วันนี้ (9 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 20.14 น. ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยที่เวทีกองทัพธรรม หน้าสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ว่า วันนี้ได้สั่งให้หยุดรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ทางเอเอสทีวี เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่ประชาชนออกมา และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้โทรศัพท์ไปชวนให้มาขึ้นเวทีกองทัพธรรม ซึ่งตนไม่ขัดข้อง
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ยังมั่นใจว่าสิ้่งที่ตนเคยพูดไว้ไม่ผิด และจะใช้เวทีนี้พูดเหมือนเดิม เพราะเป็นการพูดความจริง การออกมาของพี่น้องครั้งนี้เป็นการแสดงเจตนารมณ์ให้ประเทศชาติเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่จะจบได้ทหารต้องออกมาทำหน้าที่
“เราอย่าหลงอะไรทั้งสิ้น เราอย่าเอานายกฯ คนกลาง กลางอะไรกัน วันนี้เราต้องสู้เพื่อให้ระบอบทักษิณระบอบชินวัตรที่มีแต่ความชั่วร้ายให้มันพังพินาศ อย่าให้กลับมาอีก นายกฯ จะมากลางได้ยังไง อย่าหลงประเด็น ต้องไม่ประนีประนอมทั้งสิ้น เราต้องเอานายกฯ ที่พร้อมฟาดฟันความชั่วร้ายให้มันพินาศ”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า อย่าไปหลงวาทกรรมว่าให้พักการเมือง 1 ปี แล้วปฏิรูป เราไม่ต้องการปฏิรูปการเมือง แต่เราต้องการไล่นักการเมือง ปฏิรูปการเมืองทำไมเพื่อให้พวกนี้กลับมากินบ้านกินเมืองอีก จะเอาหรือ เราต้องสามัคคี มีเอกภาพ เดินอย่างมีสติ อย่าหลงวาทกรรม อย่าท้อ อย่าเหนื่อย
นายสนธิ กล่าวย้ำว่า เราต้องสู้โดยเอาชาติเป็นตัวตั้ง อย่าเอาปฏิรูปการเมืองเป็นตัวตั้ง ปฏิรูปการเมืองแล้วยังไง เราต้องท่องนะโมตลอดว่าไม่เอานักการเมือง ขอให้พวกมึงลงนรกไป อย่าลืมเป็นอันขาด
นายสนธิ กล่าวว่า ไม่เคยทิ้งพ่อแม่พี่น้องที่ออกมาต่อสู้ ยังสนับสนุนทุกคนและให้กำลังใจ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงแม้ตนจะไม่เห็นด้วยกับบางประเด็นเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ไม่เป็นไร เชื่อว่าวันหนึ่งความจริงจะพิสูจน์ว่าตนพูดไม่ผิด
นายสนธิ กล่าวในตอนท้ายว่า การรัฐประหารไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่ถ้ารัฐประหารแล้วเอาชาติบ้านเมืองมาเป็นสมบัติผลัดกันชม เหมือน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นั่นเป็นเรื่องที่ชั่วร้ายที่สุด แต่ถ้ารัฐประหารแล้วทหารถอยออกไป ให้ผู้มีความรู้ความสามารถมาเปลี่ยนแปลงชาติบ้านเมือง เพื่อคน 65 ล้านคน ก็เป็นเรื่องที่ดี เป็นสิริมงคล ขอฝากไปถึงทหารที่ยังจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ วันนี้จะเป็นมาตรา 7 หรือมาตรา 3 ไม่ควรเอามาใช้ เพราะเมื่อเราเล่นมาตรานี้ เรากำลังกดดันพระเจ้าอยู่หัวให้ตัดสินใจเลือกข้าง พระองค์เลือกข้างไมไ่ด้ เพราะคน 65 ล้านคนล้วนเป็นพสกนิกร แต่ทหารเลือกข้างได้ ทหารต้องออกมาแล้วบอกว่าเราต้องไม่ทำให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท
“เพราะฉะนั้นต้องมีกลุ่มทหารเดินไปประกาศตัวบอกว่าตระกูลชินวัตรออกไป หยุด ไม่ต้องใช้มาตรา 3 มาตรา 7 พวกผมจะจัดการเอง เราต้องไม่ใช้มาตรา 3 มาตรา 7 เพราะนั่นคือการกดดันพระเจ้าอยู่หัว ทหารต้องไม่ให้ใครมากดดันพระเจ้าอยู่หัว ทหารต้องทำเอง” นายสนธิ กล่าวในตอน
จากนั้น เมื่อเวลา 20.56 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ไปที่เวที กปปส. แจ้งวัฒนะ เพื่อกราบหลวงปู่พุทธะอิสระ และได้กล่าวปราศรัยด้วยว่า เป็นลูกศิษย์หลวงปู่พุทธะอิสระมานาน ตอนชุมนุม 193 วัน ท่านก็ช่วยเหลือการชุมนุมมาตลอด เพียงแต่ว่าช่วงหลังนี้ตนต้องดูแลเอเอสทีวีหนัก เพราะต้องเอเอสทีวีต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเอง อีกประการนึงคือไม่อยากมา เพราะจะกลายเป็นว่าสร้างความขัดแย้งให้นายสุเทพ เป็นการเตะตัดขาอีก เพราะหลวงปู่ก็มีจุดยืนหลายอย่างต่างจากนายสุเทพ เกิดเป็นสนธิลำบาก วันนี้ออกมาก็โดนด่า อยู่เฉยก็โดนด่า ไม่พูดก็โดนด่า พูดก็โดนด่า
http://www.manager.c...D=9570000051775
........................................................................................................................
ผมยังจำได้กับการนำเอาคำที่ลุงกำนันพูด คำว่า สะเอ-อะหลังจากที่คุณอภิสิทธิ์เสนอทางออกประเทศ มีการนำไปขยายผลต่อ
ในสื่อเอเอสฯ ว่าคุณอภิสิทธิ์กำลัง เตะตัดขาลุงกำนัน ผมยังจำได้ว่า เอเอสทีวีเลิกถ่ายทอดมวลมหาปชช.เวทีสามเสน และคปท.
โดยอ้างว่า ไม่ใช่แนวทางของตัวเอง แต่การออกมาขึ้นเวทีเมื่อคืนในช่วงเวลาที่กำลังใกล้ชัยชนะแล้วโดย พูดปราศัยที่ขัดกับแนวทาง
ของลุงกำนันและมวลมหาประชาชนที่ไม่ต้องการให้ทหารออกมา ไม่ต้องการรัฐประหารนั้นมีเจตนาอะไร เรียกว่าเตะตัดขาหรือไม่
หรือควรจะใช้คำว่า สะเอ-อะ แบบเดียวกับที่ลุงกำนันพูดถึงคนที่พยายามให้มีการเจรจากับระบอบทักษิณ