#1
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 01:06
คาดว่าทักษิณก็กลัวอาวุธสังหารชนิดนี้ไม่น้อย ตราบเท่าที่ยังไม่สามารถเคลียร์จนเกิดความปรองดองที่แท้จริงได้ การ "ดัน" เข้ามาในประเทศสามารถทำให้พบกับอาการ "ดับ" ได้ก่อนวัยอันควร อาจด้วยอาวุธประเภทนี้. . .
ปืนไรเฟิลซุ่มยิงระยะไกล คือหนึ่งในอาวุธที่มีบทบาทในการปฎิบัติการรบทางยุทธวิธี ต่อเป้าหมายที่มีความสำคัญ โดยส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของฝ่ายตรงข้าม มันคืออาวุธที่ถูกออกแบบเพื่อการยิงในระยะไกล ด้วยกระสุนความเร็วสูง จากการยิงของพลซุ่มยิง
พลซุ่มยิง (Sniper) คือผู้ที่มีความสามารถสูงในเรื่องของการยิงปืนในระยะไกล ซึ่งได้รับการฝึกฝนการยิงเป้าหมายในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ต้องใช้ความสามารถในเรื่องของการยิงปืน เรื่องของความอยู่รอด (survivability) ในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นระยะเวลานาน เช่น ในป่า หรือ ในพื้นที่สิ่งก่อสร้าง หน้าที่ของพลซุ่มยิงคือ การวางวิถีกระสุนอย่างแม่นยำไปยังฝ่ายข้าศึก ซึ่งทหารในหน่วยต่าง ๆ ไม่สามารถทำการยิงได้ ทั้งนี้ อาจจะเป็นเพราะระยะทาง ขนาดของกำลังข้าศึก ที่ตั้งฝ่ายข้าศึก หรือว่าการมองเห็น
ผู้ที่จะเป็นพลซุ่มยิงได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีลักษณะที่พิเศษ ดังตัวอย่างในระเบียบราชการสนาม 23-10 การฝึกพลซุ่มยิง (FM-23-10 Sniper Training) ของกองทัพบกสหรัฐฯ ได้มีแนวทางในการคัดเลือกกำลังพล เข้าทำการฝึกเป็นพลซุ่มยิง โดยมีข้อพิจารณาอยู่ด้วยกัน 6 ประการ คือ
1. แม่นปืน ผู้ที่จะเข้ารับการฝึกเป็นพลซุ่มยิงจะต้องมีความสามารถในการยิงปืนดีเลิศ ถ้าผ่านการแข่งขันทางด้านการยิงปืน หรือการล่าสัตว์มาก่อนจะเป็นข้อได้เปรียบในการคัดเลือกเข้ารับการฝึก
2. ร่างกายต้องพร้อม ผู้ที่จะเข้ารับการฝึกเป็นพลซุ่มยิง จะต้องเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง และถ้าเคยผ่านการเป็นนักกีฬาในประเภทต่าง ๆ ก็จะได้เปรียบในการคัดเลือกเข้ารับการฝึก
3. สายตาและความสามารถในการมอง ผู้ที่จะเข้ารับการฝึกจะต้องเป็นผู้ที่ไม่ใส่แว่นสายตา เพราะจะเป็นการเสี่ยงต่อความล้มเหลวของภารกิจเมื่อแว่นสายตาชำรุด หรือสูญหายในพื้นที่ปฏิบัติการ นอกจากนี้จะต้องไม่ตาบอดสี เพราะจะมีปัญหาในการแยกเป้าหมายจากสิ่งแวดล้อม
4. ไม่สูบบุหรี่ ผู้ที่เข้ารับการฝึกจะต้องไปเป็นผู้ที่สูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะเป็นการเปิดเผยที่ตั้งของตนเอง นอกจากนี้การปฏิบัติงานจริง จะต้องอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถสูบบุหรี่ได้เป็นระยะเวลานาน การที่ไม่สูบบุหรี่เป็นระยะเวลานานของผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ จะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการยิงลดลง
5. มีความมั่นคงทางอารมณ์สูงกว่าคนปกติ ผู้ที่เข้ารับการฝึก จะต้องเป็นผู้ที่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดีในภาวะต่าง ๆ เพราะการปฏิบัติงานจริง อาจจะต้องตกอยู่ในภาวะที่มีความกดดันสูง การลั่นไก ณ เวลา และสถานที่ที่เหมาะสม เป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งต่อการปฏิบัติงานของพลซุ่มยิง
6. ความคิดและระดับสติปัญญา ผู้ที่เข้ารับการฝึกนั้นจะต้องเรียนรู้เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับขีปนวิธีของกระสุนในลักษณะต่าง ๆ การปรับแต่งอุปกรณ์ช่วยเล็ง การใช้วิทยุสื่อสาร การตรวจการณ์ และการปรับการยิง เครื่องยิงลูกระเบิดและปืนใหญ่ การเดินแผนที่และเข็มทิศ การรวบรวมและรายงานข่าวสาร และการพิสูจน์ฝ่ายและอาวุธยุทโธปกรณ์
ในหนึ่งชุดซุ่มยิงลาดตระเวน จะประกอบไปด้วย กำลังพล 2 นาย คือ 1. พลซุ่มยิง (Sniper) เป็นผู้ที่ทำหน้าที่ในการซุ่มยิง และ 2. พลชี้เป้า (Spotter) เป็นผู้ที่ทำหน้าที่วัดระยะจากที่วางตัว ไปยังเป้าหมายแล้วแจ้งให้พลซุ่มยิงทราบ
http://www.pattayada...พลซุ่มยิงระยะไ/
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#2
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 01:13
คริส ไคล์คาวบอยหนุ่มจากเท็กซัสโตมากับการล่ากวางและนกก่อนสมัครร่วมหน่วยซีลของสหรัฐ เขากลายเป็นพลซุ่มยิงที่ปลิดชีพคนได้มากที่สุดของกองทัพ สถิติเหยื่อ 160 ศพตามบันทึกเพนตากอนระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในอิรัคนาน 10 ปี จำนวนศพไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์แต่หนังสือของเขาที่พิมพ์ออกมาในเดือนมกรา 2555 นี้ ไคล์ได้เผยสภาพจิตใจของทหารที่ต้องเฝ้ารอก่อนส่องกระสุนสังหารเหยื่ออย่างที่คนทั่วไปยากจะเข้าถึง
เมื่อสหรัฐบุกอิรัคโค่นซัดดัมปี 2546 ไคล์ได้รับคำสั่งให้ไปซุ่มที่ตึกเก่าตึกหนึ่ง ขณะที่หน่วยนาวิกโยธินหลายนายกำลังเคลื่อนเข้าตัวเมือง...ไคล์ถูกสั่งให้เก็บสตรีนางหนึ่งที่ถือระเบิดในมือพร้อมจะจุดชนวนและโยนใส่นาวิกโยธินหน่วยนั้น ไคล์ลังเล บอกตัวเองว่า...แต่
จนหัวหน้าต้องสั่งซ้ำอีกรอบว่า...ยิงเดี๋ยวนี้ !
นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมต้องฆ่าคน มันสับสนมาก หนึ่ง นั่นเป็นผู้หญิง สอง ผมถามตัวเองว่าแน่ใจหรือว่าจะลงมือจริงๆ มันถูกต้องหรือ ถ้าทำไปแล้วจะโดนไล่กลับบ้านมั้ย จะมีทนายมาถามผมวันหลังมั้ยว่าคุณฆ่าผู้หญิงตาย คุณต้องเข้าคุก ฯลฯ
แต่ในที่สุดสไนเปอร์มือใหม่ไม่มีเวลาหาคำตอบ ผู้หญิงคนนั้นกับระเบิดในมือช่วยทำให้ไคล์ตัดสินใจได้ คือหากต้องการให้เพื่อนรอดก็ต้องกำจัดเธอ ไคล์จึงเหนี่ยวไก และไคล์ไปอิรัคถึงสี่ผลัดจึงเริ่มเหนี่ยวไกโดยไม่รู้สึกลังเล ฝ่ายข่าวกรองกองทัพระบุว่าในสมรภูมิเมืองราห์มาดีนั้นชื่อเสียงของสไนเปอร์ไคล์ขจรขจายมากในกลุ่มต่อต้าน ทั้งยังพร้อมใจตั้งฉายาให้เขาว่า “ปีศาจแห่งราห์มาดี” พร้อมค่าหัวหกหมื่นบาท
แต่ในสายตาของเพื่อนร่วมหน่วยซีล ไคล์ได้ฉายาว่า “เดอะ เลเจนด์” จากผลงานนอกเมืองซาตร์ในปี 2551 ที่ไคล์ส่องฝ่ายต่อต้านดับจากระยะ 2100 หลาซี่งเป็นระยะที่ไกลมากขณะที่ชายคนนั้นกำลังจะยิงจรวดใส่ขบวนรถทหารสหรัฐ
ไคล์เลิกอาชีพนี้เพื่อรักษาชีวิตสมรส ปัจจุบันเขาอาศัยในดัลลัส เปิดบริษัทฝึกซุ่มยิงและตีพิมพ์หนังสือชื่อ “อเมริกัน สไนเปอร์” เปิดเผยความในใจว่า
“ไม่เคยนึกเสียใจในสิ่งที่ทำ การยิงศัตรูเป็นหน้าที่ของผม ผมเสียใจกับเพื่อนทหารและคนที่ผมไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้มากกว่า”
แต่สไนเปอร์ในอิสราเอลมีความอ่อนไหวมากกว่าไคล์ เพราะจากการอ่านบทความของเนดาห์ บาร์ นักมานุษยวิทยาที่ศึกษาสไนเปอร์อิสราเอลพบว่าพลซุ่มอิสราเอลที่ต้องเฝ้าติดตามเป้าหมายก่อนยิงเป็นหลายวันหรือหลายชั่วโมงก็จะมีความคุ้นเคยกับเหยื่อ จากการศึกษาสไนเปอร์ 30 คนในดินแดนปาเลสไตน์ช่วงปี 2543 – 2546 เพื่อดูว่าการสังหารจะเป็นบาดแผลทางใจหรือไม่ สิ่งที่สำรวจได้ก็คือ แม้ทหารอิสราเอลมองว่ากลุ่มหัวรุนแรงปาเลสไตน์เป็น “ผู้ก่อการร้าย” แต่ก็มองพวกเขาว่าเป็นมนุษย์ไม่แตกต่างกัน
“สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ พวกเราที่อยู่คนละฝั่งกับพวกนั้นได้ป้องกันการสังหารผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก และพวกเราไม่เสียใจ”
ในอังกฤษนั้นสไนเปอร์ต้องผ่านการฝึกหนัก 3 เดือน และคนที่ผ่านการทดสอบมีเพียง 1 ใน 4 ส่วนสไนเปอร์ในหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐก็เป็นหลักสูตรที่หินที่สุดในกองทัพ อัตราการสอบตกมีมากถึงกว่า 60 % โดยสิ่งที่จะต้องฝ่าฟันหลังการสอบได้ยังต้องมีอีกเป็นหางว่าว เช่นการทดสอบวุฒิภาวะ ความสุขุม และการตัดสินใจเบื้องต้น ที่ล้วนจะต้องมีคะแนนอยู่ในระดับยอดเยี่ยม
ไบรอัน เชน อดีตสไนเปอร์คนหนึ่งในสหรัฐกล่าวว่า สไนเปอร์ต่างมีปัญหาเดียวกันคือคุณเล่าให้ภรรยาฟังไม่ได้ ระบายให้บาทหลวงฟังก็ไม่ได้ มีแต่สไนเปอร์ด้วยกันเท่านั้นจึงจะเข้าใจซึ่งกันและกัน
และสำหรับสไนเปอร์ที่ปลิดชีพเหยื่อมากที่สุดในสหรัฐแบบคริส ไคล์ คำถามว่า “รู้สึกผิดบาปหรือไม่” ไม่ใช่คำถามสำหรับเขา
“มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่มองเห็นศพจริงๆโดยรู้แก่ใจว่าคุณคือคนที่ทำให้ร่างนั้นไม่ไหวติงอีกต่อไป แต่ทุกคนที่ผมสังหาร ผมเชื่อย่างสุจริตใจว่าเป็นคนเลว และเมื่อถึงเวลาที่ผมได้เฝ้าพระเจ้า อาจมีเรื่องราวมากมายที่ผมต้องรับผิด แต่จะไม่มีเรื่องการสังหารคนเหล่านั้นรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน”
( เรียบเรียงจากคอลัมน์เปิดโลกวันอาทิตย์ ของอุไรวรรณ นอร์มา แปลจากบีบีซี เดอะเดลิเมล์ )
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#3
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 01:17
ร็อบ เฟอร์ลอง (Rob Furlong) เป็นอดีตพลทหารกองทัพแคนาดา ปฏิบัติการในอัฟกานิสถาน เป็นสไนเปอร์ที่ยิงสังหารได้จากระยะไกลที่สุดเท่าที่มีการบันทึกในประวัติศาสตร์ คือ 1.51 ไมล์ หรือ 2,430 เมตร
ร็อบยิงด้วยปืน TAC 50 ขนาด .50 ของแม็คมิลลันบราเดอร์ส (McMillan Brothers) และ ยิงด้วยกระสุน A-MAX เป้าหมายเป็นผู้นำระดับปฏิบัติการคนสำคัญของกลุ่มอัลกออิดะห์ นัดแรกของเขาพลาดเป้า นัดที่สองโดนเป้สะพายหลัง
ตอนกระสุนนัดที่ 2 โดนนั้น ร็อบได้เหนี่ยวไกยิงนัดที่ 3 ออกไปแล้ว แต่ก็เป็นช่วงที่อีกฝ่ายหนึ่งรู้ตัวว่าถูกลอบยิง ระยะทางขนาดนั้นกระสุนแต่ละนัดใช้เวลาราว 3 วินาที แหวกอากาศสู่เป้าหมาย ซึ่งนานพอที่อีกฝ่ายหนึ่งจะรู้ตัวว่าโดนซุ่มและหลบหาที่กำบัง
แต่นักฆ่าชาวแคนาดามีสติมั่นคง เพียง 3 วินาทีก็มากพอที่จะยิงซ้ำนัดที่ 3 ซึ่งพุ่งเข้าทะลุหน้าอกของเป้าหมายทั้งหมดนี้เกิดขึ้นต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมสังหารอีก 3 คน
http://astv.mobi/AXTvX0Z
TAC 50
Edited by ดราม่า, 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 01:19.
#4
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 05:00
#5
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 05:10
http://www.youtube.com/watch?v=xbV2uYk1VNs&feature=relmfu
Edited by redfrog53, 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 05:12.
#6
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 06:50
เปิดโฉมหน้า … "สไนเปอร์" สาว (สวย) คนแรกในประเทศไทย
http://www.baanmaha....hread39393.html
ก่อนประจันหน้า สารภาพกันหมดตับ ไต ไส้ พุง ไล่ไปจนถึงถุงน้ำดี ตรงๆ ไม่คิดว่า สาวสไนเปอร์คนแรกในประเทศไทย
หรือที่ใครๆ เรียกเธอว่า “ครูน้อย” นั้น จะน่ารัก และอินเทรนด์ขนาดนี้
เธอดัดฟัน เขียนคิ้ว ดัดขนตา รับกับการระบายใบหน้าและริมฝีปากสีอ่อน ดูสดใส,
ไม่มีเค้าโครงบอกให้รู้ว่าเธอคือ “นักแม่นปืน” มือฉมังอันดับต้นๆ ในหน่วยงาน “เพชรฆาต” ที่ปฏิบัติภารกิจลับสุดขอบฟ้ามาแล้วกว่า 6 ปี
แม้ว่าจะมีข้อแม้ยิบยับมากมาย เช่น ห้ามเปิดเผยชื่อ-นามสกุลจริง ห้ามเปิดเผยที่อยู่
แถมยังเปิดเผยหน้าตา วิธีการปฏิบัติงานและภารกิจ แถมยังห้ามถ่ายรูปหน้าชัดๆ เนื่องจากความปลอดภัย
ขอบคุณที่แสดงเจตจำนงค์กันตรงๆ
แต่ทว่าข้อห้ามข้างต้นไม่ใช่ประเด็นใหญ่ทั้งหมดในบทสนทนา วันนี้นอกจาก "ไทยรัฐออนไลน์" จะเปิดใจ ค้นเรื่องลับๆ แล้ว
ยังจะค้นตัวตนแท้ๆ อีกมุมหนึ่งที่ใครๆ ไม่รู้กับสไนเปอร์สาวคนแรกของประเทศไทยที่รับประกันความน่ารัก สดใส เหมาะกับวัย 30 ของเธอ
(ขอบคุณไทยรัฐออนไลน์ และเว็บบ้านมหาดอทคอม มา ณ.โอกาสนี้)
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#7
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 07:16
ฝากต่อพวกควายแดงที่สนใจ 7.75 ล้านครับ
#8
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 07:17
“ถึงเป็นสไนเปอร์ แต่เราก็เป็นผู้หญิงนะคะ” สไนเปอร์สาวคนแรกของประเทศไทยยิ้มสดใสโชว์เหล็กดัดฟันสีสวย
ตอบคำถามที่ว่า ขึ้นชื่อว่าเป็นมือสไนเปอร์แล้ว หน้าตา บุคลิกจะต้องเงียบขรึม หน้าตาดุดัน นิสัยดุเดือดเป็นพิมพ์นิยม ราวกับตัวเอกในซี่รี่ย์ยอดฮิต CSI
“ไม่เสมอไปคะ จริงๆ ถ้าสนิทกัน เพื่อนบอกว่าเราเป็นคนคุยเก่ง ยิ้มเก่ง ติดห้าวเล็กๆ แต่ชอบถ่ายรูปสุดยอด” พูดพลาง หยิบโทรศัพท์ บีบี สีสดขึ้นมา พร้อมกับถามที่เล่นทีจริงว่า
“มีพินไหมคะ เผื่อมีงานอะไรจะได้ติดต่อกันง่าย” จบประโยคนี้ นอกจากจะยอมรับว่าเชยส์ส์ไม่ได้ใช้ แบล็กเบอรี่ แล้ว
เหนืออื่นใด การ “แจกพิน หรือเบอร์โทรศัพท์” ให้กับหน่วยงาน “สายลับทะลุทะลวงตับ” ระดับประเทศ ไปง่ายๆ คงไม่ดีแน่ จึงสารภาพความในใจไปตามตรง
ครูน้อยหัวเราะ และเริ่มเล่าเส้นทางชีวิตกว่าจะมีวันนี้ได้
เส้นทางสาวบ้านนอก สู่สไนเปอร์สาว…!
พื้นเพครูน้อยเป็นคน จ.เลย จบการศึกษามาจากคณะรัฐประศาสนศาสตร์ เรียนเก่งจนได้เกียรตินิยมอันดับ 2
หลังจากนั้นเธอก็สอบได้ที่สำนักงานคุมประพฤติ จ.เลย โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากได้เงินเยอะจากบริษัทเอกชนแต่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อประชาชน
ทำได้อยู่ปีกว่า จึงสอบทำงานได้ที่สำนักงานศาลปกครองกลาง นี่คือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ได้เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ
“บ้านนอกเข้ากรุงครั้งแรก (หัวเราะ) โอ้โห... ไปไหนไม่เป็นเลย เราตื่นเต้น ตื่นคนมากๆ คือเราไม่เคยเจอคนเยอะขนาดนี้
ไม่รู้จักใครเลย เพื่อนก็ไม่มี ปรับตัวอยู่นานเหมือนกันค่ะกว่าจะรู้ตรงไหนเป็นตรงไหน
เพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งความศิวิไลซ์ แต่ที่ “เลย” เป็นเมืองเล็กๆ มีแต่คนใจดี ไม่มีอาชญากรรมร้ายแรง
ทำงานอยู่ที่นั่นได้หลายเดือนก็รู้สึกว่า “มันไม่ใช่” จึงตัดสินใจออกไปหางานใหม่ พอดีส่งประวัติไปแล้วบังเอิญหน่วยงานนี้เขาเรียกไปสอบสัมภาษณ์
จนกระทั่งได้รับโอกาส โดยตำแหน่งแรกที่ได้รับคือ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ระดับ 3”
สไนเปอร์สาวบอกต่อไปว่า หน้าที่รับผิดชอบในระยะแรกทำงานจะต้องเข้าอบรมในเบื้องต้น 3 เดือน ให้รู้เนื้องานว่าแต่ละสำนักหน้าที่มีอะไรบ้าง
เพื่อที่จะจัดคนลงในแต่ละหน่วย มีอยู่วันหนึ่งขณะอบรมอยู่ ท่าน อดีต ผบ.สุเทพ สถาผล สำนักพัฒนาและสนับสนุนคดีพิเศษ (DSI) มาบรรยายให้ความรู้
ช่วงใกล้จะจบท่านก็พูดในที่ประชุมว่า “ในสำนักของผมมีส่วนปฏิบัติการพิเศษที่ทำงานต้องลุย ต้องออกพื้นที่ ต้องยิงปืน มีใครบ้างที่สนใจจะมาอยู่กับผมบ้าง...?”
ทั้งห้องก็ส่งเสียงฮือฮากันใหญ่
เพราะ ครูน้อย ยกมืออย่างมั่นใจคนเดียว ด้วยความตั้งใจครั้งนี้ ไม่นานเธอก็ได้มาอยู่ที่ส่วนฝึกความเชี่ยวชาญพิเศษสมใจ
“มาฝึกในทีม แรกๆ ก็เขินเพราะว่าเราเป็นผู้หญิงคนเดียวจาก 20 กว่าคน แต่เนื่องจากพี่ๆเขาน่ารักมาก ให้เกียรติเราและดูแลเราเหมือนน้องผู้ชายคนหนึ่ง
ซึ่งแต่ละคนก็พยายามจะถ่ายทอดวิชาที่ตนเองถนัดให้ ซึ่งการเป็นมือสไนเปอร์จริงๆ ไม่ได้ซุ่มยิงระยะไกลอย่างเดียวอย่างที่หลายคนคิดนะคะ
มือสไนเปอร์ต้องทำได้ทุกภารกิจ เป็นได้ทั้งสายสืบ สายลับ เป็นได้ทั้งนักเจาะหาข้อมูล กระทั่งการสอบสวน
ซึ่งวิชาทั้งหมดที่สอนกัน รุ่นพี่ๆ เก่งๆ ด้านต่างๆ ก็จะถ่ายทอดเทคนิคมาให้เราทุกคน”
ปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมสุดยอดทุกวิชาไป โดยเฉพาะวิชายิงปืน ครูน้อยได้ชื่อว่ายิงได้แม่นที่สุดในหน่วย ราวกับจับวาง
แต่ใช่ว่ายิงปืนแม่นจะเป็นมือสไนเปอร์ได้ทันที เพราะอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ ครูน้อยย้ำว่า จุดเด่นของมือสไนเปอร์นั้นต้องกลืนตัวเองไปกับสิ่งแวดล้อม
แถมยังต้องเป็นคนมีความอดทนมากเป็นพิเศษ
“มันเป็นงานที่ต้องอาศัยความอึด (เน้นเสียง) เพราะบางทีเราต้องเฝ้าเป้าหมายอยู่ท่าเดิมๆเป็นวันๆ ดังนั้นต้องนิ่งให้มากที่สุด
ไม่เหมือนกับหน่วยสะกดรอยที่สามารถมีมูฟเมนท์ได้
เรื่องอาหารการกิน (เมนูฮิตของมือสไนเปอร์ไทยต่อการสุ่มดูเป้าหมาย 1 วันมีดังนี้ 1.น้ำเปล่าหนึ่งขวด 2.ขนมปังสองแถว
เรื่องขับถ่ายก็เป็นข้อจำกัดมากๆ ของคนที่ทำงานด้านนี้ ดังนั้นนอกจากที่กล่าวมาข้างต้น สิ่งที่มือสไนเปอร์ขาดไม่ได้ก็คือ “บัดดี้”
ที่เรียกได้ว่ามองตาต้องรู้ใจว่าต้องการอะไร เพราะต้องสื่อสารกันด้วยสายตามากกว่าคำพูดตลอดเวลา”
สไนเปอร์ห้ามมีความรัก...?
6 ปีที่ปฏิบัติหน้าที่มา ครูน้อยยอมรับว่า นอกจากมีภารกิจที่ประทับใจเยอะ ทว่าภารกิจเสี่ยงตายก็มากคณานับ
แต่พอบรรลุภารกิจหน้าที่การงานทุกๆ คนก็สามารถมีชีวิตได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไป
ว่ากันว่ากฏเหล็กสำคัญในการเป็นสไนเปอร์คือห้ามมีความรัก...?
“ไม่จริง (เน้นเสียง) มีได้ค่ะ แต่ตอนนี้เราเพิ่งเลิกกับแฟนไป แต่ถึงจะอกหักตอนนี้เราก็ยังมองว่าความรักยังเป็นเรื่องที่สวยงามอยู่ ไม่ได้ปิดกั้นหรือเข็ดขยาด
คนที่มาเป็นแฟนสไนเปอร์ก็ไม่ต้องมีอะไรมาก (หัวเราะ) ต้องเข้าใจและไว้ใจ
ยิ่งเราทำงานเสี่ยงๆ แบบนี้ด้วย เรามักจะเปรียบความรักเสมอๆ ว่ามันเหมือนกับวงกลม 2 วง ที่มาตัดกัน
อันนี้พื้นที่เรา นี่พื้นที่ของฉัน นี่คือพื้นที่ของเธอ จริงๆ ความรักเราต้องมีสเปซให้กันและกันถึงจะอยู่เป็นสุขได้
เข้าทำนองเป็นแฟนสไนเปอร์ต้องอดทน (หัวเราะ) แต่เราจะไม่บอกแฟนเราว่าทำงานอะไร (หัวเราะ)”
วันว่างๆ และหนังเรื่องโปรด
หลายคนเชื่อว่า วันว่างๆ ของสไนเปอร์สาวจะต้องดูเคร่งขรึม และต้องเก็บตัวอยู่ในเซฟเฮาท์ลึกลับ
แต่ทว่าครูน้อยบอกว่าเธอก็ใช้ชีวิตปกติ ว่างๆ ก็ออกกำลังกาย ตีแบดมินตัน เล่นฟิสเนตเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
ถ้ามีเวลาว่างก็ไปเดินเที่ยวเล่น ช้อปปิ้ง โดยเฉพาะดูหนังซึ่งเป็นงานอดิเรกโปรดของเธอ
“ชอบมากกว่าอ่านหนังสือ เพราะอ่านทีไรหลับทุกที (หัวเราะ) ส่วนใหญ่เรื่องที่ดูก็จะเป็นหนังฝรั่งแนวแอ็คชั่น
เช่น Mr. and Mrs. Smith, Sniper, Jame Bone 007 ภาคล่าสุด, Bone Collector, Twenty Four, The Kingdom ฯลฯ
การดูหนังแบบนี้เราไม่ได้ดูเพื่อความสนุกเพียงอย่างเดียว แต่เราดูไว้เป็นความรู้เพื่อเอาไปประยุกต์ใช้กับการทำงานของเราด้วย
ส่วนหนังการ์ตูนก็มีบ้าง อย่าง Megamind จอมวายร้ายพิทักษ์โลก
เรื่องนี้ชอบมาก เพิ่งไปดูมา มันสอนให้เรารู้ว่า. . .
“ในโลกนี้ถ้าไม่มีผู้ร้ายก็ไม่มีพระเอกเกิดขึ้น” มันก็เหมือนโลกแห่งความเป็นจริง
ที่สำคัญเมื่อเกิดการปะทะกันแล้วที่สุดก็ต้องมีหนทางที่จะคลี่คลายเป็นทางออกของตัวมันเองเสมอ
เวลาดูหนัง ครูน้อยจะเป็นคนชอบวิเคราะห์ว่าเรื่องนี้สอนอะไรเราบ้าง” เธอชอบดูแล้ววิเคราะห์หนังไปด้วย
สำหรับปรัชญาในการใช้ชีวิต...? นักแม่นปืนตอบว่า ทำวันนี้ให้ดีและเต็มที่ที่สุดค่ะ
“สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ วันนี้ดีใจที่ได้มาทำงานตรงนี้ และขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสกับผู้หญิงได้แสดงฝีมือได้ทำงานใหญ่เพื่อประเทศชาติ
แต่ทางที่น่าจะดีกว่าไหมถ้าโลกนี้เป็นเหมือนกับบทสรุปของหนังเรื่อง Megamind คือ
"ถ้าไม่มีโจรก็จะไม่มีพระเอก โลกนี้ก็จะสงบ มีแต่คนรักกันดังเดิม” เธอกล่าวทิ้งท้ายให้ข้อคิด
นี่คือ "ความในใจของสไนเปอร์สาวไทย" ไม่ทราบว่าเหยื่อสังหารของเธอที่ผ่านมาและในภายภาคหน้าจะเป็นใคร
ซึ่งคงได้แต่เดา เพราะมันเป็นภารกิจลับของเธอ !!
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#9
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 07:26
If you try hard enough, you can be whatever you want to be.
#10
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 07:34
สวย ดุแบบนี้
มีทั่วๆไปเลยแฮะ
เท่มาก ชอบ
#11
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 07:52
ทำให้ผมรุ้ว่า
สไนเปอร์
แม่นจริงๆๆ
แล้วก็สำคัญ
ถ่ายทอดสดด้วย
จากนั้น กองกำลัง กล้วยตาก โรนิน กระจายเหมือนเหรี้ยแตกรัง
ด้วยเลย นิ
#12
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 09:14
ต้องขอบคุณภาพยนตร์ Enemy at the Gate ที่ทำให้โลกรู้จัก วาซีลี เซ้ตซอฟ (Vasiliy Zaitsev) พลแม่นปืนที่ขับเคี่ยวกับนายทหารนาซีคนหนึ่งนาน 3 สัปดาห์ และ กลายเป็นผู้พิชิตนายพลสุดยอดฝีมือในศึกสตาลินกราด เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2
Vasiliy Zaitsev เป็นทหารหน่วย sniper ซุ่มยิงลอบสังหารฝ่ายตรงข้าม วาซีลี ใช้ปืนไรเฟิลซุ่มยิงทหารเยอรมัน และสังหารไปได้ 242 นาย
ฝีมือแม่นปืนของแกเป็นตำนานประมาณว่าในจำนวน 242 นายที่สังหารไปนั่นใช้กระสุนปืนไปเพียงแค่ 243 ลูกเท่านั้นเอง ...
ในภาพยนต์ The Enemy At The Gate นั้นเนื้อเรื่องบรรยายว่า วาซีลีสังหารเก่งมากจนทหารเยอรมันขวัญหนีดีฝ่อไปหมด
ทางกองทัพที่ 6 ของนาซีจึงได้ขอนักแม่นปืนจากกองทัพ มา "ล่าหัว" วาซีลีซะ เรียกว่าหนามยอกเอาหนามบ่ง
ผู้ที่ทางเยอรมันส่งมาปราบคือ Major Konings เลยเกิดเป็นสงครามชิงไหวชิงพริบระหว่างนักแม่นปืนสองคนนี้
แต่ภาพยนตร์คือ มายา ถึงแม้ เซ้ตซอฟ จะมีตัวตนอยู่จริงและเป็นสไนเปอร์ระดับเทพจริง แต่ก็มีหลายเรื่องที่ไม่จริง
ไม่นานเพียง 2-3 ทศวรรษหลังศึกสตาลินกราด สไนเปอร์ชั้นเทพได้จุติขึ้นมาอีก 3 คน ในยุคสงครามเวียดนาม ทั้งหมดเป็นทหารอเมริกัน ซึ่งเมื่อรวมผลงานแล้ว สามเทพสามารถ “เก็บ” ฝ่ายข้าศึกได้รวมกันกว่า 400 คน
เว็บไซต์ข่าวการทหารในสหรัฐฯ ขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง พร้อมจัดให้สไนเปอร์อเมริกันทั้งสาม เข้าอันดับ “10 สไนเปอร์มือหนึ่ง” นับแต่มีคนกลุ่มนี้อยู่ในโลก
แต่ไม่ใช่แค่จำนวนเป้าหมายที่พวกเขา “ล้ม” ได้เท่านั้น ความสามารถพิเศษกับความทรหดอดทน เป็นคุณสมบัติสำคัญเช่นกันในการจัดอันดับเทพสไนเปอร์ทั้งสิบ
1.คาร์ลอส นอร์แมน แฮธค็อกซ์ ที่ 2 (Carlos Norman Hathcock II)
.
แฮธค็อกซ์ เกิดวันที่ 20 พ.ค.2485 ถึงแก่กรรม 1 เม.ย.2542 เคยเป็นนักยิงปืนล่ารางวัลและได้รับหลากหลายรางวัลก่อนจะอาสาไปเวียดนาม ซึ่งพลทหารคนนี้สามารถ “ล้ม” ข้าศึกได้ 93 คนเท่าที่ยืนยันได้ และ ยังมีเป้าหมายที่ไม่สามารถยืนยันการเสียชีวิตได้อีกนับร้อย
มีเรื่องเล่ากันต่อๆ มาว่า กองทัพเวียดนามเหนือตั้งค่าหัวแฮธค็อกซ์ถึง 30,000 ดอลลาร์ หลังจากสังหารกำลังพลของฝ่ายนั้นไปมากมาย รวมทั้งระดับรองแม่ทัพคนหนึ่ง
แฮธค็อกซ์ เป็นสไนเปอร์เพียงคนเดียวในสงครามเวียดนาม ที่ “สอย” นักซุ่มของฝ่ายข้าศึกคนหนึ่งโดยยิงทะลุกล้องติดปืน ซึ่งมีเพียงโอกาสเดียวที่จะเกิดขึ้นได้ คือ ทั้งสองฝ่ายเล็งปืนเข้าหากันในเวลาเดียวกัน แฮธค็อกซ์ ลั่นไกก่อนและมันพุ่งทะลุเข้าลูกตาอย่างแม่นยำ
เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นขณะที่หมวดนาวิกโยธินที่แฮธค็อกซ์สังกัด กำลังลาดตระเวน สไนเปอร์ของเวียดนามเหนือเปิดฉากยิงจากระยะไกลแต่พลาด พลทหารโรแลนด์ เบิร์ค (Roland Burke) พลชี้เป้ามองเห็นแสงสะท้อนจากเลนส์กล้องติดปืน แฮธค็อกซ์เล็งไปที่นั่นทันทีทันใด และสร้างตำนานให้สไนเปอร์รุ่นหลังเล่าขาน
ครั้งหนึ่งเขาได้รับคำสั่งให้ “เก็บ” นายพลเวียดนามเหนือคนสำคัญ แฮธค็อกซ์ปฏิบัติการเวลากลางคืน พรางตัวและคลานเป็นระยะทาง 1,500 หลาเข้าพื้นที่เป้าหมาย ช่วงหนึ่งเขาเกือบถูกงูเห่าฉก และอีกครั้งหนึ่งเกือบจะถูกทหารเดินยามเวียดนามเหนือคนหนึ่งเหยียบ
แฮธค็อกซ์ คลานถึงจุดซุ่ม เมื่อเป้าหมายไปถึงเขาก็พร้อมอยู่แล้วและเหนี่ยวไกทันที ท่านนายพลโดนเข้ากลางอกล้มลง ทหารฝ่ายนั้นออกค้นหาสไนเปอร์จ้าละหวั่น พลทหารนักแม่นปืนต้องคลานกลับอีก 1,500 หลา ให้พ้นพื้นที่ข้าศึก
และนี่คือ สุดยอดสไนเปอร์ในช่วงสงครามเวียดนาม ซึ่งทะยานขึ้นอันดับ 2 ในสังเวียนระดับโลก
2.เอเดลเบิร์ต เอฟ วัลดรอน (Adelbert F Waldron)
.
เกิดวันที่ 14 มี.ค.2476 ถึงแก่กรรม 18 ต.ค.2535 “เก็บ” ฝ่ายเวียดนามเหนือได้ 109 คน แต่ได้รับการยกย่องเป็นนักแม่นปืนที่แม่นยำที่สุดและมือดีที่สุดคนหนึ่งของนาวิกฯ สหรัฐฯ
พ.อ.ไมเคิล ลี แลนนิง (Michael Lee Lanning) นายทหารผ่านศึกจากสงครามเวียดนาม ได้บันทึกเหตุการณ์เอาไว้ว่า บ่ายวันหนึ่งขณะหมวดลาดตระเวนกำลังแล่นเรือไปตามลำน้ำโขง มีข้าศึกยิงจากฝั่งในระยะไกลโดนเข้าลำเรือ และขณะที่คนอื่นๆ ตื่นตระหนกหาที่หลบซ่อน จ่าวัลดรอนมองเห็น เขายกปืนขึ้นเล็งและสอยเวียดกงนักซุ่มลงจากต้นมะพร้าวที่อยู่ห่างออกไปราว 900 หลา
มือวางอันดับ 2 ในสงครามเวียดนามและอันดับ 3 ในระดับโลก ได้รับการยกย่องในความมีสติ กับความแม่นยำยิ่ง ในเหตุการณ์ดังกล่าว เขาประทับไหล่ยิงขณะที่เรือยังคงแล่นไปข้างหน้า ซึ่งยากมากที่จะ "สอย" เป้าหมายที่อยู่ไกลขนาดนั้น
“นี่คือ พลแม่นปืนที่ดีที่สุดของเราคนหนึ่ง” พ.อ.แลนนิง เขียนเอาไว้ในหนังสือ “Inside the Crosshairs: Snipers in Vietnam”
3. ชาร์ลส์ “ชัค” มอวินนีย์ (Charles ‘Chuck’ Mawhinney)
.
เกิดปี พ.ศ.2492 เกิดในครอบครัวชาวนาแห่งทุ่งแพรรี่ ล่าสัตว์มาตั้งแต่ยังเล็ก สมัครเข้ารับใช้ชาติในปี 2510 และ เพียง 16 เดือนในเวียดนาม พลทหารมอวินนีย์ ซัดข้าศึกด่าวดิ้นต่อหน้า 103 คน อีก 216 คน โดน “ส่อง” และอาจถึงแก่ชีวิต ในช่วงปีดังกล่าวเป็นการเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะค้นหาศพเพื่อยืนยัน
เมื่อปลดประจำการจากกองกำลังนาวิกโยธิน “ชัค” ไม่ปริปากเรื่องเวียดนามกับใคร มีเพื่อนนาวิกฯ เพียงไม่กี่คนที่รู้ จนอีก 20 ปีต่อมาหนึ่งในคนเหล่านั้นจึงเปิดเผยเรื่องราวอันน่าทึ่งของเขาออกมาให้โลกรู้จัก ซึ่งขณะนั้นมอวินนีย์เป็นครูสอนวิชายิงปืนที่สถาบันแห่งหนึ่ง
“มันเป็นการล่าที่สุดยอด- คนๆ หนึ่งออกล่าอีกคนหนึ่งที่กำลังตามล่าตัวเขาเช่นเดียวกัน อย่าเอาไปเปรียบเทียบกับการล่าสิงโตล่าช้างอย่างเด็ดขาด- สัตว์พวกนั้นไม่ได้มีโอกาสต่อสู้ ไม่ได้ยิงโต้ตอบคุณด้วยไรเฟิ้ลติดกล้อง ผมรักการล่า (ในเวียดนาม) อย่างจับใจ และรู้สึกพอแล้ว” เพื่อนนาวิกฯ ที่เขียนเรื่องราวของเขา อ้างคำพูดอันเป็นวรรคทองของมอวินนีย์
ระยะซุ่มยิงของมอวินนีย์จะอยู่ระหว่าง 300-800 หลา แต่ก็มีหลายครั้งที่เขาสอยข้าศึกร่วงจากระยะกว่า 1,000 หลา ซึ่งทำให้มอวินนีย์เป็นเทพสไนเปอร์อันดับ 3 ในสงครามเวียดนาม และนี่คือมือวางอันดับ 8 ของโลก
อยากอ่านต่อ. . .10 เทพตลอดกาล . . .เชิญที่นี่ค่ะ
http://www.manager.c...D=9550000005903
Edited by หนูอ้อย, 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 11:42.
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#13
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 09:22
乙夜 メイド姿でBarrett M82A1 .50calを撃つ!
http://www.youtube.com/watch?v=xbV2uYk1VNs&feature=relmfu
ยิงกลางหัวใจผมแรงๆ ได้เลยครับ
#14
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 09:35
ผมนี่ มือ สไนเปอร์ เลย
ริ จะเป็นมือสไนเปอร์ ต้องอดทน
อย่างน้อยๆวันละ 4-5 ชั่วโมง ที่ต้องนัดเพื่อนๆไปฝึกฝน
เดินโต๋เต๋ๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือ เจอส่องหัวกระจุย
The most valuable things in life are not measured in monetary terms.
The really important things are not houses and lands, stocks and bonds, automobiles and real estate,
but friendships, trust, confidence, empathy, mercy, love and faith.
#15
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 11:02
พลแม่นปืน หรือ พลซุ่มยิง (Sniper หรือ Sharpshooter) เจ้าของสมยานาม “One Shot, One Kill” หรือ “หนึ่งนัด หนึ่งสังหาร” มีประจำการในสองหน่วยงานหลักๆ คือ ทหาร (นิยมเรียกว่า Sniper) และ ตำรวจ (มักเรียกว่า Sharpshooter) อาวุธประจำกายของพลซุ่มยิงเป็นปืนยาวความแม่นยำสูงติดกล้องเล็ง (High-precision rifles with scope) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปืนระบบ Bolt action (ปืนยิงทีละนัด บรรจุกระสุนและคัดปลอกกระสุนด้วยมือ) แม้ปัจจุบันจะมีปืนซุ่มยิงแบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi-auto sniper rifles) แต่มีข้อจำกัดบางประการจึงยังไม่นิยมมากนัก
คำว่า Sniper นั้นเริ่มใช้กันมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1824 โดยเรียกทหารอังกฤษในอินเดียซึ่งสามารถยิงปืนได้แม่นยำ (ขณะนั้นกีฬายิงนก Snipe นิยมมากและผู้ที่ยิงได้ดีจึงถูกเรียกว่า Sniper) ในอเมริกาคำว่า Sniper ถูกนำมาใช้ภายหลังสงครามกลางเมือง (American civil war, ค.ศ. 1861-1865) โดยความรู้ในเรื่องการซุ่มยิงและการพรางตัวได้นำมาจากนายพรานล่าสัตว์ในช่วงแรกและมีการพัฒนาต่อเนื่องมาเพื่อใช้ในการสงคราม
ปืนยาวติดกล้องเล็งซึ่งใช้ในการซุ่มยิงถูกใช้ครั้งแรกโดยทหารเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ. 1914-1918) ต่อมาอังกฤษจึงได้จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมพลแม่นปืนขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1915 บทบาทของพลซุ่มยิงเด่นชัดมากขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1939-1945)
การฝึกพลซุ่มยิงสำหรับตำรวจเริ่มหลังจากเหตุการณ์จับตัวประกันที่ประเทศเยอรมนีในปี ค.ศ. 1972 (ขณะนั้นมีเพียงพลซุ่มยิงของทหารเท่านั้น แต่กฎหมายภายในประเทศห้ามทหารปฏิบัติการในเขตเมืองเป็นอันขาด ทำให้มีตัวประกันเสียชีวิตจำนวนมาก หลังจากนั้นกรมตำรวจทั่วโลกก็เริ่มเห็นความสำคัญของพลซุ่มยิง จึงได้มีการฝึกอบรมในเวลาต่อมา)
พลซุ่มยิงเหล่านี้มีความแตกต่างกันในภาระหน้าที่ตามแต่ลักษณะงาน เช่น ในการทหารพลซุ่มยิงมักใช้ในยามสงครามเป็นส่วนใหญ่เป็นการยิงที่ระยะไกลกว่า 1 ก.ม. จนถึง 2 ก.ม. (แต่สถิติไกลสุดอยู่ที่ระยะ 2,475 เมตร โดยทหารอังกฤษนาม Craig Harrison เมื่อ พ.ย. พ.ศ. 2552 ที่ประเทศอัฟกานิสถาน) ส่วนพลซุ่มยิงของตำรวจมักเป็นการยิงในเขตเมืองที่ระยะไม่เกิน 1 ก.ม. โดยส่วนใหญ่เป็นการยิงเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน ซึ่งเป็นทางเลือกสุดท้ายหากการเจรจากับคนร้ายล้มเหลว เนื่องจากเป็นการยิงเพื่อสังหารคนร้ายโดยเฉพาะ. . . . .
หมายเหตุ: ท่านพี่ดราม่าบันทึกไว้ในเรป. # 3 ว่า
สถิติโลกเป็นของ ร็อบ เฟอร์ลอง ยิงสังหารศัตรูในระยะ 2.43 กิโลเมตร!!!
ร็อบ เฟอร์ลอง (Rob Furlong) เป็นอดีตพลทหารกองทัพแคนาดา ปฏิบัติการในอัฟกานิสถาน เป็นสไนเปอร์ที่ยิงสังหารได้จากระยะไกลที่สุดเท่าที่มีการบันทึกในประวัติศาสตร์ คือ 1.51 ไมล์ หรือ 2,430 เมตร
ร็อบยิงด้วยปืน TAC 50 ขนาด .50 ของแม็คมิลลันบราเดอร์ส (McMillan Brothers) และ ยิงด้วยกระสุน A-MAX เป้าหมายเป็นผู้นำระดับปฏิบัติการคนสำคัญของกลุ่มอัลกออิดะห์ นัดแรกของเขาพลาดเป้า นัดที่สองโดนเป้สะพายหลัง
ตอนกระสุนนัดที่ 2 โดนนั้น ร็อบได้เหนี่ยวไกยิงนัดที่ 3 ออกไปแล้ว แต่ก็เป็นช่วงที่อีกฝ่ายหนึ่งรู้ตัวว่าถูกลอบยิง ระยะทางขนาดนั้นกระสุนแต่ละนัดใช้เวลาราว 3 วินาที แหวกอากาศสู่เป้าหมาย ซึ่งนานพอที่อีกฝ่ายหนึ่งจะรู้ตัวว่าโดนซุ่มและหลบหาที่กำบัง
แต่นักฆ่าชาวแคนาดามีสติมั่นคง เพียง 3 วินาทีก็มากพอที่จะยิงซ้ำนัดที่ 3 ซึ่งพุ่งเข้าทะลุหน้าอกของเป้าหมายทั้งหมดนี้เกิดขึ้นต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมสังหารอีก 3 คน
http://astv.mobi/AXTvX0Z
ดังนั้นระหว่าง Rob Furlong 2,430 เมตร และ Craig Harrison 2,475 เมตร ขอค้นอีกที ว่าใครไกลกว่ากันแน่
แต่อย่างไรตาม ก็เป็นสมรภูมิเดียวกันคือที่อัฟกานิสถาน
************************************************************************************************
มีคติพจน์ประจำพลซุ่มยิงของตำรวจอเมริกา ว่า “Be prepared to take a life to safe a life หรือ เตรียมที่จะคร่าหนึ่งชีวิต เพื่อช่วยหนึ่งชีวิต”
พลซุ่มยิงของตำรวจมักยิงในระยะใกล้กว่าของทหาร โดยส่วนใหญ่มักยิงในระยะ 50 ถึง 100 เมตร โดยพลซุ่มยิงนั้นมีประจำอยู่เฉพาะในหน่วยปฏิบัติการพิเศษเท่านั้น เช่น หน่วย SWAT หรือหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย (สำหรับประเทศไทยก็คือ หน่วยอรินทราช 26 และ หน่วยนเรศวร 261) ลักษณะงานมักเป็นการยิงจากอาคาร หรือที่หลบซ่อนระยะไกลไปยังเป้าหมาย
ในการปฏิบัติงานของพลซุ่มยิงมักประกอบด้วยสองคน (Two-man sniper team) คือ พลปืน (a shooter) กับพลชี้เป้า (a spotter) โดยปกติพลชี้เป้าจะเป็นคนซึ่งมีประสบการณ์มากที่สุดและอาจเปลี่ยนตำแหน่งกันได้หากอีกคนอ่อนล้า พลชี้เป้าจะช่วยกำหนดเป้าหมาย บอกระยะห่างของเป้าหมาย ความแรงและทิศทางลม การเล็งเป้าชดเชย หากยิงในระยะที่ไกลมากๆต้องคำนึงถึงอัตราการหมุนของโลกด้วย ส่วนพลปืนมีหน้าที่ปฏิบัติตามและทำการยิงให้ดีที่สุด (มักยิงหลังหายใจเข้าเต็มที่แล้วหายใจออกจนสุดและกลั่นหายใจไว้ อีกทั้งยิงในระหว่างจังหวะการเต้นของหัวใจ โดยใช้อุ้งนิ้วชี้ในการเหนี่ยวไกเพื่อความเที่ยงตรงมากที่สุด)
หน้าที่ของพลซุ่มยิงมี 2 ประการหลักๆ คือ
1. ทำลายเป้าหมาย โดยมักเป็นการยิงในระยะไกลจากที่ซ้อนเพื่อกำจัดเป้าหมายหรือทำให้บาดเจ็บ (ขึ้นกับจุดประสงค์) พลซุ่มยิงจึงต้องฝึกการยิงในสภาพแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน (มีอุปกรณ์เสริมช่วยให้ยิงกลางคืนได้แม่นยำ) ในสภาพป่าหรือในเขตเมือง ในสภาพความเครียดและความกดดันทางจิตใจสูง เลือกหาตำแหน่งในการซุ่มยิงที่เหมาะสม
2. หาข่าว โดยการพรางตัวเข้าไปในพื้นที่ใกล้เป้าหมายเพื่อหาข่าวและทำการซุ่มยิงเมื่อได้รับคำสั่ง คอยสังเกตความเคลื่อนไหวของศัตรูอยู่ห่างๆและรายงานกลับมาให้ผู้บังคับบัญชาเพื่อวางแผน ดังนั้นผู้ที่ฝึกเป็นพลซุ่มยิงจึงต้องฝึกการพรางตัวเพื่อสอดแนมฝ่ายศัตรูทั้งกลางวันและกลางคืน การเคลื่อนที่เข้าหาเป้าหมายโดยไม่ให้ศัตรูรู้ตัว จึงต้องเป็นผู้ที่มีความอดทนสูงมาก
ท่ายิงที่ให้ความแม่นยำสูงสุด คือ ท่านอนคว่ำโดยหนุนลำกล้องปืนด้วยถุงทราย อาวุธปืนที่ใช้ก็ขึ้นกับหน่วยงานและลักษณะงานที่ใช้ซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ
ผู้ที่จะเข้ารับการฝึกเป็นพลแม่นปืนหรือพลซุ่มยิงนั้น จะมีการคัดเลือกกันอย่างเข้มข้นเนื่องจากรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการผลิตพลซุ่มยิงที่เชี่ยวชาญแต่ละคน อีกทั้งอุปกรณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นปืน กระสุนหรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆก็มีราคาแพง ดังนั้นพลซุ่มยิงในแต่ละหน่วยงานจึงมีจำนวนไม่มากนัก (ในประเทศไทยพลซุ่มยิงมีในหน่วยปฏิบัติการพิเศษของทุกเหล่าทัพและตำรวจ)
ดังนั้นการซุ่มยิงในระยะไกลนั้นไม่เพียงแต่จะต้องมีอุปกรณ์ที่ดีมีราคาแพงแล้ว ยังต้องมีพลซุ่มยิงที่มีความสามารถและได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีด้วย
สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนหรือรับข้อมูลข่าวสารขอให้มี “สติ”
(เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Sniper Tidbits ของ snipercentral.com และ Wikipedia)
http://tactical-shoo.../05/sniper.html
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#16
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 11:32
ซุ่มแบบมังสวิรัติ (มีพืชๆนิสนุง )
ซุ่มแบบกึ่งเปลือย (สิ่งปกคลุม)
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#17
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 11:37
นายแบบสไนเปอร์อีกนายหนึ่ง
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#18
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 11:58
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#19
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 12:16
เอามาดูกันทำไมหรือหนูอ้อย
#20
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 12:26
http://en.wikipedia....arrison_(sniper)
จากวิกี้ Craig Harrison ทำลายสถิติยิงซุ่มไกลสุดของ Rob Furlong ลงแล้ว มากกว่ากัน 45 เมตร
เอามาดูกันทำไมหรือหนูอ้อย
อาจเพื่อเตือนสติดับฝันพวกที่กำลังกวนความสงบของบ้านเมืองอยากให้พ่อเหลี่ยมกลับเมืองไทย ว่ามันไม่ง่ายสำหรับคนที่ทำชั่วแล้วไม่มีที่ยืนในบ้านเกิดขณะนี้
พากันเชิดชู สิบกว่าล้านเสียงที่หวังเงิน แต่จะปกป้องพ่อเหลี่ยมของพวกมันได้หรือ ? พ่อเหลี่ยมมันโจทก์เยอะเกิ๊นค่ะพี่รุ้งตั้งแต่วันที่มีการเผาบ้านเผาเมืองเป็นต้นมา
มันก็รู้ตัวดี ตราบเท่าที่ยังไม่มีความปรองดองที่แท้จริง สไนเปอร์นี่แหละน่าเป็นกลุ่มคนที่คนขี้ขลาดอย่างมัน กลัวที่สุด
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#21
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 12:36
#22
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 12:49
Edited by ดราม่า, 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 12:51.
#23
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 12:53
#24
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 12:55
2.47 กิโลเมตร ไกลเหลือเชื่อ ผมลองวัดระยะทางบนกูเกิลแม็บ ระยะจาก A ไป B ในรูปคือ 2.4 กิโลเมตร!!!
จากวงการข่าวเมืองไทยแม้ไม่รู้ว่ากระสุนมาจากไหน แต่พี่ดราม่าพอกะได้ไหมคะว่ากระสุนสังหารเสธ.แดงนั้นยิงจากระยะทางประมาณกี่กิโลเมตร ?
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#25
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 12:58
http://en.wikipedia....ed_sniper_kills แจมบ้าง ลองดูล่ะกันว่าใครยิงไกลที่สุดในโลก ผมว่าที่แกยิงไกล แล้วส่องหัวตาลีบันได้ น่าจะภูมิประเทศด้วยแหละครับ อาจจะเป็นพื้นที่โล่งไม่มีสิ่งกีดขวาง จึงยิงไกลได้ อันนี้ความเห็นส่วนตัวน่ะครับ
เคยอ่านเจอ
นอกจากตัวผู้ยิงแล้ว สิ่งแวดล้อมก็สำคัญค่ะ เช่นแสง, ลม, movementของเป้าสังหาร ฯลฯ อะไรแบบเนี้ยค่ะ
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#26
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 13:02
จากวงการข่าวเมืองไทยแม้ไม่รู้ว่ากระสุนมาจากไหน แต่พี่ดราม่าพอกะได้ไหมคะว่ากระสุนสังหารเสธ.แดงนั้นยิงจากระยะทางประมาณกี่กิโลเมตร ?
สันนิฐานเอาจากพื้นที่ ที่มีตึกสูงมากไม่ใช้ที่โล่ง มุมตึกบังเยอะ ทำให้ผมเดาว่าไม่น่าจะเกิน500เมตรครับ คงยิงมาจากชั้นบนของตึกในตึกหนึ่งในละแวกนั้น
#27
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 13:11
ค่ำวันหนึ่งในเดือนกันยายน พ.ศ. 2553 สิบเอก ดิพพราสาด พัน ยืนรักษาการณ์อยู่ลำพังที่จุดตรวจใกล้กับเมืองบาบาจีในจังหวัดเฮลมันด์ของ อัฟกานิสถาน ทหารกูรข่าชาวเนปาลผู้นี้ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างจึงได้ไปตรวจสอบและพบผู้ ก่อความไม่สงบตาลีบันหลายคนกำลังขุดหลุมเพื่อวางวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง
เนื่องจากกำลังพลอื่น ๆ ในหมวดของเขาออกไปลาดตระเวน ส.อ.พันจึงสื่อสารทางวิทยุไปยังผู้บังคับบัญชาและเปิดฉากการยิงข้าศึก “มีพวกตาลีบันหลายคนอยู่รอบ ๆ ผม” ส.อ.พันกล่าวขณะให้สัมภาษณ์กับ บริติช ฟอร์ซ นิวส์ “ผมคิดว่าพวกเขาจะต้องฆ่าผมอย่างแน่นอน ผมเลยคิดว่าก่อนที่พวกเขาจะฆ่าผม ผมต้องฆ่าพวกเขาให้ได้บ้าง”
15 นาทีผ่านไป ส.อ.พัน ยังต้านทานข้าศึกได้อยู่แม้จะถูกโจมตีด้วยเครื่องยิงจรวดหรืออาร์พีจีและเอ เค 47 ตามรายงานของ เอเจนซ์ ฟรานซ์ เพรส หรือเอเอฟพี สำนักข่าว บริติช ฟอร์ซ นิวส์ รายงานเพิ่มเติมว่าเขายิงกระสุนกว่า 400 นัดจนหมด รวมทั้งใช้ระเบิดมือและทุ่นระเบิดทั้งสิ้น 17 ลูก ส.อ.พัน จัดการกับผู้ก่อความไม่สงบได้ถึง 30 คนโดยลำพัง เอเอฟพีรายรายงานว่า เขาก็โยนขาตั้งปืนใส่ผู้ก่อการร้ายตาลีบัน คนหนึ่งพยายามที่จะปีนขึ้นไปยังที่มั่นของเขา เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อ ส.อ.พัน มีอายุได้ 31 ปี เขาเข้าร่วมกับกองทัพอังกฤษในปี พ.ศ. 2543 แต่ยังคงเป็นพลเมืองของเนปาล
จากการปฏิบัติการของ ส.อ.พัน ที่สามารถช่วยชีวิตเพื่อนได้ถึงสามคน สหราชอาณาจักรจึงได้มอบเหรียญกล้าหาญสูงสุดอันดับที่สองของประเทศที่เรียก ว่า “คอนสปิคิวอัส แกลแลนทรี ครอส” ให้กับ ส.อ.พัน “เขาไม่มีทางรู้ว่ามีข้าศึกกี่คนที่พยายามโจมตีที่มั่นของเขา แต่เขาก็พยายามสู้กับพวกนั้นอย่างสุดความสามารถแม้จะมีอันตรายรอบด้าน โดยการรุกคืบเข้าหาข้าศึกอย่างต่อเนื่องเพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะแก่การโจมตี” เป็นข้อความที่อ้างอิงจากคำชมเชยเมื่อ ส.อ.พัน รับเหรียญกล้าหาญ “การที่เขารอดชีวิตมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเป็นเรื่องเหลือเชื่อ” คำชมเชยกล่าวต่อ “ตลอดการปฏิบัติการของ ส.อ.พัน เขาอยู่ในสถานการณ์ที่มีการยิงอย่างหนาแน่น ความกล้าหาญชาญชัยของเขาเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง”
ที่มา http://apdforum.com/...1/feature-pr-07
นี้รูปแก ไปเจอตัวแกที่ไหนระวังอย่าไปมีเรื่องกับแกล่ะ เพราะแกคือ ทหารกูรข่าน นี้เอง
#28
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 14:06
...ตราบเท่าที่ยังไม่มีความปรองดองที่แท้จริง สไนเปอร์นี่แหละน่าเป็นกลุ่มคนที่คนขี้ขลาดอย่างมัน กลัวที่สุด
เหลิมพูดว่าตำรวจยิงเสธ. แดง เพื่อมิให้เกิดความปรองดองในชาติ ทำลายโอกาสที่คนขี้ขลาดอย่างมัน(ใช้สรรพนามตามที่โค๊ต)จะได้กลับ
(ไม่นับได้ดิสเครดิตรัฐบาลที่แล้ว)
เหลิมยังคงหวังส้มหล่น ตราบใดที่มันไม่ได้กลับเมืองไทย
ในความรู้สึกของมัน วันนี้ คนสนิทที่สุดและไว้ใจมากที่สุดในรัฐบาล (รองจากปู) เป็นเป็ดเหลิม
แต่นั่นเป็นการรับรู้ที่ผิดพลาดของมัน
เพราะคนอย่างเหลิมไม่มีเพื่อนสนิท และเจ้าตัวก็สนิทกับใครไม่ได้
เหตุที่สองคนนี้จูนเข้าหากันได้มาจากจุดเด่นของบุคลิกภาพ (personality trait) ที่สองคนตรงกัน คือความขี้ขลาด
ขอบคุณครับคุณน้องอ้อย กระทู้อย่างนี้ช่วยให้ขบวนการคนขลาดทั้ง 15 ล้านคนได้รู้จักใช้ปัญญากันบ้าง
#29
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 14:15
#30
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 14:23
ในหนังเรื่อง The Hurt Locker . ก็มีฉากสไนเปอร์ด้วย
#31
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 14:30
#32
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 14:41
รอให้ "มัน" กลับมาก่อน และถ้าได้ใช้กับ "มัน" จะคุ้มค่าที่สุดครับ
ตอนคนๆนั้นกลับไทยเห็นตำรวจ หน้าเสียเลย เมื่อได้ข่าวว่า SIG 3000 หายไปจากค่ายทหาร ถึงกับต้องเพิ่มการรักษาความปลอดภัยเลยทีเดียว กระบอกนี้แหละบ้าง SIG 3000
ที่มา http://news.mthai.co...chment/img_5560
กลายเป็นหัวข้อสนทนาในหมู่ทีมอารักขาความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปแล้ว สำหรับกระแสข่าวปืนไรเฟิลแบบซุ่มยิง (Sniper Rifles) จำนวน 3 กระบอกที่หายไปจากคลังอาวุธของหน่วยทหารบกหน่วยหนึ่ง
ปืนยาวอานุภาพสูงดังกล่าวเป็นปืนยี่ห้อ SIG รุ่น Sig-Sauer SSG 3000 ผลิตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บางคนกังวลถึงขั้นหากหลุดไปในมือของฝ่ายตรงข้าม อดีตนายกรัฐมนตรีอาจตกอยู่ในอันตรายระหว่างใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทย
ปืนไรเฟิลแบบซุ่มยิงที่ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์มีหลายรุ่น ได้แก่ SIG SG550 Sniper, Sig-Sauer SSG 2000, Sig-Sauer SSG 3000, SIG STR/SHR 970 รุ่นล่าสุดคือ B+T APR 308 และ B+T APR 338 สำหรับ SIG รุ่น Sig-Sauer SSG 3000 ซึ่งมีใช้ในกองทัพไทย มีสมรรถนะดังนี้
ขนาดลำกล้อง 7.62 x 51 มิลลิเมตร (มม.)
ความยาวทั้งหมด 1,180 มม. ความยาวเฉพาะลำกล้อง 610 มม.
กระสุนขนาด .308
น้ำหนักรวมกล้องเล็ง 'เฮนด์โซเลดท์' (1.56-6 x 42 มม.) 6.2 กิโลกรัม
ซองบรรจุกระสุน 5 นัด
เป็นผลผลิตร่วมของบริษัท เอสไอจี อาร์มส์ สวิตเซอร์แลนด์ และบริษัท เจ.พี.เซาเออร์ อุนด์ จอห์น ประเทศเยอรมนี
มีพื้นฐานมาจากปืนยาวเล็งเป้ารุ่น เซาเออร์ 200 เอสทีอาร์ SIG 3000 เป็นปืนยาวที่ใช้กลไกแบบ bolt action คือการดึงที่จับมาข้างหลังเพื่อขึ้นลำกระสุนปืนทีละนัด มีการออกแบบมาให้สามารถถอดแยกส่วนได้ทั้งลำกล้อง ลูกเลื่อน เครื่องลั่นไก และซองใส่กระสุน ลำกล้องปืนผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีการหลอมแบบ cold hammer forged มีคันรั้งลูกเลื่อนและคันปลดห้ามไกติดตั้งอยู่ ไกปืนทำงานได้ทั้งแบบ single action คือต้องขึ้นนกก่อนแล้วเหนี่ยวไกยิง และแบบ double action ซึ่งยิงได้สองวิธี คือ ลากไกยาวเพื่อง้างนกจนสับลงหรือง้างนกเอง โดยทั้ง 2 ระบบสามารถปรับแต่งน้ำหนักและระยะในการเหนี่ยวไกได้ ด้ามปืนทำจากไม้แผ่นบางและจากโพลีเมอร์ จัดเป็นปืนยาวซุ่มยิงที่ได้รับความนิยมและใช้อย่างแพร่หลายในหน่วยงานตำรวจ ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
เห็นประสิทธิภาพและความนิยมแล้ว ไม่แปลกใจทำไม รปภ. แม้ว ยังผวาได้ ถึงแม้กองทัพบกจะปฏิเสธกระแสข่าวปืนหายไปจากที่เก็บแล้วก็ตาม
ที่มา http://hilight.kapook.com/view/21107 http://www.gunsandga...p?topic=53507.0
Edited by zeus, 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 14:41.
#33
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 14:59
แปลกที่หายไปจากค่ายทหาร แต่เหลิมหันกลับมาปลุกกระแสที่ตำรวจนะครับ
รอให้ "มัน" กลับมาก่อน และถ้าได้ใช้กับ "มัน" จะคุ้มค่าที่สุดครับ
ตอนคนๆนั้นกลับไทยเห็นตำรวจ หน้าเสียเลย เมื่อได้ข่าวว่า SIG 3000 หายไปจากค่ายทหาร ...ไม่แปลกใจทำไม รปภ. แม้ว ยังผวาได้ ถึงแม้กองทัพบกจะปฏิเสธกระแสข่าวปืนหายไปจากที่เก็บแล้วก็ตาม
ที่มา http://hilight.kapook.com/view/21107 http://www.gunsandga...p?topic=53507.0
#34
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 15:25
แปลกที่หายไปจากค่ายทหาร แต่เหลิมหันกลับมาปลุกกระแสที่ตำรวจนะครับ
รอให้ "มัน" กลับมาก่อน และถ้าได้ใช้กับ "มัน" จะคุ้มค่าที่สุดครับ
ตอนคนๆนั้นกลับไทยเห็นตำรวจ หน้าเสียเลย เมื่อได้ข่าวว่า SIG 3000 หายไปจากค่ายทหาร ...ไม่แปลกใจทำไม รปภ. แม้ว ยังผวาได้ ถึงแม้กองทัพบกจะปฏิเสธกระแสข่าวปืนหายไปจากที่เก็บแล้วก็ตาม
ที่มา http://hilight.kapook.com/view/21107 http://www.gunsandga...p?topic=53507.0
หนูอ้อยคิดเองง่ายๆว่า เพราะเป็ดเหลิมเคยมีอำนาจแขนขาในวงการตำหนวดมาแต่อดีตจนแม้ยุคปัจจุบันก็ในตำแหน่งรองนายกที่คุมตำหนวด
และก็จับจุดอ่อนของสถาบันนี้ได้ว่าเข้าปั่น มั่วได้โดยง่าย (ขืนบอกว่าตะหาน ก็จบข่าว และจะต้องเหม็นกับทั่นประยุทธอีกด้วย)
ข่าวที่ทะลึ่งพรวดมาว่าตำหนวดเป็นมือสไนเปอร์กรณีเสธแดงจึงลงตัวทุกอย่าง และน่าเป็นข่าวเต้า (แต่ทักษิณก็อาจไม่เชื่อ )
ขืนยอมรับว่ามือสังหารเป็นตะหาน เป็ดเหลิมคงหมดของเล่นที่จะไปข่มขวัญต่อรองทักษิณ
สังเกตเรื่องป้ายขี้ว่าตำหนวดเป็นสไนเปอร์ไม่เห็นมีสัญญาณตอบรับจากสังคม จากเฮียเพียวหรือตำรวจคนไหนๆ มีเป็ดก้าบๆๆอยู่คนเดียว
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#35
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 15:29
Italian sniper in the fields Courtesy of Puci
http://www.snipercou.../pg_infield.asp
sniper ซุ่มอยู่ตรงไหน แล้วใครจะหาเจอ
“ ...คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา ,
ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ “
#36
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 15:33
เป็ดก็พูดปาย แต่แกจะเชื่ออยู่คนเดียวอ๊ะป่าว นี่สิ
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#37
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 15:46
คนแบบนี่จุดไฟไหม้บ้านตัวเองได้เฉยเลย
ที่ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเฮียเพียวหรือตำรวจคนไหนๆ ก็เพราะโดนเผาเป็นขี้เถ้ากันไปหมดแล้วครับ
#38
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 16:14
#39
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 19:17
คนเสื้อแดง เสียวหัว เข่า
ธนูจะปักเข่าเอาหรอครับ
#40
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 19:27
ไม่งั้นป่านนี้พวกมันคงไล่บี้หาตัวคนยิงไปแล้ว ขนาดแค่เรื่อง 91 ศพมันยังบี้หาเรื่องคุณอภิสิทธิ์ไม่เลิกเลย
ถ้าฝ่ายรัฐยิงเสธแดงจริง....ป่านนี้....มันกัดไม่ปล่อยหรอก
ลูกสาวเสธแดงก็ nง้o ngo
ปล. ผมก็เป็นพลซุ่มยิงนะคร้าบ...
ซุ่มยิงหัวใจสาว..... เชิ้บเชิ้บ
#41
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 19:29
#42
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 20:05
ไม่มีใครมีหลักฐานเชิงประจักษ์ แต่การค้นหาความจริงที่ทำให้จำเลยจำนนนอกศาลก็มีวิธีอื่นต้องถามไอ้กี้ร์ครับ เพราะเป็นคนหลอกเสธแดงไปจุดสังหารเอง
ที่ไม่ต้องใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำไป
แนวทางพฤตกรรมศาสตร์ที่คุณ Little bee บอกว่า
ผมเห็นด้วยกับสองท่าน เพราะมีหลักอาชญาวิทยาให้ข้อสรุปกรณีนี้ว่า "Familiarity breeds contempt"นอกจากที่ปู่ยังตั้งข้อสังเกตที่น่าฟังมากแล้ว (ที่บวชนะอาจล้างบาปเรื่องนี้ด้วยซ้ำ) มือซุ่มยิงเสธแดงคือพวกมันเอง...ขนาดแค่เรื่อง 91 ศพมันยังบี้หาเรื่องคุณอภิสิทธิ์ไม่เลิกเลย ถ้าฝ่ายรัฐยิงเสธแดงจริง....ป่านนี้....มันกัดไม่ปล่อยหรอก
#43
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 20:17
เผื่อบางทีไอ้เสือนั่นจะสำนึกบ้าง
โดยส่วนตัวผมว่ามีคนคิดนะ
#44
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 20:21
乙夜 メイド姿でBarrett M82A1 .50calを撃つ!
http://www.youtube.com/watch?v=xbV2uYk1VNs&feature=relmfu
ผมกะจะเอาวีดีโอนี้มาโพส ...เอาลงไม่ทันแหะ...
เธอคนนี้คือสาวน้อยในสังกัดของผมเองฮับ
/人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Hello, I'm a Kyubey /人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Please Make a contract with me and become a Magical girl! /人◕ ‿‿ <人\
ข้าพเจ้าขอสนับสนุนท่านผู้นำที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!!
#45
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 20:25
ในกองร้อยทหารราบจะมีพลแม่นปืนเสมอ พลแม่นปืน คือคนที่สามารถยิงปืนได้แม่นยำสุดๆในกองร้อยนั้นๆ แต่ทำงานเข้าตี พร้อมๆกับทหารราบ
เวลาทำงานก็ทำพร้อมกับกองร้อย หมวด หรือ หมู่นั่นๆ ไม่ต้องซ่อนตัวอะไร อยู่ในแนว ยิงได้ ถอยได้ เพื่อนๆคนอื่นช่วยคุ้มกัน
พลซุ่มยิง จัดจากกองร้อยปฏิบัติการพิเศษ ภารกิจต้อง ซ่อนเร้น แอบแฝง เข้าไปปฏิบัติภารกิจและกลับออกมาให้ได้ ปรกติจะเข้าไปทีละสองคน
เวลาไป เอาขึ้น ฮ ไปหย่อนไว้ที่นึง อล้วให้เดิน ให้คลาน ให้หาทางเข้าไปหาเป้าหมายเอง ยิงเสร็จ ก็หนีออกมาเอง ตามพิกัดนัดพบ
พลแม่นปืนมีเป็นร้อยเป็นพัน พลซุ่มยิงมีไม่กี่สิบกี่ร้อยคนทั่วไทย
ไอ้ยิงปืนแม่น ใครก็ทำได้ แต่ให้คลานสามกิโลไปกลับ ปวดฉี่ปวดอึ ต้องกลั้น ต้องนอนนิ่งๆ ครึ่งวัน พลแม่นปืนทำไม่ได้
ที่ตำรวจเป็นแค่ Sharp shooter ก็เพราะภารกิจมันอยู่ตามอาคาร ในกรุง ไม่ต้องบุกป่าฝ่าดงเท่าไร
ส่วน Sig 3000 มันก็แค่ปืนแบบนึง ที่นักข่าวได้ยินแล้วเอามาเขียน เขาใช้กันหลายแบบ เอามาเขียนให้มันดูน่ากลัว คนเล่นปืนเห็นเขาหัวเราะว่า มันพิเศษตรงไหนเหรอ
อ้อเพิ่มอีกนิด ปืนภารกิจพิเศษนะบางกระบอกเขาทำเอง ดัดแปลงเอง จัดซื้อมาแบบพิเศษ และไม่อยู่ในระบบใดๆให้ตรวจสอบได้
ไอ้ปืนหายไปจากบัญชี แค่บอกออกมาว่าหายจากบัญชี ก็รู้แล้วว่าปาหี่ ปล่อยข่าวจิตวิทยา
ส่วนอีหนูที่ออกสื่อเนี่ย เห็นแล้วขำ ไปเรียนมาหน่อย ยังไม่เคยยิงคนด้วยซ้ำ มาแอคท่าออกสื่อ
บอกไว้สั้นๆข้อนึง คนทำงานลับ ด้านข้างเขายังไม่ให้เห็น ต้องเปลี่ยนชื่ิอแซ่ จำหน่ายตายไปก่อน
อีหนูนี่ไปถ่ายรูปข้างๆแบบที่เห็นแค่นี้ก็รู้แล้วใคร เบิร์น แล้ว เบิร์นอีก
ขำอีกรอบ
Edited by zeedzaad, 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 20:30.
#46
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 20:47
ภาพนี้ถ่ายจากดอนเมืองตอนวันเด็กปีนี้
ทั้งพี่ sniper ทั้งน้องมุสลิมต่างก็ใส่ชุดพราง
พี่ sniper ใส่ชุดพรางเพื่อหลีกเลี่ยงจากสายตาข้าศึกในขณะที่น้องมุสลิมใส่ชุดพรางจากสายตาคนไม่มีศีลธรรมที่อาจจะล่วงเกินเธอ
#47
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 20:59
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Hello, I'm a Kyubey /人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Please Make a contract with me and become a Magical girl! /人◕ ‿‿ <人\
ข้าพเจ้าขอสนับสนุนท่านผู้นำที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!!
#48
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 21:02
ทหารพลซุ่มยิง อิหร่าน ในวันกองทัพ
Photo: BEHROUZ MEHRI/AFP/Getty Images
Apr 18, 2009
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#49
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 21:08
สถิติโลกเป็นของ ร็อบ เฟอร์ลอง ยิงสังหารศัตรูในระยะ 2.43 กิโลเมตร!!!
ร็อบ เฟอร์ลอง (Rob Furlong) เป็นอดีตพลทหารกองทัพแคนาดา ปฏิบัติการในอัฟกานิสถาน เป็นสไนเปอร์ที่ยิงสังหารได้จากระยะไกลที่สุดเท่าที่มีการบันทึกในประวัติศาสตร์ คือ 1.51 ไมล์ หรือ 2,430 เมตร
ร็อบยิงด้วยปืน TAC 50 ขนาด .50 ของแม็คมิลลันบราเดอร์ส (McMillan Brothers) และ ยิงด้วยกระสุน A-MAX เป้าหมายเป็นผู้นำระดับปฏิบัติการคนสำคัญของกลุ่มอัลกออิดะห์ นัดแรกของเขาพลาดเป้า นัดที่สองโดนเป้สะพายหลัง
ตอนกระสุนนัดที่ 2 โดนนั้น ร็อบได้เหนี่ยวไกยิงนัดที่ 3 ออกไปแล้ว แต่ก็เป็นช่วงที่อีกฝ่ายหนึ่งรู้ตัวว่าถูกลอบยิง ระยะทางขนาดนั้นกระสุนแต่ละนัดใช้เวลาราว 3 วินาที แหวกอากาศสู่เป้าหมาย ซึ่งนานพอที่อีกฝ่ายหนึ่งจะรู้ตัวว่าโดนซุ่มและหลบหาที่กำบัง
แต่นักฆ่าชาวแคนาดามีสติมั่นคง เพียง 3 วินาทีก็มากพอที่จะยิงซ้ำนัดที่ 3 ซึ่งพุ่งเข้าทะลุหน้าอกของเป้าหมายทั้งหมดนี้เกิดขึ้นต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมสังหารอีก 3 คน
http://astv.mobi/AXTvX0Z
TAC 50
ใช่เหรอ TAC 50 น่าจะใช้ระบบ Turn Bolt
ตัวนี้น่าจะเป็น AS 50 ครับ
Edited by phoosana, 29 มกราคม พ.ศ. 2555 - 21:08.