.....อย่าปล่อยให้ 'ทนายโจร' เสียงดังกว่า 'กฎหมาย'
.....สมจิตต์ นวเครือสุนทร: ไทยโพสต์ วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2557
.....ก่อนที่ประเทศชาติบ้านเมืองจะวิปริตผิดเพี้ยนไปพร้อมกับความวิปลาสของ ผู้นำประเทศ ที่พยายามสร้างชุดความคิดเสริมค่านิยมชั่วในสังคมไทยไม่ให้ "เคารพกฎหมาย" ทั้งที่รัฐบาลมีหน้าที่ "รักษากฎหมาย" แต่เมื่อรัฐบาลกำลังชักนำสังคมลงสู่หุบเหว สื่อมวลชนต้องทำหน้าที่ปิดปากเหวนั้นเสีย
.....ด้วยการเลิก "ถามหาความเห็น" แล้วหันมา "ค้นหาความจริง" แทน อย่าปล่อยให้ความคิดอุบาทว์จากปาก .....ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ว่า "ไม่ต้องเคารพกฎหมายแต่ให้ดูที่เจตนา" มาสร้างความสับสนในสังคมไทยที่กำลังเปราะบางทางความคิด
.....ในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ ยิ่งลักษณ์ได้แสดงความแปลกแยกทางบุคลิกของตัวเองผ่านคำสัมภาษณ์สื่อมวลชน อย่างชนิดที่เรียกว่า หน้ามือเป็นหลังเท้า คือในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เธอออกแอกชันแนวเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ยึดหลักกติกาประชาธิปไตยด้วยวาทะดังนี้
\
.......24 ก.พ.57 "ดิฉันมีหน้าที่รักษาประชาธิปไตย ประคับประ คองสถานการณ์ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ ยืนยันจะทำหน้าที่จนนาทีสุดท้าย"
.......28 ก.พ.57 "ทหารต้องทำหน้าที่จนนาทีสุดท้าย ต้องตายในสนามรบ วันนี้ดิฉันก็ต้องตายในสนามประชาธิปไตย"
.....นี่คือบทบาทที่เธอแสดงออกในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้เธอลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายก รัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่อเปิดทางให้มีการปฏิรูปประเทศ แต่เธอยืนยันแข็งขันว่า เธอไม่สามารถทำได้เพราะมันจะเป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญด้วยการลากยาวรักษาการในตำแหน่งนายก รัฐมนตรีต่อไปจนชั่วกัลปาวสาน
.....ผ่านไปแค่สองสัปดาห์สถานการณ์รุมเร้าหนัก ทั้งเจตนาของประชาชนที่ต้องการให้ยกก้นพ้นเก้าอี้ผู้บริหารสูงสุด ทั้งกระบวน การยุติธรรมก็กำลังทำหน้าที่อย่างเข้มข้นจนกรรมตามติดหายใจรดต้นคอ กระทั่งนั่งไม่ติดไม่ได้สติสมประดี จากผลแห่งการกระทำผิดกฎหมายในการใช้อำนาจของรัฐบาล กระทั่งออกมาให้สัมภาษณ์ที่โลกต้องจารึกถึงความไร้จริยธรรมของผู้นำหญิงไทย รายนี้
.......12 มี.ค.57 "อยากขอว่าอย่างน้อยให้เรามีความยุติธรรมอยู่ในสังคม อยากให้มองที่เจตนา อย่าใช้ข้อกฎหมายเป็นข้อที่จะลิดรอนหรือตัดสิทธิ์..."
.......13 มี.ค.57 "มีการอาศัยข้อกฎหมายในการไล่ล่ากันทุกวัน แล้วจะหาความสงบในบ้านเมืองได้อย่างไร อย่าใช้กฎหมายหรือองค์กรต่างๆ มาเพื่อตัดสิทธิ์"
.....หากผู้เขียนอยู่ในวงสัมภาษณ์ด้วยคงถามกลับไปแล้วว่า "ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ไม่ยึดกฎหมาย แล้วจะใช้อะไรมาเป็นกติกาในการควบคุมคนในสังคมไม่ให้เกิดความวุ่นวาย" แต่น่าเสียดายที่ไม่มีผู้สื่อข่าวคนใดตั้งคำถามนี้ หรืออาจจะมีคนอยากถามแต่ไม่มีโอกาสได้ถาม เพราะถูก "ลิดรอน" หรือ "ตัดสิทธิ์" ไปก่อนที่จะได้เปล่งเสียงก็มิอาจรู้ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ
.....คิดว่าคนในสังคมไทยรู้ดีว่า ถ้อยคำจากปาก "ยิ่งลักษณ์" มิได้ออกมาจาก "มันสมอง" ของเธอ แต่มาจากการท่องจำตามวาทกรรมที่มีคนยัดใส่ปากมาให้พูด โดยทีมยุทธศาสตร์ดีกรีดอกเตอร์ แต่สมองบ้องตื้นไร้ซึ่งจริยธรรมเป็นผู้เขียนบทให้ท่อง และเชื่อว่าคนที่มีปัญญาย่อมมองออกว่าคำพูดของ "ยิ่งลักษณ์" เป็นถ้อยคำที่ "ไร้สติ" เพราะมุ่งเอาแต่ประโยชน์เข้าตัวเท่านั้น
.....สื่อมวลชนมีหน้าที่เสนอ "ความจริง" ไม่ใช่แค่เสนอ "ความเห็น" และมีหน้าที่กลั่นกรองข้อมูลข่าวสารตามหลักทฤษฎี "ผู้ปิดและเปิดประตูสาร" หรือ "Gatekeeper Theory" ด้วย ไม่ใช่ท่องคำว่า "เป็นกลาง" อย่างเดียว
.....มาย้อนดูทฤษฎีกันหน่อยเพราะเห็นอ้างกันจัง แต่ผู้เขียนแปลกใจจริงๆ ที่ไม่เคยมีใครพูดถึงทฤษฎีนี้เพื่อเตือนสติสื่อมวลชนเลย แม้แต่สื่อมวลชนด้วยกันเอง
.....แนวความคิดเกี่ยวกับ "ผู้เฝ้าประตู" (Gatekeeper) มาจากข้อเขียนของ เค เลวิน (Lewin, K.1974) ที่ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า "ข่าวสารมักจะไหลผ่านช่องทางต่างๆ อันประกอบไปด้วยบริเวณประตูที่มีการปล่อยหรือกักข่าวสารต่างๆ ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ หรือโดยวินิจฉัยของผู้เฝ้าประตูเองว่าจะยอมใหข่าวสารใดไหลผ่านไปได้หรือไม่ หรือข่าวสารอะไรควรจะส่งไปถึงผู้รับสารช้าหน่อย หรือข่าวสารอะไรควรตัดออกไปทั้งหมด จึงมีการเปรียบเทียบสื่อสารมวลชนว่า เป็นผู้มีหน้าที่ปิดและเปิดประตูข่าวสาร ในฐานะที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารข่าวสารไปยังประชาชน"
.....หลักสำคัญในการตัดสินใจเลือกนำเสนอข่าวแต่ละชิ้นคือ การให้ความจริงที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ไม่ใช่ให้ความเห็นเพื่อเป็นประโยชน์กับทรราช โดยละเลยที่จะตรวจสอบว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นถ้อยคำที่เชื่อถือได้ หรือว่าเป็นการบิดเบือนความจริงเพื่อเอาตัวรอด เหมือนที่ "ยิ่งลักษณ์" แอนด์เดอะแก๊งกำลังทำอยู่ในขณะนี้
.....ย้อนไปเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2554 ยิ่งลักษณ์อ่านคำแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในข้อ 1.3 ไว้ว่า
.......ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง โดยยึดหลักความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลที่เป็นสากลเพื่อให้การใช้ทรัพยากร เพื่อการพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อประเทศโดย รวมอย่างแท้จริง ปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ขยายการบังคับใช้บทบัญญัติเรื่องการห้ามการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผล
ประโยชน์ให้ครอบคลุมผู้ใช้อำนาจรัฐในตำแหน่งสำคัญและตำแหน่งระดับสูงอย่าง ทั่วถึง เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบของ เจ้าหน้าที่รัฐ เสริมสร้างมาตรฐานด้านคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลของบุคลากรภาครัฐ ตลอดจนปลูกฝังจิตสำนึกและค่านิยมของสังคมให้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต และถูกต้องชอบธรรม
.....แต่เมื่อตัวเองทำผิดกฎหมาย กำลังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ตรวจสอบโกงเรื่องจำนำข้าว ก็บ่ายเบี่ยงไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเอง และเตรียมบิดพลิ้วถ่วงเวลาด้วยการขอขยายเวลาการชี้แจงออกไป 45 วัน แต่ ป.ป.ช.รู้ทัน ขีดเส้นให้ต้องส่งคำชี้แจงภายใน 15 วัน ซึ่งก็จะสิ้นสุดกันทีกับลูกเล่นทนายโจรภายในเดือนนี้
.....พอถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า เนื้อหาในร่างกฎหมายเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 0 หรือที่เรียกว่ามติเป็นเอกฉันท์ ยิ่งลักษณ์ก็ออกมาตัดพ้อต่อว่า หาว่าศาลไม่ดูเจตนายึดเอาแต่หลักกฎหมาย