"ที่ใดมีอำนาจ ที่นั่นย่อมมีการฉ้อฉล ที่ใดมีอำนาจเหลือล้น ที่นั่นย่อมมีการฉ้อฉลสุดประมาณ"
Lord Acton
..ที่ใดมีอำนาจเหลือล้น ที่นั่นย่อมมีการฉ้อฉลสุดประมาณ มีความหมายชัดเจน พอเห็นภาพกันได้ หากจะถามว่า..
แล้วทำไม? เพราะเหตุใด? อำนาจมันจึงเหลือล้น ขึ้นมาได้! อันนี้นี่ซิน่าคิด
การเมือง ยังคงเป็นเรื่องของนักการเมืองแต่โดยลำพังมาโดยตลอด ประชาชนในฐานะผู้เลือก ทำหน้าที่ทางการเมืองด้วยการหย่อนบัตร เสร็จก็จบกันไป
นี้ จึงเป็นสาเหตุหลัก ที่เราต่างได้ร่วมกันทำให้การเมืองมันอัปลักษณ์ โดยไม่รู้ตัว กระทั่งการเมืองจะเป็นเช่นไรก็ต้อง "เดินหน้าไปเลือกตั้ง" ไม่งั้นประเทศชาติจะเสียหาย
..ที่ใดมีอำนาจเหลือล้น ที่นั่นย่อมมีการฉ้อฉลสุดประมาณ สิ่งสำคัญสุด จึงอยู่ที่ การทำการเมืองให้เป็นเรื่องของประชาชน มิใช่แต่เฉพาะในตอนเลือกตั้งเท่านั้น(ที่คนไทย
ส่วนมากก็ยืนต่ำกว่าด้วยการขายสิทธิขายเสียงตน)
หลายปีก่อน แม้กระทั่งพลตรี จำลองยังไปนั่งแถวหน้าศาลคดีซุกหุ้นทักษิณอยู่ วันนั้น ทักษิณคือ นายก ในดวงใจ
แล้วทำไม วันนี้ ทักษิณ กลายมาเป็น อดีตนายก ทรราชย์ได้
ผมจึงมีคำถามได้เช่นเดียวกับ เจ้าของกระทู้ ว่า อะไรควรจะเป็นหลักประกันที่เชื่อใจได้มากกว่านี้
โดยส่วนตัวแล้ว ผมยังเชื่อหลักประชาธิปไตยพื้นฐาน ในการถ่วงดุลย์ ทั้งสามอำนาจ คือ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ เพราะประชาธิปไตยไม่ใช่ระบบที่ดีที่สุด
แต่ทำได้ดีที่สุดคือ หลักประกันความเลวที่ไม่มากไปกว่า ระบบเผด็จการ
แม้กระทั่งนายกคนกลางที่เรียกร้องกันอยู่ วันนี้ ก็ยังไม่รู้ว่า จะจบกันแบบใหน
แต่ไม่ว่า จะจบแบบใหนก็ตาม เรา คงต้องมีคำถามเหมือนเจ้าของกระทู้ อยูเหมือนเดิมว่า
แล้วจะแก้ปัญหาระบบทรราชย์ได้จริงหรือ แล้วจะทำอย่างไร
แต่ไม่ว่า อย่างไร เราคงไม่สามารถคาดหวังอะไรได้มากไปกว่านี้ เพราะในที่สุดแล้ว
“ประชาชนเป็นเช่นใด ผู้ปกครองย่อมเป็นเช่นนั้น”