Jump to content


Photo
- - - - -

คู่พระบารมี ศรีแผ่นดิน รักนิรันดร์แห่งสยาม.... ครบรอบราชาภิเษกสมรส ๖๔ ปี ๒๘ เมษายน ๒๕๕๗


  • Please log in to reply
18 replies to this topic

#1 ctpk05

ctpk05

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

Posted 28 April 2014 - 19:43

*
POPULAR

K9182074-12.jpg

 

K9182074-1.jpg

 

K9182074-63.jpg

 

540548_341238379278528_82901214_n (1).jpg
 

post-20330-0-20600800-1391441463.jpg

 

K9182074-87.jpg

 

เนื่องในวโรกาสครบรอบ ๖๔ ปีแห่งการราชาภิเษกสมรส ๖๔ ปี

๒๘ เมษายน ๒๕๕๗

ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายพระพรให้ล้นเกล้าฯ ทั้งสองพระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ


Edited by ctpk05, 28 April 2014 - 19:56.

"ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า"


#2 HiddenMan

HiddenMan

    Long Live The King

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,023 posts

Posted 28 April 2014 - 19:49

*
POPULAR

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.”  - Mahatma Gandhi

 

สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด

https://www.facebook...denman.serithai


#3 ทองดี

ทองดี

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 618 posts

Posted 28 April 2014 - 19:50

*
POPULAR

ทรงพระเจริญ



#4 อาวุโสโอเค

อาวุโสโอเค

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,790 posts

Posted 28 April 2014 - 19:51

*
POPULAR

งานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสของในหลวง

 

 

 

ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


การเมืองไม่ใช่เพื่อกลุ่มใด แต่เพื่อทุกคนในประเทศ

#5 พอล คุง

พอล คุง

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,014 posts

Posted 28 April 2014 - 19:57

*
POPULAR

ขอทั้งสองพระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานเทอญ


ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ

 


#6 ctpk05

ctpk05

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

Posted 28 April 2014 - 20:01

*
POPULAR

 

 

 บทสัมภาษณ์ที่ในหลวงให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อครั้งเดินทางไปที่อเมริกา ว่าเพราะเหตุใดพระองค์ถึงไม่ทรงยิ้มหรือพระสรวลบ้างเลย เวลาให้สัมภาษณ์กับนักข่าว พระองค์ทรงชี้ไปที่พระราชินีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พระองค์ พร้อมกับตอบคำถามที่นักข่าวคนนั้นถามว่า “She's my smile”ราชินีคือร้อยยิ้มของข้าพเจ้า เมื่อนักข่าวมองไปที่พระราชินี ท่านก็ทรงยิ้มให้กับนักข่าวต่างประเทศเหล่านั้น

 

A9106999-3.jpg

 

A9106999-58.jpg


"ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า"


#7 อมพระมาพูด

อมพระมาพูด

    ไอ้มดแดง V 5 สู้ว้อย

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,701 posts

Posted 28 April 2014 - 20:04

*
POPULAR

ทรงพระเจริญ
The wise man doubts often, and his views are changeable.The fool is constant in his opinions, and doubts nothing,because he knows everything, except his own ignorance (Pharaoh Akhenaton, c.1250BCE)

#8 ctpk05

ctpk05

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

Posted 28 April 2014 - 20:04

*
POPULAR

 

ข้อความตอนหนึ่ง

 
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯถึงปารีสแล้ว ทรงโทรศัพท์ถึงสมเด็จพระบรมราชชนนี และสมเด็จพระบรมราชชนนีไม่ทรงลืมที่จะตรัสถามถึงธิดาของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทูลตอบทันทีว่า
"เห็นแล้ว น่ารักมาก"

 

A9106999-13.jpg

 

A9106999-29.jpg

 

A9106999-63.jpg


"ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า"


#9 อู๋ ฮานามิ

อู๋ ฮานามิ

    สมาชิกหน้าเก่า

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,018 posts

Posted 28 April 2014 - 20:10

*
POPULAR

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

 

 

AuA3Uj.jpg

 

XrKKJQ.jpg


ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด

 

เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ


#10 ctpk05

ctpk05

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

Posted 28 April 2014 - 20:17

*
POPULAR

 
mxk01.png
 
วันที่    ๑๒    สิงหาคม     พุทธศักราช    ๒๔๙๒    นับเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งวันหนึ่ง     เพราะเป็นวันที่   “ทรงหมั้น”     ระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช   กับ   หม่อมราชวงศ์หญิง   สิริกิต   กิติยากร
 
              พระราชพิธี   “หมั้น”    ได้ประกอบขึ้น   ณ   สถานเอกอัครราชทูตไทย   ตำบลแอชเบอร์น   กรุงลอนดอน    ประเทศอังกฤษ
 
                  นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงอำลาประชาชนและประเทศชาติ   ของพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปประทับอยู่   ณ   ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่   ๑๙    สิงหาคม   พุทธศักราช   ๒๔๘๙      เพื่อทรงศึกษาวิชาการต่าง ๆ    กาลเวลาได้หมุนไปตามจักรราศีวงโคจรของโลกนับได้   ๒   ปีเศษ     ข่าวใหญ่ก็แพร่สะพัดมายังประเทศว่า     พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช   “ทรงหมั้น”    เสียแล้ว
 
                  ปรากฏว่าข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่ขึ้นในรอบปี     วิทยุโทรเลขจากลอนดอน    เมื่อวันที่   ๗   กรกฎาคม   พ.ศ. ๒๔๙๒   ว่า   
 
                  การประกาศข่าวสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช    ได้ทรงหมั้น   ม.ร.ว. หญิง   สิริกิติ์    กิติยากร    ธิดาแห่งเอกอัครราชทูตไทยประจำลอนดอน     ได้ทำให้สถานเอกอัครราชทูตไทยเป็นที่ซึ่งมีผู้ไปกันคับคั่งตลอดวันงานแต่บ่ายไปจนถึงค่ำ     ส่วนโทรศัพท์ก็ดังอยู่ไม่ขาดระยะ
 
                  บรรดา   น.ส.พ.อังกฤษ   ได้พากันลงข่าวทรงหมั้นของพระเจ้าอยู่หัวในที่เด่น    บางฉบับได้ลงตีพิมพ์รูป  ม.ร.ว.  หญิง    สิริกิติ์    ในพระอิริยาบถต่าง ๆ   
 
                  หนังสือพิมพ์   Star    ได้สัมภาษณ์  ม.ร.ว.  หญิง   สิริกิติ์   โดยโทรศัพท์ทางไกล     หนังสือพิมพ์   Sunday   Times   ฉบับวันที่   ๑๘   กันยายน   ได้เสนอรายละเอียดต่าง ๆ  ว่า
 
                  “ ฉันยังเด็กมาก   และไม่เคยมีความรักมาก่อน ”   ม.ร.ว. หญิง  สิริกิต์   กล่าว   “มันทำให้ฉันตื่นเต้นเหมือนกัน”
 
                  พระราชสัมพันธ์ที่ก่อให้เกิดพระราชพิธี  “หมั้น”  นี้    ได้ก่อตัวขึ้น  ณ   ประเทศฝรั่งเศส
 
                  ประเทศสวิตเซอร์แลนด์กับประเทศฝรั่งเศสตั้งอยู่บนภาคพื้นเดียวกัน     มีทางหลวงเชื่อมกันไปมาได้โดยสะดวก    ตามปรกติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงโปรดเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังกรุงปารีสเพื่อทอดพระเนตร       และทรงสดับการแสดงของวงดนตรีที่มีชื่อเสียงเป็นประจำ     เพราะพระองค์ทรงโปรดดนตรียิ่งนัก     และการขับขี่รถยนต์ก็เป็นสิ่งที่โปรดเช่นเดียวกัน
 
                  ระยะทางจากนครโลซานน์   ถึงกรุงปารีสอยู่ห่างกันถึง   350   ไมล์เศษ     หากเดินทางด้วยรถยนต์    ในอัตราความเร็วปกติอาจต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าสี่หรือห้าชั่วโมง    แต่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงรถยนต์โลซานน์ถึงปารีสทรงใช้เวลาเพียง   3   ชั่วโมงเศษเท่านั้น
 
                  ทุกครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปยังกรุงปารีส     พระองค์จะทรงประทับพำนักอยู่   ณ   สถานเอกอัครราชทูตไทย    จนกว่าจะเสด็จกลับไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์
 
                  ณ   ที่นั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงสำราญ    พระราชหฤทัยอยู่ในหมู่นักเรียนอย่างใกล้ชิดสนิทสนม     ทรงปราศจากถือพระองค์    และในหมู่นักเรียนนั้นก็มี   ม.ร.ว. หญิง  สิริกิต์   ผู้มีพระวรกายทรงเสน่ห์ยิ่งรวมอยู่ด้วย     นับตั้งแต่วันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงสบพระเนตรกับ ม.ร.ว. หญิง สิริกิต์    ทำให้พระองค์ทรงปฏิพัทอย่างแนบแน่นและทวีขึ้นโดยลำดับ    ข้างฝ่าย  ม.ร.ว. หญิง   สิริกิต   ก็เช่นเดียวกัน
 
                  นั่นหมายความว่า    พระราชสัมพันธ์ระหว่างในหลวง  และ  ม.ร.ว. หญิง  สิริกิต    กิติยากร   ได้กระชับเกลียวสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นโดยลำดับ     จนกระทั่งกลายเป็นความรักแท้และอมตะ
 
                  นี่คือที่มาแห่งราชพิธี   “หมั้น”    ระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  และ  สมเด็จพระนางเจ้า  ฯ   ของชาวไทย
 
                  ขณะนั้น    กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาท   (หม่อมเจ้านักขัตมงคล    กิติยากร   ฐานันดรศักดิ์ขณะนั้น)     พระราชบิดาของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ   พระบรมราชินีนาถ     ทรงดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศฝรั่งเศส    และทรงพำนักอยู่   ณ   สถานเอกอัครราชทูตในกรุงปารีส    พร้อมด้วยครอบครัวอันมีหม่อมบัว    กิติยากร     ชายา     หม่อมราชวงศ์หญิง  สิริกิต   กิติยากร     พระธิดาองค์ใหญ่    และหม่อมราชวงศ์หญิงบุษบา     กิติยากร    พระธิดาองค์เล็ก     ซึ่งพระธิดาทั้งสองได้มาศึกษาวิชาการอยู่  ณ  ประเทศนั้น 
 
U13026341-127.jpg
 
ครั้นแล้ว   พระราชพิธี   “ทรงหมั้น”    ได้เริ่มขึ้นอย่างเงียบ ๆ   ในวันที่   ๑๙    กรกฎาคม   พุทธศักราช   ๒๔๙๒    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช     ทรงมีพระราชดำรัสสั่งให้ราชเลขานุการประจำ     พระองค์โทรเลขเชิญเสด็จ  กรมหมื่นจันทบุรี  (หม่อมเจ้านักขัตมงคล     ฐานันดรศักดิ์ขณะนั้น)     ไปเฝ้า  ฯ   ณ   นครโลซานน์    ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และกำหนดนัดให้ประทับพำนักอยู่ที่โฮเต็ลชั้นสูงแห่งหนึ่งในเมืองนั้นเพื่อมิให้เป็นข่าวเอิกเกริก   ม.จ. นักขัต ฯ   มีเวลาพักอยู่ในสวิสสิ์    ๓   วัน   คือ   ๑๗ – ๑๙  กรกฎาคม    ในวันที่ ๑๘   กรกฎาคม   ในหลวงได้เสด็จไปพบ  ม.จ. นักขัตมงคล    ที่โฮเต็ลที่  ม.จ. นักขัต   ทรงพักอยู่แล้วได้รับสั่งการหมั้นกับ  ม.จ. นักขัตตัวต่อตัว    เมื่อเสร็จแล้วพระราชชนนีจึงเสด็จเข้าไป    ตอนหนึ่งพระราชชนนีรับสั่งว่า  “ขอให้ทำกันเฉพาะในครอบครัวเท่านั้น   เพราะเมื่อคราวฉันเองก็ทำอย่างนี้   จะมีอะไรขัดข้องไหม ? ”   ม.จ. นักขัตทูลว่า   “ตามแต่จะมีพระราชประสงค์” 
 
                  รุ่งขึ้นวันที่   ๑๙   กรกฎาคม   ในหลวงทรงนำพระธำมรงค์   “แหวนเพชร”   ซึ่งทำหนามเตยเป็นรูปหัวใจไปมอบให้   ม.จ. นักขัต   ขณะทรงมอบในหลวงทรงรับสั่งว่า  “เป็นแหวนที่มีค่ายิ่งและเป็นที่ระลึกด้วย” 
 
                  พระธำมรงค์วงนี้    เป็นธำมรงค์ที่พระราชบิดาเคยประทานให้แด่พระราชชนนีนี้ในอดีต     ในการที่ทรงมีปฏิพัทธ์ชีวิตร่วมกัน
 
                  ในเดือนสิงหาคม    พุทธศักราช   ๒๔๙๒    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช    เสด็จพระราชดำเนินไปยังกรุงลอนดอน     ประเทศอังกฤษอย่างเงียบ ๆ  เพื่อทรงร่วมงานวันเกิดของหม่อมราชหญิงสิริกิต   กิติยากร (สมเด็จพระนางเจ้า ฯ   พระบรมราชินีนาถ)    ซึ่งเวียนมาจบครบรอบปีที่  ๑๗   ในวันที่  ๑๒  สิงหาคมนั้น
 
                  การเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้     ทรงปกปิดมิให้ทางการอังกฤษล่วงรู้    เนื่องด้วยเป็นการเสด็จ ฯ ไปรเวต    และทรงประทับพำนักอยู่   ณ   สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงลอนดอน     ทางรัฐบาลอังกฤษไม่ทราบเรื่อง     จึงมิได้จัดพิธีต้อนรับเป็นทางการแต่อย่างใด
 
 
                  พิธีการวันเกิดของหม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์    กิติยากร (สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์   พระบรมราชินีนาถ)   ในคืนวันที่  ๑๒  สิงหาคม   พุทธศักราช   ๒๔๙๒   ได้จัดขึ้น   ณ  สถานเอกอัครราชทูตไทย   ในกรุงลอนดอน
 
 
01597_gvwmz.jpg
 
ผู้ไปร่วมชุมนุมอวยพรในงานประมาณ  ๑๐๐  คนเศษ   ส่วนมากเป็นช้าราชการสถานทูตและนักเรียนไทยในอังกฤษ   ฝรั่งเศส    พระราชวงศ์ที่ไปร่วมด้วย    มีพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์    และสมเด็จพระนางเจ้าสุวัฒนา  (พระวรราชเทวี   ในล้นเกล้าล้นกระหม่อม    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎล้นเกล้าอยู่หัวรัชกาลที่  ๖   พระราชชนนีของสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงเพชรรัตน์    ราชสุดาสิริโสภาพรรณวดี   ขณะที่ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่ที่ตำหนักเมืองไบรตัน......  เมืองชายทะเล   ประเทศอังกฤษ)
 
                  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช    ทรงฉลองพระองค์ชุดสีเทา    เนคไทสีน้ำเงินเข้ม    ทรงมีพระราชดำรัสสนทนากับทุกคนอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง
 
                  หลังจากร่วมเสวยพระกระยาหารไทยเสร็จ    พระองค์ทรงชวนบรรดานักเรียนไทยไปร่วมดนตรีเป็นที่สนุกสนานครื้นเครง    คืนนั้นพระองค์ทรงเล่นเปียนโนและแซ็กโซโฟนให้ทุกคนฟังหลายเพลง
 
                  ในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงอวยพระแด่หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์    กิติยากร  (สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ)   ท่ามกลางผู้ใกล้ชิดท่านเอกอัครราชทูตไทยได้นำพระธำมรงค์  “แหวนหมั้น”   ที่ได้รับจากสมเด็จพระราชชนนี ฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ     เพื่อทรงมอบแด่คู่ครองรักร่วมพระชนม์โดยพระหัตถ์ของพระองค์เอง
 
                  ขณะที่ทรงมอบ    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช   ทรงมีพระราชดำรัสว่า
 
                  “เป็นของที่มีค่าอย่างยิ่ง    และเป็นของที่ระลึกด้วย”  
กระแสพระราชดำรัสประโยคนี้แม้จะสั้นแต่มีความหมายลึกซึ้งประทับใจยิ่งนัก
 
                  ถูกแล้ว    แหวนเพชรงามน้ำเอกวงนั้นเป็นของมีค่าทั้งในด้านวัตถุและทางจิตใจ    เพชรน้ำใสบริสุทธิ์เกาะไว้ด้วยหนามเตยเป็นรูปหัวใจ    เปรียบได้คล้ายหัวใจอันบริสุทธิ์ใสสะอาดปราศจากมลทิน 

 


"ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า"


#11 ctpk05

ctpk05

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

Posted 28 April 2014 - 20:29

*
POPULAR

A9106999-11.jpg

 

A9106999-10.jpg

 

K9182074-13.jpg

 

A9180981-9.jpg

 

00347.gif

 

 

พระราชพิธีราชาภิเษก 

 
          และแล้วสำนักพระราชวังก็ได้ประกาศข่าวพระราชกระแสรับสั่งให้จัดเตรียม
 
การพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสขึ้นเป็นลำดับแรก และพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
 
เป็นลำดับถัดไป ซึ่งพระราชกระแสรับสั่งดังกล่าวได้มีประกาศไว้ในหนังสือ
 
ราชกิจจานุเบกษา ตอนที่ 23 เล่มที่ 67 ลงวันที่ 25 เมษายน 2493
 
เรื่อง การพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส 2493 เหตุการณ์สำคัญวันนั้น มีดังนี้
 
 
          เมื่อวันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2493 อันเป็นวันประกอบพระราชพิธีราชาภิเษก
 
สมรส ซึ่งกำหนดจัดให้มีขึ้นที่พระตำหนักของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี
 
 พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม เช้าวันนั้น ตามหมายกำหนดการ พระบาท
 
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ ห้องรับแขกตำหนัก
 
สมเด็จพระพันวัสสา ฯ ในวังสมเด็จพระราชบิดา โอกาสนั้น หม่อมเจ้า
 
นักขัตรมงคล กิติยากร และหม่อมหลวงบัว กิติยากร ทรงพาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์
 
กิติยากร มายังวังสระปทุม ประทับในห้องรับแขกอีกห้องหนึ่ง รอคอยการ
 
พระราชพิธี หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ อยู่ในชุดสีงาช้าง ผ้านุ่งเป็นผ้ายกทอง สวม
 
สายสะพายปฐมจุลจอมเกล้า สวมสร้อยคอเพชร สร้อยข้อมือเพชร ของเก่า
 
ของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ตุ้มหูเพชรของเก่าฝีมือทำขึ้นใหม่ ครั้นได้
 
เวลาพระฤกษ์ คือ เวลา 09.30 น. หม่อมเจ้านักขัตรมงคล ทรงพาหม่อมราชวงศ์
 
สิริกิติ์ ไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ที่นั้น
 
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ทูลเกล้าฯ ถวายสมุดทะเบียนสมรส
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย จากนั้น หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์
 
ลงนาม ซึ่งขณะนั้นมีชนมายุเพียง 17 ปีย่าง หม่อมเจ้านักขัตรมงคล จึงทรงลง
 
พระนามในฐานะพระบิดา และหม่อมหลวงบัว ลงนามในฐานะพระมารดา แล้ว
 
ทรงโปรดให้ราชสักขีลงนามเป็นลำดับต่อไป แล้วจึงเสด็จขึ้นประทับ ณ ห้อง
 
พระราชพิธีบนพระตำหนัก เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี
 
พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ต่อไป ซึ่งเวลาพระฤกษ์ในช่วงนั้นอยู่ระหว่างเวลา
 
10.24 - 12.10 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ได้ถวาย
 
ดอกไม้ธูปเทียนแพเครื่องสักการะแด่สมเด็จพระพันวัสสา ฯ แล้วสมเด็จ
 
พระพันวัสสา ฯ ได้ถวายน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนตร์ แด่พระบาทสมเด็จ
 
พระเจ้าอยู่หัว ทรงรดน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนตร์ แด่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ตาม
 
โบราณราชประเพณีแห่งการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
 
 
          จากนั้น สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรง
 
เจิมพระนลาฎพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงเจิมหน้าผากหม่อมราชวงศ์
 
สิริกิติ์ ตามลำดับ เวลานั้น ทรงมีพระราชดำรัสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ด้วยว่า
 
"เอ้า ! หันออกไปยิ้มกับผู้คนที่เขามางานซิ เขาอุตส่าห์มากันเต็ม ๆ ออกไปให้เขา
 
เห็นหน่อย"
 
 
 
 
 
          หลังจากที่ทรงเข้าเฝ้าสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสา
 
อัยยิกาเจ้าแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ได้เสด็จ
 
พระราชดำเนินลงมายังห้องรับแขกอีกครั้งหนึ่ง ท่ามกลางพระบรมวงศานุวงศ์
 
นายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เฝ้าทูลละอองธุลี
 
พระบาทอยู่สองแถวในห้องรับแขกของวังสระปทุม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์
 
เป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์
 
 
 
 
 
          เมื่อจบคำประกาศของอาลักษณ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้
 
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสายสะพายขัตติยราชอิสริยาภรณ์
 
มหาจักรีบรมราชวงศ์ อันเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุด แด่สมเด็จพระราชินี
 
สิริกิติ์เนื่องในการอันเป็นมหามงคลครั้งนี้ด้วย
 
 
          พระราชพิธีในตอนบ่าย วันที่ 28 เมษายน 2493 เวลา 16.00 น. พระบาท
 
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เสด็จออก ณ พระที่นั่งไพศาล
 
ทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง ประทับเหนือพระราชอาสน์ พระบรมวงศานุวงศ์
 
เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ได้เวลามหามงคลฤกษ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
 
กรมพระชัยนาทนเรนทร ทรงรับฉันทานุมัติให้กล่าวถวายพระพรในนามของ
 
พระบรมวงศานุวงศ์ เมื่อทรงกล่าวจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมี
 
พระราชดำรัสตอบ แล้วเสด็จออก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย คณะรัฐมนตรี
 
ทูตานุทูต สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
 
 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
 
ในมหาสมาคมครั้งนั้น เมื่อจบพระราชดำรัสแล้ว จอมพล ป.พิบูลสงคราม
 
นายกรัฐมนตรี ผู้ได้รับฉันทานุมัติ ได้กล่าวถวายพระพรในนามของผู้เข้าเฝ้า
 
ทูลละอองธุลีพระบาทในมหาสมาคม เมื่อกล่าวจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 
และสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์เสด็จขึ้น ชาวพนักงานประโคมแตร และกลอง
 
มโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญ
 
พระบารมี
 
 
          ในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสนี้ พระบรมวงศานุวงศ์และพระประยูร
 
ญาติใกล้ชิด ได้ทูลเกล้าฯ ถวายของขวัญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ
 
สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ซึ่งพระองค์ก็ได้พระราชทานของที่ระลึกเป็นการตอบแทน
 
คือ หีบเงินขนาดเล็ก มีพระปรมาภิไธยและพระนามาภิไธยคู่กัน
 
 
          งานเลี้ยงพระราชทานในคืนนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณา
 
โปรดเกล้าฯ ให้จัดขึ้นเป็นการภายใน ระหว่างพระญาติสนิทกับข้าราชบริพาร ไม่
 
เกิน 20 คน นับเป็นพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสที่เรียบง่ายที่สุด
 
 
          วันรุ่งขึ้น วันเสาร์ที่ 29 เมษายน 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ
 
สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานโดยทางรถไฟไป
 
ยังพระราชวังไกลกังวล หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประทับพักผ่อนพระราช
 
อิริยาบถ เป็นเวลา 3 วัน รถไฟพระที่นั่งเคลื่อนขบวนถึงสถานีรถไฟหัวหินเมื่อเวลา
 
17.00 น. ณ ที่นั้นมีผู้มารอรับเสด็จเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นทั้งสองพระองค์
 
ได้ประทับรถยนต์พระที่นั่งต่อไปยังพระราชวังไกลกังวล หัวหิน ตลอดระยะทางที่
 
รถยนต์พระที่นั่งแล่นผ่าน มีประชาชนมารอรับเสด็จเป็นจำนวนมากเช่นกัน
 
 
          ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ประทับ
 
พักผ่อนพระอิริยาบถอยู่ที่พระตำหนักเปี่ยมสุข พระราชวังไกลกังวล หัวหิน ตลอด
 
ระยะเวลา 3 วัน กองทัพเรือได้จัดเรือรบหลวงมาจอดถวายการอารักขาหน้า
 
พระตำหนัก จำนวน 4 ลำ ได้แก่ เรือรบหลวงบางปะกง เรือรบหลวงบางแก้ว
 
เรือรบหลวงบางระจัน และเรือรบหลวงโพธิ์สามต้น …
 
 
ซึ่งนับจากวันนั้นถึงวันที่ 28 เมษายน 2552 นับเป็นเวลา 59 ปีเต็ม …
 
และในศุภวาระโอกาสอันเป็นมหามงคลยิ่งนี้ ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ
 
เสด็จอยู่เป็นคู่พระมิ่งขวัญร่มโพธิ์ทองของปวงประชาชาวไทย
 
ตลอดไปชั่วกาลนาน

 


"ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า"


#12 ที่บ้านเคร่งเรื่องมารยาท

ที่บ้านเคร่งเรื่องมารยาท

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 775 posts

Posted 28 April 2014 - 20:32

ทรงพระเจริญ



#13 akcool

akcool

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 61 posts

Posted 28 April 2014 - 20:47

ทรงพระเจริญ

#14 ctpk05

ctpk05

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

Posted 28 April 2014 - 20:47

king1.jpg

 

capture49-Jul.-07-18.24.jpg

 

A12342820-25.jpg


"ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า"


#15 ctpk05

ctpk05

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

Posted 28 April 2014 - 21:03

*
POPULAR

ทะเบียนสมรสหลวง ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ

 

644003-topic-ix-0.jpg


"ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า"


#16 อาวุโสโอเค

อาวุโสโอเค

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,790 posts

Posted 28 April 2014 - 21:32

บังเอิญไปอ่านเจอเกร็ดเกี่ยวกับในหลวงและพระราชินี ที่ผมรู้สึกประทับใจ อยากเติมเต็มในที่นี้ครับ 

 

"เขาเดินมาเป็นวัน ๆ"

 

...มีอยู่ครั้งนึง ข้าพเจ้าอายุ 18 ปี ได้ตามเสด็จ...ตอนนั้นเป็นช่วงหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เสด็จฯ

 

เยี่ยมราษฎรทุกจังหวัดและอำเภอใหญ่ๆ ก็เสด็จฯ ประมาณ 9 โมงเช้า เสด็จออกทรงเยี่ยมราษฎรมาเรื่อย ๆ

 

ทีนี้ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่า แหม นานเหลือเกิน ตอนนั้นยังไม่กางร่ม ตอนนั้นยังไม่ค่อยกลัวแดด ไม่ใส่หมวก ก็รู้สึกแดดเปรี้ยง

 

หนังเท้านี้รู้สึกไหม้เชียว ก็เดินเข้าไปกระซิบท่านว่า พอหรือยัง ก็โดนกริ้ว

 

นี่เห็นไหมราษฎรเขาเดินมาเป็นวัน ๆ เพื่อมาดูเราแม้แต่นิดเดียว แต่นี่เรายืนอยู่ไม่เท่าไรล่ะ ตอนนี้ทนไม่ไหวเสียแล้ว..

 

พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ วันที่ 11 ส.ค. 2534


การเมืองไม่ใช่เพื่อกลุ่มใด แต่เพื่อทุกคนในประเทศ

#17 หงส์เฒ่าเสาร์ธรรม

หงส์เฒ่าเสาร์ธรรม

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,408 posts

Posted 28 April 2014 - 21:51

.....คู่บุญบารมีจักรีเกริกฟ้า....

   ขอพระองค์ทั้งสอง ทรงมีพระชนพรรษายิ่งยืนนาน...


จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ... ศีลธรรม เป็นกรอบรักษาจินตนาการให้ดำรงอยู่ด้วยความดีงาม... -_- 


#18 คนไทยครับ

คนไทยครับ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 55 posts

Posted 28 April 2014 - 21:59

       

 

 

                         ขอทั้งสองพระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


Edited by คนไทยครับ, 28 April 2014 - 22:00.


#19 สัตยวาที

สัตยวาที

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 870 posts

Posted 29 April 2014 - 22:06

30589_127978480548283_110603625619102_32

 

 

 

___paragraph_45_894.jpg

 

 

K4312938-24.jpg

 

 

3381-13.jpg

 

 

 

พระกรกุมเกี่ยวก้อย           กันมา

หก สิบ สี่ วรรษา                 ล่วงแล้ว

มิ่งขวัญของประชา             ชื้นชื่น  ราษฏร์ชม

ขอองค์คู่ขวัญแก้ว              สุขล้น  เกษมศรี 

 

 

 

HabfEE-1.jpg

 

 

 

ชีวิตคู่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

เป็นต้นแบบของประชาชนที่มีคู่ชีวิตได้เป็นอย่างดี  ในหลวงทรงเป็นหัวหน้าครอบครัว

ที่มีแม่บ้านที่ส่งเสริมพระองค์ในทุกด้านอย่างสมเด็จฯ  และเป็นแม่บ้านที่เก่งมากๆ

เพราะไม่ว่าในหลวงจะทรงดำริอะไรขึ้น  สมเด็จฯจะหาสิ่งที่ทรงทำร่วมได้เสมอๆทุกครั้งไป

ในหลวงช่วยพ่อบ้าน  สมเด็จฯช่วยแม่บ้านและเด็กๆ

 

นอกเหนือจากพระราชกรณียกิจที่เรามักเห็นสองพระองค์ทรงเสด็จร่วมกันบ่อยๆ อีกหนึ่งอย่าง

ที่เรามักเห็น  นั่นคือการแสดงความรักความผูกพัน  เมื่อใดที่เสด็จเคียงคู่กัน ช่างภาพ

จะได้พระบรมฉายาลักษณ์ที่กุมพระหัตถ์กันเสมอ  ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด

ภาพแห่งความหวานชื่นในการครองคู่ของทั้งสองพระองค์  ยังคงอยู่  แสดงถึงความสนิทเสน่หา

ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทรงมีต่อคู่พระหทัยอย่างสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด  ความรักอันแท้จริงจะคงอยู่เสมอ

 

 

ทรงพระเจริญ


  ขอสาบแช่งคนเลวร้ายทำลายชาติ ให้ไร้สุข มีแต่ทุกข์ ไร้คนรักดูแล อุดมด้วยคนเกลียดชังรังแก

เจ็บป่วย ทรมาน งานการไม่ก้าวหน้า ทำสิ่งใดให้ฉิบหาย วอดวาย อย่าได้พบความสุขใดในทุกชาติภพ





0 user(s) are reading this topic

0 members, 0 guests, 0 anonymous users