นัยยะสำคัญ !!! ควรอ่าน....เหตุใดระยะนี้ "ทักษิณ" จึงเงียบอย่างผิดปกติ
น่าแปลกใช่ไหมว่า ทำไม ทักษิณ ชินวัตร จึงเงียบอย่างผิดปกติ ไม่ออกมาส่งเสียงแม้แต่แอะเดียว แม้ว่าน้องสาวคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และยังถูก ปปช. ถอดถอนออกจากตำแหน่งอีกดอก มีเพียง นพดล ปัทมะ ทนายความส่วนตัวเท่านั้น ที่ออกมาส่งเสียงแทนโดยอ้างคำพูดของทักษิณ
นี่มันไม่ใช่วิสัยของคนชื่อ ทักษิณ ซึ่งปกติปากไวและใจร้อน ที่จะต้องออกมาโวยวายกล่าวโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ และ ปปช. รวมทั้งส่งเสียงปลุกระดมมวลชนให้ลุกขึ้นต่อสู้ เพราะสถานการณ์เช่นนี้ถือว่า ระบอบทักษิณ พ่ายแพ้อย่างหมดรูปแล้ว ทักษิณ ไม่สามารถอยู่เฉยได้ แต่ทักษิณ กลับเงียบ ความเงียบของ ทักษิณ คือสิ่งที่จะต้องจับตาและมีนัยะยิ่งกว่าการออกมาส่งเสียงของบรรดาไพร่พลในพรรคเพื่อไทยและของบรรดาแกนนำ นปช. รวมทั้งการชุมนุมของ นปช. ในขณะนี้ เพราะความเคลื่อนไหวของบรรดาไพร่พลอาจเป็นแค่การแสดงตามบทบาทของตัวประกอบ ส่วนของจริงอยู่ที่บทบาทของตัวเอก
ทำไม ทักษิณ จึงเงียบ และความเงียบของ ทักษิณ มีความหมายต่อสถานการณ์อย่างไร???
มีเหตุผลความจำเป็นสำคัญที่สุดอย่างน้อย 2 ประการที่ทำให้ ทักษิณ ต้องกบดานเงียบ
ประการหนึ่งคือ ชะตากรรมของน้องสาวยังอยู่บนตะแลงแกงของ ปปช. อีกกระทงความผิดหนึ่ง นั่นคือ กระทงความผิดทุจริตในคดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่ง ปปช. คงจะมีมติออกมาในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่ ปปช. มีมติในกระทงถอดถอนออกจากตำแหน่งมาแล้ว กระทงความผิดทุจริตในคดีโครงการรับจำนำข้าว คือสิ่งที่จะทำให้ยิ่งลักษณ์ ต้องประสบชะตากรรมแบบเดียวกับพี่ชาย นั่นคืออาจถูกตัดสินจำคุกโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทักษิณยอมให้น้องสาวถูกตัดสินว่ามีความผิดและติดคุกไม่ได้
ข่าวลึกสุด ๆ จึงระบุว่า ทักษิณ กำลังเจรจาต่อรองในทางลึกกับผู้มีอำนาจในบ้านเมืองหลายฝ่าย โดยให้พจมาน ชินวัตร ดามาพงศ์ เป็นคนเจรจา เพื่อหาทางทำให้ยิ่งลักษณ์ พ้นความผิดในกระทงทุจริต และให้ความผิดไปตกกับรัฐมนตรีคนอื่นแทน ซึ่งเงื่อนไขที่ทักษิณยื่นต่อรองคือ หากยิ่งลักษณ์ไม่มีความผิด ทักษิณจะยอมรับให้มีการจัดตั้งรัฐบาลคนกลางบริหารประเทศระยะหนึ่ง ต่อจากนั้นจึงค่อยจัดการเลือกตั้งใหม่ และเพื่อให้เป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจกับผู้มีอำนาจ ทักษิณจึงไม่วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ รวมทั้งไม่โฟนอินหรือส่งเสียงปลุกระดมมวลชน
ทักษิณ รู้ดีว่ามติศาลรัฐธรรมนูญ 9 ต่อ 0 และมติ ปปช. 7 ต่อ 0 ไม่ใช่สิ่งที่จะล้อเล่นได้ เพราะการที่ไม่มีเสียงข้างน้อย (คนของเรา) กล้าโผล่หัวขึ้นมาแม้แต่เสียงเดียว คือสัญญาณชัดเจนว่างานนี้ช่างหัวมัน คนฉลาดอย่างทักษิณ ไวต่อสถานการณ์อันตรายนี้ จึงรีบส่ง “หญิงอ้อ” ซึ่งฝังตัวอยู่ในเมืองไทย ไม่บินหนีออกนอกประเทศอย่างทุกครั้งที่มีวิกฤต รีบรุดเข้าเจรจากับผู้มีอำนาจเพื่อรักษาชีวิตยิ่งลักษณ์
ประการต่อมา เมื่อ ทักษิณ จับสัญญาณดังกล่าวเห็น ก็มองออกต่อไปว่า หากสู้หรือแข็งขืน นอกจาก ยิ่งลักษณ์ จะต้องหนีออกนอกประเทศอีกคนแล้ว ระบอบทักษิณ และคนในเครือข่ายจะต้องถูกเช็คบิลอย่างแน่นอน เพราะหากเกิดสถานการณ์การต่อสู้ขึ้นมา ทหารก็จะไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ภายใต้กฎอัยการศึกหรือถึงขั้นยึดอำนาจ และเมื่อนั้นทหารก็จะต้องรับสัญญาณกวาดล้าง ระบอบทักษิณ ทันที ซึ่ง ทักษิณ ประเมินปัจจัยหลายอย่างแล้วพบว่า ภายใต้สถานการณ์ที่อำนาจรัฐแทบไม่มีอยู่ในมือเช่นนี้ การสั่งการตำรวจ ทหาร และข้าราชการไม่ได้ดั่งใจแน่ และอาจถูกปฏิเสธการทำตาม ขณะที่พลังมวลชนคนเสื้อแดงที่เคยสนับสนุนก็ถอยห่างออกไปเกือบหมด เนื่องจากผิดหวังในโครงการรับจำนำข้าว และผิดหวังในตัว ทักษิณ และบรรดาแกนนำเอง แดงอุดมการณ์หมดศรัทธา เหลือแต่แดงรับจ้างและแกนนำแดงที่ต้องการผลประโยชน์ตอบแทน และไม่มีใครพร้อมเสี่ยงไปเจ็บไปตายเพื่อ ทักษิณ อีก สู้ไปก็แพ้และหมดเปลืองเงินไปเปล่าๆ
ทักษิณจึงตัดสินใจเลือกที่จะถอยด้วยการแอบเจรจา เพื่อหวังรักษาชีวิตยิ่งลักษณ์ และเพื่อรักษาระบอบทักษิณเอาไว้ อันเป็นการถอยเพื่อรอจังหวะกลับฟื้นคืนมาสู้ใหม่
ข่าวลึกยังระบุว่า การแอบเจรจาของทักษิณผ่านหญิงอ้อ ผู้นำเหล่าทัพทุกคนเอาด้วย โดยเฉพาะ ผบ.สส. และ ผบ.ทบ. เพราะทุกคนไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงในช่วงบั้นปลายชีวิตราชการก่อนเกษียณ นอกจากนี้ ผบ.เหล่าทัพยังช่วยหญิงอ้อ ประสานฝ่ายอื่นๆ ให้เห็นด้วยกับข้อเสนอของทักษิณ โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้ประเทศเข้าสู่การเผชิญหน้ากลายเป็นสงครามกลางเมือง ซึ่งจะเห็นว่าสอดคล้องกับคำขู่ของแกนนำ นปช. และล่าสุดของ ศอ.รส. เอง ที่พูดถึงชีวิตหลังเกษียณของ ผบ.เหล่าทัพและโอกาสเกิดสงครามกลางเมือง ราวกับเป็นพล็อตกรอบความคิดเดียวกัน
ทว่า อุปสรรคหรือก้างขวางคอชิ้นสำคัญของดีลเจรจานี้คือกำนันสุเทพ และมวลมหาประชาชน ที่ต้องการเดินหน้ากวาดล้างระบอบทักษิณ ให้สิ้นซาก และไม่ต้องการเจรจาใดๆ เพราะเห็นว่าหากปล่อยให้ระบอบทักษิณ มีลมหายใจต่อไป วันหนึ่งข้างหน้าระบอบนี้ก็จะกลับมาสร้างความเสียหายต่อบ้านเมืองและสถาบันสำคัญของบ้านเมืองอีก ซึ่งท่าทีและจุดยืนที่ชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลงของนายสุเทพและ กปปส. ได้รับการยอมรับและเห็นด้วยจากผู้มีอำนาจในบ้านเมืองอีกส่วนหนึ่ง รวมถึงทหารส่วนหนึ่งของกองทัพ
สถานการณ์ที่แท้จริงในนาทีนี้เป็นอย่างนี้ ส่วนจะเป็นอย่างไรต่อไป ก็คงมองเห็น
โดย – พูลเดช กรรณิการ์
12 พฤษภาคม 2557
เพจการเมืองภาคประชาชน
วิแคะได้ลึกซึ้ง และน่าจะเป็นไปได้ขอรับ ซึ่งกระพ๊มเห็นด้วยว่า... ไม่เจรจา... พวกมึงต้องรับกรรมที่ทำเห รี้ยๆไว้กับแผ่นดินและประชาชนเท่านั้น... และต้องปฏิรูปก่อน ไม่ต้องเจื่อกมาเจรจาตามกำนันว่าขอรับ...
Edited by wat, 14 May 2014 - 07:34.