เห็นบทความในเครือผู้จัดการแล้วค่อนข้างสงสัยมาตลอดมา มีปัญหาอะไรกับกองทัพภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา
ทีดูเหมือนต้องคอยกระแนะกระแหนกันมาตลอด ด้วยการไม่ไว้วางใจการทำหน้าที่ซึ่งหลายต่อหลายอย่างไม่มีหลักฐานชี้ชัดเลย
ส่วนกำนันสุเทพและกปปส.ไม่ให้กำลังใจไม่สนับสนุนยังมีพฤติกรรมที่ดูเหมือนว่าเตะตัดขาเพื่อไม่ให้ประสบความสำเร็จอยู่บ่อยครั้ง
ทำไม ??
รัฏฐาธิปัตย์ “ลุงกำนัน” เงิบบบบบบบ
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -กลายเป็นที่ถกเถียง กลายเป็นประเด็น กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั้งบ้านทั้งเมืองสำหรับความเคลื่อนไหวใหม่ล่าสุดของ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”หรือ กปปส.ที่ประกาศจะสถาปนา “รัฏฐาธิปัตย์” หลังรัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ ชินวัตรต้องมีอันเป็นไปในการประชุมแกนนำ กปปส.ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2557
“การเดินทางมาครั้งนี้เราจะยึดอำนาจประเทศไทย เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนชาวไทย ดังนั้น วันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยรัฐบาลจะไม่สามารถกอดอำนาจไว้อีกต่อไป ซึ่ง กปปส.จะประกาศว่า อำนาจอธิปไตยกลับมาเป็นของประชาชนแล้ว และจะถือเป็นวันที่เราจะประกาศความเป็น รัฏฐาธิปัตย์ ได้อย่างเหมาะสม และคำสั่งของคนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ก็จะถือเป็นกฎหมาย
และส่วนใหญ่การประกาศความเป็นรัฏฐาธิปัตย์จะกระทำก็ต่อเมื่อกระทำการสำเร็จแล้วเท่านั้น มิใช่มาบอกกล่าวล่วงหน้าเหมือนเช่นที่นายสุเทพทำอยู่ในเวลานี้
ด้วยเหตุดังกล่าว นี่จึงเป็นก้าวย่างที่น่าจับตามองของนายสุเทพว่า มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไรกับการหยิบยกคำว่า รัฏฐาธิปัตย์ มาใช้ในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนี้
แปลไทยเป็นไทยคือ หลังจากที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์มีอันเป็นไปก็จะเกิดสุญญากาศทางการเมือง เพราะไม่มีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล 1 ใน 3 ของอำนาจอธิปไตยขาดหายไป และก็จะเหลือเพียงวุฒิสภาที่สามารถทำหน้าที่ได้ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งนายสุเทพมองว่า วุฒิสภา ซึ่งขณะนี้มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาที่ทำหน้าที่รักษาการประธานวุฒิสภาแทนนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภาซึ่งถูกชี้มูลความผิดและต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จะทำหน้าที่ทูลเกล้าฯ นายกรัฐมนตรีและรับสนองพระบรมราชโองการตามมาตรา 7
แต่ถ้าไม่เป็นไปตามเส้นทางที่มีการวิเคราะห์เอาไว้ โดยมีความผันแปรอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ว่าจะสามารถประกาศรับรอง ส.ว.เลือกตั้ง และมีส.ว.ครบ 95% ตามกฎหมายได้หรือไม่ ถ้าได้ ก็หมายความว่า ส.ว.ชุดใหม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามบทบัญญัติแหงรัฐธรรมนูญ เกมก็จะเปลี่ยนแปลงไป และนั่นนำมาซึ่งคำประกาศเรื่องรัฏฐาธิปัตย์ของนายสุเทพโดยพยายามยึดโยงกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 และมาตรา 7 เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว กปปส.อาจเดินไปไม่ถึงฝั่งฝันและนายสุเทพจะกลายเป็นผู้แพ้
แพ้ทั้งในเกมอำนาจต่อระบอบทักษิณ
แพ้ทั้งในสายตาของมวลมหาประชาชน เนื่องเพราะพิสูจน์แล้วว่า การนำของนายสุเทพตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง และเป็นความล้มเหลวอันเกิดจากยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่ผิดพลาดของนายสุเทพโดยตรง
การประกาศความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ของนายสุเทพจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิงถ้าไม่มีเสียงตอบรับจากทหารและข้าราชการ ซึ่งนายสุเทพก็รู้ดี ไม่เช่นนั้นในระหว่างนี้นายสุเทพคงไม่เดินสายไปหาแนวร่วมกับข้าราชการในกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ทุกวี่วัน
นายสุเทพมั่นใจได้อย่างไรว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกคือมหามิตรที่จะประกาศยืนอยู่เคียงข้างมวลมหาประชาชน
แน่นอน ในขณะที่ประกาศออกมา นายสุเทพต้องมั่นใจเพราะมองไม่เห็นที่มาและที่ไปเลยว่า ทำไมนายสุเทพถึงได้กล้าเอาชีวิตของตนเองเป็นเดิมพัน เนื่องจากถ้าหากไม่ประสบความสำเร็จในการสถาปนารัฏฐาธิปัตย์นั้นย่อมหมายถึงการเป็น “กบฏ” ที่มีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต นอกเสียจากได้รับสัญญาณบางประการจาก พล.อ.ประยุทธ์
ไม่เช่นนั้น นายสุเทพคงไม่หาญกล้ากางปีกปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์อย่างออกนอกหน้าตั้งแต่เริ่มต้นมีการชุมนุมของ กปปส.และเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อปรากฏเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขรมทั้งแผ่นดินจากคำให้สัมภาษณ์ของบิ๊กตู่ที่ประกาศตัวชัดเจนว่า ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเมื่อถูกซักถามถึงกรณีที่มีผู้เรียกร้องไม่ให้ยอมรับอำนาจของรัฐบาลรักษาการ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2557
ในครั้งนั้น นายสุเทพประกาศชัดบนเวทีสวนลุมพินีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2557 ว่า “แค่พูดผิดก็ทำให้ถูกรุมด่า เพราะไปยกตัวอย่างผิด เรื่องเจ้าของบริษัท คนก็ตีความผิด
ปกป้องทั้งๆ ที่คำว่า “ผมไว้ใจไอ้ตู่มาก” ของนักโทษชายหนีคดีดังกึกก้องเต็มสองรูหูของมวลมหาประชาชน
ดังนั้น หนทางเดียวที่จะสถาปนารัฏฐาธิปัตย์ได้จึงวกลับไปสู่มือของ “วุฒิสภา” อีกครั้ง ซึ่งก็คงต้องติดตามสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิดว่า จุดจบของเรื่องนี้เป็นไปอย่างไร เพราะทำไปทำมาอาจจะไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่ฝันเอาไว้ว่าจะรอมะม่วงหล่น แถมยังมีทีท่าว่าอาจจะต้อง “เงิบ” และรอต่อไปอีกหลายเพลา
แต่ที่แน่ๆ คือความฝันในการปฏิรูปประเทศ ไม่ว่าจะใช้ช่องทางของวุฒิสภาหรือนายสุเทพเป็นอันจบลง เพราะทุกเส้นทางพิสูจน์มีเป้าประสงค์เดียวกันคือตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อให้ประเทศได้เดินหน้าต่อไป ส่วนการปฏิรูป....เอาไว้ค่อยว่ากันในภายหลัง
ขณะที่กล่าวสำหรับตัวนายสุเทพก็คงต้องหนีไม่พ้นที่จะถูกดำเนินคดีจากฝีมือของขี้ข้าระบอบทักษิณ ซึ่งเวลานี้ร้องเจี๊ยวจ๊าวแย่งกันสร้างผลงานให้เข้าตานายใหญ่กันอย่างละหวั่น ส่วนจะมีจุดจบเช่นเดียวกับนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร พลเรือนคนแรกที่กล้าประกาศสถาปนารัฏฐาธิปัตย์หรือไม่นั้น อีกไม่นานคงรู้กัน
และนาทีนี้ คำว่า “เงิบ” คงเป็นคำที่ให้นิยามสำหรับความรู้สึกของนายสุเทพที่เหมาะสมและลงตัวที่สุด
http://www.manager.c...D=9570000041121