(16 พ.ค. 57) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์รายการฟ้าวันใหม่ทาง Blue Sky Channel ว่าขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่ทำงาน ขอให้ใช้ความกล้าหาญ สถานการณ์แต่ละวันที่ผ่านไปนี้มีแต่ความสุ่มเสี่ยงต่อความเสียหาย เพราะฉะนั้นก็อยากให้ทำงานให้เสร็จ ทำงานให้ครบอย่างที่ว่า และหากไม่ตัดสินใจ ก็คือการตัดสินใจแบบหนึ่ง ที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน
สิ่งที่กองทัพทำขณะนี้ คือเรื่องเดียวกับที่คุณอภิสิทธิ์เคยวางแผนไว้ว่าเพื่อหลีกเลี่ยง 3 ประการ อาทิ ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นจากสงครามกลางเมือง หรือไม่
“ผมหวังว่านั่นคือเป้าหมายนะครับว่าทั้ง 3 เรื่องที่ผมพูดไว้นี้คือสิ่งที่ทางกองทัพเห็นตรงกันว่าควรจะต้องหลีกเลี่ยง เพียงแต่ว่าการไปคาดการณ์ต่างๆ นานาว่ารูปธรรมของการที่ทางกองทัพที่บอกว่าจะเข้ามาเต็มที่หรือเต็มรูปแบบมันคืออะไร อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องนึงนะครับ บางคนก็ไปพูดถึงกฎอัยการศึก บางคนก็อาจจะตีความไปไกลกว่านั้นหรือเปล่า”
ข้อ 2 ของคุณอภิสิทธิ์ที่ต้องหลีกเลี่ยงคือเรื่องการปฏิวัติรัฐประหาร ดังนั้นหากกองทัพเคลื่อนออกมา ก็คือเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยเฉยๆ ใช่หรือไม่
“คือ ณ ขณะนี้ผมยังถือว่าวุฒิสภายังเป็นองค์กรที่ดูจะขยับในเรื่องของการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมที่สุด เอาละมีคนจำนวนมากที่ก็อาจจะมีการแสดงความคิดเห็นต่างๆ นานาหลากหลาย แล้วก็วันนี้เครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปก็จะมีการจัดประชุมสัมมนาอะไรกันอีก ก็คงมีคนไปเสนอความคิดอะไรต่างๆ มากมาย แต่ดูที่เป็นรูปธรรม แล้วก็ทำงานโดยมีการเชื่อมเข้ากับองค์กรต่างๆ มากก็คือวุฒิสภา
การที่ทหารออกมาให้กำลังใจคนที่คิดหาทางออกให้กับประเทศ แต่พรรคเพื่อไทยกลับไปเร่งคดีกับ DSI เอาผิดนายสุรชัย เรื่องกบฎ และนายธาริต ก็บอกว่ากำลังดำเนินการอยู่ และมีเหตุหลายประการสนับสนุนว่า นายสุรชัยเป็นกบฎ เช่น นายสุรชัยกับพวกกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญที่พิพากษาว่ารัฐมนตรีที่ยังเหลืออยู่ต้องอยู่ในหน้าที่จนกว่าจะมี ครม. ชุดใหม่เข้ารับหน้าที่ คุณอภิสิทธิ์คิดอย่างไร
“ผมยัง งง อยู่นะครับ คืออันนี้แหละครับที่ผมมีความรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแปลก คือพูดง่ายๆ เอาว่าคุณวิทเยนทร์ กับคุณสันติสุข จ้างหรือมอบหมายให้คนนึงมาดูแล เอาว่ามาเฝ้าสถานีบลูสกายให้ดูแลอยู่ ปรากฎว่าต่อมาพบว่าคนที่มาดูแลนี้มีปัญหา ก็บอกว่าผมไม่จ้างคุณแล้ว ผมไม่มอบหมายคุณแล้ว แต่ในสัญญานั้นถ้าผมยังหาคนใหม่ไม่ได้ คุณก็ทำไปก่อน เท่าที่คุณจะทำได้ มาอ้างว่า การที่สัญญา กรณีนี้เทียบเคียงกับรัฐธรรมนูญบอกว่า ในระหว่างที่หาคนใหม่ยังไม่มี ให้คุณอยู่ไปก่อนนี้ ไปแปลความว่าการที่มีคนอยู่ไปก่อนนี้ห้ามมีคนใหม่นี้มันคนละเรื่องกันนะครับ
เพราะบทหลักมันอยู่ที่ 180 ไอ้ที่อ้างนี้คือมาตรา 181 แล้ว 181 นี้ มันย้อนกลับไปอ้างตัวหลักที่ 180 ที่บอกว่า ครม. พ้นจากจากตำแหน่ง เวลาที่ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ สิ้นสุดลง พอพ้นจากตำแหน่งตรงนั้น 181 เขาเพียงแต่บอกว่า คนที่พ้นจากตำแหน่งตาม 180 นี้ ก็ให้มาทำหน้าที่รักษาการ ตามศัพท์ชาวบ้าน แต่ใน 180 เขาบอกชัดนี่ครับว่า พอนายกฯ พ้นจากตำแหน่ง ก็ต้องให้ไปดำเนินการตามมาตรา 172 173 ก็คือให้เห็นชอบบุคคลที่แต่งตั้งมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นคนละประเด็นกันนะครับ
ประเด็นที่บอกว่า มีคนรักษาการอยู่ ห้ามสรรหาคนใหม่นั้นไม่จริง เพียงแต่ว่าประเด็นสรรหาคนใหม่ที่มันเกิดปัญหาคือมันไม่มีสภาผู้แทนราษฎร เท่านั้นเอง”
มาตรา 181 บอกว่า คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่ง ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ เราจะบอกได้หรือไม่
“อ่านอย่างไร ที่แปลว่าห้ามมีคณะรัฐมนตรีใหม่ มีแต่เขาบอกว่า คนใหม่จะเข้ามานะ เพียงแต่ว่าในวันที่ยังไม่เข้ามา คุณก็ต้องทำหน้าที่ตรงนี้ไปก่อน”
คณะของรองประธานวุฒิ ก็กำลังหารัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่เข้ารับหน้าที่ ตีความอย่างนี้ได้หรือไม่
“ใช่ครับ เขากำลังดำเนินการตามมาตรา 180 ที่บอกให้ไปดำเนินการตาม 172 173 โดยอนุโลม ทีนี้ก็เอาละ จริงๆ เขาก็ยังไม่ได้บอกว่าธงของเขาคืออะไรนะวุฒิสภา ถูกมั้ยครับ เขาก็เพียงแต่บอกว่า ที่คาราคาซังกันอยู่แบบนี้ มีรัฐบาลที่ไม่มีหัว พิกลพิการอำนาจไม่เต็ม แก้ปัญหาอะไรก็แก้ไม่ได้ หรือไม่แก้ด้วยซ้ำ สภาพบ้านเมืองก็มีแต่ความขัดแย้ง เขาจะหาทางออก มันผิดกฎหมาย หรือมันผิดรัฐธรรมนูญมาตราไหน ไม่เข้าใจ”
เป็นการจงใจถ่วงเวลา หรือดึงเวลาหรือไม่
“คือผมไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อวานไม่พบ แล้วก็วันนี้เอาละบอกว่าไปเชียงรายเพื่อที่จะดูแผ่นดินไหว ซึ่งความจริงก็ควรจะทำมาก่อนหน้านี้แล้วด้วย แล้วก็ผมไม่รู้ว่า แต่ผมคาดว่าคงไม่นะ แต่ว่าความจริงถ้าอย่างนี้น่าจะ เดี๋ยววันเสาร์ก็จะลงไปใต้แล้ว คือประเด็นก็คือว่า ความจริงแล้วเชียงรายไป กลับมากลางค่ำกลางคืนผมเชื่อว่าถ้าอยากจะพบคุณสุรชัย ท่านก็ยินดีให้พบอยู่แล้ว หรือเมื่อคืน หรืออะไรก็ตาม ถามว่าทำไมรัฐบาลกลายเป็นคนกลุ่มเดียวที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลย กับความสับสน ความขัดแย้ง ความสุ่มเสี่ยงของความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น แล้วคนทั้งประเทศเขากังวล ทำไมรัฐบาลกลายเป็นคนกลุ่มเดียวที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยว่า ตัวเองบริหารไม่ได้ พี่น้องประชาชนเดือดร้อนจากของแพง เกษตรกรไม่มีมาตรการอะไรเลยมาดูแลพืชผลทางการเกษตรในขณะนี้ ปัญหานักลงทุนขาดความมั่นใจ เพราะความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้ทุกคนทุกฝ่ายและสังคม ประเทศชาติ เศรษฐกิจเดือดร้อนนี้ ทำไมรัฐบาลซึ่งเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงสุดในเรื่องนี้ด้วยซ้ำเพราะเป็นฝ่ายบริหาร ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลย ไม่คิดเลยว่าจะแก้ปัญหา ใครจะแก้ปัญหากลับไปพยายามสกัดกั้นเขาเสียอีก ข่มขู่เขาเสียอีก เพราะอะไรครับ นอกจากการที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป”
ดูเหมือนคณะทำงานตอนนี้จะตกผลึกแล้วว่า จำเป็นต้องมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม แต่วันนี้วุฒิสภาจะแถลงก็คือว่าจะมีกระบวนการเดินไปสู่การมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มได้อย่างไร คุณอภิสิทธิ์คิดว่าคนที่จะมาเป็นรัฐบาล หรือนายกฯ ต้องมีคุณสมบัติ ภารกิจอย่างไร
“เอาคุณสมบัติก่อนนะครับ 1. ผมเห็นว่าในสถานการณ์นี้จะต้องเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย คำนี้ไม่ใช่พูดลอยๆ นะครับ ผมคิดว่าผู้ที่มีหน้าที่สรรหาต้องถือเป็นภาระของตัวเองในการไปสอบถามฝ่ายต่างๆ ที่ถือได้ว่าเป็นคู่ขัดแย้งว่า บุคคลที่จะได้รับการเสนอชื่อนี้เป็นที่ยอมรับมั้ย
2. บุคคลดังกล่าวไม่ควรที่จะสังกัด หรือเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ไม่ใช่นักการเมือง ไม่มีส่วนได้เสีย และน่าจะประกาศด้วยซ้ำว่าจะไม่ลงเลือกตั้ง จะได้ไม่มีใครมาครหาได้ว่าการเข้ามาสู่อำนาจตรงนี้เพื่อที่จะปูทางไปสู่การมีอำนาจต่อไป คือเข้ามากระทำหน้าที่เฉพาะกิจ เฉพาะกาล
3. จะต้องเป็นบุคคลที่มีความเชื่อในการที่จะนำพาประเทศเข้าสู่การปฏิรูป และกลับเข้าสู่ระบบการเลือกตั้ง 2 ด้านนี้สำคัญนะครับสำหรับผม คือถ้าไม่มีใจที่จะปฏิรูปเลย เข้ามาอยู่เฉยๆ คงแก้ปัญหาไม่ได้ ขณะเดียวกันถ้าบอกว่าไม่มีเจตนาที่จะกลับไปเลือกตั้งเลย ผมว่าก็ไม่ใช่อีกเหมือนกัน เพราะว่าในขณะที่เราบอกว่า การสรรหาฝ่ายบริหารจะต้องเกิดขึ้นตามมาตรา 180 เราก็มองข้ามไปไม่ได้ว่าขณะนี้สถานการณ์ก็เป็นการยุบสภาอยู่ ซึ่งหมายถึงว่าจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งเหมือนกัน”
เสาร์ – อาทิตย์นี้ หลายคนมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ คุณอภิสิทธิ์มองว่าประเทศจะมีทิศทางอย่างไร
“มันมีหลายอย่าง ตัวแปรหลายตัว 1. มติของวุฒิสภา 2. ปฏิกิริยาของกลุ่มต่างๆ ที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ 3. เหตุการณ์อื่นๆ ที่มันอาจจะแทรกซ้อนเข้ามา คงจะวิเคราะห์ยากนะครับ เพียงแต่ผมคิดอย่างนี้นะครับ
1. วันนี้ผมคาดหวังอย่างที่บอกคือว่า เป็นคำตอบของวุฒิสภาที่อยากจะเห็นคำตอบที่มันครบถ้วนที่สุด แต่ผมก็ขณะเดียวกันอยากจะใช้คำว่าเตือนไว้อย่างนึงก็แล้วกัน คือหลายคนก็มีความคาดหวังทำนองว่าวุฒิสภาออกมาวันนี้คือ จบเลย ทางใดทางหนึ่ง ผมไม่แน่ใจนะว่าเขาจะสามารถหาข้อยุติได้แบบนั้นหรือเปล่า เขาอาจจะได้ข้อยุติว่าจะต้องทำอะไร แต่การจะทำสิ่งนั้นเขาอาจจะต้องมีขั้นตอน เวลาที่จะต้องไปทำอีก ถูกมั้ยครับ ซึ่งอันนี้ก็จะเป็นอีกจุดหนึ่งซึ่งทำให้ประเมินยากว่า แล้วปฏิกิริยาของฝ่ายต่างๆ และอะไรจะเกิดขึ้นในวันเสาร์ – วันอาทิตย์”
http://www.democrat....0&SECTION_ID=29
........................................................................................................................
ผมเชื่อว่า นอกจากกำนันสุเทพและมวลมหาประชาชนที่ลุกขึ้นขับไล่ระบอบทักษิณจนล้มลุกคลุกคลาน มองไม่เห็นทางรอดในขณะนี้แล้ว
ยังมีคุณอภิสิทธิ์และปชป.ในฐานะพรรคการเมือง วุฒิสภาฯในฐานะองค์กรนิติบัญัญัติตามกฎหมาย กองทัพในฐานะฝ่ายความมั่นคง และยัง
มีอีกหลายภาคส่วนที่พยายามหาทางออกให้กับประเทศอยู่โดยพยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรง การอยู่ในกรอบกฎหมายรธน. และการยอมรับ
จากทุกๆฝ่ายอยู่ในขณะนี้ ตั้งสติให้มั่น เชื่อมั่นในคนที่เราศรัทธา ทุกๆอย่างใกล้จบแล้วครับ สัปดาห์น่าจะสรุปนายกฯคนใหม่ได้แล้ว
แก้ไขคำผิดครับ
Edited by ธีรเดชน้อย, 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 09:40.