http://www.manager.c...D=9570000052036
คริสเอ็นเนอร์จีที่มี "เทมาเส็ก" อยู่เบื้องหลัง ยืนยันการเข้าฮุบแหล่งพลังงานในอ่าวไทยเพิ่มเติม หลังได้รับอนุมัติจากรัฐบาลไทย
เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สื่อต่างประเทศรายงาน “คริสเอ็นเนอร์จี” บริษัทด้านพลังงานซึ่งมี“เทมาเส็ก โฮลดิงส์”แขนขาด้านการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้รับไฟเขียวจาก “รัฐบาลไทย” เข้าถือหุ้นในสัดส่วน “30 เปอร์เซ็นต์” ของแหล่งน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดปัตตานี หลังเคยตกเป็นข่าวเข้าฮุบแหล่งน้ำมัน “นงเยาว์” กลางอ่าวไทยไปแล้วก่อนหน้านี้
รายงานที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อต่างประเทศโดย “ริกโซน” สื่อชื่อดังแห่งแวดวงอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในนคร “ดูไบ” ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และมีสำนักงานอีกแห่งที่ “สิงคโปร์” ยืนยันว่า บริษัทคริสเอ็นเนอร์จี ที่มี “เทมาเส็ก” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 (second-largest shareholder) ในสัดส่วนที่สูงถึง 31.4 เปอร์เซ็นต์ ได้รับอนุญาตจาก “รัฐบาลชุดปัจจุบันของไทย” ให้เข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30 ของแหล่งพลังงานบล็อกหมายเลข G6/48 ในอ่าวไทยแล้ว
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ทางการไทยอนุมัติแบ่ง “ผลประโยชน์อีก 30 เปอร์เซ็นต์” จากแหล่งพลังงานดังกล่าวมอบให้กับบริษัท “มูบาดาลา ปิโตรเลียม” จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่อยู่ในความดูแลของคัลดูน คาลิฟา อัล มูบารัค ซีอีโอสโมสรฟุตบอล “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งผู้บริหารรายนี้ของทางมูบาดาลา ถือเป็นเพื่อนสนิทของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทยที่ถูกกองทัพโค่นอำนาจเมื่อหลายปีก่อน และหลบหนีความผิดอยู่ในต่างแดน
ด้านคีธ คาเมรอน ซีอีโอของบริษัทคริสเอ็นเนอร์จีออกมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าว โดยระบุว่า การเข้าถือครองผลประโยชน์ในแหล่งพลังงาน G6/48 ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวย่างด้านการลงทุนที่สำคัญของบริษัท พร้อมยืนยันว่า ทางคริสเอ็นเนอร์จีจะเดินหน้ารุกคืบขอสิทธิ์เข้าทำประโยชน์ใน “แหล่งพลังงานอื่นๆ” กลางอ่าวไทยต่อไป เนื่องจากแหล่งพลังงานในอ่าวไทยถือเป็นพื้นที่เป้าหมายหลักในการดำเนินธุรกิจของคริสเอ็นเนอร์จีในเวลานี้
“ข้าพเจ้าต้องขอขอบคุณทางการไทยที่ให้ความเห็นชอบต่อเรื่องนี้ และทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของข้อตกลงทางธุรกิจอีกมากมายที่น่าจะผ่านความเห็นชอบจากทางการไทยอีกในอนาคต” คีธ คาเมรอน ซีอีโอของคริสเอ็นเนอร์จีกล่าว
เป็นที่น่าสังเกตว่า ข่าวการเข้าถือครองผลประโยชน์จำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ในแหล่งพลังงาน G6/48 ในอ่าวไทยของทาง คริสเอ็นเนอร์จีแห่งสิงคโปร์ในครั้งนี้ ถูกเผยแพร่ออกมาในจังหวะเวลาใกล้เคียงกับที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเดินทางมายังสิงคโปร์พอดี โดยพ.ต.ท.ทักษิณได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์เป็นภาพตัวเองพร้อมกับบุตรสาวคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โดยระบุข้อความว่า “น้องอิงค์มาเยี่ยมที่สิงคโปร์ เลยถือโอกาสพักผ่อนกับลูก”
ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีขึ้น หลังจากที่บริษัท “มูบาดาลา ปิโตรเลียม” ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานในเครือ “มูบาดาลา กรุ๊ป” ที่เป็นแขนขาด้านการลงทุนของรัฐอาบูดาบีในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ออกมายืนยันเมื่อเดือนมกราคมว่า บริษัทของตนได้รับไฟเขียวให้เข้าทำสัญญาพัฒนาแหล่งน้ำมัน “นงเยาว์” ที่ตั้งอยู่ในอ่าวไทย
โดยคำแถลงของมูบาดาลา ปิโตรเลียม ซึ่งมีรัฐบาลอาบูดาบีเป็นเจ้าของ ระบุว่า บริษัทของตนพร้อมด้วยบริษัทพลังงาน “คริสเอ็นเนอร์จี” ซึ่งจดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ มีแผนเข้าพัฒนาแหล่งน้ำมันนงเยาว์ที่อยู่กลางอ่าวไทย โดยคาดว่าแหล่งน้ำมันดังกล่าวมีศักยภาพรองรับการผลิตน้ำมันได้มากถึง 15,000 บาร์เรลต่อวัน และจะมีการแบ่งผลประโยชน์กันในสัดส่วน 75:25 (มูบาดาลา ปิโตรเลียมจะครอบครองผลประโยชน์ 75% จากแหล่งน้ำมันนงเยาว์ของไทย ส่วนคริสเอ็นเนอร์จีจะได้ผลประโยชน์อีก 25% ที่เหลือ)
ด้าน คัลดูน คาลิฟา อัล มูบารัค ซีอีโอของสโมสรฟุตบอล “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มมูบาดาลาด้วยและยังเป็น “เพื่อนสนิท” ของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ออกมายอมรับว่าการผลิตน้ำมันในเชิงพาณิชย์จากแหล่งนงเยาว์กลางอ่าวไทยนี้คาดว่าจะสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2015 หรือไม่เกินครึ่งปีแรกของปีดังกล่าวเป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี ซีอีโอของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี รายนี้ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับมูลค่าของสัญญาสัมปทานที่ทางมูบาดาลาและคริสเอ็นเนอร์จี “จ่ายให้กับทางการไทย” เพื่อแลกกับการได้รับสิทธิ์เข้าพัฒนาแหล่งน้ำมันนงเยาว์