http://www.manager.c...D=9570000046726
“พล.ร.ท.ประทีป”แฉ “ออกซ์ฟอร์ดดีล” ชายรูปร่างสูง ดอดเจรจาหญิงทรงผมกระบังลม ตกลงกันเรียบร้อย ก่อน“อภิสิทธิ์”เดินสายเจรจาทุกฝ่าย สวนทาง“สุเทพ-กปปส." ด้าน"กรณ์"ปฏิเสธสิ้นเชิง ยันไม่เคยคุยกับ"คุณหญิงอ้อ"แม้แต่ครั้งเดียว ยันเพิ่งกลับจากสิงคโปร์คุยงานพรรค ด้าน“ส.ว.คำนูณ”ชี้“มาร์ค”จ่อเป็นนายกฯ หากเดินเกมสำเร็จ แต่ต้องตอบคำถามมวลชนให้ได้
พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง (นปข.) กล่าวในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ทางเอเอสทีวี วันนี้(27 เม.ย.) กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กำลังเดินเกมเจรจากับฝ่ายต่างๆ ว่า ในขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กำลังขับเคลื่อน กปปส.มาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว แต่ก็เกิดปรากฏการณ์นายอภิสิทธิ์ขึ้นมา นับเป็นความขัดแย้งที่นายอภิสิทธิใช้ต้นทุนสูงและบ่งชี้อนาคตทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ด้วย เป็นความขัดแย้งที่ชัดเจนจากคำพูดของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพที่ไม่ไปด้วยกันอย่างชัดเจน ตัดเรื่องกลยุทธ์แยกกันเดินรวมกันตีออกไปได้เลย พรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ออกมาบอกว่าเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งก็สอดคล้องกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และแนวทางกุญแจห้าดอกของนายนพดล ปัทมะ เป็นการเดินเข้าร่องตีนของทักษิณ และที่สำคัญ ถ้าตนเป็นนายสุเทพก็จะสะท้อนใจมาก ที่นายอภิสิทธิ์บอกว่า การที่เขาออกมาก็เพื่อนำไปสู่การหาทางออก โดยข้ามพ้นเรื่องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งหรือเลือกตั้งก่อนปฏิรูป และบอกว่าถ้าต้องการปฏิรูปก็ไม่ควรปฏิเสธเรื่องนี้ ถ้าฝ่ายใดปฏิเสธเแสดงว่าไม่ต้องการหาคำตอบให้ประเทศ ถือเป็นการตำหนินายสุเทพ นี่เป็นคำพูดและพฤติกรรมที่บ่งบอกความขัดแย้ง
พล.ร.ท.ประทีปกล่าวต่อว่า ทำไมนายอภิสิทธิ์กล้าลงทุนและกล้าเสี่ยงขนาดนั้น ประเด็นแรก ทำไปเพราะว่ามีความผิดปกติทางความคิดหรือไม่ เหมือนเขากำลังเล่นหมากรุก แต่นายอภิสิทธิ์จะมาเล่นหมากเก็บ มันมีเหตุผลอธิบายคือ กึ๋นของนายอภิสิทธิ์ มีคนเห็นมาแล้วในการแก้ปัญหา ที่ต้องการความเด็ดขาดกลับไปประณีประนอมคนเผาบ้านเผาเมือง มีความกล้าหาญในระดับต่ำ นั่นแสดงว่าเขามีความผิดปกติทางความคิดหรือไม่
ประการต่อมา มีสัญญาณที่ส่งมาให้และมีน้ำหนักที่นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจว่าต้องทำ ตัดสินใจออกมาเล่นหมากเก็บท่ามกลางการเล่นหมากรุกของนายสุเทพหรือไม่
พล.ร.ท.ประทีปกล่าวต่อว่า ประการที่สาม เป็นเพราะว่าเกิดจากสัญญาณที่เรียกว่า “ออกซ์ฟอร์ดดีล” หรือไม่ จากสายข่าวที่บอกว่า มีตัวละครสำคัญรูปร่างสูง เป็นนักการเมืองไทย ไปทำดีลที่อังกฤษ กับผู้หญิงที่ไว้ผมทรงสูงชะโงก หรือทรงกระบังลม คุยกันแล้วตกลงกันเป็นมั่นเหมาะ ที่เรียกว่าออกซ์ฟอร์ดดีล ก็เพราะนายอภิสิทธิ์จบจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ตัวละครสำคัญคนนี้ก็จบจากออกซ์ฟอร์ดเช่นกัน โดยไปตกลงกันเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนนายอภิสิทธิ์ออกมาขับเคลื่อน ปรากฏการณ์นี้ มันมีการคุยกันก่อน เป็นดีลที่สำเร็จแล้ว ถึงออกมาปฏิบัติการ มันสอดคล้องกับที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์บอกว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ก็น่าสังเกตว่าออกซ์ฟอร์ดดีลนี้จะสำเร็จหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าสำเร็จ เพราะคนที่ขับเคลื่อนดีลนี้ไม่มีบารมีพอ และไม่ใช่คู่ขัดแย้งโดยตรง ถามว่านายสุเทพรับรู้ไหม นายสุเทพไม่รับรู้ องคาพยพของทั้งสองฝั่งไม่ได้เอาด้วยทั้งหมด การปราศรัยของนายสุเทพเมื่อคืนนี้ก็ชัดเจน ส่วนฝั่งทักษิณนั้นเขามีสองภาพ ภาพหนึ่งเตรียมกองกำลังรบเพื่อชัยชนะขั้นเด็ดขาด และอีกภาพ ถอยเพื่อชัยชนะในการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของดีลนี้ตนยังแกะไม่ออก
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกับ"เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์"ว่า ขอปฎิเสธสิ่งที่ พล.ร.ท.ประทีปพูดอย่างสิ้นเชิง ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่เคยเจรจาใดๆ กับบุคคลดังกล่าว และในชีวิตนี้ไม่เคยพูดกับคนดังกล่าวแม้สักครั้งเดียว โดยทุกวันนี้ทำงานให้พรรคประชาธิปัตย์ เพิ่งเดินทางกลับจากสิงคโปร์กับคณะทำงานการเมืองของพรรค
"สิ่งที่ พล.ร.ท.ประทีปพูดเสี่ยงต่อการเข้าใจว่าเป็นตนและคุณหญิงพจมาน คนพูดต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่พูดเพราะความซวยมาตกที่ผม ท่านต้องกลับไปถามแหล่งข่าวของท่านว่าได้ข่าวมาอย่างไรเพราะไม่มีข้อเท็จจริงเลยแม้แต่น้อย ท่านต้องรับผิดชอบในฐานนะทหารเก่า"นายกรณ์กล่าว
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวในรายการ"สภาท่าพระอาทิตยฺ" เช้าวันนี้ ว่า เป็นจุดยืนของนายอภิสิทธิ์ แม้จะเคยสู้มาด้วยกันกับนายสุเทพ แต่การสู้ของนายสุเทพที่ยืดเยื้อมา 6 เดือนนั้น คิดว่านายอภิสิทธิ์ไม่ค่อยเห็นด้วย เขาต้องการแก้ไขโดยระบบคือรัฐสภา การออกมาเขาไม่บอกว่าเป็นตัวกลาง แต่เขาบอกว่าออกมาเพื่อแก้ปัญหา และมันไม่มีคนกลางที่มีบารมีจริงที่จะแก้ปัญหา นายอภิสิทธิ์เป็นส่วนหนึ่งของคู่ขัดแย้ง ประชาธิปัตย์เป็นพรรคใหญ่รองลงมาจากพรรคเพื่อไทย การออกมาที่มีตารางการทำงาน 10 วัน มันมีความหมายอย่างยิ่ง นายอภิสิทธิ์บอกยืนยันว่าต้องการปฏิรูปประเทศ แต่ต้องปฏิรูปภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยการเลือกตั้งเป็นกลไกหนึ่งของการปฏิรูป ใช้กลไกทางการเมืองมาแก้ปัญหา แปลว่าจะไม่มีคำว่า ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แต่ก็คงไม่ได้หมายความว่าต้องเลือกตั้งก่อนปฏิรูป แต่การเลือกตั้งที่เขาจะกำหนดขึ้นจะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูป
นายคำนูณกล่าวต่อว่า นายอภิสิทธิ์ออกมาคราวนี้เพราะเหตุผลอะไร จากการสอบถามแหล่งข่าวต่างๆ ที่พอมี และได้คุยกับคนประชาธิปัตย์หลายคน และคนที่มีบทบาทบางคน สรุปได้ 2 อย่าง อย่างแรก อาจเป็นความตั้งใจจริงที่นายอภิสิทธิ์ประกาศจุดยืนของตัวเอง และดำเนินการตามจุดยืนในช่วงเวลาที่คิดว่าเป็นห้วงเวลาสุดท้ายที่จะทำตามความคิดนี้ได้ ถ้าเลยจากนี้จะไม่มีทางสำเร็จและจะต้องทำด้วยวิธีการอื่น แม้การออกมา จะทำให้เสียมวลชน เสียคะแนนเสียง ก็ต้องทำ เพราะคิดว่าเป็นห้วงเวลาสุดท้ายที่จะทำได้
นายคำนูณ กล่าวต่อว่า แต่คำถามที่คาใจอยู่ตลอด มันจะมีอะไรนอกเหนือจากนี้หรือไม่ หรือได้รับสัญญาณบางอย่างจากใครบางคนหรือไม่ ที่ต้องการให้ทางออกของประเทศเป็นไปตามแนวคิดที่นายอภิสิทธิ์พยายามเสนอ โดยคิดว่าถ้าทำตามแนวทางนี้จะหลีกเลี่ยงแนวทางนอกระบบ เลี่ยงรัฐประหารได้ ซึ่งตนตัดสินไม่ได้ ไปถามใครคงไม่มีใครบอกว่ามีสัญญาณ และไม่ใช่เรื่องที่จะตรวจสอบได้ จึงทิ้งให้เป็นคำถามว่า เป็นสัญญาณที่ถูกต้องหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตีความถูกต้องหรือไม่ จะมีสัญญาณใหม่มาทับหรือไม่ เพราะมันสุดแท้แต่บริบทขณะนั้น
นายคำนูณ กล่าวอีกว่า ช่วง 10 วันนี้ เป็นการต่อสู้ของสองแนวทาง แม้จะดูว่าเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน การที่นายอภิสิทธิ์ออกมานำเสนอแนวทาง มันยกระดับแนวทางนี้ขึ้นมาทัดเทียมกับอีกแนวทางหนึ่ง จากแนวทางเดิมถ้าศาลรัฐธรรมนูญทำตามคำร้องของ ส.ว.คือให้นายกฯ พ้นสภาพเฉพาะตัว และรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นสภาพไปด้วย ถ้าอยู่ในช่วงประชุมวุฒิสภา ก็จะมีผู้เสนอตั้งนายกฯ โดยวุฒิสภา จึงมีผู้ขัดขวางการประชุมวุฒิฯ ซึ่งถ้าวินิจฉัยออกมาแบบนี้ นอกจากจะมีโอกาสเกิดทางตัน นอกจากวุฒิจะแก้ปัญหาหลากหลายแนวทางแล้ว ก็อาจมีการพูดคุยกับฝ่ายต่างๆ มีการเคลื่อนของมวลชนสองฝ่าย นปช.นั้น แม้ทักษิณยอมรับให้นายกฯ พ้นสภาพไปได้ หรือให้มีการเลือกตั้ง แต่การทำงานมวลชนของ นปช. ถ้าศาลออกมาไปสุดทางก็ยากที่ นปช.จะหยุดเคลื่อนไหวเพื่อรักษามวลชนของตัวเอง ก็อาจเกิดความวุ่นวายขึ้นมา และในที่สุดการหาทางออกเป็นไปไม่ได้ ก็จบลงที่ทหาร อาจจะออกกฎอัยการศึก หรือรัฐประหารก็ได้ มันจึงมีการเล่นเกม บล็อกเกม ขัดขวางการเปิดประชุมวุฒิสภา เข็นเลขาธิการสภาออกมาแทรกเพิ่มความขัดแย้ง ล่าสุดก็ให้วุฒิสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งเดิมเมื่อปี 51 ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี บอกว่า ยังเปิดประชุมไม่ได้ นอกจากนั้นก็มีความพยายามที่จะเร่งให้มีการเลือกตั้งใหม่และก็สำเร็จ วันที่ 30 เม.ย.นี้ รัฐบาลจะคุยกับ กกต.ถ้ากำหนดวันเลือกตั้งได้ก่อนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มันจะเป็นอีกอย่าง ไม่ถึงทางตันเท่าไหร่ เพราะมันมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งซึ่งประมาณวันที่ 20 ก.ค. และเขาจะอ้างมาตรา 181 เพื่ออยู่ต่อได้ อันนี้คือเกมเดิม
อีกเกมหนึ่ง นายอภิสิทธิ์ ทะลุกลางปล้อง จะไปคุยกับทุกฝ่าย เริ่มจากปลัดกระทรวงยุติธรม ตามด้วยผู้บัญชาการทหารสูงสุด วันที่ 28 นี้ และไปคุยกับ กกต.วันที่ 29 จากนั้นจะไปคุยกับรัฐบาล ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์เป็นการหาทางจบเกมโดยไม่ขึ้นกับศาล ไม่นำไปสู่ทางตันและใช้มาตรา 7 ซึ่งถ้าไม่สำเร็จก็นำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่รุนแรงกว่า คือทหารต้องออกมา
นายคำนูณกล่าวต่อว่า ตนยังไม่เห็นโมเดลของนายอภิสิทธิ์ แต่ก็คิดว่าใกล้เคียงกับ “กุญแจห้าดอก” ของนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือ การเลือกตั้งใหม่ต้องมี เพื่อให้มีสภาครบตามรัฐธรรมนูญและแก้ไขปัญหาของประเทศต่อไป พรรคการเมืองทื่เข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ จะอยู่ในตำแหน่งด้วยเวลาที่จำกัด อาจ 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่ง แล้วทำการปฏิรูปประเทศ เมื่อเริ่มปฏิรูปประเทศ เป็นต้นว่าตั้งหมวดในรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปฏิรูปประเทศขึ้นมา ตั้งองค์กรปฏิรูปประเทศโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม สำเร็จแล้วก็เลือกตั้งใหม่ ตรงไหนมีปัญหาก็ทำประชามติ แนวทางนี้ ไม่ได้แปลว่าให้มีนายกฯ คนกลาง แต่เป็นนายกฯ ที่จะมาทำการปฏิรูป ใช้เวลาปีสองปีแล้วไปเลือกตั้ง เป็นการเลือกตั้งในภาวะเฉพาะกิจ เป็นการแก้ปัญหาเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายอภิสิทธิ์มีสิทธิที่จะเป็นนายกฯ เพราะเป็นหัวหน้าพรรค และพรรคประชาธิปัตย์คงต้องลงเลือกตั้ง ถ้านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง โมเดลก็จะเป็นประมาณนี้ ซึ่งโมเดลนี้มีโอกาสที่ พ.ต.ท.ทักษิณรับได้สูง เพราะไม่มีอะไรเสียหายกับเขา เพียงแต่อาจไปเถียงกันในรายละเอียดของการปฏิรูป พ.ต.ท.ทักษิณอาจยอมถอยให้พรรคเพื่อไทยไม่เป็นนายกฯ ช่วงปฏิรูปก็ได้ ทุกพรรคก็ร่วมเป็นรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณก็คิดว่า วนไปวนมา ปฏิรูปเสร็จก็ไปเลือกตั้งอยู่ดี และคิดว่าไม่มีใครเปลี่ยนโครงสร้างหลัก หรือฐานเสียงของเขาได้ เขาก็กลับมาอยู่ดี จึงมีโอกาสสูงที่เขาจะยอมรับแนวทางนี้
นายคำนูณกล่าวต่อว่า แนวทางของนายอภิสิทธิ์ต่างจากแนวทางของนายสุเทพที่เคยถึงขั้นประกาศเป็นรัฏฐาธิปัตย์ เพราะคิดว่าแนวทางรัฐสภามันเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่แนวทางของนายอภิสิทธิ์มันเบี่ยงทางไปเลย เพราะเขาเป็นคู่ขัดแย้ง และถ้าเขาเจรจากันได้ แนวทางนี้ มันอาจไปเบี่ยงเบนความเป็นไปได้ของความพยายามแก้ปัญหาของทุกฝ่ายก่อนหน้านี้ เพราะคิดว่าแนวทางของนายอภิสิทธิ์มันเป็นไปได้ การออกมาคราวนี้นายอภิสิทธิ์ลงทุนสูงมาก เป็นการเดิมพันอนาคตทางการเมืองของเขาเอง ถ้าสำเร็จ โอกาสเป็นนายกฯ มีสูง แต่จะแก้ปัญหาได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และถ้าไม่สำเร็จ การเดินตามหนทางการเมืองต่อไปก็จะไม่ง่ายแล้ว และเมื่อดูแนวทางของ กปปส.ที่นายสุเทพพูดที่การบินไทยก็ได้ใจคน คำปราศรัยเมื่อคืนนี้ก็ชัดเจน
นายคำนูณกล่าวว่า ที่นายอภิสิทธิ์คิดนั้นมันอาจไปได้ แต่จะหาทางออกให้มวลชนที่มาชุมนุมนานกว่า 6 เดือนอย่างไร ลูกที่กำพร้าพ่อ ชีวิตคนวัย 40-50 ที่เสียสละไป จะให้เขาจบลงอย่างไร มวลชนฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์เองจากภาคใต้ที่มาร่วมชุมนุมจนหมดเนื้อหมดตัว จะให้เขาทำอย่างไร ให้เขายอมรับหรือว่าแนวทางนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง และจะให้นายสุเทพทำอย่างไร ถ้าชีวิตยังมีลมหายใจอยู่ จะให้ประกาศยอมรับแนวทางที่ตนเองเห็นต่างมาแต่ต้นอย่างนั้นหรือ มันไม่ใช่เรื่องง่าย จะสลายมวลชนที่ตื่นขึ้นมามากกว่ายุค 14 ตุลา แล้วให้เขายอมรับกลับบ้านไป รอให้ชนชั้นนำเล่นการเมืองกันเองได้อย่างไร คุณหาคำตอบให้คนที่บาดเจ็บล้มตายกลับบ้านอย่างสบายใจได้หรือไม่ ยิ่งมวลชนยิ่งมีความคิดมากขึ้น ต่อให้นายสุเทพตาย มวลชนก็ไม่จบ