คืนวันที่19 เม.ย. 2557 เวลา4ทุ่มกว่าๆ ผม นาย พลพจน์ ตนากุล อายุ21ปี ได้ออกจากบ้านไป ซื้อของที่ โลตัส เอ็กซ์เพลส สาขา ต.พยอม พอออกมาด้านนอกเพื่อที่จะกลับบ้าน
ได้มี ด.ต. วุฒิไกร วังสะมา และ ร.ต.ต. บรรดิษฐ์ ไม่ทราบนามสกุล เข้ามาเพื่อขอ ตรวจค้น ทางผม ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ด.ต. วุฒิไกร ค้นไปเจอ กุญแจ รถยนต์ แล้วถามผมว่า
น้องมีรถยนต์ขับด้วยหรอ ผมจึงตอบกลับไปว่า ทำไมครับ หน้าตาอย่างผม มีรถขับไม่ได้หรอ ทาง ด.ต. วุฒิไกร ก็ค้นกระเป๋าต่อโดยรื้อของออกจากกระเป๋ามา
กองไว้ ทางผม คิดว่าไม่มีอะไร จึงให้กระเป๋าไปค้น หลังจากค้นเสร็จ ด.ต.วุฒิไกร ได้โยนกระเป๋า ไปรวมกับกองของที่รื้อไว้ ผมจึงบอกว่า พี่ครับ พี่รื้อของออกพี่ไม่เก็บล่ะคับ
ทางเจ้าหน้าที่ มีท่าทีไม่พอใจ แล้วบอกกลับมาว่า มันไม่ใช่หน้าที่ผม ผมจึงถามไปว่า ผมน่าสงสัยตรงไหน มาอะไรกะผม เจ้าหน้าที่ขอดูเอกสารรถ ผมก็มีให้ดู ว่าเป็นรถของผมจิง
แต่ทางเจ้าหน้าที่ทั้งสอง บอกว่าจะยึดรถ ทางผมไม่ยอมเพราะ รถมีเอกสาร เป็นชื่อของผม เค้าก็ไม่ยอม บอกว่าผมเหมือนโจร ผมจึงพูดกลับไปว่า ถ้าผมเหมือนโจร มันก็มีโจรในเครื่องแบบ
เค้าจึงใช้กำลัง รุมกัน ใส่กุญแจมือผม ใช้กำลัง ทำร้าย ล็อคตัว โดยบอกว่าผมหมิ่นประมาท ทั้งๆที่เค้าว่าผมก่อน แต่ผมจับเค้าไม่ได้ไง ผมโดนใส่กุญแจมือ จับเหมือนจับยาบ้า คนรู้จักผมเยอะแยะ เรื่องน่ะ มันไม่จบง่ายๆ หรอกครับ ด.ต.วุฒิไกร วังสะมา ตอบคำถามกับสังคมเอาแล้วกันกับการทำงานแบบใช้อารมณ์ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้อย
เอ้อ ที่สำคัญ เงินในกระเป๋าผมหายไป 500 แต่พอแม่ผมมาคุย จึงยอมคืนเงินให้ คิดดูครับนี่ หรอ ที่เค้าเรียกว่าตำรวจ
ตำรวจไทยได้ศักดิ์ศรีคืนมาแล้วครับ