ภายหลัง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ถูกองค์กรอิสระทั้ง ‘ศาลรัฐธรรมนูญ’ และ ‘คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)’ วินิจฉัยให้พ้นจากการดำรงตำแหน่ง ‘รักษาการนายกรัฐมนตรี’ เนื่องจากกรณีการโยกย้าย ‘ถวิล เปลี่ยนศรี’ และกรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว ตามลำดับ
แต่ทางรัฐบาลก็แก้เกมด้วยการตั้ง “นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล” ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีไว้ชั่วคราว เพื่อรอการเลือกตั้ง ให้รัฐบาลใหม่มารับไม้ผลัดต่อ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่า “ยิ่งลักษณ์” จะถูกองค์กรอิสระ “เชือด” แล้วก็ตาม ทางกลุ่ม ‘คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)’ ก็ยังไม่ยอมลดละข้อเสนอให้มี “นายกฯคนกลาง – รัฐบาลคนกลาง” เพื่อล้มล้าง ‘ระบอบทักษิณ’ ให้สิ้นซากไม่ให้เหลือรอดอยู่ในสังคมไทยอีก
โดยล่าสุด ได้จี้ให้ “สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย” ประธานวุฒิสภาใหม่ถอดด้าม ทูลเกล้าฯขอ “นายกฯคนกลาง” และเรียกร้องให้ “ผู้ใหญ่” ในบ้านเมืองดำเนินการหารือเพื่อช่วยประธานวุฒิสภากาชื่อ “นายกฯคนกลาง” อีกด้วย
ส่งผลให้ “คนเสื้อแดง – นปช.” จำเป็นต้องพาเหรดตบเท้าออกมารวมพลังปกป้องรัฐบาลกันขนานใหญ่ โดยคราวนี้เลือกฐานที่มั่นอยู่ที่ถนนอักษะ พุทธมณฑล เช่นเดิม เหมือนในช่วงที่มาซักซ้อมแสดงพลังเมื่อต้นเดือนเมษายน 2557 ที่ผ่านมา เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับ “กปปส.”
และก่อนหน้าการชุมนุมในครั้งนี้ “จตุพร พรหมพันธุ์” ประธาน นปช. ส่งสัญญาณถึงกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ให้เตรียมพร้อมต่อสู้กับ “มือที่มองไม่เห็น” ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง พร้อมสำทับว่า หากไม่ชนะ จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ร่วมกับ “นพ.เหวง โตจิราการ” แกนนำ นปช.
แต่ที่น่าสนใจก็คือ “คนเสื้อแดง – นปช. – รัฐบาล” แม้จะหวั่นต่อการเกิด “รัฐประหาร” แต่แทบทั้งหมดก็ยังมีความมั่นใจว่า จะไม่เกิด “รัฐประหาร” โดยทหาร เพราะเชื่อใจในตัวของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ออกมายืนยันว่า การรัฐประหารไม่ได้แก้ปัญหาการเมืองแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดีแม้ว่าทางฝั่ง “คนเสื้อแดง – นปช.” จะลุกขึ้นมาฮึดสู้ “ครั้งสุดท้าย” อย่างเต็มที่ แต่ก็มีกระแสข่าวจาก ส.ส.ซีกรัฐบาล ซุบซิบกันให้แซ่ดว่า ศึกคราวนี้อาจจำเป็นต้อง “ถอย” หลบฉากออกไปตั้งตัวก่อน เนื่องจากมองไปทิศไหน ก็ไม่มีหนทางที่จะชนะได้เลย
ถึงศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) จะเตรียมพร้อมปฏิบัติการใช้หน่วยอรินทราชประกอบกำลังกับพลร่มค่ายนเรศวร จับแกนนำกปปส.ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ก็ตาม แต่หลายฝ่ายก็คาดว่าคงยากที่จะจับกุมท่ามกลางสถานการณ์การเมืองร้อนระอุเช่นนี้
ประจวบเหมาะกับคำให้สัมภาษณ์ของ “นพดล ปัทมะ” ที่แม้จะยืนยันว่า รัฐบาลจะเตรียมเดินหน้าสู้ต่อ แต่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี กลับยังไม่มีแผนการอะไรที่จะสู้ศึกในครั้งนี้ รวมไปถึง “ยิ่งลักษณ์” ก็ไม่ได้ฝากฝังอะไรไว้กับครม.รักษาการชุดนี้หลังพ้นตำแหน่งเลย
(อ่านประกอบ :“นพดล” ยัน “ทักษิณ” พร้อมคุยแต่ต้องยึดหลักประชาธิปไตย - รบ.สู้ต่อ)
และหากจำกันได้ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีกระแสข่าวการเจรจาสารพัด แต่ทุกวงก็ล่มไม่เป็นท่า นอกจากนี้เมื่อปลายเดือนเมษายนยังมีข่าวหลุดออกมาจากปาก ส.ส.คนสนิทที่พาเหรดกันไปเยี่ยม “นายใหญ่ดูไบ” ว่า “ทักษิณ” พร้อมวางมือตระกูลชินวัตรทางการเมือง เพื่อเปิดทางเจรจาเกี๊ยะเซียะอีก
ยิ่งตอกย้ำให้กระแสข่าวรัฐบาลเตรียมถอยทัพส่อมีเค้าความจริงอยู่ไม่น้อย
อย่างไรก็ดี การกระทำดังกล่าวอาจเกิดรอยร้าวลึกระหว่างรัฐบาล และคนเสื้อแดง เหมือนตอนเดินหน้าผลักดันร่าง “พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง” ได้ ขณะที่ “นปช.” ยังคงยืนกรานหนักแน่น ไม่ยอมให้รัฐบาลถอย และเตรียมกดดันให้เดินหน้าสู้ต่อ โค่นล้มระบอบ “อำมาตย์” ให้เรียบร้อยเสียก่อน
“รัฐบาลจะถอยได้อย่างไร ถ้าถอยก็ผิดกฎหมาย คือเราต้องเคารพหลักการว่า มันไม่มีถอย มีแต่เดินหน้า หากเราปฏิบัติตามกฎหมาย เรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคาพรัฐธรรมนูญ มันก็จะไม่มีคำว่าถอย หรือไม่ถอย”
เป็นคำยืนยันจากปากของ “นิสิต สินธุไพร” แกนนำ นปช. พร้อมระบุอีกว่า รัฐบาลต้องเคารพหลักการตามรัฐธรรมนูญ ห้ามถอยอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้หากถอยจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย นปช.จะยอมให้บ้านนี้เมืองนี้ไม่มีขื่อไม่มีแปไม่ได้ ดังนั้นคำว่าถอย หรือไม่ถอย ไม่มีความหมายอะไร
“ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะยอมหรือไม่ แต่รัฐบาลต้องเคารพรัฐธรรมนูญ ถ้าคนใดคนหนึ่งไม่เคารพก็จะผิดกฎหมาย หลักการมีเท่านี้ ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย” นิสิต ยืนยัน
ซึ่งแตกต่างกับท่าทีก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ถึงแม้ “ทักษิณ” จะวางมือ “นปช.” ก็จะสู้ต่อเองโดยลำพัง
(อ่านประกอบ : “เต้น” ดอดพบผู้ใหญ่ หลังข่าว “ทักษิณ” วางมือ - “นปช.” สู้ต่อ ! )
อย่างไรก็ดี หากประเมินการสู้รบของซีก “รัฐบาล – คนเสื้อแดง” จะเห็นว่าโอกาสชนะริบหรี่เต็มที เพราะไม่ว่าจะเดินหมากไปในทางไหน ก็ยังไม่เห็นลู่ทางที่จะกลับมามีอำนาจอีกครั้งได้เลย
และหากเดินเข้าสู่เส้นทางการเจรจาเกี๊ยะเซี้ยกับฝ่ายตรงข้าม ก็จะถูกมวลชนคนเสื้อแดงคัดค้านแน่นอน ไม่ต่างอะไรกับตอนดึงดันผลักร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่งเข้าสู่ชั้นวุฒิสภาแม้แต่น้อย
ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่า รัฐบาลจำเป็นต้องถอยทัพปรับแผน รอให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง “ขนานใหญ่” เสียก่อน จึงค่อยกลับลงมาโลดแล่นต่อบนสนามการเมือง
และโดดร่วมวงชิงอำนาจอีกครั้ง !
อ่านประกอบ : นปช.ชุมนุม 10 พ.ค. อยู่สู้ยาวจนชนะ เกรงใจ “ปู” ยังไม่เชิญขึ้นปราศรัย
http://www.isranews....-udd_29336.html
..........................................................................................
เป็นที่รับรู้ว่า เพื่อไทยและระบอบทักษิณไม่เหลือหนทางจะชนะแล้ว เพียงแต่จะยืดเวลาไปนานแค่ไหน ท่ามกลางเศษรฐกิจที่ทรุดตัว
ลงไปเรื่อยๆ จากการขาดรัฐบาลที่บริหารประเทศ แต่สงสัยว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ขนานใหญ่ คืออะไร ??
แก้ไขคำผิดครับ
Edited by ธีรเดชน้อย, 12 May 2014 - 22:58.