แนวทางของอภิสิทธิ์ มันคือแนวทางที่ กำนัน และ กปปส เรียกร้องในช่วงการชุมนุม
ระยะแรก ๆ นั่นแหละ แต่มันจะเป็นการเรียกร้องที่ไม่มีรายละเอียดว่าโดยวิธีการแล้ว
มันจะต้องทำอย่างไร ส่วนใหญ่จะพูดว่า นายกต้องลาออกไป เพื่อให้เกิดสุญญากาศ แล้ว
ใช้มาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญ
เพราะฉะนั้น ที่อภิสิทธิ์ทำ มันก็คือ หยิบตรงนั้นนั่นแหละมาแจกแจงรายละเอียดวิธีการว่า
ถ้ามันจะเป็นไปได้ มันควรจะทำอย่างไร
ประเด็นของปัญหาก็คือ กปปส ชุมนุมมายาวนาน มันมีเหตุการณ์ผ่านเข้ามาในการชุมนุม
มากมายหลายเรื่อง ทำให้ต้องก้าวข้ามจุดเดิมที่เรียกร้องไปแล้ว
รัฐบาลซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบบริหารประเทศดูแลทุกข์สุขของประชาชน แต่ไร้สำนึกของความ
เป็นรัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบ มุ่งแต่จะเกาะติดอำนาจเพราะมองว่าถ้าลงจากอำนาจเมื่อใด สิ่งที่
ตนเองเคยทำผิดคิดชั่วเอาไว้ อาจย้อนกลับมาเล่นงานเอาได้ จึงพยายามเดินหน้าเข้าสู่อำนาจ
อย่างเดียว
เพราะฉะนั้น การที่อภิสิทธิ์ออกมานำเสนอความคิดในช่วงนี้ เพราะมองเห็นความขัดแย้งที่มันอาจ
นำไปสู่ความรุนแรงได้ เพราะทุกฝ่ายล้วนพูดเหมือนกันว่า ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง ในขณะที่
รัฐบาลที่ไร้สำนึกความรับผิดชอบกลับปลุกระดมประชาชนในลักษณะยั่วยุให้เกิดความรุนแรงอยู่
ตลอดเวลา ซึ่งยังไม่นับพวก เสี้ยม พวกยุแยงตะแคงรั่ว ที่คอยนั่งยุแหย่ ในลักษณะกัลยาณมิตร
ให้ประชาชนลุยกับรัฐบาลแบบแตกหัก หรือสนับสนุนให้ทหารออกมายึดอำนาจอยู่เป็นระยะ ๆ
ทางออกที่อภิสิทธิ์เสนอมาจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว เพราะรัฐบาลที่เป็นตัวปัญหาหลัก
ถึงแม้ว่า จะไม่รับข้อเสนอของอภิสิทธิ์ แต่ก็ต้องไปเจอกับด่านของศาลรัฐธรรมนูญ และ ปปช อีก
ด่านหนึ่ง ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นอาจต้องนำมวลชนที่ปลุกระดมไว้ออกมาปะทะกับประชาชนที่ชุมนุมอยุ่
ที่อภิสิทธิ์เสนอแนวทางนี้ ก็เป็นเหมือนการระงับเหตุก่อนที่มันจะเกิดการลุกลามบานปลายนั่นแหละ
แต่มันก็ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกที่เหลือน้อยเต็มทนของรัฐบาลนี้เท่านั้น
ส่วนกรณีของหลวงปู่นั้น ผมมองว่า มันยังไม่ใช่เวลานี้ครับ เหมือนกรณีของ คณะรัฐบุรุษนั่นแหละ เพราะ
วิธีการของรัฐบุรุษ และวิธีการของหลวงปู่ ไม่ใช่วิธีการระงับเหตุ แต่เป็นวิธีการเมื่อเหตุมันเกิดไปแล้ว
จึงจะนำมาใช้เท่านั้น