ผมว่าประเด็นเหล่านี้คือประเด็นที่มองข้ามไม่ได้ การที่จะมาถกเถียงกันเพียงแค่ว่า เลือกตั้ง ปฏิรูป แต่ไม่ดูข้อเท็จจริงแบบนี้ คงไม่เป็นประโยชน์ เพราะว่าถ้าปรากฎการณ์อย่างนี้ยังเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะๆ มันก็ไม่ใช่แนวทางที่เราอยากจะเห็น และมันก็ไม่ใช่แนวทางที่สามารถจะพูดได้เต็มปากว่าเป็นประเทศที่มีเสรีประชาธิปไตย เพราะว่าถ้าหากว่าแม้แต่ตัว กกต. เองยังไม่สามารถที่จะไปทำกิจกรรมได้โดยเสรี มันจะมีการเลือกตั้งที่เสรีได้อย่างไร”
กกต. ยังเอาตัวไม่รอดเลย
“อย่าไปใช้คำนั้นเลยครับ แต่ว่ายังเกิดการกระทำอย่างนี้กับ กกต. รวมทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด มันก็เป็นเรื่องยากที่จะไปพูดกับใครได้ว่า การเลือกตั้งมันเป็นการเลือกตั้งที่เสรี และเป็นธรรม คือบังเอิญของเรานั้น เราเน้นคำว่าสุจริต เที่ยงธรรม แต่ว่าในสากลนั้นเขาจะใช้คำว่า Free & Fair ไอ้ส่วนนี้คือคำว่าไม่ Free คือความหมายนี้ ไม่ใช่ปลอดจากการซื้อเสียงอย่างเดียว”
“ผมคิดว่าการที่ กกต. เชิญพรรคการเมืองประชุมในวันพรุ่งนี้นั้นต้องถือเป็นโอกาส เพราะว่าก็เห็นทางหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ตอบรับที่จะไปก็มีหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ ที่ตอบรับจะไปก็หลายสิบพรรค ผมคิดว่ามันเป็นโอกาส และผมก็อยากจะให้ทุกพรรคการเมืองใช้พรุ่งนี้เป็นโอกาส ผมหวังว่าไม่ใช่ทุกพรรคเดินเข้าไปก็ไปตั้งธงกันอย่างเดียวว่าวันไหน แต่ผมอยากเห็นการตกลงกันมากกว่าว่าจะมาช่วยกันทำให้การเลือกตั้งมันเป็นการเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรม หรือ Free & Fair แล้วก็แก้ปัญหาของประเทศเป็นที่ยอมรับนั้นจะต้องทำอะไรกันบ้าง จะต้องช่วยกันทำอะไรบ้าง แล้วก็จากตรงนั้นจะได้สามารถที่จะวางแนวทางในการที่จะทำให้บ้านเมืองนั้นออกจากวิกฤติได้
เพราะฉะนั้นอันแรกคือผมคิดว่าโจทย์นั้นต้องยอมรับว่าเป็นโจทย์ที่ไม่ง่าย แล้วก็ผมคิดว่าถ้าจะคาดคั้นกันบอกว่าแค่เพียงมาสอบถามแล้วบอกว่ามาลงมติกัน ก็อย่างที่ผมบอก ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่จำเป็นต้องประชุม แล้วก็คำถามที่ถามกลับไปก็คือว่า แล้วถ้าแค่เพียงจะใช้วิธีการแบบนั้น ถามว่าแล้วใครจะมั่นใจว่าการเลือกตั้งที่มีวันที่กำหนดโดยการสอบถามความต้องการของพรรคการเมืองนี้มันจะเป็นการเลือกตั้งที่เรียบร้อยแก้ปัญหาของประเทศได้ เพราะฉะนั้นอันแรก 1 ข้อนี้
2. ผมคิดว่าพรรคการเมืองก็เป็นโอกาสในการที่จะยืนยันว่าอย่างไรก็ตามการเมืองจะเปลี่ยนแปลง ปฏิรูปกันไปอย่างไรหรือไม่นั้น กลไกของพรรคการเมืองยังเป็นกลไกสำคัญ เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะต้องทำสำหรับพรรคการเมืองในวันพรุ่งนี้ก็คือ ทั้งแสดงให้เห็นว่าบทบาทของพรรคการเมืองมีความสำคัญอย่างไร และจะต้องมากับความรับผิดชอบอย่างไร อันนี้ก็เป็นจุดที่ผมคิดว่าเป็นโอกาสที่พรรคการเมืองต่างๆ จะได้สะท้อนให้สังคมได้เห็น
3. ความยอมรับที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือว่า แม้พรรคการเมืองจะมีบทบาทสำคัญ แต่ไม่ใช่ว่าพรรคการเมืองนั้นจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในระบบการเมือง ผมว่าตัวเลขที่สำคัญตัวเลขหนึ่งก็คือว่า ในการเลือกตั้งทั้งวันที่ 2 ก.พ. ทั้งการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ปรากฎว่าประชาชนกว่าครึ่งที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง และสามารถไปเลือกตั้งได้นั้นเหมือนกับให้คำตอบว่าไม่มีทางเลือก เราจึงเห็นคนไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง สว. และเลือกสมาชิก หรือผู้สมัครนี้ เพียง 16 ล้านคนจาก 49 ล้าน เราจึงเห็นคนที่ไปเลือกพรรคการเมือง นักการเมือง จาก 49 ล้านคนไปเลือก 14 ล้านคน ผมว่านี่เป็นเรื่องสำคัญที่พรรคการเมือง ไหนๆ มาครบกัน 60 – 70 พรรคนี้ก็ต้องยอมรับความจริงด้วยว่า เราคงไม่ประสงค์จะให้ว่า เอาละพรรคการเมืองพึงพอใจที่จะเลือกตั้งกันวันนี้ แล้วก็คนจำนวนมาก เขาก็บอกว่าเขาไม่มองเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นคำตอบของประเทศ เป็นอย่างนั้นไม่ได้
คุณอภิสิทธิ์ไปร่วมประชุมด้วยตัวเองใช่หรือไม่
“ไปครับ ไปกับรองหัวหน้าพรรค กับคุณชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์”
ถ้าในที่ประชุมพรุ่งนี้บอกว่า ถ้าเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้จัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ก็ต้องจัดตามเสียงส่วนใหญ่จะเป็นอย่างไร
“คงไม่ใช่เป็นหลักนั้นหรอกครับ ผมก็บอกว่าอย่างคราวที่แล้ว ก่อน 2 ก.พ. วันที่ผมเคยไปประชุมว่ามันจะมีปัญหา กกต. เขาเชิญทุกพรรคประชุมนั้น จำนวนพรรคที่บอกว่าพร้อมที่จะให้เลื่อนก็มีมากกว่า แต่สุดท้ายแล้วพอไปหารือกับรัฐบาล รัฐบาลเขาไม่เอาครับ นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจกันด้วยว่า บทบาทก็ไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมืองอย่างเดียวอีกเพราะว่าตัวนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นผู้รักษาการ 1 ในผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกา ที่จัดให้มีการเลือกตั้ง”
http://www.democrat....8&SECTION_ID=29
...............................................................................
เอาคำสัมภาษณ์คุณอภิสิทธิ์สำหรับวันประชุมร่วมกกต.วันพรุ่งนี้มาให้อ่านครับ ซึ่งยังมองว่า ควรพูดคุยปัญหาการเลือกตั้ง
ที่เสรี และเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงก่อน เผื่อข่าวออกมาบิดเบือน
Edited by ธีรเดชน้อย, 22 เมษายน พ.ศ. 2557 - 00:15.