Jump to content


Photo
- - - - -

เหตุที่บางพรรค 'กลัว' องค์กรอิสระ บทความพิเศษ: มติชนสุดสัปดาห์

บทความ องค์กรอิสระ

  • Please log in to reply
9 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 ธีรเดชน้อย

ธีรเดชน้อย

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,659 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2557 - 16:43

ฉบับวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

 

ตั้งแต่จัดตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาหลายปีนับจากมีรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนฉบับแรก ก็ไม่เห็นว่าจะมีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดจะมีปัญหากับการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระเลย

แต่มามีปัญหาเมื่อมีการบังคับใช้กับ คุณทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น โดยมักอ้างว่า 1.ตัวเองมาจากการเลือกตั้ง 2.องค์กรอิสระกลั่นแกล้งตนเพราะรับคำสั่งจากอำมาตย์ที่อิจฉาความป๊อปปูล่าร์ของตน (ฮา) 3.องค์กรอิสระ 2 มาตรฐาน เพราะอคติกับตน

ทั้ง 3 ข้ออ้างตื้นๆ ที่เต็มไปด้วยดราม่า ขาดเหตุผลเหล่านี้เป็นการง่ายที่จะโน้มน้าวใจให้มวลชนของพวกเขาหลงเชื่อ เพราะมันเป็นเรื่องที่ดูฟังสะเทือนอารมณ์ดี ประมาณว่าพระเอกคนดี หรือนางเอกคนดี ถูกพวกมารรังแก เพราะมีคนรักบูชามากมาย

แต่หากย้อนดูให้ดี จะเห็นว่าทั้งคุณทักษิณและเครือข่าย ไม่เคยยกเหตุผลที่เป็นวิทยาศาสตร์มาหักล้างได้อย่างหมดจดเลยว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด

และรู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปนั้นขัดทั้งกฎหมายและจริยธรรม แต่ที่ฮึกเหิมทำเพราะมั่นใจว่าสามารถปลุกปั่นมวลชนของตนให้ขึ้นมาคุกคามองค์กรอิสระและศาลได้

กรณีกล่าวหาว่าองค์กรอิสระ 2 มาตรฐานนั้น อันที่จริงแล้วไม่มีการตัดสินครั้งใดของศาลรัฐธรรมนูญ จะตัดสินแบบพิลึกพิสดาร ขัดมาตรฐานได้เท่าศาลรัฐธรรมนูญชุดแรก ที่ตัดสินให้คุณทักษิณรอดคดีซุกหุ้นภาคแรกเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2544 ด้วยคะแนนหวุดหวิดคือ 8 ต่อ 7 ทั้งที่ตามหลักน่าจะออกมาว่าคุณทักษิณแพ้ด้วยคะแนน 7 ต่อ 6

แต่ศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนั้นมีการนับคะแนนค่อนข้างพิลึก เพราะนำเอา 2 เสียงของตุลาการที่วินิจฉัยว่าคดีดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญไปรวมกับคะแนนเสียงของตุลาการ 6 คน ที่วินิจฉัยว่าคุณทักษิณไม่ผิด จึงกลายเป็น 8 เสียงขณะที่อีก 7 เสียง (ซึ่งควรจะเป็นเสียงข้างมาก) ตัดสินว่าผิด กลายเป็นเสียงข้างน้อยไป

และหากต้องการเห็นตัวอย่างของ 2 มาตรฐานที่ชัดเจน ก็น่าจะเป็นผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชุดนั้นอีกเช่นกัน เพราะความผิดเดียวกัน พิจารณาคดีวันเดียวกัน แต่ตัดสินต่างกัน กล่าวคือคดีซุกหุ้นของ นายประยุทธ์ มหากิจศิริ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีการพิจารณาในช่วงเช้าด้วยองค์คณะเดียวกันถูกตัดสินว่ารายงานบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จเพราะไม่แจ้งทรัพย์สินของภรรยา

แต่กรณีของคุณทักษิณ ซึ่งมีการพิจารณาในช่วงบ่าย ศาลรัฐธรรมนูญกลับชี้ว่าไม่ผิด กรณีไม่ทราบทรัพย์สินของภรรยา จึงไม่ได้แจ้ง

หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุที่ผลการวินิจฉัยออกมาเช่นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากแรงกดดันของมวลชนที่เลือกคุณทักษิณ จึงทำให้ในที่สุดต้องโอนอ่อน สุดท้ายก็ปล่อยให้คุณทักษิณเข้าสู่การเมือง

และกลายมาเป็นสาเหตุการแตกแยกอย่างร้าวลึกในเมืองไทยจนถึงทุกวันนี้
ฝ่ายเชียร์คุณทักษิณมักอ้างว่า เหตุที่มีเสื้อแดงเกิดขึ้น ก็เพราะพวกเสื้อเหลืองทำให้เกิด (ในทำนองว่าไปไล่คนที่เสื้อแดงเลือกมา) ซึ่งเป็นการพูดตัดตอนและขาดเหตุผลน่าดู

เพราะอันที่จริงแล้ว การมีทักษิณต่างหากที่ทำให้เกิดเสื้อเหลือง และอีกหลายๆ สีตามมา

และที่สำคัญการที่ศาลรัฐธรรมนูญ ปล่อยให้คุณทักษิณรอดคดีในครั้งนั้นต่างหากที่ทำให้เกิดการกลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรกและยุ่งมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างที่ นายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุดและอดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทยมากับคุณทักษิณกล่าวเอาไว้ว่า การปล่อยให้คุณทักษิณรอดคดี คือการกลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก

หลายคนอ้างว่าการรัฐประหาร 2549 คือการกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ซึ่งไม่ใช่แน่นอน เพราะรัฐประหารเป็นเพียงกระดุมเม็ดถัดมา

ตอนเกิดรัฐประหารใหม่ๆ คนจำพวกหนึ่งมักอ้างวาทกรรมยอดฮิตว่า จะโกงยังไง จะใช้อำนาจทุจริตยังไง ก็ไม่ควรรัฐประหาร แต่ควรให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไก อ้างว่ามีกลไกตรวจสอบ จัดการนักการเมืองอยู่แล้ว เช่น มีวุฒิสภา มีรัฐสภา มีองค์กรอิสระ และอื่นๆ หากทำไม่ชอบ ก็สามารถถอดถอน ลงโทษได้

แต่ในความเป็นจริง กระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลตามระบอบประชาธิปไตย ถูกคุณทักษิณทำให้เป็นง่อย ใช้การไม่ได้ ผ่านวิธีการควบคุมเสียงในวุฒิสภา เนื่องจากวุฒิสภามีอำนาจลงมติถอดถอนรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี และมีอำนาจเลือกกรรมการตุลาการองค์กรอิสระ จนทำให้สภายุคที่มี นายสุชน ชาลีเครือ (ไทยรักไทย) เป็นประธานวุฒิสภา ถูกเรียกว่าสภาทาสภาคแรก (เช่นเดียวกับคดีซุกหุ้นภาคแรกของคุณทักษิณ)

เมื่อเป็นดังนี้แล้ว จะทำให้กลไกปกติในการจัดการนักการเมืองที่ไม่ซื่อ ใช้การได้อย่างไร และยิ่งในปัจจุบันระดับความเป็นสภาทาสเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม เห็นได้จากการลุแก่อำนาจ ลักไก่ หักดิบ ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

จนกล่าวได้ว่าภาพพจน์สภาไทย-นักการเมือง ตกต่ำ น่าอัปยศอดสูที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

สังคมไทยนี้แปลก เอาแต่ตำหนิรัฐประหารว่าทำให้ประชาธิปไตยไม่คืบหน้า แต่น่าตั้งคำถามเหมือนกันว่านักการเมืองเสียงข้างมากในสภาที่เป็นแบบนี้ คุณภาพแบบนี้ จริยธรรมต่ำเตี้ยแบบนี้ มีการทุจริตมโหฬารขนานใหญ่อย่างนี้ จะทำให้ประชาธิปไตยคืบหน้าตรงไหน

นักการเมืองเสียงข้างมาก ที่ไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่เคารพกฎกติกา ไม่ยอมรับการตัดสินของศาล ขององค์กรอิสระ เอาแต่ม็อบข้างถนนและอันธพาลมาข่มขู่ศาล จะเป็นนักการเมืองหรือพรรคการเมืองที่ทำให้ชาติเดินหน้าและสงบสุขได้อย่างไร

พรรคการเมืองที่พูดขู่ศาลอยู่ทุกวันว่า ถ้าตัดสินให้พวกตนมีความผิด ระวังบ้านเมืองจะไม่ได้อยู่กันอย่างสงบสุข (พูดตรงๆ ก็คือพวกข้าจะไม่ปล่อยให้ประเทศนี้ได้อยู่อย่างสงบสุข)

ถ้าเป็นแบบนี้ก็แสดงว่า กฎหมาย กฎระเบียบและรัฐธรรมนูญไม่มีความสำคัญและไม่มีความหมายอะไร แต่กลุ่มบุคคลมีความสำคัญกว่า

พวกนักการเมืองที่เอาแต่กำลังและความรุนแรงเข้าข่มขู่ศาล โดยที่ไม่สนว่า หลักฐานที่ตัวเองทำผิดจะชัดขนาดไหน แก้ตัวไม่ขึ้นอย่างไร ต้องหันไปพิจารณาตัวเองใหม่ว่าตัวเองเป็นนักการเมือง เป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่ต้องเป็นแบบอย่างในการเคารพรัฐธรรมนูญ หรือเป็นอย่างอื่นอย่างที่คนเขาให้ฉายากัน

เอาเข้าจริงแล้วรัฐประหารไม่ได้ทำให้ประชาธิปไตยถอยหลัง แต่ระบอบประชาธิปไตยที่พิกลพิการเพราะเลือกแต่คนแบบนี้เข้าสู่การเมืองต่างหากที่ทำให้ชาติถอยหลัง

ที่ขู่ฟ่อๆ พูดซ้ำซากว่าองค์กร-ศาล ไม่ยุติธรรม 2 มาตรฐานนั้น เนื้อแท้แล้วเป็นเพราะตัวเองทำผิดแล้วไม่สามารถหาข้อแก้ต่างได้ รู้ว่าไม่รอดแน่ๆ เลยต้องปลุกระดมบิดเบือน ด้วยการใส่ร้ายศาลและองค์กรอิสระ

หากใครสังเกตมาโดยตลอด จะเห็นได้ชัดว่าเครือข่ายของระบอบทักษิณ ได้สร้างทัศนคติที่อันตราย ให้กับมวลชนของตน ทำให้กลายเป็นมวลชนที่ขาดเหตุผล ไม่ไตร่ตรองข้อเท็จจริง เช่น หลงเชื่อว่า นายสมัคร สุนทรเวช ถูกตัดสินให้หลุดจากนายกรัฐมนตรี เพียงเพราะไปทำกับข้าวออกทีวี

หรือหลงเชื่อว่า แค่คุณทักษิณลงนามให้ภรรยาไปซื้อที่ดินถนนรัชดาภิเษกของกองทุนฟื้นฟูเพื่อพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย) ก็มีความผิดแล้ว ไม่ยุติธรรมเลย

ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งนายสมัครและคุณทักษิณ ไม่ได้มีความผิดตรงที่ไปทำกับข้าวออกทีวี และคุณทักษิณก็ไม่ได้มีความผิดเพียงแค่ไปลงนามให้ภรรยาซื้อที่ดิน

ถ้านายสมัครไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะไปทำกับข้าวหรือร้องเพลงออกทีวีก็ไม่มีความผิด แต่ที่ผิดเพราะรัฐธรรมนูญห้ามไว้ว่าไม่ให้นายกฯ ไปเป็นลูกจ้างบุคคลใด เพื่อป้องกันการใช้ตำแหน่งในลักษณะขัดกันทางผลประโยชน์ (นายสมัครทำรายการ โดยมีการรับค่าจ้างด้วย)

ส่วนคุณทักษิณนั้นทำผิดมาตรา 100 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่กำหนดห้าม ไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจ กำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี

หากคุณทักษิณไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือเจ้าหน้าที่รัฐตามที่กฎหมายกำหนดไว้ คุณทักษิณจะลงนามยินยอมให้ภรรยาไปซื้อที่ดินจากหน่วยงานรัฐกี่แปลง ก็ไม่มีความผิด

 

 https://www.facebook...2134888798732:0

 

.....................................................................................

 

หาลิ้งค์เข้าบทความนี้ในมติชนไม่ได้ครับ ขออภัย คุณนงนุชเขียนบทความนี้ได้ดี ในปัญหาความผิดเพี้ยนสังคมไทย

 

ปล.เสริช์ดูคุณนงนุชนี่ โดนเสื้อแดง ราชดำเนินวิจารณ์กันน่าดูเลย  :) 

 


" จุดเริ่มของการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 หลังจากรัฐบาลเพื่อไทยได้บริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด 2 ปีเศษ มีการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย มีการนำพรบ.นิรโทษกรรมมาอนุมัติผ่านสภาฯเพื่อช่วยเหลือ น.ช. ทักษิณ ทำให้มวลมหาประชาชนลุกขึ้นประท้วงต่อต้าน แม้จนกระทั่ง ศาลรัฐธรรมนูญและปปช. ได้ตัดสินและชี้มูลความผิดจนต้องพ้นออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม ทำให้ประเทศชาติต้องหยุดนิ่ง สุดท้ายเมื่อ พลเอก ประยุทธ ผบ.ทบ.ได้เรียกทุกฝ่ายเข้ามาคุยเพื่อหาทางออกแล้ว โดยขอให้ ครม.ที่ยังคงเหลือลาออกเพื่อตั้งนายกฯเพื่อการปฎิรูปประเทศ แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองและการเสียสละ ทำให้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา จำเป็นต้องประกาศยึดอำนาจ   "

 

 


#2 ธีรเดชน้อย

ธีรเดชน้อย

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,659 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2557 - 16:52

“เหมือน-ต่าง”กรณีซุกหุ้น“ยุรนันท์-ทักษิณ-ประยุทธ”

ขณะที่นายประยุทธ มหากิจศิริ ถูกกล่าวหาว่าจงใจปกปิดบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินซึ่งเป็นเงินฝากของภรรยา ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญนายประยุทธชี้แจงว่า อ้างว่าภรรยาไม่แจ้งทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของภรรยาให้ทราบ และนายประยุทธก็เป็นคนกลัวภรรยาเลยไม่ได้ถามว่ามีทรัพย์สินอื่นอีกหรือไม่

น่าสังเกตว่ากรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณคล้ายกับนายประยุทธในประเด็นที่ว่าเป็นเรื่องของภรรยา

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีในช่วงเช้าวันเดียวกับคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ

แต่ทว่านายประยุทธโชคร้าย ถูกศาลรัฐธรรมนูญจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนตัดสินคดี พ.ต.ท.ทักษิณเพียง 2 ชั่วโมง

http://www.isranews....hree_24701.html

....................................................................

เอามาเสริมครับ เผื่อใครสนใจอ่าน  :)


" จุดเริ่มของการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 หลังจากรัฐบาลเพื่อไทยได้บริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด 2 ปีเศษ มีการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย มีการนำพรบ.นิรโทษกรรมมาอนุมัติผ่านสภาฯเพื่อช่วยเหลือ น.ช. ทักษิณ ทำให้มวลมหาประชาชนลุกขึ้นประท้วงต่อต้าน แม้จนกระทั่ง ศาลรัฐธรรมนูญและปปช. ได้ตัดสินและชี้มูลความผิดจนต้องพ้นออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม ทำให้ประเทศชาติต้องหยุดนิ่ง สุดท้ายเมื่อ พลเอก ประยุทธ ผบ.ทบ.ได้เรียกทุกฝ่ายเข้ามาคุยเพื่อหาทางออกแล้ว โดยขอให้ ครม.ที่ยังคงเหลือลาออกเพื่อตั้งนายกฯเพื่อการปฎิรูปประเทศ แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองและการเสียสละ ทำให้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา จำเป็นต้องประกาศยึดอำนาจ   "

 

 


#3 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2557 - 17:15

จะเห็นว่าทั้งคุณทักษิณและเครือข่าย ไม่เคยยกเหตุผลที่เป็นวิทยาศาสตร์มาหักล้างได้อย่างหมดจดเลยว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด

^

^

ฮาเด็ก-ดิ้นปัดๆๆ 398.gif


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#4 temp

temp

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,682 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2557 - 17:28

ทำกับข้าว

เพื่อนโพ้มยังเพิ่งบ่นอยู่วันก่อนนี้เลย  :P


ควายตัวนี้สีขาว


#5 ธีรเดชน้อย

ธีรเดชน้อย

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,659 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2557 - 18:55

พูดถึงทัศนคติที่เป็นอันตรายนี่ชัดเจนเลยนะครับ ดังที่เราเห็นจนชินตาในโซเชี่ยลเน็ตเวริค์ทั้งหลาย

 

แม้กระทั่งในเสรีไทยแห่งนี้ การขาดเหตุผล ไม่ไตร่ตรองข้อเท็จจริง ซึ่งมักเรียกกันว่า แถ

 

ซึ่งกรณีนี้ผมโทษ สื่อสารมวลชนเป็นอันดับแรก  :) 


" จุดเริ่มของการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 หลังจากรัฐบาลเพื่อไทยได้บริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด 2 ปีเศษ มีการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย มีการนำพรบ.นิรโทษกรรมมาอนุมัติผ่านสภาฯเพื่อช่วยเหลือ น.ช. ทักษิณ ทำให้มวลมหาประชาชนลุกขึ้นประท้วงต่อต้าน แม้จนกระทั่ง ศาลรัฐธรรมนูญและปปช. ได้ตัดสินและชี้มูลความผิดจนต้องพ้นออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม ทำให้ประเทศชาติต้องหยุดนิ่ง สุดท้ายเมื่อ พลเอก ประยุทธ ผบ.ทบ.ได้เรียกทุกฝ่ายเข้ามาคุยเพื่อหาทางออกแล้ว โดยขอให้ ครม.ที่ยังคงเหลือลาออกเพื่อตั้งนายกฯเพื่อการปฎิรูปประเทศ แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองและการเสียสละ ทำให้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา จำเป็นต้องประกาศยึดอำนาจ   "

 

 


#6 kokkai

kokkai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,237 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2557 - 19:02

พูดถึงทัศนคติที่เป็นอันตรายนี่ชัดเจนเลยนะครับ ดังที่เราเห็นจนชินตาในโซเชี่ยลเน็ตเวริค์ทั้งหลาย

 

แม้กระทั่งในเสรีไทยแห่งนี้ การขาดเหตุผล ไม่ไตร่ตรองข้อเท็จจริง ซึ่งมักเรียกกันว่า แถ

 

ซึ่งกรณีนี้ผมโทษ สื่อสารมวลชนเป็นอันดับแรก  :) 

 

แต่ผมกลับโทษแม้วอยู่ดี

 

ก่อนหน้าแม้วจะเข้ามาเล่นการเมือง สื่อยังไม่เอียงกระเท่เร่อย่างนี้

 

ตัวเสนียดตัวนี้ ทำลายประเทศเราในทุกๆด้าน

 

(สื่อเองก็ผิดที่ยอมขายตัวให้มัน)



#7 ปุถุชน

ปุถุชน

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 27,531 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2557 - 13:39

ฉบับวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

 

ตั้งแต่จัดตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาหลายปีนับจากมีรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนฉบับแรก ก็ไม่เห็นว่าจะมีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดจะมีปัญหากับการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระเลย

แต่มามีปัญหาเมื่อมีการบังคับใช้กับ คุณทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น โดยมักอ้างว่า 1.ตัวเองมาจากการเลือกตั้ง 2.องค์กรอิสระกลั่นแกล้งตนเพราะรับคำสั่งจากอำมาตย์ที่อิจฉาความป๊อปปูล่าร์ของตน (ฮา) 3.องค์กรอิสระ 2 มาตรฐาน เพราะอคติกับตน

ทั้ง 3 ข้ออ้างตื้นๆ ที่เต็มไปด้วยดราม่า ขาดเหตุผลเหล่านี้เป็นการง่ายที่จะโน้มน้าวใจให้มวลชนของพวกเขาหลงเชื่อ เพราะมันเป็นเรื่องที่ดูฟังสะเทือนอารมณ์ดี ประมาณว่าพระเอกคนดี หรือนางเอกคนดี ถูกพวกมารรังแก เพราะมีคนรักบูชามากมาย

แต่หากย้อนดูให้ดี จะเห็นว่าทั้งคุณทักษิณและเครือข่าย ไม่เคยยกเหตุผลที่เป็นวิทยาศาสตร์มาหักล้างได้อย่างหมดจดเลยว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด

และรู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปนั้นขัดทั้งกฎหมายและจริยธรรม แต่ที่ฮึกเหิมทำเพราะมั่นใจว่าสามารถปลุกปั่นมวลชนของตนให้ขึ้นมาคุกคามองค์กรอิสระและศาลได้

กรณีกล่าวหาว่าองค์กรอิสระ 2 มาตรฐานนั้น อันที่จริงแล้วไม่มีการตัดสินครั้งใดของศาลรัฐธรรมนูญ จะตัดสินแบบพิลึกพิสดาร ขัดมาตรฐานได้เท่าศาลรัฐธรรมนูญชุดแรก ที่ตัดสินให้คุณทักษิณรอดคดีซุกหุ้นภาคแรกเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2544 ด้วยคะแนนหวุดหวิดคือ 8 ต่อ 7 ทั้งที่ตามหลักน่าจะออกมาว่าคุณทักษิณแพ้ด้วยคะแนน 7 ต่อ 6

แต่ศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนั้นมีการนับคะแนนค่อนข้างพิลึก เพราะนำเอา 2 เสียงของตุลาการที่วินิจฉัยว่าคดีดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญไปรวมกับคะแนนเสียงของตุลาการ 6 คน ที่วินิจฉัยว่าคุณทักษิณไม่ผิด จึงกลายเป็น 8 เสียงขณะที่อีก 7 เสียง (ซึ่งควรจะเป็นเสียงข้างมาก) ตัดสินว่าผิด กลายเป็นเสียงข้างน้อยไป

และหากต้องการเห็นตัวอย่างของ 2 มาตรฐานที่ชัดเจน ก็น่าจะเป็นผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชุดนั้นอีกเช่นกัน เพราะความผิดเดียวกัน พิจารณาคดีวันเดียวกัน แต่ตัดสินต่างกัน กล่าวคือคดีซุกหุ้นของ นายประยุทธ์ มหากิจศิริ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีการพิจารณาในช่วงเช้าด้วยองค์คณะเดียวกันถูกตัดสินว่ารายงานบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จเพราะไม่แจ้งทรัพย์สินของภรรยา

แต่กรณีของคุณทักษิณ ซึ่งมีการพิจารณาในช่วงบ่าย ศาลรัฐธรรมนูญกลับชี้ว่าไม่ผิด กรณีไม่ทราบทรัพย์สินของภรรยา จึงไม่ได้แจ้ง

หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุที่ผลการวินิจฉัยออกมาเช่นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากแรงกดดันของมวลชนที่เลือกคุณทักษิณ จึงทำให้ในที่สุดต้องโอนอ่อน สุดท้ายก็ปล่อยให้คุณทักษิณเข้าสู่การเมือง

และกลายมาเป็นสาเหตุการแตกแยกอย่างร้าวลึกในเมืองไทยจนถึงทุกวันนี้
ฝ่ายเชียร์คุณทักษิณมักอ้างว่า เหตุที่มีเสื้อแดงเกิดขึ้น ก็เพราะพวกเสื้อเหลืองทำให้เกิด (ในทำนองว่าไปไล่คนที่เสื้อแดงเลือกมา) ซึ่งเป็นการพูดตัดตอนและขาดเหตุผลน่าดู

เพราะอันที่จริงแล้ว การมีทักษิณต่างหากที่ทำให้เกิดเสื้อเหลือง และอีกหลายๆ สีตามมา

และที่สำคัญการที่ศาลรัฐธรรมนูญ ปล่อยให้คุณทักษิณรอดคดีในครั้งนั้นต่างหากที่ทำให้เกิดการกลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรกและยุ่งมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างที่ นายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุดและอดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทยมากับคุณทักษิณกล่าวเอาไว้ว่า การปล่อยให้คุณทักษิณรอดคดี คือการกลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก

หลายคนอ้างว่าการรัฐประหาร 2549 คือการกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ซึ่งไม่ใช่แน่นอน เพราะรัฐประหารเป็นเพียงกระดุมเม็ดถัดมา

ตอนเกิดรัฐประหารใหม่ๆ คนจำพวกหนึ่งมักอ้างวาทกรรมยอดฮิตว่า จะโกงยังไง จะใช้อำนาจทุจริตยังไง ก็ไม่ควรรัฐประหาร แต่ควรให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไก อ้างว่ามีกลไกตรวจสอบ จัดการนักการเมืองอยู่แล้ว เช่น มีวุฒิสภา มีรัฐสภา มีองค์กรอิสระ และอื่นๆ หากทำไม่ชอบ ก็สามารถถอดถอน ลงโทษได้

แต่ในความเป็นจริง กระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลตามระบอบประชาธิปไตย ถูกคุณทักษิณทำให้เป็นง่อย ใช้การไม่ได้ ผ่านวิธีการควบคุมเสียงในวุฒิสภา เนื่องจากวุฒิสภามีอำนาจลงมติถอดถอนรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี และมีอำนาจเลือกกรรมการตุลาการองค์กรอิสระ จนทำให้สภายุคที่มี นายสุชน ชาลีเครือ (ไทยรักไทย) เป็นประธานวุฒิสภา ถูกเรียกว่าสภาทาสภาคแรก (เช่นเดียวกับคดีซุกหุ้นภาคแรกของคุณทักษิณ)

เมื่อเป็นดังนี้แล้ว จะทำให้กลไกปกติในการจัดการนักการเมืองที่ไม่ซื่อ ใช้การได้อย่างไร และยิ่งในปัจจุบันระดับความเป็นสภาทาสเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม เห็นได้จากการลุแก่อำนาจ ลักไก่ หักดิบ ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

จนกล่าวได้ว่าภาพพจน์สภาไทย-นักการเมือง ตกต่ำ น่าอัปยศอดสูที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

สังคมไทยนี้แปลก เอาแต่ตำหนิรัฐประหารว่าทำให้ประชาธิปไตยไม่คืบหน้า แต่น่าตั้งคำถามเหมือนกันว่านักการเมืองเสียงข้างมากในสภาที่เป็นแบบนี้ คุณภาพแบบนี้ จริยธรรมต่ำเตี้ยแบบนี้ มีการทุจริตมโหฬารขนานใหญ่อย่างนี้ จะทำให้ประชาธิปไตยคืบหน้าตรงไหน

นักการเมืองเสียงข้างมาก ที่ไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่เคารพกฎกติกา ไม่ยอมรับการตัดสินของศาล ขององค์กรอิสระ เอาแต่ม็อบข้างถนนและอันธพาลมาข่มขู่ศาล จะเป็นนักการเมืองหรือพรรคการเมืองที่ทำให้ชาติเดินหน้าและสงบสุขได้อย่างไร

พรรคการเมืองที่พูดขู่ศาลอยู่ทุกวันว่า ถ้าตัดสินให้พวกตนมีความผิด ระวังบ้านเมืองจะไม่ได้อยู่กันอย่างสงบสุข (พูดตรงๆ ก็คือพวกข้าจะไม่ปล่อยให้ประเทศนี้ได้อยู่อย่างสงบสุข)

ถ้าเป็นแบบนี้ก็แสดงว่า กฎหมาย กฎระเบียบและรัฐธรรมนูญไม่มีความสำคัญและไม่มีความหมายอะไร แต่กลุ่มบุคคลมีความสำคัญกว่า

พวกนักการเมืองที่เอาแต่กำลังและความรุนแรงเข้าข่มขู่ศาล โดยที่ไม่สนว่า หลักฐานที่ตัวเองทำผิดจะชัดขนาดไหน แก้ตัวไม่ขึ้นอย่างไร ต้องหันไปพิจารณาตัวเองใหม่ว่าตัวเองเป็นนักการเมือง เป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่ต้องเป็นแบบอย่างในการเคารพรัฐธรรมนูญ หรือเป็นอย่างอื่นอย่างที่คนเขาให้ฉายากัน

เอาเข้าจริงแล้วรัฐประหารไม่ได้ทำให้ประชาธิปไตยถอยหลัง แต่ระบอบประชาธิปไตยที่พิกลพิการเพราะเลือกแต่คนแบบนี้เข้าสู่การเมืองต่างหากที่ทำให้ชาติถอยหลัง

ที่ขู่ฟ่อๆ พูดซ้ำซากว่าองค์กร-ศาล ไม่ยุติธรรม 2 มาตรฐานนั้น เนื้อแท้แล้วเป็นเพราะตัวเองทำผิดแล้วไม่สามารถหาข้อแก้ต่างได้ รู้ว่าไม่รอดแน่ๆ เลยต้องปลุกระดมบิดเบือน ด้วยการใส่ร้ายศาลและองค์กรอิสระ

หากใครสังเกตมาโดยตลอด จะเห็นได้ชัดว่าเครือข่ายของระบอบทักษิณ ได้สร้างทัศนคติที่อันตราย ให้กับมวลชนของตน ทำให้กลายเป็นมวลชนที่ขาดเหตุผล ไม่ไตร่ตรองข้อเท็จจริง เช่น หลงเชื่อว่า นายสมัคร สุนทรเวช ถูกตัดสินให้หลุดจากนายกรัฐมนตรี เพียงเพราะไปทำกับข้าวออกทีวี

หรือหลงเชื่อว่า แค่คุณทักษิณลงนามให้ภรรยาไปซื้อที่ดินถนนรัชดาภิเษกของกองทุนฟื้นฟูเพื่อพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย) ก็มีความผิดแล้ว ไม่ยุติธรรมเลย

ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งนายสมัครและคุณทักษิณ ไม่ได้มีความผิดตรงที่ไปทำกับข้าวออกทีวี และคุณทักษิณก็ไม่ได้มีความผิดเพียงแค่ไปลงนามให้ภรรยาซื้อที่ดิน

ถ้านายสมัครไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะไปทำกับข้าวหรือร้องเพลงออกทีวีก็ไม่มีความผิด แต่ที่ผิดเพราะรัฐธรรมนูญห้ามไว้ว่าไม่ให้นายกฯ ไปเป็นลูกจ้างบุคคลใด เพื่อป้องกันการใช้ตำแหน่งในลักษณะขัดกันทางผลประโยชน์ (นายสมัครทำรายการ โดยมีการรับค่าจ้างด้วย)

ส่วนคุณทักษิณนั้นทำผิดมาตรา 100 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่กำหนดห้าม ไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจ กำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี

หากคุณทักษิณไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือเจ้าหน้าที่รัฐตามที่กฎหมายกำหนดไว้ คุณทักษิณจะลงนามยินยอมให้ภรรยาไปซื้อที่ดินจากหน่วยงานรัฐกี่แปลง ก็ไม่มีความผิด

 

 https://www.facebook...2134888798732:0

 

.....................................................................................

 

หาลิ้งค์เข้าบทความนี้ในมติชนไม่ได้ครับ ขออภัย คุณนงนุชเขียนบทความนี้ได้ดี ในปัญหาความผิดเพี้ยนสังคมไทย

 

ปล.เสริช์ดูคุณนงนุชนี่ โดนเสื้อแดง ราชดำเนินวิจารณ์กันน่าดูเลย  :) 

 

 

บทความอย่างนี้ใน'มติชน'ไม่ใช่ผู้อื่นแน่นอน........อ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...


#8 ปุถุชน

ปุถุชน

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 27,531 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2557 - 13:41

พูดถึงทัศนคติที่เป็นอันตรายนี่ชัดเจนเลยนะครับ ดังที่เราเห็นจนชินตาในโซเชี่ยลเน็ตเวริค์ทั้งหลาย

 

แม้กระทั่งในเสรีไทยแห่งนี้ การขาดเหตุผล ไม่ไตร่ตรองข้อเท็จจริง ซึ่งมักเรียกกันว่า แถ

 

ซึ่งกรณีนี้ผมโทษ สื่อสารมวลชนเป็นอันดับแรก  :) 

 

 

'บัตรเติมเงิน'กับ'การแถ'และ'การบิดเบือน'เป็น'เรื่องธรรมชาติ'.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...


#9 ปุถุชน

ปุถุชน

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 27,531 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2557 - 19:44

หาก ใครสังเกตมาโดยตลอด จะเห็นได้ชัดว่าเครือข่ายของระบอบทักษิณ ได้สร้างทัศนคติที่อันตราย ให้กับมวลชนของตน ทำให้กลายเป็นมวลชนที่ขาดเหตุผล ไม่ไตร่ตรองข้อเท็จจริง เช่น...

หลงเชื่อว่า นายสมัคร สุนทรเวช ถูกตัดสินให้หลุดจากนายกรัฐมนตรี เพียงเพราะไปทำกับข้าวออกทีวี

 

หรือ หลงเชื่อว่า แค่คุณทักษิณลงนามให้ภรรยาไปซื้อที่ดินถนนรัชดาภิเษกของกองทุนฟื้นฟูเพื่อ พัฒนาระบบสถาบันการเงิน (จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย) ก็มีความผิดแล้ว ไม่ยุติธรรมเลย

 

ใน ความเป็นจริงแล้ว ทั้งนายสมัครและคุณทักษิณ ไม่ได้มีความผิดตรงที่ไปทำกับข้าวออกทีวี และคุณทักษิณก็ไม่ได้มีความผิดเพียงแค่ไปลงนามให้ภรรยาซื้อที่ดิน

ถ้า นายสมัครไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะไปทำกับข้าวหรือร้องเพลงออกทีวีก็ไม่มีความผิด แต่ที่ผิดเพราะรัฐธรรมนูญห้ามไว้ว่าไม่ให้นายกฯ ไปเป็นลูกจ้างบุคคลใด เพื่อป้องกันการใช้ตำแหน่งในลักษณะขัดกันทางผลประโยชน์ (นายสมัครทำรายการ โดยมีการรับค่าจ้างด้วย)

 

ส่วน คุณทักษิณนั้นทำผิดมาตรา 100 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่กำหนดห้าม ไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจ กำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี

หาก คุณทักษิณไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือเจ้าหน้าที่รัฐตามที่กฎหมายกำหนดไว้ คุณทักษิณจะลงนามยินยอมให้ภรรยาไปซื้อที่ดินจากหน่วยงานรัฐกี่แปลง ก็ไม่มีความผิด

 

 https://www.facebook...2134888798732:0

 

 

คุณนงนุชเขียนให้อ่านง่ายๆ....

ถ้าไพร่เสื้อแดงอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็ต้องเป็น'ควายแดง'....!

บัตรเติมเงิน ปลาร้าเก่าในไหใหม่อ่านแล้ว'ไม่เกท' ก็ต้องเป็นไพร่เสื้อแดง+'ควายแดง'.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...


#10 แฮงค์แมน ศิษย์หุบเขาปิศาจ

แฮงค์แมน ศิษย์หุบเขาปิศาจ

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 220 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2557 - 21:47

 

หาก ใครสังเกตมาโดยตลอด จะเห็นได้ชัดว่าเครือข่ายของระบอบทักษิณ ได้สร้างทัศนคติที่อันตราย ให้กับมวลชนของตน ทำให้กลายเป็นมวลชนที่ขาดเหตุผล ไม่ไตร่ตรองข้อเท็จจริง เช่น...

หลงเชื่อว่า นายสมัคร สุนทรเวช ถูกตัดสินให้หลุดจากนายกรัฐมนตรี เพียงเพราะไปทำกับข้าวออกทีวี

 

หรือ หลงเชื่อว่า แค่คุณทักษิณลงนามให้ภรรยาไปซื้อที่ดินถนนรัชดาภิเษกของกองทุนฟื้นฟูเพื่อ พัฒนาระบบสถาบันการเงิน (จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย) ก็มีความผิดแล้ว ไม่ยุติธรรมเลย

 

ใน ความเป็นจริงแล้ว ทั้งนายสมัครและคุณทักษิณ ไม่ได้มีความผิดตรงที่ไปทำกับข้าวออกทีวี และคุณทักษิณก็ไม่ได้มีความผิดเพียงแค่ไปลงนามให้ภรรยาซื้อที่ดิน

ถ้า นายสมัครไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะไปทำกับข้าวหรือร้องเพลงออกทีวีก็ไม่มีความผิด แต่ที่ผิดเพราะรัฐธรรมนูญห้ามไว้ว่าไม่ให้นายกฯ ไปเป็นลูกจ้างบุคคลใด เพื่อป้องกันการใช้ตำแหน่งในลักษณะขัดกันทางผลประโยชน์ (นายสมัครทำรายการ โดยมีการรับค่าจ้างด้วย)

 

ส่วน คุณทักษิณนั้นทำผิดมาตรา 100 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่กำหนดห้าม ไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจ กำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี

หาก คุณทักษิณไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือเจ้าหน้าที่รัฐตามที่กฎหมายกำหนดไว้ คุณทักษิณจะลงนามยินยอมให้ภรรยาไปซื้อที่ดินจากหน่วยงานรัฐกี่แปลง ก็ไม่มีความผิด

 

 https://www.facebook...2134888798732:0

 

 

คุณนงนุชเขียนให้อ่านง่ายๆ....

ถ้าไพร่เสื้อแดงอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็ต้องเป็น'ควายแดง'....!

บัตรเติมเงิน ปลาร้าเก่าในไหใหม่อ่านแล้ว'ไม่เกท' ก็ต้องเป็นไพร่เสื้อแดง+'ควายแดง'.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 

 

ควายก็เป็นควายวันยันค่ำล่ะครับ มันคงไม่เข้าใจอะไรหรอกนอกจาก เลือกตั้ง ตักขี้ ดอกไม้งิ้ว และเงินเยอะๆ(แจกผมมั่งคร้าบท่านตักขี้) :lol:






ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน