลับบ้านตั้งแต่เด็กๆ

หรือฝนตก แล้วพ่อขับรถพาพวกเราไปไหน แล้วเจอคนเดินตากฝน พ่อจะหยุดถามว่าไปลงที่ไหน ติดรถไปไหม

พ่อไม่เคยคิดว่าพวกเขาคือคนแปลกหน้า  พ่อชอบพูดกับผมคำนี้จนผมติดมาใช้จนปัจจุบันเลยครับ

พ่อพูดว่า "พวกเขาคือเพื่อนร่วมโลก"

(หมายถึงทั้งคน และสัตว์ด้วย พ่อทำให้หมด ไม่แยกสปีชี่ครับ)

 

 

นี่คือสาเหตุว่าผมไม่เคยคิดเลยว่าการทำความดีเล็กๆทุกวันเป็นเรื่อง "ดัดจริต ใครจะไปทำได้ทุกวัน"

เพราะผมโตมากับพ่อ ผมเห็นพ่อผมทำทุกวัน โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน  ผมจึงเชื่อว่าคนแบบนี้มีจริง

 

 

ผมทำไม่ได้เท่าครึ่งนึงของที่พ่อผมทำเลยครับ  

 

 

 

 

คำว่า ปริจจาคะ แปลว่า สละรอบ ซึ่งหมายถึง การให้ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกื้อกูลด้วยวัตถุสิ่งของ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน กับคำว่า จาคะ แปลว่า การเสียสละ คือ สละความไม่ดีงามออกไปจากใจของตนเอง สละประโยชน์สุขส่วนตน เพื่อประโยชน์สุขของสังคมส่วนรวม อธิบายได้ ดังนี้

๑ . ปริจจาคะ หมายถึง การให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
๒ . ปริจจาคะ หมายถึง การมีใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่นได้ 
๓ . ปริจจาคะ หมายถึง การสละความสุขสบายส่วนตน เพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมือง 
๔ . ปริจจาคะ หมายถึง การสละสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เพื่อประโยชน์ที่ดีกว่ามากกว่า

 

 

 

ซึ้งมากมายครับ

 

ขอบอกคุณผึ้งน้อยนิดนึงเรื่องการให้กระดูกกับสัตว์ หมา-แมว

 

กระดูกมันจะย่อยไม่ได้ ทำให้ลำไส้สัตว์อุดตัน

 

โดยเฉพาะกระดูกไก่ มันอาจจะทิ่มลำไส้ หมา-แมว ทะลุได้นะ

 

...........

 

 

แล้วอย่างนี้เราควรให้หรือไม่ให้ดีครับ 

 

 

หมายถึง กระดูก เหรอครับ


พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล  

 

ทหารทุกนายผ่านพิธีนั้นแล้ว  พึงเพียรปฏิบัติให้ครบตามคำสัตย์ปฏิญาณทุกข้อนั้น


#74 zutto

zutto

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,385 posts

ตอบ 12 เมษายน พ.ศ. 2557 - 07:20

 

 

 

อย่าไปถือสาหาความอะไรกับคอมเมนต์ในโลกไซเบอร์  โดยเฉพาะในเว็บแมเนเจอร์กับพันทิปบางห้อง เช่น ราชดำเนิน หว้ากอ และเฉลิมไทย

(ห้องอื่นไม่เป็นแบบ 3 ห้องนี้ครับ  3 ห้องนี้เต็มไปด้วยพวกความคิดเป็นพิษ

คือแบบมองโลกแง่ลบ อวดฉลาด รู้มาก รู้ท่วมหัว รู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องจริง)

เพราะมันเต็มไปด้วยคนที่มีความคิดแบบ "ขยะ"

 

ขยะ ไม่ได้หมายถึง "ไม่ดี"  

ขยะหมายถึง garbage-อะไรก็ตามที่นอกจากไม่เกิดประโยชน์ ไม่มีสาระ แล้วยังเป็นพิษ เน่าเหม็น

ดังนั้นเอามาวัดคนทั้งสังคมไม่ได้ครับ

 

 

สำหรับเรื่องการทำแบบคนในโฆษณา

ผมโชคดีมากที่ผมโตมากับพ่อที่เป็นคนแบบในโฆษณาเลยครับ และพ่อผมทำทุกวัน ทำให้ดู

 

ขอทาน  

เวลาพ่อผมพาผมเดินเที่ยวบนถนน ถ้าขึ้นสะพานลอยหรือเดินบนทางเท้าแล้วเจอขอทาน

พ่อผมจะเอาเหรียญให้ผมแล้วให้ผมวิ่งไปหยอดเหรียญลงขัน ทุกครั้งที่เจอ  (คิดดู เจอทุกวันก็หยอดเงินทุกวันอ้ะครับ)

พ่อสอนผมว่าเวลาหยอดเหรียญให้อธิษฐานว่า "ขอให้เขาเกิดมาชาติใหม่มีชีวิตที่ดีกว่านี้"

ผมก็ท่องตามพ่อไป  จนมาตอนโตมากแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมถึงนึกได้....

พ่อผมไม่ได้สอนให้ผมอธิษฐาน "ขอให้ตัวเองได้บุญ รวย ประสบความสำเร็จ" หรืออะไรเพื่อตัวเองเลยนะเนี่ย

พ่อผมสอนให้ผมอธิษฐานให้คนที่มีความทุกข์ ขอให้เขามีชีวิตที่ดีกว่านี้  

โห ผมทึ่งพ่อมากๆ

แม่ผมเซ็งพ่อมากเวลาให้เงินขอทาน แม่ผมเชื่อเหมือนในคอมเมนต์น่ะแหละครับ ว่าให้ทำไม พวกนี้มาหลอกเอาเงินเปล่าๆ

แต่พ่อผมตอบ และผมได้ยินพ่อพูดจนจำแม่น  "ไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นขอทานหรอกนะ  ลองไปถามเด็กทุกคนสิ โตขึ้นอยากเป็นอะไร"

 

เรื่องสัตว์

พ่อพาไปกินข้าวนอกบ้าน พ่อจะบอกผมทุกครั้งว่าถ้ากินไม่หมด ให้รวมของที่เหลือเอาไปเทใส่กระดาษให้หมาแมวข้างถนนได้อิ่ม

บางที เวลาพอไปซื้อขาหมู แถวนั้นมีหมาแมวจรจัด พ่อจะขอซื้อกระดูกหรือกากๆเนื้อหมูที่ร้านเขาไม่เอาแล้ว ซื้อเป็นเศษมา

ผมก็สงสัยมาก พ่อเอาไปทำอะไร  ปรากฏว่าพ่อผมเอาถุงเดินเข้าซอยไปเรียกหมาแมวแถวนั้นมากินกับข้าวที่พ่อผมซื้อครับ!

 

คนตาบอด  

พ่อผมถ้าเดินไปเจอ พ่อจะหยุด แล้วถามเขาว่าขึ้นรถสายอะไร  พ่อจะรอจนรถเมล์สายนั้นมาแล้วพาเขาขึ้น

แม่เซ็งอีกแล้ว แอบบ่นว่าเสียเวลา แต่พ่อหาได้ฟังไม่ ฮี่ๆ

 

รถเสีย ฝนตก

พ่อผมจอดรถลงไปช่วยทุกครั้งที่เจอครับ  เป็นภาพชินตาของผมเลย 

เพราะพ่อผมชอบพาแม่กับผมนั่งรถกินลมเที่ยวเล่นไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็ขับรถกลับบ้านตั้งแต่เด็กๆ

หรือฝนตก แล้วพ่อขับรถพาพวกเราไปไหน แล้วเจอคนเดินตากฝน พ่อจะหยุดถามว่าไปลงที่ไหน ติดรถไปไหม

พ่อไม่เคยคิดว่าพวกเขาคือคนแปลกหน้า  พ่อชอบพูดกับผมคำนี้จนผมติดมาใช้จนปัจจุบันเลยครับ

พ่อพูดว่า "พวกเขาคือเพื่อนร่วมโลก"

(หมายถึงทั้งคน และสัตว์ด้วย พ่อทำให้หมด ไม่แยกสปีชี่ครับ)

 

 

นี่คือสาเหตุว่าผมไม่เคยคิดเลยว่าการทำความดีเล็กๆทุกวันเป็นเรื่อง "ดัดจริต ใครจะไปทำได้ทุกวัน"

เพราะผมโตมากับพ่อ ผมเห็นพ่อผมทำทุกวัน โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน  ผมจึงเชื่อว่าคนแบบนี้มีจริง

 

 

ผมทำไม่ได้เท่าครึ่งนึงของที่พ่อผมทำเลยครับ  

 

 

 

 

คำว่า ปริจจาคะ แปลว่า สละรอบ ซึ่งหมายถึง การให้ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกื้อกูลด้วยวัตถุสิ่งของ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน กับคำว่า จาคะ แปลว่า การเสียสละ คือ สละความไม่ดีงามออกไปจากใจของตนเอง สละประโยชน์สุขส่วนตน เพื่อประโยชน์สุขของสังคมส่วนรวม อธิบายได้ ดังนี้

๑ . ปริจจาคะ หมายถึง การให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
๒ . ปริจจาคะ หมายถึง การมีใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่นได้ 
๓ . ปริจจาคะ หมายถึง การสละความสุขสบายส่วนตน เพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมือง 
๔ . ปริจจาคะ หมายถึง การสละสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เพื่อประโยชน์ที่ดีกว่ามากกว่า

 

 

 

ซึ้งมากมายครับ

 

ขอบอกคุณผึ้งน้อยนิดนึงเรื่องการให้กระดูกกับสัตว์ หมา-แมว

 

กระดูกมันจะย่อยไม่ได้ ทำให้ลำไส้สัตว์อุดตัน

 

โดยเฉพาะกระดูกไก่ มันอาจจะทิ่มลำไส้ หมา-แมว ทะลุได้นะ

 

...........

 

 

แล้วอย่างนี้เราควรให้หรือไม่ให้ดีครับ 

 

 

หมายถึง กระดูก เหรอครับ

 

 

ไม่ควรให้กระดูก






ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน