เมื่อเวลา 19.10 น. วันที่ 14 เม.ย. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ยังสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย ทรงเป็นประธานเปิดงาน สะบายดีปีใหม่ พ.ส.2557 พร้อมทรงร่วมพิธีบายศรีและงานราตรี เนื่องในโอกาสเทศกาลวันสงกรานต์ ซึ่งนับเป็นเทศกาลปีใหม่ของประชาชนชาวลาวด้วย โดยมีนายทองลุน สีสุลิด รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศลาว และภริยา นายหลี บุญค้ำ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย และภริยา พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต เฝ้าฯ รับเสด็จ
ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฉลองพระองค์ชุดประจำชาติลาว เสื้อผ้าไหมสีน้ำทะเล พาดผ้าสไบสีน้ำเงิน และผ้าซิ่นสีน้ำเงิน ทรงสรงน้ำพระพุทธรูป แล้วเสด็จฯ ยังภายในห้องพิธี ทรงจุดธูปเทียนนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ พระสงฆ์สวดพระพุทธมงคลคาถา จากนั้นทรงร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งเป็นพิธีที่เชื่อว่าเป็นการส่งเสริมพลังใจให้เข้มแข็ง มีสติและไม่ประมาท โดยมีนายสีจัน สอแพงคำฮัก ซึ่งเป็นผู้เคารพนับถือของชาวลาวเป็นผู้ประกอบพิธี และอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาปกปักรักษาผู้เข้าร่วมในพิธีให้มีอายุมั่นขวัญยืน ปราศจากโรคภัยและภยันตรายต่างๆจากนั้นเสด็จฯ ประทับยังโต๊ะเสวยซึ่งอยู่บริเวณหน้าเวทีการแสดง ทอดพระเนตรการแสดงจาก สปป.ลาว ได้แก่ บทฟ้อนสาวลาวล้านช้าง เพลงสุขีปีใหม่ ขับร้องโดยศิลปินหญิง คำพูวัน การบรรเลงแคนวงจากสโมสรวัฒนธรรมบ้านด่านช้าง เพลงกลิ่นหอมกุหลาบปากเซ การแสดงรำจำปาเมืองลาว ลำสีพันดอน จากหมอลำแขวงจำปาสัก ลำสั้น-ลำล่อง-ลำเต้ย จากหมอลำ จ.ขอนแก่น ตามด้วยรำวงสามัคคี ถวายเป็นเกียรติแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจากนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงร่วมฟ้อนรำวงในเพลง อวยพรปีใหม่ ของประเทศลาวในจังหวะรำวง เป็นบทเพลงเพื่ออวยพรให้โชคดีมีสุขภาพพลามัยที่ดีในปีใหม่ แคล้วคลาดจากสิ่งร้าย ตามด้วยเพลง งามแต่รูปจูบบ่หอม ในจังหวะบัดสลบ และเพลง สาวเฮือนใกล้ ในจังหวะริมโบ้ร็อก ในการนี้ทรงร่วมรำวงในทุกจังหวะสร้างความปีติยินดีแก่ผู้ร่วมงานอย่างยิ่ง ก่อนจะทรงขับร้องบทเพลง มิตรภาพลาวไทย และเพลง เย็นสบายชาวนา ที่ทรงขับร้องร่วมกับท่านทูตและบุคคลสำคัญของสถานทูตลาวบนเวที ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นม่วนซื่นของการเฉลิมฉลองวันสงกรานต์และวันปีใหม่ ประชาชนชาวลาวต่างสวมชุดผ้าไหมและผ้าซิ่นหลากสีสันสวยงาม แขกผู้มีเกียรติทั้งฝ่ายไทยและลาวกว่า 500 คนร่วมงาน เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างบ้านพี่เมืองน้องให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น