http://www.manager.c...D=9570000043388
ศาล รธน.จวก ศอ.รส.ออกแถลงทำนอกเหนืองาน ชี้ก้าวก่ายคุกคามทำลายชื่อเสียงชัด
ศาลรัฐธรรมนูญ สวนแถลงการณ์ ศอ.รส. จวกมีลักษณะก้าวก่าย แทรกแซงหน้าที่ คุกคาม ทำลายชื่อเสียง ทำนอกเหนืองาน สอนอำนาจองค์กรแค่รับผิดชอบป้องกันเหตุความมั่นคง จ่อใช้กฎหมายเล่นงานแน่
วันนี้ (18 เม.ย.) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าวชี้แจงกรณีที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 17 เม.ย. โดยนายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ในฐานะรองผู้อำนวยการ ศอ.รส. และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะเลขาธิการ ศอ.รส. ได้ร่วมกันแถลงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาและมีคำวินิจฉัยในกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาว่าก้าวก่ายโดยแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อย่างตรงไปตรงมา และจะต้องไม่วินิจฉัยเกินเลยไปถึงขนาดว่า หากความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดแล้ว คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 180 โดยจะอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัตินหน้าที่จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 อีกไม่ได้นั้น
สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ขอเรียนว่า การออกแถลงการณ์ หรือการให้ข้อมูลข่าวสารของ ศอ.รส. ซึ่งเป็นศูนย์อำนวยการ หรือเป็นหน่วยงานของฝ่ายบริหาร มีลักษณะเป็นการก้าวก่าย และแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นองค์กรตุลาการหนึ่งในอำนาจอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ โดย ศอ.รส. มีอำนาจหน้าที่หลักรับผิดชอบในการป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไข หรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 การแถลงการณ์ของ ศอ.รส. ดังกล่าวเป็นการคาดการณ์ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในอนาคต และมีลักษณะคุกคาม ก้าวล่วงการใช้ดุลยพินิจของตุลาการและศาล ซึ่งมีผลเป็นการทำลายชื่อเสียง ความเชื่อถือศรัทธาของศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นกระทำที่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว ที่กำหนดให้ศอ.รส. เป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติเพื่อป้องกันภยันตรายอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศเท่านั้น
การพิจารณาวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญนั้นได้ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย และในพระมหาปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ดังที่รัฐธรรมนูญมาตรา 197 วรรคหนึ่งได้บัญญัติไว้ และต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ก่อนเข้ารับหน้าที่ การปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญย่อมได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย หากการดำเนินการของ ศอ.รส. กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จึงแถลงมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน
********************************************************
มาเพิ่มครับ ปปช.ร่วมด้วยช่วยจวก
http://www.thaipost.net/node/89133
ขณะที่ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ยืนยันว่าคดีโครงการรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้นการดำเนินการไต่สวนของคณะกรรมการป.ป.ช.อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรค 2 ที่ระบุว่า การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา ครม. ศาล รวมถึงองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม หมายถึงไม่กระทำการตามอำเภอใจ ใช้หลักเหตุผล หลักกฎหมายและหลักความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายเดียวกัน โดยเคร่งครัดปราศจากอคติ แม้จะถูกข่มขู่ คุกคาม ก้าวร้าว และมีการกระทำรุนแรงจากบุคคลบางกลุ่ม คณะกรรมการป.ป.ช.ก็ไม่เคยท้อถอย ละทิ้งต่อการทำหน้าที่ตามหลักนิติธรรม
“การที่ศอ.รศ.ออกแถลงการณ์ดังกล่าว นับว่าหมิ่นเหม่ต่อการที่อาจทำให้สาธารณชนเห็นว่า มีการแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการป.ป.ช. จากฝ่ายบริหาร อันไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม และกดดันให้คณะกรรมการป.ป.ช.วินิจฉัย หรือใช้ดุลยพินิจไปในทางที่ฝ่ายบริหารต้องการ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ”นายสรรเสริญ กล่าว
Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 19 เมษายน พ.ศ. 2557 - 00:32.