http://www.isranews....rain_29432.html
วันพฤหัสบดี ที่ 15 พฤษภาคม 2557 เวลา 16:33 น.
เขียนโดยอับดุลเลาะ หวังหนิ, ปทิตตา หนูสันทัด
รถไฟหยุดวิ่ง...ชีพจรชายแดนใต้ก็แทบนิ่งสนิท
เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นช่วงเช้ามืดของวันพุธที่ 14 พ.ค.2557 บริเวณสะพานรถไฟระหว่างสถานีตันหยงมัสกับสถานีป่าไผ่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส และระหว่างสถานีบูกิตกับสถานีเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส จนทำให้รางรถไฟได้รับความเสียหาย โดยคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ถังแก๊สน้ำหนักประมาณ 25-30 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารนั้น ได้ส่งผลให้ "รถไฟ" ซึ่งเป็นดั่งเส้นเลือดใหญ่ของการขนส่งมวลชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องกลายเป็นอัมพาตทันที
จุดเกิดเหตุทั้ง 2 จุดอยู่ห่างจากที่ตั้งกองร้อยทหารพราน (ร้อย ทพ.) ที่ 4804 และ 4509 เพียง 1 กิโลเมตร ซึ่งขณะเกิดเป็นช่วงที่ทหารกำลังเตรียมกำลังออกลาดตระเวนเส้นทางรถไฟ แรงระเบิดจึงไม่ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต ทว่าการที่รางรถไฟพังได้ส่งผลกระทบต่อหลายร้อยหลายพันชีวิตที่ต้องดำเนินกิจวัตรในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยใช้รถไฟเป็นพาหนะ
เพราะ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม บอกว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้สั่งระงับการเดินรถไฟในเส้นทางที่เกิดเหตุแล้วอย่างไม่มีกำหนด คือช่วงสถานีตันหยงมัสถึงสุไหงโก-ลก รวม 16 ขบวน ประกอบด้วยรถเร็วและรถด่วนจากกรุงเทพฯ จำนวน 4 ขบวน รถเร็วและรถธรรมดาท้องถิ่น 10 ขบวน และขบวนรถสินค้า 2 ขบวน
ขณะที่ นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. คาดว่าจะใช้เวลาซ่อมแซมตัวสะพานแล้วเสร็จภายใน 3 วัน ส่วนจะเปิดให้บริการได้เมื่อไรต้องสรุปอีกครั้ง
"รถไฟ" สำคัญสำหรับคนชายแดนใต้ขนาดไหน ต้องให้คนพื้นที่เล่าให้ฟัง...
เดือดร้อนถ้วนหน้า-ภาระเพิ่ม
อส.รถไฟนายหนึ่ง เล่าว่า ช่วงนี้สถานการณ์ตึงเครียดมาก การ รปภ.ต้องเพิ่มความระมัดระวังหลายชั้นเพื่อลดระดับอุณหภูมิของปัญหาไม่ให้ร้อนแรงขึ้นไปอีก เฉพาะผลพวงของการระเบิดรางรถไฟก็ส่งผลกระทบกับชาวบ้านมากแล้ว จึงต้องเพิ่มมาตรการ รปภ.เป็นพิเศษ ตอนนี้รถไฟท้องถิ่นยังวิ่งปกติจากสถานีตันหยงมัสขึ้นไป (หมายถึงขึ้นไปทางยะลา ปัตตานี) โดยรถไฟจะหยุดวิ่งเฉพาะสายที่วิ่งลงสุไหงโก-ลก (จ.นราธิวาส) ส่วนรถด่วนและรถที่วิ่งขึ้นกรุงเทพฯ จะวิ่งจากสถานียะลาขึ้นไป
"ตอนนี้ใครจะนั่งรถไฟไปกรุงเทพฯ ต้องไปนั่งที่ยะลา ส่วนชาวบ้านที่จะไปสุไหงโก-ลก ก็ต้องใช้รถอื่น ที่กระทบหนักคือนักเรียนที่ต้องใช้รถไฟไปกลับโรงเรียน กับแม่ค้าที่ต้องใช้รถไฟทำมาหากิน รู้สึกสงสารนักเรียนนะ เขาต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายหนักขึ้น จากที่เคยนั่งรถไฟฟรีไปเรียนก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นค่ารถ พ่อแม่ก็ต้องมีภาระหนัก จากที่ไม่เคยมีค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มค่าใช้จ่าย บางคนที่ทำงานอยู่บนรถไฟ ขายน้ำขายขนมขายผลไม้ก็ต้องหยุดทำงาน ต้องหยุดขาย ทุกคนได้รับผลกระทบหมด”
"ชาวบ้านก็บ่นให้ฟังนะ เขามองว่าเจ้าหน้าที่ไม่ทำงานบ้าง เจ้าหน้าที่ดูแลไม่ทั่วถึงบ้าง รูปแบบที่ใช้ รปภ.ยังไม่ดีพอบ้าง สารพัดเสียงบ่นเลยตอนนี้ ก็เข้าใจชาวบ้านนะ เพราะถ้าเขาไม่เดือดร้อน เขาคงไม่บ่น บางคนก็บ่นไปถึงคนที่ทำลายรางรถไฟ ด่าว่าสารพัด แต่เราก็ต้องฟัง อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้พวกเขาก็ยังดี การที่ชาวบ้านมีอะไรแล้วมาพูดมาเล่าให้ฟังก็ดีใจนะ อย่างน้อยเขาก็ไว้ใจเรา เขาอยากคุยกับเรา เราก็ปลอดภัยนะถ้าชาวบ้านมาคุยด้วย"
ความที่เป็น อส.ประจำรถไฟ ทำให้สัมผัสกับปัญหาอย่างใกล้ชิดที่สุด เขาเล่าว่า ความเดือดร้อนเมื่อรถไฟหยุดวิ่งแผ่กว้างจริงๆ ลองคิดดูว่าขบวนรถไฟที่วิ่ง 1 ขบวน มีชาวบ้านทั่วไป นักเรียน พ่อค้าแม่ค้า เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ และพนักงานเอกชนใช้บริการ เรียกว่ามีคนทุกกลุ่ม หลากหลายสาขาอาชีพที่ต้องใช้รถไฟ นอกจากนั้นร้านค้าต่างๆ ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะสินค้าจากสุไหงโก-ลก (เมืองชายแดนเขตติดต่อกับมาเลเซีย มีด่านศุลกากรขนาดใหญ่) ไม่สามารถส่งถึงร้านค้าได้ เมื่อร้านค้าไม่มีสินค้าขาย หรือมีน้อย หรือขนส่งยาก ราคาสินค้าก็ต้องแพงขึ้น เพราะต้นทุนการขนส่งเพิ่ม ชาวบ้านก็เดือดร้อนหนักขึ้นไปอีก นี่แค่รถไฟหยุดวิ่ง 1 ขบวน ถ้าหยุด 14-16 ขบวนความเดือดร้อนจะขนาดไหน
รถไฟหยุดก็ต้องหยุดงาน
นางปาตีเมาะ ขาเด อายุ 37 ปี แม่ค้าที่ขายของตามสถานีรถไฟ กล่าวว่า วันนี้ต้องหยุดงานเพราะรถไฟไม่วิ่ง ขายของไม่ได้ เดือดร้อนกันหมด ลำบากมาก ยิ่งตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีด้วย กว่าจะขายของได้ก็ไม่ใช่ง่าย ซ้ำยังต้องมาหยุดขายอีก เดือดร้อนที่สุด
"วันนี้ต้องต้มข้าวให้ลูกกิน เพราะเราทำงานตอนเช้า แล้วเอาเงินมากินวันต่อวัน วันไหนไม่ได้ทำงานเงินก็ไม่มี จะไปทำงานอื่นก็ไม่มีงานให้ทำ จะไปกรีดยาง ราคายางก็ถูก เพื่อนเล่าว่าเมื่อก่อนกรีดยางได้วันละ 500 บาท ตอนนี้ได้แค่วันละร้อย ต้องมาแบ่งสอง (คนละครึ่ง) กับเจ้าของอีก ต้องซื้อน้ำมันอีก หมดกันพอดี ทำงานบนรถไฟก็ไม่ได้ปลอดภัย เสี่ยงก็เสี่ยงแต่ก็ต้องทำ ทางเลือกมีไม่มาก รถไฟวิ่งก็ขายของ รถไฟหยุดก็ต้องหยุดงาน อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่ทำลายรางรถไฟเขาคิดอะไรของเขาอยู่"
ทำกับรถไฟหนูทำไม...
ขณะที่ ด.ญ.อามานี เปาะกะเปาะ อายุ 14 ปี นักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส กล่าวว่า ช่วงที่รถไฟไม่วิ่งก็ลำบากหน่อยเรื่องไปโรงเรียน จากที่ไม่เคยต้องมีค่ารถไปโรงเรียนก็ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายมากขึ้น ไม่อยากให้รถไฟหยุดวิ่งเลย
"ไม่รู้ว่าคนร้ายที่ไปทำกับรถไฟ เขาทำไปทำไม ไม่เข้าใจนะ เพราะทุกคนก็ลำบาก ก็เห็นกันอยู่ว่ามีคนใช้รถไฟเยอะ อยากให้ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้สงบลง ไม่อยากให้มีคนตายอีก ไม่อยากให้มีคนเดือดร้อน เชื่อนะว่าทุกคนสามารถหยุดเหตุการณ์ได้ แต่ตอนนี้ทุกคนไม่อยากหยุดเหตุการณ์เอง เพราะเท่าที่เห็นและที่เพื่อนๆ เล่าให้ฟัง บอกว่าปัญหาคือเจ้าหน้าที่มองชาวบ้านเป็นคนร้าย บางส่วนก็มีผลประโยชน์ ขณะที่คนร้ายก็แบ่งกลุ่มแย่งอำนาจ ส่วนคนที่เดือดร้อนคือชาวบ้านทั่วๆ ไปทุกคน"
ความรุนแรง(ไม่ใช่)ครั้งสุดท้าย
เส้นทางรถไฟจากชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ถึง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งหมายถึงเส้นทางรถไฟในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น มีระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร มีสถานี 27 สถานี มีจุดล่อแหลมหรือจุดเสี่ยงรวมทั้งสิ้น 12 จุด ส่วนใหญ่เป็นช่วงจากสถานียะลาถึงสถานีสุไหงโก-ลก โดยเฉพาะช่วงที่ผ่าน อ.รือเสาะ อ.เจาะไอร้อง และ อ.ระแงะ เพราะเป็นพื้นที่ป่าเขา มีเนินสูง
เหตุรุนแรงที่เกิดกับรถไฟไม่ใช่เพิ่งมีเป็นครั้งแรก แต่เกิดมากว่า 100 ครั้งแล้วตลอด 10 ปีไฟใต้ โดยปี 2555 เป็นปีหนึ่งที่รถไฟตกเป็นเป้าถี่ยิบ เช่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 พ.ย.2555 คนร้ายลอบวางระเบิดรางรถไฟใกล้กับสถานีย่อยบ้านตะโละบูกิตยือแร บ้านสโล หมู่ 7 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้ขบวนรถไฟที่ 453 ซึ่งให้บริการระหว่างสถานียะลา-สุไหงโก-ลก ตกราง นอกจากนั้นคนร้ายยังใช้อาวุธสงครามยิงถล่มขบวนรถไฟซ้ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ อาสารักษาดินแดน (อส.) พลากร ขุนแก้ว อายุ 25 ปี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 16 คน
28 ส.ค.2555 ขบวนรถไฟที่ 447 สุราษฎร์ธานี-สุไหงโกลก ถูกคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มขณะเคลื่อนขบวนออกจากสถานีบูกิต อ.เจาะไอร้อง มุ่งหน้าสถานีรถไฟไอสะเตียร์ ท้องที่ หมู่ 9 บ้านบือราแง ต.บูกิต อ.เจาะไอร้องเช่นกัน ทำให้ อส.สุทธิพงษ์ หิรัญบรรณ อายุ 36 ปี อส.ประจำ อ.สุไหงโก-ลก เสียชีวิต และ อส.อัสสุวัน เจ๊ะลาเต๊ะ อายุ 29 ปี (อส.ประจำ อ.สุไหงโก-ลก) ได้รับบาดเจ็บ
คนชายแดนใต้หวั่นว่าเหตุร้ายที่เกิดกับรถไฟเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2557 จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย!
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ประกาศ ร.ฟ.ท.
การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ประกาศงดเดินขบวนรถระหว่างสถานีตันหยงมัส-สุไหงโกลก ระหว่างวันที่ 14-16 พ.ค.2557 ดังนี้
1. ขบวน 171 (กรุงเทพฯ-สุไหงโกลก) เดินขบวนรถถึงสถานีตันหยงมัส และเดินขบวนรถกลับเป็น ขบวน 172 จากสถานีตันหยงมัส–กรุงเทพฯ (งดเดินขบวนรถระหว่างสถานีตันหยงมัส–สุไหงโกลก)
2. ขบวน 37 (กรุงเทพฯ-สุไหงโกลก) เดินขบวนรถถึงสถานีตันหยงมัส และเดินขบวนรถกลับเป็น ขบวน 38 จากสถานีตันหยงมัส–กรุงเทพฯ (งดเดินขบวนรถระหว่างสถานีตันหยงมัส–สุไหงโกลก)
3. ขบวน 175 (หาดใหญ่-สุไหงโกลก) เดินขบวนรถถึงสถานียะลา และเดินขบวนรถกลับเป็น ขบวน 176 จากสถานียะลา–สถานีหาดใหญ่ (งดเดินขบวนรถระหว่างสถานียะลา–สุไหงโกลก)
4. ขบวน 453 (ยะลา-สุไหงโกลก) เดินขบวนรถถึงสถานีตันหยงมัส และเดินขบวนรถกลับเป็น ขบวน 452 จากสถานีตันหยงมัส–นครศรีธรรมราช (ขบวน 453 งดเดินขบวนรถระหว่างสถานีตันหยงมัส–สุไหงโกลก และขบวน 452 งดเดินขบวนรถระหว่างสถานีสุไหงโกลก–ตันหยงมัส)
5. ขบวน 448 (สุไหงโกลก-สุราษฎร์ธานี) เดินขบวนรถถึงสถานีโต๊ะเด็ง และเดินขบวนรถกลับเป็น ขบวนพิเศษ 2551 จากสถานีโต๊ะเด็ง–สุไหงโกลก
6. ขบวน 447 (สุราษฎร์ธานี-สุไหงโกลก) เดินขบวนรถถึงสถานีพัทลุง และเดินขบวนรถกลับเป็น ขบวน 448 จากสถานีพัทลุง–สุไหงโกลก (ขบวน 447 งดเดินระหว่างสถานีพัทลุง–สุไหงโกลก และขบวน 448 งดเดินระหว่างสถานีโต๊ะเด็ง–พัทลุง)
7. ขบวน 463 (พัทลุง-สุไหงโกลก) เดินขบวนรถถึงสถานีตันหยงมัส และเดินขบวนรถกลับเป็น ขบวน 464 จากสถานีตันหยงมัส–พัทลุง (ขบวน 463/464 งดเดินขบวนรถระหว่างสถานีตันหยงมัส–สุไหงโกลก)
8. ขบวน 451 (นครศรีธรรมราช-สุไหงโกลก) เดินขบวนรถถึงสถานีตันหยงมัส และเดินทางกลับเป็นขบวน 454 จากสถานีตันหยงมัส–ยะลา (ขบวน 451/454 งดเดินขบวนรถระหว่างสถานีตันหยงมัส–สุไหงโกลก–ตันหยงมัส
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
