การเปิดหน้าไพ่ในเกมสุดท้ายของการดวลชะตากรรมทางการเมือง ของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร-สุเทพ เทือกสุบรรณ" ในช่วงปลายเดือนนี้นั้น มันคือการลิขิตชีวิตของเเกนนำทั้งสองขั้ว เมื่อมองไปยังนายกฯ หญิง ตอนนี้ใครต่อใครมองกันว่า โอกาสที่จะกลับมาเป็น สร.1 รอบที่สองนั้น น้อยยิ่งกว่าน้อย เพราะดาบเเรกเเละดาบสองในการวินิจฉัยอนาคตทางการเมืองของยิ่งลักษณ์คือ ป.ป.ช. เเละศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายกฯ หญิงไม่น่าจะผ่าน
ขณะที่ข้อเสนอของกำนันท่าสะท้อนนั้น ตอนนี้กระเเสตอบรับเเผ่วเบากว่าเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา เเม้จะปลุกกระเเสรบครั้งสุดท้ายมาหลายวาระเเล้วก็ตาม เเต่สัญญาณตอบรับเสมือนอยู่ในป่าทึบ
หากย้อนกลับไปเมื่อช่วงวันที่ 9 ธันวาคม 2556 สมมุติว่าลุงกำนันเลิกการชุมนุมหลังชักชวนคนไทยทั่วหล้ามาขับไล่รัฐบาลเสร็จสิ้น เพราะนายกฯ ปูยอมยุบสภาตั้งเเต่เเปดโมงเศษวันเดียวกัน ก่อนฤกษ์ของลุงกำนันในการเคลื่อนทัพไม่กี่สิบนาที วันนั้น...ลุงกำนันน่าจะชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ได้ทันทีทันใด เเละเเต้มทางการเมืองของนายกฯ ปูคงจะน้อยกว่าน้อย เพราะการออกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพียงเรื่องเดียวมันกระตุกต่อมอารมณ์คนไทยได้มากกว่ามาก เเละการเเสดงออกทางประชาธิปไตยนั้น ...เเน่นอนว่า การเข้าคูหา กาเบอร์เดียวนั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุด เเน่นอนว่าเรื่องนี้ลุงกำนันรู้ดี เเต่ก็มองออกว่า อาจไม่ชนะระบอบทักษิณเเบบเบ็ดเสร็จ จึงเลือกเกมดึงไปเรื่อยๆ เเละในยามนั้นทราบว่า นายกฯ ปูหมอบกระเเตเเล้ว จะเอาอะไรก็ยอม เเต่เมื่อลุงกำนันเลือกเกมยื้อเเละลากยาว เเต้มต่อก็หันกลับมาอยู่ในมือนายกฯ หญิงเเบบช่วยอะไรไม่ได้
เพราะตอนนี้สังคมไทยกำลังตายคาซากเเล้ว แม้จะมีสงกรานต์มาคั่นเวลาไปชั่วครู่ชั่วยาม
เเต่มันก็เเค่ลดอุณหภูมิความร้อนลงไปได้ไม่กี่ดีกรี
จากนี้ไป...ไม่มีใครทำนายทายทักอนาคตของสังคมไทยได้เลยว่า จะออกหัวหรือก้อย...
ไพ่ที่ลุงกำนันไม่ยอมหมอบเเละเลือกที่จะเล่นไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เเทบไม่มีโอกาสจะจั่วหรือพลิกกลับมาชนะนั้น โอกาสมันน้อยมาก
ขณะที่นายกฯ ปูเเละพี่ชาย ซึ่งเคยเพลี่ยงพล้ำ วันนี้อาจจะยอมสละอวัยวะหรือเสียขุนพลบางชีวิตไป เเต่ไม่ได้เสียโอกาสบนสนามการเมืองเลย
หมายความว่า..เเม่ทัพใหญ่อาจต้องพลีชีพ เเต่กองทัพก็เคลื่อนไปได้ต่อ อธิบายง่ายๆ เเบบวรรณกรรมสามก๊กในช่วงที่ขงเบ้งสิ้นชีพ เเม่ทัพเเห่งจ๊กก๊กสั่งเสีย "เกียงอุย" ให้ตั้งขบวนสู้เเม่ทัพ "จูกัดเหลียง" ว่ายังมีชีวิตอยู่ เพื่อข่มขวัญ "สุมาอี้" ขุนพลเเห่งวุยก๊ก
เพราะสุมาอี้-ขงเบ้ง เรียนตำราการอ่านวิถีเเห่งดวงดาวมาเหมือนกัน ยามนั้นเเม้ดาวชีวิตของขงเบ้งจะดับ เเละสุมาอี้ก็อ่านลิขิตฟ้าออก เเต่สุมาอี้ก็มิได้ประมาท เพราะเกรงกลลวงของขงเบ้ง
กว่าที่สุมาอี้จะรู้ตัวว่าขงเบ้งเสียชีวิตไปหลายวันเเล้ว ขบวนทัพของจ๊กก๊กก็ปลอดภัยจากการรุกไล่ของวุยก๊ก
เทียบกันง่ายๆ ในยามนี้ นายกฯ ปูเสมือน "จูกัดเหลียง" ที่เเสงสว่างของดวงดาวเเห่งชีวิตริบหรี่ลงเรื่อยๆ..ส่วนลุงกำนันคล้ายจะเป็นสุมาอี้ ซึ่งยังไม่มั่นใจ เเม้ลิขิตจากฟ้าจะระบุว่า "ชะตาของเเม่ทัพฝ่ายตรงข้าม" ใกล้ดับสูญ เเต่ยังไม่มั่นใจในหลายกลยุทธ์ เพราะเคยเพลี่ยงพล้ำมาหลายศึกเเล้ว
การเมืองไทยยามนี้ก็คล้ายกัน เพราะลิขิตฟ้าที่กำหนดชะตาของนายกฯ หญิงให้อยู่บนขั้วอำนาจ อาจจะใกล้วันสิ้นอายุขัย..เเต่กว่าที่ลุงกำนันจะไล่จี้เพื่อขยี้ให้ได้ชัยชนะนั้น อาจจะนานเเสนนาน
ฉะนั้น เเต้มต่อการเมืองวันนี้ ฝ่ายที่รุกไล่อาจต้องเป็นฝ่ายที่หลบลี้ไปเองก็เป็นได้..เพราะค่ายกลเเละหมากการเมืองที่วางไว้เพื่อทำลายศัตรูอาจย้อนมาทำลายตัวเอง
วันนี้จึงพอรู้เลาๆ เเล้วว่า เเต้มต่ออยู่ในมือของใคร
http://www.komchadlu...421/183202.html
.........................................................................................................
อ่านบทวิเคราะห์นี้แปลกๆ และขัดแย้งในความคิดครับ แตกต่างกับสิ่งที่ผมคิดและรับรู้จากข่าวสารมากมาย
- หากวันที่ยุบสภา กำนันเลิกการชุมนุมกลับสู่การเลือกตั้ง เพื่อไทยและพรรคเล็กๆ ได้้เป็นรัฐบาลเหมือนเดิม มีแต้มต่อตรงไหน
- ตอนนี้กำนันยอมใช้ในแนวทางกฎหมายที่ถูกต้องตามรธน.ที่จะจัดการระบอบทักษิณอย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งใช้เวลายาวนาน
ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มนปช.ที่สละชีวิตคนของตัวเองเพื่อชัยชนะอย่างรวดเร็ว มันไม่ใช่เกมส์การเมืองแต่เป็นการต่อสู้ภาคประชาชน
กับรัฐบาลทรราชย์
ไม่ทราบสมาชิกมองบทวิเคราะห์อย่างไรบ้างครับ โปรดชี้แนะ